ปตท. หรือ ptt เมื่อก่อนคือ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติและน้ำมันปิโตรเลียมครบวงจร
แต่สำหรับผู้บริโภครายย่อยแล้ว ปตท. ก็คือปั้มน้ำมันเจ้าหนึ่ง
ในสมัยนั้น ปตท. เป็นปั้มน้ำมันที่พบได้บ่อย ๆ แต่น้อยคนที่อยากจะเข้าปั้มของ ปตท.
ในคราวนี้ผู้เขียนจะเล่าถึงปั้ม ปตท.จากมุมมองของผู้บริโภคคนหนึ่ง เริ่มตั้งแต่อดีตช่วงราว ๆ 2530
จนช่วงที่เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของปั้ม ปตท.และกลายมาเป็นปั้มน้ำมันที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย
ปั้มน้ำมันที่ตอนนี้ใคร ๆ ก็อยากเข้า
รวมถึงทิศทางของปั้มน้ำมัน ปตท. ที่ผู้คาดว่ากำลังจะไปในอนาคตจากการพบเห็นของผู้เขียนเอง
ปั้มน้ำมันสู่จุดพักรถ
อย่างที่เกริ่นนำไปในตอนต้น ปั้ม ปตท.
สมัยก่อนแม้จะหาได้ง่ายแต่สำหรับผู้เขียนในสมัยนั้นที่มันต้องเดินทางไกลบ่อย ๆ แล้วมันไม่น่าเข้าเอาเสียเลย
ปั้มสกปรกโทรม ๆ , จะกินจะดื่มก็ไม่มีของขาย, ห้องน้ำก็สกปรกสันฟาย
ยิ่งตอนกลางคืนไฟในปั้มก็สว่างแบบขอไปที ไฟห้องน้ำนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
สมัยนั้นผู้เขียนจำได้กับประสบการณ์ไม่มีวันลืมกับห้องน้ำปั้ม ปตท.ครั้งหนึ่ง
อี้ใต้แสงเทียน โรแมนติดสลัด ๆ
ถ้าจะถามว่าไฟปั้มสว่างแค่ไหนก็ประมาณตามรูปประกอบ แค่ไม่มีซอมบี้
ทำให้ในตอนนั้นปั้มที่ผู้เขียนเลือกเข้าบ่อย ๆ ก็คือ Shell และ Esso เพราะห้องน้ำดีพอใช้และมีร้าน
Mini Mart ให้ซื้อของกินแก้หิวถึงแม้ว่ามีเฉพาะปั้มใหญ่ ๆ แต่ก็ยังดีกว่า ปตท. ที่ตอนนั้น
เท่าที่จำได้คือไม่มีปั้มไหนมีร้านค้าเลย ต่อมาในปี 2541 รัฐบาลสมัยนั้นก็มีมติแปรรูป
ปตท. เป็นบริษัทมหาชน ปตท.เข้าตลาดหุ้นราว ๆ ปี 2544 และเปิดให้ประชาชนทั่วไปซื้อหุ้นได้
ปั้มน้ำมัน JET
ย้อนกลับไปราว ๆ ช่วง 2535 – 2540 มีอยู่วันหนึ่งระหว่างเดินทางกำลังมองหาปั้มเพื่อเข้าห้องน้ำผู้เขียนก็ได้เห็นปั้มที่ทั้งสะดุดตาและแปลกตาอย่างมาก ปั้มเกิดไฟสว่างจ้าแบบที่ไม่มีปั้มไหนสมัยนั้นทำ
อาคารขนาดใหญ่รูปทรงแบบฝรั่ง ป้ายตัวอักษรสีน้ำเงินบนพื้นสีเหลืองนั้นดูเด่นมาก
ชื่อปั้มเขียนไว้ว่า JET
พอเลี้ยวเข้าไปก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างได้ทันที ปั้มนี้กว้างมากแต่ก็สะอาด
มีร้านค้าที่ใหญ่จนเด่นเป็นสง่า มีพื้นที่และโต๊ะเก้าอี้ให้คนนั่งพักชิว ๆ
บางคนก็ซื้อของจากร้านค้ามานั่งกินตรงนี้
กลยุทธห้องน้ำสะอาด
ในไทยนั้นมีสำนวนอยู่ว่า “มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน” ok ความหมายมันไปในทางที่ไม่ดีแต่ผู้เขียนคิดว่าไม่มีสำนวนไหนที่อธิบายความรู้สึกแรกที่
ได้เข้าห้องน้ำปั้ม JET ได้ดีกว่านี้อีกแล้ว
เพราะลูกสาวของ JET สวยและดีงามพอที่จะเอามาไว้หน้าบ้านได้เลย ในปัจจุบันห้องน้ำของ
ปตท. นั้นอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรมากแต่ในสมัยก่อนห้องน้ำแบบนั้นมันเป็นอะไรที่ WOW มาก
ผู้เขียนกล้าบอกว่าในยุคนั้นไม่มีปั้มที่ไหนที่อี้ได้อย่างสบายใจเหมือน JET
กลยุทธ์ Super convenient store
เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็แวะร้านค้าดูสักหน่อย
