เดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะทำรีวิว แต่ด้วยความประทับใจกับทริปนี้ เลยอยากบอกต่อ
เผื่อมีใครที่ชอบเดินทางพักผ่อนแนวนี้ จะได้มีข้อมูลเอาไปใช้ประโยชน์บ้าง
ภาพประกอบอาจไม่ครบถ้วนนักนะคะ ใส่ให้เท่าที่มีอยู่
ทริปนี้เกิดแรงบันดาลใจมาจากกระทู้นี้
https://ppantip.com/topic/38848111
เลยมีความคิดจะพาแม่ซึ่งอายุ 85 ปีแล้วไปเที่ยวพักผ่อนโดยรถไฟบ้าง
ทริปนี้สบาย ๆ ไม่เน้นกิจกรรม
การเดินทางโดยรถไฟ มันดูสนุก ปลอดภัยและมีเสน่ห์ เหมาะกับผู้สูงอายุ
เพราะมันมีที่ทางให้เดินเดินยึดเส้นยึดสาย ไม่อึดอัดเหมือนนั่งรถทัวร์
ด้วยความที่ไม่อยากถึงชุมพรดึก และที่พักที่หมายตาไว้ เค้าจะปิดรับลูกค้า Check in ไม่เกิน 3 ทุ่ม
ก็เลยเลือกใช้ขบวน 43 เป็นรถสปรินเตอร์ เป็นที่นั่งติดแอร์ ออกจาก กทม. ประมาณ 8 โมง ถึงชุมพรตามตาราง 14.30 น.
แทนที่จะเป็นขบวน31 ด่วนพิเศษ CNR ตามรีวิวที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ
การจองตั๋วรถไฟ สามารถจองผ่านเวปไซด์
ซึ่งใช้ไม่ค่อยง่ายนักเมื่อเทียบกับเวปไซด์จองรถไฟของเพื่อนบ้านที่เคยใช้ อย่างมาเลเซีย หรือ เวียตนาม แถมยังจำกัดโควต้าไว้ให้จองเพียงไม่กี่ใบ
เจ้าของกระทู้เลยใช้วิธีจองผ่าน Call Center ของการรถไฟ 1690
เจ้าหน้าที่พูดจาเพราะ ใจเย็น และพูดจารู้เรื่อง ดีกว่า Call Center บางที่ อันนี้ขอชื่นชมจริง ๆ
เมื่อจองทางโทรศัพท์แล้วต้องรีบไปรับและจ่ายเงินค่าตั๋วที่สถานีรถไฟบางสถานี
รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านตามนี้นะคะ
http://www.railway.co.th/main/service/passenger/ticket.html
หรือจะไปซื้อล่วงหน้าที่สถานีรถไฟไหนเลยก็ได้ค่ะ เจ้าหน้าที่บริการดีมาก แถมรูดบัตรเครดิตได้อีก
แต่แนะนำหน่อยว่าควรมีจอที่นั่งให้ดูด้วยว่าเราจะเลือกนั่งตรงไหนได้
เพราะเวลาเจ้าหน้าที่สื่อสารกับเรา บางทีมันก็อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนกันได้
เวลาไปรับตั๋วหรือไปซื้อตั๋ว
ให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนของผู้โดยสารที่ไม่ได้ไปด้วยตนเอง นำไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูด้วย
มันเป็นกฏของเค้าอ่ะนะคะ ก็ปฏิบัติตาม
ผู้สูงอายุ ( 60 ปีขึ้นไป ) สัญชาติไทย ใช้สิทธิระหว่าง 01 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี
แต่อย่าเพิ่งดีใจไปนะคะ เพราะทีแรกคิดว่าลดเยอะ
อย่างทริปนี้เราจ่ายค่าตั๋วตัวเองไปเที่ยวละ 509 บาท ก็คิดว่าค่าโดยสารแม่จะเหลือ 250 บาท
