#ความรู้สึกหลังชม #WaroftheWorlds #2005 #แบบไม่สปอย #smwo

#ความรู้สึกหลังชม #WaroftheWorlds #2005 #แบบไม่สปอย #smwo

War of the Worlds (2005) คะแนน 7/10

***หมายเหตุเกณฑ์การให้คะแนนไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้เขียนล้วนๆ หากจะถามว่าอะไรเป็นเกณฑ์การให้คะแนนนั่นก็คือตัวผู้เขียนนั่นเองจอบอ.

#เกริ่นนำก่อนเข้าเรื่อง
หนังวันสิ้นโลก คำๆนี้คงใช้กับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ดีนัก ออกตัวก่อนเลยว่าผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลยก่อนดู แม้จะคุ้นๆหูหรือเห็นฉายตามโทรทัศน์มาบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจ วันนี้มีเวลาว่างเลยมานั่งดูเห็นว่าเป็นพี่ทอมครูซผมก็เลยนั่งดู ซึ่งมันก็ให้ความรู้สึกอารมณ์ใหม่แบบแปลกๆของหนังแนวนี้ได้อย่างดี โดยเฉพาะตอนจบที่ดูจบแล้วได้แต่ร้องออกมาเบาๆว่า What!

#เรื่องย่อ
War of the Worlds เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องของโลกที่ต้องรับมือกับ ภัยร้าย ภัยพิบัติ? บางอย่างที่เกิดขึ้นกับโลก โดยมีตัวละครเอกอยู่3ตัวคือตัวพี่ทอมครูซในบท Ray Ferrier และน้องดาโกต้า แฟนนิงในบทลูกสาว และ Justin Chatwin พี่โกคูของเราในฉบับ ฮอลลีวูด ที่รับบทลูกชายของทอมครูซอีกคน โดยพี่ทอมพ่อหม้ายเมียอย่าก็ต้องดูแลลูกสองคนในวันที่โลกใกล้แตกและพยายามจัดการกับปัญหาต่างๆอยู่ตลอดทั้งเรื่อง...

#ความประทับใจ
ความประทับใจภายในเรื่องต้องบอกว่าในฉากแรกๆของเรื่องผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะไม่เห็นถึงความสมเหตุสมผล แต่เมื่อไปถึงฉากที่เกิดขึ้นที่บ้านของตัวภรรยาของพระเอกต้องยอมรับว่าด้านงานการเซ็ตฉากงานประกอบเรื่องและCGIของเรื่องทำได้ดีมาก แสดงให้เห็นถึงภัยพิบัติที่บ้าบอมหาศาลบานตะไท วินาศสันตะโรมากแม้จะเคยเห็นมาในหลายๆเรื่องแต่ต้องยอมรับว่าฉากหลังของเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากแม้จะสร้างในปี 2005 ก็ตาม หลังจากตรงจุดนั้นผมจึงมองข้ามความสมเหตุสมผลและน้อมรับความวินาศที่จะเกิดขึ้นมากกว่าความขัดใจเล็กๆทำให้สามารถดูได้ง่ายขึ้น

ในด้านการแสดงและเสียงพากย์ก็แอบขัดใจอีกนิด กับเสียงพากย์ของน้องดาโกต้าที่ดูดุร้าย โหดร้ายและทำให้รำคานแสบแก้วหู เกินกว่าเด็ก บดบังการแสดงของน้องไปเล็กน้อย ทั้งๆที่เด็กคนนี้(ซึ่งตอนนี้ก็ไม่เด็กแล้ว)แสดงเรื่องนี้ออกมาได้ดีแท้ๆแต่เสียงพากย์กลับลดความประทับใจของตัวละครของน้องไปเยอะส่วนอื่นๆก็ไม่มีอะไรมากนอกจากการแสดงประกอบของเรื่องที่แม้จะเน้นคนจำนวนมากแต่ก็ยังไร้ความสมจริงเช่นเคย ประมาณว่าทำไมไม่หนีไปกันให้หมดมามุงดูอะไรกัน มันก็จะขัดใจเล็กๆตลอดทั้งเรื่องจริงๆ

นอกเหนือจากนั้นภายในเรื่องก็ทำได้สมมาตราฐาน เพียงแต่(อีกแล้ว)ตัวบทของเรื่องที่ออกจะเว่อร์วังไร้ความสมเหตุสมผลสมจริงไปหน่อย ก็เข้าใจว่าตัวบทหนังต้องการให้เราไปเจอสิ่งต่างๆแต่ถ้าผมเจอแบบพี่ทอมตั้งแต่เริ่มเรื่องเอาจริงๆคงไม่รอดมาจนจบเรื่องหรอก และแม้บทสรุปสุดท้ายจะขัดใจไปนิดแต่ก็เข้าใจได้ เพราะอย่างที่บอก หนังไม่ได้ขายความสมเหตุสมผลอะไรขนาดนั้น แต่ขายความพินาศวายป่วงพังทลายภายในเรื่องมากกว่า

#สรุป
หากใครเป็นคอหนังแนวโลกแตก หรืออยากหาอะไรดูลุ้นๆเพลินๆแล้วละก็ หนังเรื่องนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการจะหามาดูกับครอบครัวเพราะปมความรักของพ่อลูกภายในเรื่องเป็นสิ่งเดียวที่มีให้เราลุ้นในเรื่อง และต้องชมเลยว่ามันหลอกล่อเราให้นั่งดูให้ลุ้นแบบห่างๆอย่างห่วงๆให้ดูได้ตลอดเรื่องและไม่บีบคั้นอารมณ์จนดูไม่ไหวจนเกินไป ซึ่งจุดนี้ถือเป็นอีกจุดแข็งหนึ่งของเรื่อง แม้มันจะเสียความสมจริงไปบ้างก็ตาม ขอบคุณที่อ่านจบครับ ขอบคุณครับ

ขอจบการบรรยาย #ความรู้สึกหลังดู War of the Worlds (2005) ไว้เพียงเท่านี้หากมีคำผิดหรือพิมพ์ผิดพลาดประการณ์ใดขออภัยมาไว้ที่นี้หรือหากใครต้องการแสดงความคิดเห็นก็สามารถทำได้ที่ด้านล่าง หรือหากผมเข้าใจเรื่องราวใดในเรื่องผิดไปก็สามารถติชมได้ด้านล่าง สุดท้ายนี้ขอบอกว่า ใช้ชีวิตให้มีสติและมีสติเมื่ออยู่กับคนที่เรารัก เพราะเวลามีค่า ควรใช้เวลากับคนที่เรารัก ขอบคุณที่สละเวลาในการอ่านมาจนถึงจุดนี้ หากท่านไม่อยากเสียเวลาในการทำสิ่งใดๆก็จงจำไว้ไม่แน่ผมอาจเคยทำมาแล้ว อยากให้ท่านมาเสพข้อมูลจากผมได้ที่นี่ ที่เพจ “โลกแคบ”ขอบคุณครับ

***ฝากแฟนเพจ โลกแคบ ของผมด้วยครับ จะเป็นเพจที่เป็นความรู้สึกของผมกับหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องภาพยตร์ การ์ตูน ซี่รี่ หรือเรื่องต่างๆที่ผมเคยรับชม จะพยายามแสดงออกมาตามที่ผมเข้าใจและซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเองที่สุด ขอบคุณครับ

https://www.facebook.com/โลกแคบ-2180885415324096
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่