เราไม่กล้าเข้าไปดู Where We Belong

เราเป็นคามิสิค แบบไม่มีเงื่อนไข ทุกอย่างที่มีชื่อน้องเราพร้อมสนับสนุน อาจจะเพราะเราเคยมีความคิดว่า ถ้ามีเพื่อนหรือน้องสาวแบบสิคอยู่ข้างๆแล้ว เราคงเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกมากๆ แน่ๆเลย
.
พอมาเป็นหนังของ bnk48 
มันมีสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกประหลาดมาก คือตั้งแต่ Girl dont cry มาถึงเรื่องนี้ เรารู้สึกเหมือนว่า ชีวิตเรามันดันมีช่วงเวลาที่ตรงกับเรื่องราวจากหนังสองเรื่องนี้พอดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ..ตอน Girl dont cry คือตอนที่เรากำลังดิ่ง หลงทาง หาตัวเองไม่เจอเมื่อต้องมาเปรียบเทียบกับเพื่อน... มันเลยทำให้เราสุดจะอิน เราเข้าไปดูทั้งน้ำตา และมันก็เศร้ามากๆอย่างที่คิด ส่วนนึงมาจากสิ่งที่เราเห็นน้องๆต่อสู้กันแบบเจ็บปวด แต่ส่วนใหญ่เราเหมือนเห็นภาพตัวเองกับสังคมที่เราอยู่ และเราต้องดิ้นรนแบบนั้น100เท่า1000เท่ามากกว่า... 
.

มาสู่หนังเรื่องที่2 ของคามิเรา Where We Belong เรื่องราวของซูและเบล ที่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน และคนใดคนหนึ่งกำลังมีแพลนจำต้องเดินทางออกไปจากชีวิตคนหนึ่งตลอดกาล ....
.
สารภาพเลยว่าเราไม่กล้าเข้าไปดู... ไม่ใช่เพราะมันไม่ดีหรือยังไงนะ ... แต่เราว่าเราคงจะอินมากๆและอดจะมองมาที่ความสัมพันธ์ของตัวเราเองและเพื่อนๆเรา ไม่ได้
.
ตอนนี้เรากำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศเหมือนกันค่ะ จะไปแคนาดา ไปเดือนสิงหา... คาดว่าคงเป็นการเดินทางที่ยาวนาน... 
.
แต่เราก็ยังคงมีปมในใจ ติดเรื่องเพื่อนของเราคนหนึ่งเหมือนกัน... 
เพื่อนเราคนนี้เป็นคนที่เรารักมาก (แต่แบบเพื่อนนะคะ) คือเรารักมันมากๆ เป็นห่วงมันด้วย ( ผญ เหมือนกันนะคะ มันเลยทำให้เราเข้าใจประโยคนี้มากเลย.... ว่าความสัมพันธ์ที่เข้าใจยากที่สุดในโลก คือความสัมพันธ์ของผู้หญิงด้วยกันนี่แหละ...) 
เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เราอยู่ ม.2  คบกันมาจนอายุ 25  และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอด เราคุยกันได้ทุกเรื่อง ทุกสิ่งบนโลก...   แต่3-4เดือนที่ผ่านมา... จู่ๆเพื่อนเราคนนี้ก็ตั้งใจหายจากชีวิตเราไป โทรไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ ไม่ก็ตอบช้ามากแบบ1-2 วันตอบ เขาบอกเราว่า เขาจะหยุดคุยกับเราเพื่อเอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง เขาบอกว่าการคุยกับเรามันทำให้เขาไม่มีเวลาทำอย่างอื่น  และเฟดจากเราไป แต่เขาก็บอกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย... เขาผิดเอง มันเป็นที่อารมณ์ของเขาเอง... เหมือนอยากไปอยู่คนเดียวเงียบๆ ประมาณนั้น ...
.
จากคนที่คุยหากันตลอดเวลา กลายเป็นวันนึงหายสาปสูญไม่ได้พบหน้า... เรารู้สึกแย่มากๆเลย ... เราเข้าใจเหตุผลเขา แต่เราก็ยังอยากคุยกับเขาต่อ 
เพราะเรารู้ว่าเด่วเราก็จะไปแล้ว เราก็อยากใช้เวลาที่เรามีตอนนี้ คุยกับเขาให้มากที่สุด ใช้เวลากับเพื่อนที่เราสนิทที่สุด...
.
แต่ตอนนี้มันราวกับมันจะเป็นไปไม่ได้...  
.
เราอยากจะชวนเขาไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยกัน... แต่เราก็เดาว่าเขาอาจไม่อยาก... 
แต่ถ้าเราไปดูเรื่องนี้คนเดียว เราก็คงต้องเจอฉากที่มันปักใจเราจนเจ็บและร้องไห้แน่ๆ....  ยิ่งความสัมพันธ์ของซูและเบล...  เราอาจจะคงอิจฉาในรักและมิตรภาพของ2คนนี้....  เพราะอย่างน้อยในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนจะห่างไกลกัน...
.
เบลยังคงอยู่เคียงข้างซู
.
ไม่เหมือนเรา...
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอขอโทษที่เข้ามาระบายซะเยอะนะคะ มันไม่ได้เป็นประเด็นที่หนังหรอก... มันแค่เป็นเรื่องราวที่ดันคล้ายกับชีวิตเราส่วนนึงเท่านั้นเอง... 
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
สำหรับ จกขท นะคะ ไม่ต้องกังวลใจค่ะ เพื่อนจะอยู่กับเราเสมอ เพียงแค่ ต้องเข้าใจก่อนว่า เพื่อนก็คือเพื่อนค่ะ ทุกคนมีทางเดินชีวิตที่แตกต่างกัน มันอาจจะมีช่วงเวลานึง ที่เราเดินด้วยกัน แต่เมื่อมันถึงเวลา เส้นทางก็จะพาเราแยกจากกันไปเดินคนละเส้นอยู่ดี เพียงแต่เราสามารถ keep in tocuh กันได้ง่ายๆ มีวิธีการติดต่อสื่อสารกันมากมาย หรือต่อให้จากห่างกันไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อเส้นทาง หรือมีโอกาสได้พบกันอีก มันก็ต่อกันติดได้ง่ายๆ แต่ต้องเข้าใจนะคะ ทุกคนต้องเติบโต ความคิด มุมมองอะไร จะต้องเปลี่ยนแปลงตามสิ่งแวดล้อม ตามเหตุการณ์ของแต่ละคนที่ไปเจอมา ขอเพียงเข้าใจ

