สวัสดีค่ะ อันนี้เป็นกระทู้แรกของเจ้าของกระทู้ผิดพลาดยังไง ก็ขอโทษด้วยนะคะ (ถ้าแท็กผิดและพิมพ์ผิดขออภัย)
1.การเดินทางไปสถาบันจิตเวชสมเด็จเจ้าพระยา
เดินทางโดยใช้ BTS ลงที่สถานีกรุงธนบุรี ราคา 44 บาท ออกทางออก 2 (ไม่มั่นใจทางออก 1 หรือ 2) ต่อวินมอเตอร์ไซค์ไป 30 บาท
2.ขั้นตอนในการพบหมอ
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับผู้ป่วยใหมj
-สำเนาใบประชาชน 1 ใบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนา
-บัตรประชาชนตัวจริง
สำหรับผู้ป่วยใหม่ไปโรงพยาบาลก่อน 7 โมง
-นำใบกรอกประวัติผู้ป่วยใหม่มากรอก ใบกรอกประวัติจะอยู่หน้าห้อง 301
-หลังจากรอกประวัติเสร็จ นำใบกรอกประวัติ สำเนาใบประชาชนและบัตรประชาชนตัวจริงไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ห้อง 301 ช่อง 2 (เพราะถ้าไปก่อน 7 โมง
เจ้าหน้าที่ช่อง 1 ที่เป็นช่องสำหรับผู้ป่วยใหม่โดยเฉพาะจะยังไม่เปิด) (สำหรับคนที่ไปสักประมาณ 7.30 ให้นำเอกสารไปยื่นที่ช่อง 1 ได้เลย เพราะเจ้าหน้าที่ช่อง 1 มาแล้ว)
-ให้รอเจ้าหน้าที่ที่ห้อง 301 ช่อง 1 เรียกอีกทีตอน 8 โมง ระหว่างนี้ให้ไปวัดความดันและชั่งน้ำหนักรอ หาข้าวกินด้วยนะ เพราะต้องรอนานพอสมควร
-ถึง 8 โมงเจ้าหน้าที่ห้อง 301 ช่อง 1 จะทยอยเรียกชื่อผู้ป่วยใหม่ให้ไปเซ็นเอกสาร ผู้ป่วยใหม่จะได้บัตรประจำตัวผู้ป่วยและบัตรประชาชนคืน จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ไปรอที่หน้าห้อง 303
-ไปรอที่ห้อง 303 รอเจ้าหน้าที่เรียกชื่อแล้วนำใบวัดความดันไปให้ เจ้าหน้าที่จะจัดคิวเพื่อเข้าพบกับพยาบาลคัดกรอง รอจนถึงคิวเข้าพบ
-เมื่อเข้าพบพยาบาลคัดกรองเสร็จแล้ว รอเจ้าหน้าที่ที่หน้าห้อง 303 เรียกชื่อเพื่อไปพบแพทย์ที่จะได้พบ โดยให้เดินตามเจ้าหน้าที่ไป
-เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้รอที่หน้าห้องหมายเลขใดแล้วให้บัตรคิวเก็บไว้
-แล้วก็รอเจ้าหน้าที่ประจำห้องเรียกเพื่อนั่งเรียงคิวพบแพทย์อีกที
-หลังจากพบแพทย์เสร็จ สำหรับคนที่แพทย์แจ้งว่าให้มาพบอีกครั้ง และได้รับยา จะได้ใบนำทางมา 1 ใบ ให้นำไปยื่นที่จุดนัด หลังจากนั้นจะได้ใบนัดหมายและใบนำทาง (ใบนัดหมายให้เก็บไว้ได้เลย ใช้นำมายื่นแลกคิวครั้งต่อไป)
-จากนั้นนำใบนำทางเดินลงไปที่ชั้น 2 ของอาคาร เพื่อนำไปยื่นที่ห้อง 201 จากนั้นรอห้อง 202 หรือ 203 เรียกเพื่อไปจ่ายเงิน (ซึ่งไม่แพงเลย จขกท. เสียไป 137 บาท)
-เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้วให้ไปที่ช่อง 204 เพื่อไปรับยา (เข้าช่องไหนก็ได้ที่ว่าง)
-รับยาเสร็จกลับบ้านจร้า (จขกท. ได้ยามา 2 อย่าง คือ ยาช่วยให้นอนหลับ และยาปรับสารเคมีในสมอง)
แนะนำสำหรับคนที่อยากพบหมอเลยและต้องการราคาถูกจริงๆ ให้มาที่สถาบันนี้นะคะ แต่ต้องไปเช้าๆ ก่อน 7 โมง วัน จ-ศ ถ้ามีอะไรสงสัยให้โทรไปถามที่เบอร์นี้นะคะ 024-422500 เป็นเบอร์ของทางสถาบันค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นี้คือตึกที่เราจะต้องอยู่ทั้งวันค่ะ ทั้งยื่นประวัติผู้ป่วยใหม่, พบแพทย์ ฯลฯ
ช่วงหลังจากนี้ไปเป็นช่วงเม้าท์มอยถึงขึ้นตอนต่างๆ อย่างละเอียด (ไม่อ่านก็ได้นะจ้ะ)
สวัสดีค่ะ วันนี้เราได้ตัดสินใจมาพบหมอที่สถาบันจิตเวชสมเด็จเจ้าพระยา เนื่องจากปัญหาหลายๆอย่าง เราเริ่มเดินทางออกจากที่พักตั้งแต่ 05.35 ในวันจันทร์ที่ 3 มิถุนา 62 โดยนั่ง bts มาลงที่สถานีกรุงธนบุรี แล้วต่อมอไซค์ 30 บาท มาถึงโรงบาลตอน 06.35 พอเดินเข้าโรงพยาบาลมาปุ๊ปจะเจอตึกใหญ่อยู่ทางซ้ายมือ จะเห็นผู้คนนั่งรอด้านหน้าเยอะๆ นั้นละคะ เป็นที่ๆ ต้องรอสำหรับผู้ป่วยเก่าและผู้ป่วยใหม่ อิฉันตกใจมากคนรอเยอะตั้งแต่เช้า ประมาณ 15 คนอัพ โรงพยาบาลจะเปิดให้เข้ายื่นคิวตอนประมาณ 06.45 โดยผู้ป่วยเก่าจะยื่นใบนัดเพื่อรับคิวที่ห้อง 301 ผู้ป่วยที่มานั่งรอคิวโดยมากก็เหมือนกับคนปกติทั่วไป บางครั้งดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าป่วยอยู่ ในตอนแรกที่เรามาถึงโรงบาล เรารู้สึกเราไม่ค่อยเป็นอะไรเท่าคนอื่นเลย เรายังยิ้มได้ หัวเราะได้ เรามองดูคนอื่นๆ น่าจะเป็นหนักกว่าเราด้วยซ้ำ ใจแอบรู้สึกละอายว่าเราเป็นแค่นี้ แต่บางคนเค้าอาจจะบอบช้ำจนรับไม่ไหวอยู่ก็ได้ และแล้วเราก็ต้องเจ็บปวดที่สุดเมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งเราว่าวันนี้นัดแต่ผู้ป่วยเก่า และเป็นวันหยุดราชการแพทย์มาน้อย ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่ได้ อีช้านนนน น้ำตาแทบไหล ลืมไปว่าวันนี้วันหยุดราชการ (วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบรมราชินี) กลับจร้าาาา