เปล่านะ เพราะเค้าลดแต่ค่าโดยสาร ไม่ได้ลดค่าธรรมเนียม ซึ่งมันครึ่งต่อครึ่งของราคาเลย
สรุปค่าตั๋วแม่เที่ยวละ 415 บาท ก็ยังดี ดีกว่าไม่ลด
เมื่อได้ตั๋วแล้วก็พร้อมเดินทาง
วันแรก 1 มิย.2562 มาขึ้นรถไฟที่สถานีบางซื่อ เพราะใกล้บ้าน
ก่อนหน้านั้นวันสองวัน เช็คจากเวปไซด์
http://tts.railway.co.th/passenger/view.php ขบวน 43 late ทุกวัน แต่วันนี้ดี ตรงเวลา
รถไฟขบวนที่เราจะไปมาแล้ว
ที่นั่งเป็นแบบเบาะนิ่ม ค่อนข้างกว้าง นั่งสบาย แต่บางเบาะมันก็เสียนะ ปรับเอนไม่ได้ ถาดที่วางอาหารพัง น่าจะบำรุงรักษาดูแลซะหน่อย
สำหรับห้องน้ำ ก็สะอาดขึ้นกว่าที่เคยใช้บริการรถไฟท่องเที่ยว กทม-หัวหิน เมื่อปีที่แล้ว
แต่ก็สามารถทำให้ดีกว่านี้ได้อีก ขบวนขามา(ขบวน 43) บางช่วงมีกลิ่นห้องน้ำโชยมาบ้าง
แต่ขบวนกลับ(ขบวน 40) แทบไม่มีเลย เพราะเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดประจำรถ ซึ่งน่าจะเป็น outsource ของบริษัททำความสะอาดดูแลต่างกัน
วิธีการใช้อุปกรณ์ในห้องน้ำ น่าจะมีคำอธิบายเขียนไว้บ้างก็ดีว่ากดน้ำตรงไหน
เพราะมันเป็นที่เหยียบ ซึ่งบางคนไม่เห็น ไม่เคยใช้ ไม่ทันได้สังเกต หรือไม่เข้าใจ เลยไม่ได้กด ฉี่แล้วจร ประมาณนั้น
แทนที่จะสะอาดสำหรับคนต่อไปใช้ มันก็เลยไม่เป็นตามนั้น
ขึ้นรถปั๊บ Train Hostess ก็นำขนมมาแจก พร้อมเสิร์ฟ ชา กาแฟ น้ำเปล่า น้ำอัดลม
พอประมาณ 10 โมงครึ่ง ก็เสิร์ฟอาหาร เข้าใจว่าที่เสิร์ฟไว เพราะเห็นมีบางคนลงแค่สถานีหัวหิน ไม่ไปยาว
อาหารที่เสิร์ฟก็อุ่นให้ร้อนด้วยไมโครเวฟ รสชาติใช้ได้ ข้าวสวย หอมนิ่ม
แต่อุปกรณ์ที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นไมโครเวฟ กาต้มน้ำร้อน มันดูเก่าและสกปรกไปหน่อย
แถมการจัดวางของแก้วน้ำและอุปกรณ์ต่าง ๆ มันดูไร้ความสวยงาม
บังเอิญได้เห็นตอนไปเข้าห้องน้ำ ถ้าปรับปรุงให้มันดูสะอาดสะอ้านขึ้น ก็น่าจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยนะ
อาหารที่เสิร์ฟมาให้ หน้าตาเป็นแบบนี้
เมื่อผ่านสถานีหัวหินไปแล้วสักพักใหญ่ วิวจะเริ่มสวย บางช่วงมีเลียบทะเลด้วย
ชมวิวไปเพลิน ๆ พักใหญ่ ๆ ก็ถึงสถานีชุมพร
กำหนดตามตาราง จะต้องถึงชุมพระเวลา 14.26 น. แต่วันนั้น ถึงชุมพรเวลาประมาณ 15.00
นับว่าปรานีเพราะช้ากว่ากำหนดแค่ 30 นาที มีเวลาให้เราได้แวะกินขนมจีนก่อนเข้าที่พักก่อนที่ร้านจะปิด
ออกมาจากสถานีรถไฟชุมพร เจอคุณลุงคนหนึ่งมาสอบถามอย่างสุภาพว่าต้องการรถตุ๊ก ๆ บริการไปส่งไม๊ครับ