ตอนนี้เพื่อน จกขท อาจจะเข้ากันได้ดีกับสังคมใหม่แล้ว เค้ามีสังคมที่กว้างขึ้น มีเพื่อนใหม่แล้ว อาจจะต้องใช้เวลากับเพื่อนใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และมีเวลาให้ จกขท น้อยลง ส่วนตัว จกขทเอง เหมือนหยุดช่วงเวลาไว้ ยังไม่ได้พบสังคมใหม่ๆ หรืออะไรใหม่ๆ เพราะกำลังรอไปเรียน แต่เมื่อวันที่เท้าเหยียบประเทศใหม่ ก็ต้องวุ่นวายกับชีวิตใหม่ และไม่ค่อยมีเวลาให้เพื่อนคนนี้เหมือนเดิมหรอกค่ะ ข้อสำคัญคือ จกขท ต้องเปิดใจรับเพื่อนใหม่ๆ เรียนรู้สังคมใหม่ๆ ด้วยค่ะ

ตัวเราเองทั้งผ่านช่วงเวลาที่เพื่อนสนิท (สนิทมากขนาดที่เรียนกันทั้งวัน กลับบ้านก็คุยโทรกันจนตี 2-3 ทุกวัน) ไปเรียนเมืองนอก ตัวเราเองไปเรียนเมืองนอก เพื่อนมีแฟน แต่งงาน มีลูก บอกได้เลยว่าไม่ต้องกังวลใจ ความสัมพันธ์ของเพื่อน มันไม่ได้ซับซ้อน บอบบางขนาดนั้น ช่วงอยู่ ตปท ก็ msn คุยกันแล้วแต่เจอว่าใครออนไม่ออน เวลาไม่ตรงกันไม่มี ปห ก็ทิ้งข้อความไว้ สมัยนี้ก็ใช้ line ติดต่อกันได้ตลอดเวลา  

เราเชื่อว่า ทุกคนมีความเป็นตัวเอง เราไม่มีความจำเป็นต้องมองหา ตัวแทนเพื่อนของเรา ในที่ไหนๆ ที่เราไปอยู่ เรามีเพื่อนได้มากมายหลายกลุ่ม คนเราเพื่อนสนิทได้หลายคน ซึ่งแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเลย ทุกคนมีข้อดี มีข้อเสียแตกต่างกัน เรียนรู้ที่จะเปิดรับข้อดี ข้อเสียของเพื่อนใหม่ๆ เพราะช่วงเวลาของเพื่อนใหม่ คือช่วงเวลาที่เราจะเติบโตไปด้วยกัน ผ่านประสบการณ์ และเหตุการณ์เดียวกัน ความคิดความอ่านบางอย่างเราจะเติบโตไปพร้อมกัน แล้วมันก็จะคลิกกันในช่วงเวลานั้น และพอถึงเวลาเช่นเรียนจบ มันก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี เพียงแต่เราสามารถสานต่อช่วงเวลาของความเป็นเพื่อนต่อไปได้อีกยาวค่ะ

สิ่งที่สำคัญที่อยากฝากให้ จกขท นะคะ เพื่อน แม้จะอยู่เคียงข้างเราไปตลอด แต่สุดท้าย เพื่อนก็คือเพื่อนค่ะ สนุกสนาน เฮฮา เม้าท์กัน ปรึกษากัน เที่ยวด้วยกัน แต่เพื่อนก็ต้องเติบโต เส้นทางที่เดินอาจจะห่างกัน เพื่อนต้องแต่งงาน ต้องเลี้ยงลูก ต้องมีภาระมากมาย ไม่เหมือนตอนเรียนค่ะที่จะมีเวลาให้กันได้ตลอดเวลา แต่ความเข้าใจกัน ความสัมพันธ์มันจะคงอยู่ มีปัญหา คิดถึง หรืออะไรก็ติดต่อได้ตลอดเวลา แค่เวลาที่มีให้กันมันจะน้อยลงเท่านั้นเอง

ส่วนหนัง จกขท อยากพาเพื่อนไปดู แล้วเพื่อนจะอินตามไหม อันนี้ยากนะคะ จกขท ยังไม่ได้ก้าวข้ามผ่านทางแยกเข้าเส้นทางชีวิตเส้นใหม่ มันก็จะมีความหวั่นกลัวต่ออนาคต ซึ่งก็กำลังเข้าบริบทของหนังพอดี ในขณะที่เพื่อน จกขท อาจจะเดินผ่านมาแล้วอาจจะปรับตัวเข้าเส้นทางใหม่ได้แล้ว อาจจะมีแฟน หรือมีคนมาจีบแล้ว หรือกำลังโฟกัสกับงาน เน้นปรึกษางานกับคนที่ทำงาน หรืออะไรแบบนี้ หรือไม่แน่ เพื่อน จกขท อาจจะอินมา คนรอบตัวช่างไม่โอเค อะไรแบบนี้ก็เป็นได้หมดค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่