มาค่ะ สู้ต่อไป วันนี้เป็นวันอังคารที่ 4 มิถุนา 62 มาถึงโรงพยาบาลตอน 06.55 เราเดินไปยื่นเอกสารที่ห้อง 301 ช่อง 2 (เมื่อวานเรานำใบกรอกประวัติไปกรอกที่บ้านมา) จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าให้ไปหาข้าวกินรอห้อง 301 ช่อง 1 เรียกอีกทีตอน 8.00 น. วันนี้คนเยอะเหมือนเดิม คนของทางโรงพยาบาลบอกว่าวันนี้คนไข้ของทางโรงพยาบาลมี 500 กว่าคน เราก็เริ่มไม่มั่นใจละว่าจะได้เจอหมอมั้ย (แต่สุดท้ายได้เจอนะ) ผู้ป่วยวันนี้มีก็มีหลากหลายทั้งเด็ก วัยรุ่น คนวัยทำงาน ผู้สูงอายุ บางคนก็พาแม่มา บางคนก็พาลูกมา ระหว่างที่เรารอเจ้าหน้าที่ช่อง 1 เรียก เราก็ไปวัดความดันและน้ำหนักรอ ถ้าไม่รู้ก็สอบถามถามเจ้าหน้าที่บริเวณนั้นได้ค่ะ ช่วงนี้จะยังไม่ได้บัตรประชาชนคืน และยังไม่ได้คิวนะคะ จากนั้นรอจน 8.00 เจ้าหน้าที่ช่อง 1 จะเริ่มเรียกผู้ป่วยใหม่ จนถึงคิว เราตอนประมาณ 08.18 น ก็จะได้เซ็นชื่อในเอกสารหนึ่งแผ่น แล้วจะได้บัตรประจำตัวผู้ป่วยมา และได้บัตรประชาชนคืน แล้วเจ้าหน้าที่จะบอกให้มานั่งรอที่ห้อง 303
เราไปนั่งรอที่ห้อง 303 และได้เข้าพบพยาบาลคัดกรองตอนประมาณ 9.30 พยาบาลใช้เวลาสอบถามเราประมาณ 5 นาที เกี่ยวกับอาการที่ต้องมาพบแพทย์ (พยาบาลน่ารักยิ้มแย้ม ไม่ทำให้เครียดค่ะ นอกจากนี้ยังมีพยาบาลฝึกหัดนั่งฟังอยู่ด้วย 4 คน เราไม่กล้าหันไปมองเลย อาย^^ แต่ก่อนออกมาเรามีหันไปโปรยยิ้มให้พยาบาลฝึกหัดนะคะเพื่อเป็นกำลังใจในการฝึก พยาบาลคงคิดว่าอีหยังวะ55) นั่งรอไม่นานเจ้าหน้าที่ที่ห้อง 303 เรียกให้ขึ้นไปชั้น 4 ตอน 09.39 แล้วให้รอหน้าห้องของแพทย์ที่เราจะได้พบ เราได้พบแพทย์ห้อง 409 ค่ะ โดยต้องรออีกประมาณ 6 คิว
เราได้เข้าไปพบหมอตอนประมาณ 10.50 แล้วพูดคุยอยู่กับหมอประมาณ 40 นาทีกว่า พอคุยเสร็จ หมอจะสั่งยาให้และก็บอกวันนัด เราถามหมอไปว่า
หนูไม่ได้เป็นซึมเศร้าใช่มั้ยคะ หมอตอบกลับมาว่า "นี้เป็นภาวะซึมเศร้าค่ะ" เรานี้แบบไม่คาดคิดว่าตัวเองจะเป็นจริงๆ แค่เคยสงสัยว่าตัวเองเป็นหรือเปล่า จากนั้นเราออกจากห้องหมอ แล้วไปที่จุดนัดเพื่อรับใบนัดพบหมอครั้งต่อไป เมื่อได้ใบนัดเราก็ไปยื่นใบนำทางเพื่อรับยาและจ่ายเงินที่ห้อง 201 นอกนั้นก้ตามลำดับที่เราเขียนไว้ด้านบนค่ะ เสร็จภารกิจประมาณ 12.15 บอกได้คำเดียวค่ะ "หิวข้าว" 555
ท้ายนี้เราเข้าใจเลยว่าตอนที่เราอยู่ในจุดที่ลึกสุดของหัวใจมันเป็นยังไง มันเหงา มันเหนื่อย มันว่างเปล่า มันเจ็บ ในเวลานั้นเราคิดว่าไม่มีใครเข้าใจเราทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อน ทั้งแฟน แต่เราโชคดีที่ไปเจอที่ยึดเหนี่ยว คือ วง kpop ที่ชื่อว่า BTS และไซตามะ จากการ์ตูนเรื่อง One punch man