ในสมัยนั้นร้านค้าในปั้มมักจะเป็นร้านที่ผู้บริหารปั้มตั้งขึ้นมาเอง ดังนั้นของขายก็จะไม่ค่อยหลากหลายโดยมักเน้นไปที่ขนมของขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม
ร้านค้าในปั้มที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการของปั้มที่จำได้คือมีของ ESSO ที่ทำแต่ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากนัก
แต่สำหรับ JET ที่มีร้านค้าในปั้มชื่อว่าจิฟฟี่นั้นในสมัยนั้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ WOW
ขนาดของร้านที่ใหญ่มากและความหลากหลายของสินค้าทำให้นึกอยากกินอะไรก็หาได้จากที่นี่
แต่ที่เด่นที่สุดคือ Third party store
ด้วยที่ร้านใหญ่มากจึงมีพื้นที่ในร้านเหลือพอที่จะปล่อยให้ร้านอื่น ๆ มาเช่า
จำได้ว่าเคยเห็น A&W และ Black Canyonมาเปิดร้านในจิฟฟี่ด้วย (สมัยนั้น Black Canyon เป็นร้านหรู อย่างน้อยในมุมมองของผู้เขียน ปัจจุบันยังพอมี Black Canyon ที่ตั้งในจิฟฟี่อยู่บ้าง)
แต่ที่ดังที่สุดและกลายมาเป็นต้นแบบของร้านกาแฟตามปั้มในปัจจุบันก็คือ “บ้านไร่กาแฟ”
ในความทรงจำของผู้เขียนนี่คือร้านแฟรนไชส์กาแฟสดในปั้มเจ้าแรกที่พบและเจ้าแรกในชีวิตที่ได้ลองกินกาแฟสดโดยมี
Iconic คือการเสริฟกาแฟมาในถ้วยดินเผาแต่ราคาก็แพงหูดับตับไหม้
(พ่อผู้เขียนเคยคุยกับเจ้าของร้านเลยรู้ว่าแพงเพราะค่าถ้วย)
เพียงครั้งเดียวผู้เขียนและครอบครัวก็กลายเป็นสาวกของปั้ม JET ไป
ออกเดินทางคราวไหนถ้าเจอปั้ม JET ถึงจะไม่เข้าห้องน้ำก็จะแวะเพื่อพักซื้อของกินและดื่มกาแฟสด
จากมุมมองของผู้บริโภคคนหนึ่งในตอนนั้นเห็นว่ากิจการของปั้ม JET
น่าจะไปได้สวยเพราะคนเริ่มเข้ากันแต่ปั้ม JET เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปั้มน้ำมันเจ้าอื่นเห็นความสำเร็จของ
JET ก็พยายามจะเอาอย่างบ้างแต่ก็ไม่สำเร็จเท่าที่ JET ทำได้
แต่ดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่สวยงามตามมุมมองของผู้มาใช้บริการเพราะ ปี 2550 ปั้ม
JET ก็ประกาศขายกิจการด้วยสาเหตุว่าค่าการตลาดไม่คุ้มค่าการลงทุน
ในตอนนั้นปั้ม JET มีสาขาทั้งสิ้น 147 สาขาใน 22 จังหวัด
สาเหตุคาดว่าเพราะ JET ไม่มีแหล่งผลิตสินค้าของตนเองทั้งสินค้าในร้านค้าและสินค้าประเภทน้ำมันจึงต้องซื้อสินค้าจาก
บริษัทอื่น ๆ มาขายต่อทำให้ต้องแบกรับต้นทุนค่าสินค้าโดยเฉพาะน้ำมันที่สูงกว่าปั้มอื่น ๆ
ยิ่งถ้าบวกกับค่าใช้จ่ายในการขนส่งและค่าพนักงาน,
ค่าดูแลรักษาปั้มและร้านค้าขนาดใหญ่เข้าไปอีกคงทำให้มีต้นทุนในการดำเนินกิจการที่สูงกว่าจนไม่คุ้มที่จะลงทุนในที่สุด
ซึ่งในการประมูลนั้น ปตท. เป็นผู้ชนะการประมูลซื้อ JET ไปได้ด้วยราคาประมาณ 275 ล้าน USD หรือเป็นเงินไทยประมาณ
9900 ล้านบาท (ค่าเงินในสมัย 2550 1 US ประมาณ 36 บาท ไม่รวมเงินเฟ้อ) ปิดฉากปั้ม JET ที่ดำเนินมาราวๆ 14 ปีในที่สุด
To be continue in Part 2
บทความตามใจฉัน “ปตท จากปั้มน้ำมันสู่อะไร” Part1
แต่สำหรับผู้บริโภครายย่อยแล้ว ปตท. ก็คือปั้มน้ำมันเจ้าหนึ่ง
ในสมัยนั้น ปตท. เป็นปั้มน้ำมันที่พบได้บ่อย ๆ แต่น้อยคนที่อยากจะเข้าปั้มของ ปตท.