ราคาที่คุณลุงเปิดมาถือว่ารับได้ ไม่ได้เว่อวังอลังการ เลยให้คุณลุงไปส่งที่ร้าน “โบกี้”
และด้วยที่ถูกใจคุณลุง เลยใช้บริการต่อเนื่อง ให้ไปส่งที่พักในเมืองหลังจากนั้น และใช้บริการรับส่งต่อเนื่องจนกระทั่งกลับมาส่งที่สถานีรถไฟชุมพรวันกลับ นี่คือ ความประทับใจแรกของทริปนี้ คุณลุงสุภาพ ตรงเวลาและมีน้ำใจ ให้แวะไปไหน ไปให้หมด ไม่ได้คิดตังค์เพิ่มจากราคาที่ตกลงกัน
ใครไปชุมพรและอยากใช้บริการคุณลุง ติดต่อได้รายละเอียดตามนี้เลย
รถที่ใช้บริการก็เป็นประมาณนี้ นั่งได้หลายคนอยู่
กินขนมจีนร้าน “โบกี้” เสร็จ ก็ได้เวลาเข้าที่พัก ของคืนนี้
“Villa Vanich” ที่พักเล็ก ๆ แนวธรรมชาติ ที่เจ้าของเป็นลูกหลานคนชุมพร ไม่ต้องสร้าง story อะไร ผ่าน Social ให้มากมาย
ที่พักหลักร้อยแต่พักแล้วมีความสุขกว่าเงินที่จ่ายไปหลายเท่าตัวนัก
เค้ามีบริการ Package ดำน้ำตื้นน้ำลึกตามเกาะแก่งแถวนั้น มีบริการจองรถเดินทางข้ามจังหวัด
ซึ่งก็ดูน่าจะครบวงจรสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถส่วนตัว รายละเอียดต่าง ๆ หาดูจาก FB/Website ของเค้านะคะ
ที่พักพร้อมอาหารเช้าที่นี่ ไม่มีร้านอาหารบริการ แต่เราซื้อมาแล้วจากร้านโบกี้ ก็เลยใช้บริการไมโครเวฟ จาน ชามช้อนของเค้า
ก่อนไป ที่พักบอกมีร้านอาหารเจ้าดังใกล้ ๆ ขี่จักรยานไปได้ มีบริการฟรี แต่แม่เรา 85 แล้ว ขี่ได้นะจักรยาน แต่อย่าดีกว่า
แล้วอีกอย่าง อ่านรีวิวร้านที่เค้าว่ามาน่ะ มีไม่ชมมากกว่ามีชม เลยไม่อยากไปกิน
จริง ๆ ดูจาก Google มีร้านน่าสนใจแถว ๆ นั้นอยู่ 2-3 ร้าน เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน
อ้อ! ถ้าไม่อยากออกไป ก็โทรสั่งให้ที่ร้านมาส่งให้ได้นะ
ในส่วนของโถงต้อนรับ
บริเวณรอบ ๆ ที่พัก
มีบริการชา/กาแฟ และเครื่องดื่มอื่น ๆ ขนมปัง กล้วยเล็บมือนาง ไว้บริการทั้งวัน
ห้องพักมีเป็นแบบบ้านหลัง ๆ แบบนี้ และเรือนแถวอย่างด้านในสุด
ส่วนที่เราพัก เป็นส่วนที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุด เรียกว่า Riverside Jungle
หน้าห้องมีโต๊ะนั่ง 1 ชุด
ด้านข้าง ทำเป็นที่นอนเล่น แบบที่ฮิตฮิตกัน
ภายในห้อง
ห้องน้ำแยกเปียกแห้ง
มีชั้นลอยไว้ให้นอนเล่น แต่เราไปกันสามคน ก็เลยกลายเป็นที่นอนเสริม
บริเวณสำหรับอาหารเช้า ชั้นบนเป็นจุดนั่งเล่น ชมวิว
อาหารเช้าก็จะเป็นประมาณนี้
และมีบริการกาแฟสดที่คุณเจ้าของมาบริการด้วยตนเอง บดเองอะไรเองทั้งหมด
และมีชาหลายชนิดให้ได้ลิ้มลองกัน ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ รสชาติชาดีทีเดียว