เพลงของวง BTS เต็มไปด้วยความหมายที่เหมือนเข้าใจเรา และทำเหมือนเรามีค่ามากมายสมควรแก่การอยู่บนโลกมากแค่ไหน เพลงของ BTS ที่เราชอบฟังในช่วงที่อยู่ต่ำที่สุดของชีวิต คือ answer love yourself และ don't leave me ค่ะ และไซตามะ ชายผู้อยู่โดดเดี่ยวแต่แข็งแกร่งทั้งกายและจิตใจ เราอยากเป็นเหมือนไซตามะนะ คิดบวกและมุ่งมั่น ด้วยความคิดที่ว่าไซตามะยังอยู่ได้เราก็ต้องอยู่ได้ จึงทำให้เราอยากสู้มากขึ้นค่ะ (ลองหาอะไรที่พอจะยึดเหนี่ยวให้อยากใช้ชีวิตดูนะคะ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง)
สำหรับเรานะ เราอยากให้ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับผู้ป่วยซึมเศร้าได้เข้าใจอย่างหนึ่งว่า เวลาที่ผู้ป่วยซึมเศร้าบอกอยากอยู่คนเดียวหรือบอกให้ไปไกลๆ นั้นละคะ คือช่วงที่ผู้ป่วยต้องการคุณที่สุด อยากให้คุณใส่ใจ สนใจ และไม่ต้องใช้คำพูดที่ว่า "สู้ๆ,ใครก็มีปัญหา" หรือคำชี้แนะต่างๆ ไม่ต้องทำเหมือนเราเป็นปัญหา แค่อยู่เคียงข้างเฉยๆ โดยไม่พูดอะไรเลยก็ยังได้ และที่สำคัญคือปล่อยให้ผู้ป่วยได้ระบายทุกอย่างออกมาโดยทำแค่การรับฟังเท่านั้นก็ดีแล้วค่ะ
และจุดประสงค์ที่เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะเราหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเริ่มต้นหาทางออกให้กับตัวเองจากโรคนี้ แค่การที่คุณเริ่มต้นค้นหาวิธีการพบหมอ ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วค่ะ เราเองอาจไม่ได้ช่วยอะไรมาก แค่อยากให้คนที่อ่านรู้ว่ายังมีคนอยากรับฟังคุณ และคุณยังมีค่ามากมายแค่ไหน ที่จะมีชีวิตต่อไป
ขอบคุณครอบครัว เพื่อน และแฟนที่ไม่ทิ้งเรา และพร้อมช่วยเหลือ เข้าใจเรา และขอบคุณตัวเองที่ยังอยากจะมีชีวิตที่ดี^^
เม้าท์มอยและบอกเล่าขั้นตอนในการไปพบหมอเพื่อรักษาอาการซึมเศร้า...ที่สถาบันจิตเวชสมเด็จเจ้าพระยา
เดินทางโดยใช้ BTS ลงที่สถานีกรุงธนบุรี ราคา 44 บาท ออกทางออก 2 (ไม่มั่นใจทางออก 1 หรือ 2) ต่อวินมอเตอร์ไซค์ไป 30 บาท
2.ขั้นตอนในการพบหมอ
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับผู้ป่วยใหมj
-สำเนาใบประชาชน 1 ใบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนา
-บัตรประชาชนตัวจริง
สำหรับผู้ป่วยใหม่ไปโรงพยาบาลก่อน 7 โมง
-นำใบกรอกประวัติผู้ป่วยใหม่มากรอก ใบกรอกประวัติจะอยู่หน้าห้อง 301
-หลังจากรอกประวัติเสร็จ นำใบกรอกประวัติ สำเนาใบประชาชนและบัตรประชาชนตัวจริงไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ห้อง 301 ช่อง 2 (เพราะถ้าไปก่อน 7 โมง