ในคราวนี้ผู้เขียนจะเล่าถึงปั้ม ปตท.จากมุมมองของผู้บริโภคคนหนึ่ง เริ่มตั้งแต่อดีตช่วงราว ๆ 2530
จนช่วงที่เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของปั้ม ปตท.และกลายมาเป็นปั้มน้ำมันที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย
ปั้มน้ำมันที่ตอนนี้ใคร ๆ ก็อยากเข้า
รวมถึงทิศทางของปั้มน้ำมัน ปตท. ที่ผู้คาดว่ากำลังจะไปในอนาคตจากการพบเห็นของผู้เขียนเอง
ปั้มน้ำมันสู่จุดพักรถ
อย่างที่เกริ่นนำไปในตอนต้น ปั้ม ปตท.
สมัยก่อนแม้จะหาได้ง่ายแต่สำหรับผู้เขียนในสมัยนั้นที่มันต้องเดินทางไกลบ่อย ๆ แล้วมันไม่น่าเข้าเอาเสียเลย
ปั้มสกปรกโทรม ๆ , จะกินจะดื่มก็ไม่มีของขาย, ห้องน้ำก็สกปรกสันฟาย
ยิ่งตอนกลางคืนไฟในปั้มก็สว่างแบบขอไปที ไฟห้องน้ำนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
สมัยนั้นผู้เขียนจำได้กับประสบการณ์ไม่มีวันลืมกับห้องน้ำปั้ม ปตท.ครั้งหนึ่ง
อี้ใต้แสงเทียน โรแมนติดสลัด ๆ
ถ้าจะถามว่าไฟปั้มสว่างแค่ไหนก็ประมาณตามรูปประกอบ แค่ไม่มีซอมบี้
ทำให้ในตอนนั้นปั้มที่ผู้เขียนเลือกเข้าบ่อย ๆ ก็คือ Shell และ Esso เพราะห้องน้ำดีพอใช้และมีร้าน
Mini Mart ให้ซื้อของกินแก้หิวถึงแม้ว่ามีเฉพาะปั้มใหญ่ ๆ แต่ก็ยังดีกว่า ปตท. ที่ตอนนั้น
เท่าที่จำได้คือไม่มีปั้มไหนมีร้านค้าเลย ต่อมาในปี 2541 รัฐบาลสมัยนั้นก็มีมติแปรรูป
ปตท. เป็นบริษัทมหาชน ปตท.เข้าตลาดหุ้นราว ๆ ปี 2544 และเปิดให้ประชาชนทั่วไปซื้อหุ้นได้
ปั้มน้ำมัน JET
ย้อนกลับไปราว ๆ ช่วง 2535 – 2540 มีอยู่วันหนึ่งระหว่างเดินทางกำลังมองหาปั้มเพื่อเข้าห้องน้ำผู้เขียนก็ได้เห็นปั้มที่ทั้งสะดุดตาและแปลกตาอย่างมาก ปั้มเกิดไฟสว่างจ้าแบบที่ไม่มีปั้มไหนสมัยนั้นทำ
อาคารขนาดใหญ่รูปทรงแบบฝรั่ง ป้ายตัวอักษรสีน้ำเงินบนพื้นสีเหลืองนั้นดูเด่นมาก
ชื่อปั้มเขียนไว้ว่า JET
พอเลี้ยวเข้าไปก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างได้ทันที ปั้มนี้กว้างมากแต่ก็สะอาด
มีร้านค้าที่ใหญ่จนเด่นเป็นสง่า มีพื้นที่และโต๊ะเก้าอี้ให้คนนั่งพักชิว ๆ
บางคนก็ซื้อของจากร้านค้ามานั่งกินตรงนี้
กลยุทธห้องน้ำสะอาด
ในไทยนั้นมีสำนวนอยู่ว่า “มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน” ok ความหมายมันไปในทางที่ไม่ดีแต่ผู้เขียนคิดว่าไม่มีสำนวนไหนที่อธิบายความรู้สึกแรกที่
ได้เข้าห้องน้ำปั้ม JET ได้ดีกว่านี้อีกแล้ว
เพราะลูกสาวของ JET สวยและดีงามพอที่จะเอามาไว้หน้าบ้านได้เลย ในปัจจุบันห้องน้ำของ
ปตท. นั้นอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรมากแต่ในสมัยก่อนห้องน้ำแบบนั้นมันเป็นอะไรที่ WOW มาก
ผู้เขียนกล้าบอกว่าในยุคนั้นไม่มีปั้มที่ไหนที่อี้ได้อย่างสบายใจเหมือน JET
กลยุทธ์ Super convenient store
เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็แวะร้านค้าดูสักหน่อย