[CR] บอกกล่าวเล่าขาน 3 วัน 2 คืน ทริปพักผ่อนเมืองรอง “ชุมพร” ทริปง่าย ๆ ไม่ต้องใช้รถส่วนตัว
เผื่อมีใครที่ชอบเดินทางพักผ่อนแนวนี้ จะได้มีข้อมูลเอาไปใช้ประโยชน์บ้าง
ภาพประกอบอาจไม่ครบถ้วนนักนะคะ ใส่ให้เท่าที่มีอยู่
ทริปนี้เกิดแรงบันดาลใจมาจากกระทู้นี้ https://ppantip.com/topic/38848111
เลยมีความคิดจะพาแม่ซึ่งอายุ 85 ปีแล้วไปเที่ยวพักผ่อนโดยรถไฟบ้าง
ทริปนี้สบาย ๆ ไม่เน้นกิจกรรม
การเดินทางโดยรถไฟ มันดูสนุก ปลอดภัยและมีเสน่ห์ เหมาะกับผู้สูงอายุ
เพราะมันมีที่ทางให้เดินเดินยึดเส้นยึดสาย ไม่อึดอัดเหมือนนั่งรถทัวร์
ด้วยความที่ไม่อยากถึงชุมพรดึก และที่พักที่หมายตาไว้ เค้าจะปิดรับลูกค้า Check in ไม่เกิน 3 ทุ่ม
ก็เลยเลือกใช้ขบวน 43 เป็นรถสปรินเตอร์ เป็นที่นั่งติดแอร์ ออกจาก กทม. ประมาณ 8 โมง ถึงชุมพรตามตาราง 14.30 น.
แทนที่จะเป็นขบวน31 ด่วนพิเศษ CNR ตามรีวิวที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ
การจองตั๋วรถไฟ สามารถจองผ่านเวปไซด์
ซึ่งใช้ไม่ค่อยง่ายนักเมื่อเทียบกับเวปไซด์จองรถไฟของเพื่อนบ้านที่เคยใช้ อย่างมาเลเซีย หรือ เวียตนาม แถมยังจำกัดโควต้าไว้ให้จองเพียงไม่กี่ใบ
เจ้าของกระทู้เลยใช้วิธีจองผ่าน Call Center ของการรถไฟ 1690
เจ้าหน้าที่พูดจาเพราะ ใจเย็น และพูดจารู้เรื่อง ดีกว่า Call Center บางที่ อันนี้ขอชื่นชมจริง ๆ
เมื่อจองทางโทรศัพท์แล้วต้องรีบไปรับและจ่ายเงินค่าตั๋วที่สถานีรถไฟบางสถานี
รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านตามนี้นะคะ http://www.railway.co.th/main/service/passenger/ticket.html
หรือจะไปซื้อล่วงหน้าที่สถานีรถไฟไหนเลยก็ได้ค่ะ เจ้าหน้าที่บริการดีมาก แถมรูดบัตรเครดิตได้อีก
แต่แนะนำหน่อยว่าควรมีจอที่นั่งให้ดูด้วยว่าเราจะเลือกนั่งตรงไหนได้
เพราะเวลาเจ้าหน้าที่สื่อสารกับเรา บางทีมันก็อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนกันได้
เวลาไปรับตั๋วหรือไปซื้อตั๋ว
ให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนของผู้โดยสารที่ไม่ได้ไปด้วยตนเอง นำไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูด้วย
มันเป็นกฏของเค้าอ่ะนะคะ ก็ปฏิบัติตาม
ผู้สูงอายุ ( 60 ปีขึ้นไป ) สัญชาติไทย ใช้สิทธิระหว่าง 01 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี
แต่อย่าเพิ่งดีใจไปนะคะ เพราะทีแรกคิดว่าลดเยอะ
อย่างทริปนี้เราจ่ายค่าตั๋วตัวเองไปเที่ยวละ 509 บาท ก็คิดว่าค่าโดยสารแม่จะเหลือ 250 บาท