เจ้าหน้าที่ช่อง 1 ที่เป็นช่องสำหรับผู้ป่วยใหม่โดยเฉพาะจะยังไม่เปิด) (สำหรับคนที่ไปสักประมาณ 7.30 ให้นำเอกสารไปยื่นที่ช่อง 1 ได้เลย เพราะเจ้าหน้าที่ช่อง 1 มาแล้ว)
-ให้รอเจ้าหน้าที่ที่ห้อง 301 ช่อง 1 เรียกอีกทีตอน 8 โมง ระหว่างนี้ให้ไปวัดความดันและชั่งน้ำหนักรอ หาข้าวกินด้วยนะ เพราะต้องรอนานพอสมควร
-ถึง 8 โมงเจ้าหน้าที่ห้อง 301 ช่อง 1 จะทยอยเรียกชื่อผู้ป่วยใหม่ให้ไปเซ็นเอกสาร ผู้ป่วยใหม่จะได้บัตรประจำตัวผู้ป่วยและบัตรประชาชนคืน จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ไปรอที่หน้าห้อง 303
-ไปรอที่ห้อง 303 รอเจ้าหน้าที่เรียกชื่อแล้วนำใบวัดความดันไปให้ เจ้าหน้าที่จะจัดคิวเพื่อเข้าพบกับพยาบาลคัดกรอง รอจนถึงคิวเข้าพบ
-เมื่อเข้าพบพยาบาลคัดกรองเสร็จแล้ว รอเจ้าหน้าที่ที่หน้าห้อง 303 เรียกชื่อเพื่อไปพบแพทย์ที่จะได้พบ โดยให้เดินตามเจ้าหน้าที่ไป
-เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้รอที่หน้าห้องหมายเลขใดแล้วให้บัตรคิวเก็บไว้
-แล้วก็รอเจ้าหน้าที่ประจำห้องเรียกเพื่อนั่งเรียงคิวพบแพทย์อีกที
-จากนั้นนำใบนำทางเดินลงไปที่ชั้น 2 ของอาคาร เพื่อนำไปยื่นที่ห้อง 201 จากนั้นรอห้อง 202 หรือ 203 เรียกเพื่อไปจ่ายเงิน (ซึ่งไม่แพงเลย จขกท. เสียไป 137 บาท)
-เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้วให้ไปที่ช่อง 204 เพื่อไปรับยา (เข้าช่องไหนก็ได้ที่ว่าง)
-รับยาเสร็จกลับบ้านจร้า (จขกท. ได้ยามา 2 อย่าง คือ ยาช่วยให้นอนหลับ และยาปรับสารเคมีในสมอง)
สวัสดีค่ะ วันนี้เราได้ตัดสินใจมาพบหมอที่สถาบันจิตเวชสมเด็จเจ้าพระยา เนื่องจากปัญหาหลายๆอย่าง เราเริ่มเดินทางออกจากที่พักตั้งแต่ 05.35 ในวันจันทร์ที่ 3 มิถุนา 62 โดยนั่ง bts มาลงที่สถานีกรุงธนบุรี แล้วต่อมอไซค์ 30 บาท มาถึงโรงบาลตอน 06.35 พอเดินเข้าโรงพยาบาลมาปุ๊ปจะเจอตึกใหญ่อยู่ทางซ้ายมือ จะเห็นผู้คนนั่งรอด้านหน้าเยอะๆ นั้นละคะ เป็นที่ๆ ต้องรอสำหรับผู้ป่วยเก่าและผู้ป่วยใหม่ อิฉันตกใจมากคนรอเยอะตั้งแต่เช้า ประมาณ 15 คนอัพ โรงพยาบาลจะเปิดให้เข้ายื่นคิวตอนประมาณ 06.45 โดยผู้ป่วยเก่าจะยื่นใบนัดเพื่อรับคิวที่ห้อง 301 ผู้ป่วยที่มานั่งรอคิวโดยมากก็เหมือนกับคนปกติทั่วไป บางครั้งดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าป่วยอยู่ ในตอนแรกที่เรามาถึงโรงบาล เรารู้สึกเราไม่ค่อยเป็นอะไรเท่าคนอื่นเลย เรายังยิ้มได้ หัวเราะได้ เรามองดูคนอื่นๆ น่าจะเป็นหนักกว่าเราด้วยซ้ำ ใจแอบรู้สึกละอายว่าเราเป็นแค่นี้ แต่บางคนเค้าอาจจะบอบช้ำจนรับไม่ไหวอยู่ก็ได้ และแล้วเราก็ต้องเจ็บปวดที่สุดเมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งเราว่าวันนี้นัดแต่ผู้ป่วยเก่า และเป็นวันหยุดราชการแพทย์มาน้อย ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่ได้ อีช้านนนน น้ำตาแทบไหล ลืมไปว่าวันนี้วันหยุดราชการ (วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบรมราชินี) กลับจร้าาาา
มาค่ะ สู้ต่อไป วันนี้เป็นวันอังคารที่ 4 มิถุนา 62 มาถึงโรงพยาบาลตอน 06.55 เราเดินไปยื่นเอกสารที่ห้อง 301 ช่อง 2 (เมื่อวานเรานำใบกรอกประวัติไปกรอกที่บ้านมา) จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าให้ไปหาข้าวกินรอห้อง 301 ช่อง 1 เรียกอีกทีตอน 8.00 น. วันนี้คนเยอะเหมือนเดิม คนของทางโรงพยาบาลบอกว่าวันนี้คนไข้ของทางโรงพยาบาลมี 500 กว่าคน เราก็เริ่มไม่มั่นใจละว่าจะได้เจอหมอมั้ย (แต่สุดท้ายได้เจอนะ) ผู้ป่วยวันนี้มีก็มีหลากหลายทั้งเด็ก วัยรุ่น คนวัยทำงาน ผู้สูงอายุ บางคนก็พาแม่มา บางคนก็พาลูกมา ระหว่างที่เรารอเจ้าหน้าที่ช่อง 1 เรียก เราก็ไปวัดความดันและน้ำหนักรอ ถ้าไม่รู้ก็สอบถามถามเจ้าหน้าที่บริเวณนั้นได้ค่ะ ช่วงนี้จะยังไม่ได้บัตรประชาชนคืน และยังไม่ได้คิวนะคะ จากนั้นรอจน 8.00 เจ้าหน้าที่ช่อง 1 จะเริ่มเรียกผู้ป่วยใหม่ จนถึงคิว เราตอนประมาณ 08.18 น ก็จะได้เซ็นชื่อในเอกสารหนึ่งแผ่น แล้วจะได้บัตรประจำตัวผู้ป่วยมา และได้บัตรประชาชนคืน แล้วเจ้าหน้าที่จะบอกให้มานั่งรอที่ห้อง 303
เราไปนั่งรอที่ห้อง 303 และได้เข้าพบพยาบาลคัดกรองตอนประมาณ 9.30 พยาบาลใช้เวลาสอบถามเราประมาณ 5 นาที เกี่ยวกับอาการที่ต้องมาพบแพทย์ (พยาบาลน่ารักยิ้มแย้ม ไม่ทำให้เครียดค่ะ นอกจากนี้ยังมีพยาบาลฝึกหัดนั่งฟังอยู่ด้วย 4 คน เราไม่กล้าหันไปมองเลย อาย^^ แต่ก่อนออกมาเรามีหันไปโปรยยิ้มให้พยาบาลฝึกหัดนะคะเพื่อเป็นกำลังใจในการฝึก พยาบาลคงคิดว่าอีหยังวะ55) นั่งรอไม่นานเจ้าหน้าที่ที่ห้อง 303 เรียกให้ขึ้นไปชั้น 4 ตอน 09.39 แล้วให้รอหน้าห้องของแพทย์ที่เราจะได้พบ เราได้พบแพทย์ห้อง 409 ค่ะ โดยต้องรออีกประมาณ 6 คิว
เราได้เข้าไปพบหมอตอนประมาณ 10.50 แล้วพูดคุยอยู่กับหมอประมาณ 40 นาทีกว่า พอคุยเสร็จ หมอจะสั่งยาให้และก็บอกวันนัด เราถามหมอไปว่า