ในสมัยนั้นร้านค้าในปั้มมักจะเป็นร้านที่ผู้บริหารปั้มตั้งขึ้นมาเอง ดังนั้นของขายก็จะไม่ค่อยหลากหลายโดยมักเน้นไปที่ขนมของขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม
ร้านค้าในปั้มที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการของปั้มที่จำได้คือมีของ ESSO ที่ทำแต่ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากนัก
แต่สำหรับ JET ที่มีร้านค้าในปั้มชื่อว่าจิฟฟี่นั้นในสมัยนั้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ WOW
ขนาดของร้านที่ใหญ่มากและความหลากหลายของสินค้าทำให้นึกอยากกินอะไรก็หาได้จากที่นี่
แต่ที่เด่นที่สุดคือ Third party store
ด้วยที่ร้านใหญ่มากจึงมีพื้นที่ในร้านเหลือพอที่จะปล่อยให้ร้านอื่น ๆ มาเช่า
จำได้ว่าเคยเห็น A&W และ Black Canyonมาเปิดร้านในจิฟฟี่ด้วย (สมัยนั้น Black Canyon เป็นร้านหรู อย่างน้อยในมุมมองของผู้เขียน ปัจจุบันยังพอมี Black Canyon ที่ตั้งในจิฟฟี่อยู่บ้าง)
แต่ที่ดังที่สุดและกลายมาเป็นต้นแบบของร้านกาแฟตามปั้มในปัจจุบันก็คือ “บ้านไร่กาแฟ”
ในความทรงจำของผู้เขียนนี่คือร้านแฟรนไชส์กาแฟสดในปั้มเจ้าแรกที่พบและเจ้าแรกในชีวิตที่ได้ลองกินกาแฟสดโดยมี
Iconic คือการเสริฟกาแฟมาในถ้วยดินเผาแต่ราคาก็แพงหูดับตับไหม้
(พ่อผู้เขียนเคยคุยกับเจ้าของร้านเลยรู้ว่าแพงเพราะค่าถ้วย)
เพียงครั้งเดียวผู้เขียนและครอบครัวก็กลายเป็นสาวกของปั้ม JET ไป
ออกเดินทางคราวไหนถ้าเจอปั้ม JET ถึงจะไม่เข้าห้องน้ำก็จะแวะเพื่อพักซื้อของกินและดื่มกาแฟสด
จากมุมมองของผู้บริโภคคนหนึ่งในตอนนั้นเห็นว่ากิจการของปั้ม JET
น่าจะไปได้สวยเพราะคนเริ่มเข้ากันแต่ปั้ม JET เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปั้มน้ำมันเจ้าอื่นเห็นความสำเร็จของ
JET ก็พยายามจะเอาอย่างบ้างแต่ก็ไม่สำเร็จเท่าที่ JET ทำได้
แต่ดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่สวยงามตามมุมมองของผู้มาใช้บริการเพราะ ปี 2550 ปั้ม
JET ก็ประกาศขายกิจการด้วยสาเหตุว่าค่าการตลาดไม่คุ้มค่าการลงทุน
ในตอนนั้นปั้ม JET มีสาขาทั้งสิ้น 147 สาขาใน 22 จังหวัด
สาเหตุคาดว่าเพราะ JET ไม่มีแหล่งผลิตสินค้าของตนเองทั้งสินค้าในร้านค้าและสินค้าประเภทน้ำมันจึงต้องซื้อสินค้าจาก
บริษัทอื่น ๆ มาขายต่อทำให้ต้องแบกรับต้นทุนค่าสินค้าโดยเฉพาะน้ำมันที่สูงกว่าปั้มอื่น ๆ
ยิ่งถ้าบวกกับค่าใช้จ่ายในการขนส่งและค่าพนักงาน,
ค่าดูแลรักษาปั้มและร้านค้าขนาดใหญ่เข้าไปอีกคงทำให้มีต้นทุนในการดำเนินกิจการที่สูงกว่าจนไม่คุ้มที่จะลงทุนในที่สุด
ซึ่งในการประมูลนั้น ปตท. เป็นผู้ชนะการประมูลซื้อ JET ไปได้ด้วยราคาประมาณ 275 ล้าน USD หรือเป็นเงินไทยประมาณ
9900 ล้านบาท (ค่าเงินในสมัย 2550 1 US ประมาณ 36 บาท ไม่รวมเงินเฟ้อ) ปิดฉากปั้ม JET ที่ดำเนินมาราวๆ 14 ปีในที่สุด
To be continue in Part 2