เปล่านะ เพราะเค้าลดแต่ค่าโดยสาร ไม่ได้ลดค่าธรรมเนียม ซึ่งมันครึ่งต่อครึ่งของราคาเลย
สรุปค่าตั๋วแม่เที่ยวละ 415 บาท ก็ยังดี ดีกว่าไม่ลด
เมื่อได้ตั๋วแล้วก็พร้อมเดินทาง
วันแรก 1 มิย.2562 มาขึ้นรถไฟที่สถานีบางซื่อ เพราะใกล้บ้าน
ก่อนหน้านั้นวันสองวัน เช็คจากเวปไซด์ http://tts.railway.co.th/passenger/view.php ขบวน 43 late ทุกวัน แต่วันนี้ดี ตรงเวลา
รถไฟขบวนที่เราจะไปมาแล้ว
ที่นั่งเป็นแบบเบาะนิ่ม ค่อนข้างกว้าง นั่งสบาย แต่บางเบาะมันก็เสียนะ ปรับเอนไม่ได้ ถาดที่วางอาหารพัง น่าจะบำรุงรักษาดูแลซะหน่อย
สำหรับห้องน้ำ ก็สะอาดขึ้นกว่าที่เคยใช้บริการรถไฟท่องเที่ยว กทม-หัวหิน เมื่อปีที่แล้ว
แต่ก็สามารถทำให้ดีกว่านี้ได้อีก ขบวนขามา(ขบวน 43) บางช่วงมีกลิ่นห้องน้ำโชยมาบ้าง
แต่ขบวนกลับ(ขบวน 40) แทบไม่มีเลย เพราะเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดประจำรถ ซึ่งน่าจะเป็น outsource ของบริษัททำความสะอาดดูแลต่างกัน
วิธีการใช้อุปกรณ์ในห้องน้ำ น่าจะมีคำอธิบายเขียนไว้บ้างก็ดีว่ากดน้ำตรงไหน
เพราะมันเป็นที่เหยียบ ซึ่งบางคนไม่เห็น ไม่เคยใช้ ไม่ทันได้สังเกต หรือไม่เข้าใจ เลยไม่ได้กด ฉี่แล้วจร ประมาณนั้น
แทนที่จะสะอาดสำหรับคนต่อไปใช้ มันก็เลยไม่เป็นตามนั้น
ขึ้นรถปั๊บ Train Hostess ก็นำขนมมาแจก พร้อมเสิร์ฟ ชา กาแฟ น้ำเปล่า น้ำอัดลม
พอประมาณ 10 โมงครึ่ง ก็เสิร์ฟอาหาร เข้าใจว่าที่เสิร์ฟไว เพราะเห็นมีบางคนลงแค่สถานีหัวหิน ไม่ไปยาว
อาหารที่เสิร์ฟก็อุ่นให้ร้อนด้วยไมโครเวฟ รสชาติใช้ได้ ข้าวสวย หอมนิ่ม
แต่อุปกรณ์ที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นไมโครเวฟ กาต้มน้ำร้อน มันดูเก่าและสกปรกไปหน่อย
แถมการจัดวางของแก้วน้ำและอุปกรณ์ต่าง ๆ มันดูไร้ความสวยงาม
บังเอิญได้เห็นตอนไปเข้าห้องน้ำ ถ้าปรับปรุงให้มันดูสะอาดสะอ้านขึ้น ก็น่าจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยนะ
อาหารที่เสิร์ฟมาให้ หน้าตาเป็นแบบนี้
เมื่อผ่านสถานีหัวหินไปแล้วสักพักใหญ่ วิวจะเริ่มสวย บางช่วงมีเลียบทะเลด้วย
ชมวิวไปเพลิน ๆ พักใหญ่ ๆ ก็ถึงสถานีชุมพร
กำหนดตามตาราง จะต้องถึงชุมพระเวลา 14.26 น. แต่วันนั้น ถึงชุมพรเวลาประมาณ 15.00
นับว่าปรานีเพราะช้ากว่ากำหนดแค่ 30 นาที มีเวลาให้เราได้แวะกินขนมจีนก่อนเข้าที่พักก่อนที่ร้านจะปิด
ออกมาจากสถานีรถไฟชุมพร เจอคุณลุงคนหนึ่งมาสอบถามอย่างสุภาพว่าต้องการรถตุ๊ก ๆ บริการไปส่งไม๊ครับ
ราคาที่คุณลุงเปิดมาถือว่ารับได้ ไม่ได้เว่อวังอลังการ เลยให้คุณลุงไปส่งที่ร้าน “โบกี้”