หนูไม่ได้เป็นซึมเศร้าใช่มั้ยคะ หมอตอบกลับมาว่า "นี้เป็นภาวะซึมเศร้าค่ะ" เรานี้แบบไม่คาดคิดว่าตัวเองจะเป็นจริงๆ แค่เคยสงสัยว่าตัวเองเป็นหรือเปล่า จากนั้นเราออกจากห้องหมอ แล้วไปที่จุดนัดเพื่อรับใบนัดพบหมอครั้งต่อไป เมื่อได้ใบนัดเราก็ไปยื่นใบนำทางเพื่อรับยาและจ่ายเงินที่ห้อง 201 นอกนั้นก้ตามลำดับที่เราเขียนไว้ด้านบนค่ะ เสร็จภารกิจประมาณ 12.15 บอกได้คำเดียวค่ะ "หิวข้าว" 555
ท้ายนี้เราเข้าใจเลยว่าตอนที่เราอยู่ในจุดที่ลึกสุดของหัวใจมันเป็นยังไง มันเหงา มันเหนื่อย มันว่างเปล่า มันเจ็บ ในเวลานั้นเราคิดว่าไม่มีใครเข้าใจเราทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อน ทั้งแฟน แต่เราโชคดีที่ไปเจอที่ยึดเหนี่ยว คือ วง kpop ที่ชื่อว่า BTS และไซตามะ จากการ์ตูนเรื่อง One punch man
เพลงของวง BTS เต็มไปด้วยความหมายที่เหมือนเข้าใจเรา และทำเหมือนเรามีค่ามากมายสมควรแก่การอยู่บนโลกมากแค่ไหน เพลงของ BTS ที่เราชอบฟังในช่วงที่อยู่ต่ำที่สุดของชีวิต คือ answer love yourself และ don't leave me ค่ะ และไซตามะ ชายผู้อยู่โดดเดี่ยวแต่แข็งแกร่งทั้งกายและจิตใจ เราอยากเป็นเหมือนไซตามะนะ คิดบวกและมุ่งมั่น ด้วยความคิดที่ว่าไซตามะยังอยู่ได้เราก็ต้องอยู่ได้ จึงทำให้เราอยากสู้มากขึ้นค่ะ (ลองหาอะไรที่พอจะยึดเหนี่ยวให้อยากใช้ชีวิตดูนะคะ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง)
สำหรับเรานะ เราอยากให้ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับผู้ป่วยซึมเศร้าได้เข้าใจอย่างหนึ่งว่า เวลาที่ผู้ป่วยซึมเศร้าบอกอยากอยู่คนเดียวหรือบอกให้ไปไกลๆ นั้นละคะ คือช่วงที่ผู้ป่วยต้องการคุณที่สุด อยากให้คุณใส่ใจ สนใจ และไม่ต้องใช้คำพูดที่ว่า "สู้ๆ,ใครก็มีปัญหา" หรือคำชี้แนะต่างๆ ไม่ต้องทำเหมือนเราเป็นปัญหา แค่อยู่เคียงข้างเฉยๆ โดยไม่พูดอะไรเลยก็ยังได้ และที่สำคัญคือปล่อยให้ผู้ป่วยได้ระบายทุกอย่างออกมาโดยทำแค่การรับฟังเท่านั้นก็ดีแล้วค่ะ
และจุดประสงค์ที่เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะเราหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเริ่มต้นหาทางออกให้กับตัวเองจากโรคนี้ แค่การที่คุณเริ่มต้นค้นหาวิธีการพบหมอ ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วค่ะ เราเองอาจไม่ได้ช่วยอะไรมาก แค่อยากให้คนที่อ่านรู้ว่ายังมีคนอยากรับฟังคุณ และคุณยังมีค่ามากมายแค่ไหน ที่จะมีชีวิตต่อไป
ขอบคุณครอบครัว เพื่อน และแฟนที่ไม่ทิ้งเรา และพร้อมช่วยเหลือ เข้าใจเรา และขอบคุณตัวเองที่ยังอยากจะมีชีวิตที่ดี^^