และด้วยที่ถูกใจคุณลุง เลยใช้บริการต่อเนื่อง ให้ไปส่งที่พักในเมืองหลังจากนั้น และใช้บริการรับส่งต่อเนื่องจนกระทั่งกลับมาส่งที่สถานีรถไฟชุมพรวันกลับ นี่คือ ความประทับใจแรกของทริปนี้ คุณลุงสุภาพ ตรงเวลาและมีน้ำใจ ให้แวะไปไหน ไปให้หมด ไม่ได้คิดตังค์เพิ่มจากราคาที่ตกลงกัน
ใครไปชุมพรและอยากใช้บริการคุณลุง ติดต่อได้รายละเอียดตามนี้เลย
รถที่ใช้บริการก็เป็นประมาณนี้ นั่งได้หลายคนอยู่
กินขนมจีนร้าน “โบกี้” เสร็จ ก็ได้เวลาเข้าที่พัก ของคืนนี้
“Villa Vanich” ที่พักเล็ก ๆ แนวธรรมชาติ ที่เจ้าของเป็นลูกหลานคนชุมพร ไม่ต้องสร้าง story อะไร ผ่าน Social ให้มากมาย
ที่พักหลักร้อยแต่พักแล้วมีความสุขกว่าเงินที่จ่ายไปหลายเท่าตัวนัก
เค้ามีบริการ Package ดำน้ำตื้นน้ำลึกตามเกาะแก่งแถวนั้น มีบริการจองรถเดินทางข้ามจังหวัด
ซึ่งก็ดูน่าจะครบวงจรสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถส่วนตัว รายละเอียดต่าง ๆ หาดูจาก FB/Website ของเค้านะคะ
ที่พักพร้อมอาหารเช้าที่นี่ ไม่มีร้านอาหารบริการ แต่เราซื้อมาแล้วจากร้านโบกี้ ก็เลยใช้บริการไมโครเวฟ จาน ชามช้อนของเค้า
ก่อนไป ที่พักบอกมีร้านอาหารเจ้าดังใกล้ ๆ ขี่จักรยานไปได้ มีบริการฟรี แต่แม่เรา 85 แล้ว ขี่ได้นะจักรยาน แต่อย่าดีกว่า
แล้วอีกอย่าง อ่านรีวิวร้านที่เค้าว่ามาน่ะ มีไม่ชมมากกว่ามีชม เลยไม่อยากไปกิน
จริง ๆ ดูจาก Google มีร้านน่าสนใจแถว ๆ นั้นอยู่ 2-3 ร้าน เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน
อ้อ! ถ้าไม่อยากออกไป ก็โทรสั่งให้ที่ร้านมาส่งให้ได้นะ
ในส่วนของโถงต้อนรับ
บริเวณรอบ ๆ ที่พัก
มีบริการชา/กาแฟ และเครื่องดื่มอื่น ๆ ขนมปัง กล้วยเล็บมือนาง ไว้บริการทั้งวัน
ห้องพักมีเป็นแบบบ้านหลัง ๆ แบบนี้ และเรือนแถวอย่างด้านในสุด
ส่วนที่เราพัก เป็นส่วนที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุด เรียกว่า Riverside Jungle
หน้าห้องมีโต๊ะนั่ง 1 ชุด
ด้านข้าง ทำเป็นที่นอนเล่น แบบที่ฮิตฮิตกัน
ภายในห้อง
ห้องน้ำแยกเปียกแห้ง
มีชั้นลอยไว้ให้นอนเล่น แต่เราไปกันสามคน ก็เลยกลายเป็นที่นอนเสริม
บริเวณสำหรับอาหารเช้า ชั้นบนเป็นจุดนั่งเล่น ชมวิว
อาหารเช้าก็จะเป็นประมาณนี้
และมีบริการกาแฟสดที่คุณเจ้าของมาบริการด้วยตนเอง บดเองอะไรเองทั้งหมด
และมีชาหลายชนิดให้ได้ลิ้มลองกัน ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ รสชาติชาดีทีเดียว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้