สวัสดีค่ะทุกคน ก่อนอื่นขอเเนะนำตัวก่อนนะคะ เราอายุ 20 กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยค่ะ ซึ่งตั้งเเต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ เราไม่เคยมีแฟนเลยค่ะ อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะก็ยังไม่โตมาก เเละเราเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ที่ผ่านๆมาก็มีคนเเวะเข้ามาจีบบ้าง ถ้าเรารู้สึกว่าเขาโอเคเราก็คุยค่ะ เเต่พอคุยไปสักพักเราเริ่มรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่โอเคในบางเรื่องที่เราอาจจะรับไม่ได้ เช่นบางคนชอบรบกวนเวลาพักผ่อนของเรา ทั้งๆที่รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะสอบ หรือบางคนอาจจะพูดดี พูดเพราะเเต่ก็ทำไม่ได้สักอย่าง ถ้าเราเจอสิ่งที่บั่นทอนเเละเริ่มรู้สึกว่าการมีใครอีกคนเข้ามา ไม่ได้สร้างพลังบวกหรือส่งเสริมอะไร เราก็จะตัดคนคุยเหล่านั้นออกไปค่ะ
เราใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่เหงาๆ ไม่มีใคร ในการฝึกภาษาบ้าง(เพราะภาษาค่อนข้างอ่อนมากเลยทีเดียว555) ดูคลิปที่ให้ข้อคิดดีๆ เช่นคลิปของคุณขุนเขา หรือฟังเรื่องกฎของเเรงดึงดูด เราฟังสิ่งเหล่านี้ก่อนนอนทุกๆวัน จนเริ่มจะปลงๆกับอะไรต่างๆค่อนข้างมาก และมันคงจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าเราเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆแต่อยู่ดีๆ เราก็ดันได้มารู้จักกับใครคนนึงค่ะ อยู่คนละคณะกัน เขาเป็นรุ่นพี่ เราไมไ่ด้รู้จักกันผ่านค่าย ผ่านกิจกรรมอย่างที่คนอื่นๆควรจะเป็นกัน เเต่เรารู้จักกันผ่านกลุ่มที่มีไว้เเชร์เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับซีรีย์ Game of thrones ซึ่งเขาเป็นแฟนพันธุ์เเท้ ส่วนเรากำลังเริ่มคลั่ง 55555 การรู้จักกันของเรามันเริ่มต้นจากความชอบที่เหมือนๆกัน เราเลยคุยกันได้ถูกคอ อีกอย่างคือเราเป็นสายชอบดูหนังรัก(ทั้งๆที่ไม่มีรัก) คงเพราะขาดสิ่งไหนคงอยากโหยหาสิ่งนั้นมั้งคะ เลยดูบ่อย
ซึ่งเขาก็เป็นเหมือนกัน ทุกเรื่องที่เขาดูเเละเขาชอบ เราเองก็จะชอบมาก ในการคุยกันของเราในทุกๆวันมันไม่เคยน่าเบื่อเลย เราคุยกันแบบไม่ได้จีบกันอะไร เเละดำเนินมาเรื่อยๆตลอดช่วงปิดเทอม คือตลอดช่วงที่ผ่านมา ทั้งความชอบ การมองโลก งานอดิเรก สิ่งต่างๆเหล่านี้เราดูเข้ากันได้ดี จนเราเองก็คิดว่าเริ่มชอบเขาเเล้วแหละค่ะ เพราะเขาค่อนข้างเเต่กต่างจากคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่การเข้ามาจีบโดยตรงเเละไม่คุยเรื่องอะไรเลยในชีวิต จะพูดเเต่เรื่องรักนะ กินข้าวยัง ทำไร ข้อเเตกต่างจากจุดนี้ทำให้เรารู้สึกชอบเขาเข้าไปหมดใจเลยค่ะ เเต่เราก็ไม่ได้เเสดงออกอะไร บางทีอยากตอบเขาไวๆ เเต่ก็ต้องเก็บอาการเพราะอยากทำให้มันดูเป็นความธรรมดามากที่สุด 55555 จนมาถึงช่วงที่เรื่องความชอบ เเละงานอดิเรกต่างๆของพวกเรามันได้พูดออกไปหมดเเล้ว เราเริ่มมาพูดเรื่องเรียนกัน ซึ่งเขาก็โอเคนะคะ เขาค่อนข้างเรียนใช้ได้ในสายการเรียนของเขา ซึ่งสายที่ตัวเราเรียนก็ไกล้เคียงกัน เขาก็บอกอยู่บ่อยๆเวลาที่เราหัดใช้โปรแกรมต่างๆ ซึ่งข้อนี้ก็ได้ใจไปอีกในด้านการช่วยเหลือและการพึ่งพาได้ ในตอนนี้ใจเราที่ไม่เคยเปิดรับใครมาก่อน เริ่มที่จะแอบลังเลเเล้วว่า หรือว่าจะเป็นคนนี้กันนะ? มันยิ่งชัดเจนขึ้นว่าเราสองคนคิดตรงกันก็คือเขามาบอกกับเราว่าชอบค่ะ ซึ่งตอนนั้นเราก็แกล้งเเซวๆไปว่าเขาคงพูดเล่นเเต่เรารู้ดีในใจเรานี่แหละ ว่ามันเป็นเรื่องจริง จากท่าทาง เเละน้ำเสียง เราเริ่มดีใจเเละอยากเปิดใจมากขึ้น เเต่เเล้วความคิดที่จะเปิดใจของเราก็หมดลงไปค่ะ เนื่องจากมันมีสิ่งสำคัญมากกว่านั้น
เราคุยกันเรื่อยๆจนมาถึงเรื่องครอบครัวของเขา(เราไมไ่ด้ถามนะคะเขาก็ไม่ได้เชิงอยากเล่าอะไรก็เหมือนพูดผ่านๆ) เขาค่อนข้างมีฐานะดีกว่าเราค่ะพ่อเเม่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เหมือนสิ่งที่เขาทำเเละรับรู้ กับสิ่งที่เราเป็นมันจะคนละแบบกันเลย ตั้งเเต่เรื่องอาหาร การเดินทาง ของที่ใช้ เราเองเป็นคนที่ตั้งใจเรียนมากถึงเเม้จะเรียนไม่เก่งที่สุดเเต่ก็มีความพยายาม เพราะครอบครัวเราลำบาก และเราก็คิดว่าความรู้จะช่วยส่งเสริมเเละสร้างคุณค่าให้กับตัวเองได้แต่ชีวิตเราในมหาวิทยาลัยไมไ่ด้สวยหรูเลยนะคะบางทีเพื่อนๆเขารวมกลุ่มกันไปเที่ยวหลังเรียนเสร็จ เราก็ไม่ไปเพราะช่วยครอบครัวประหยัด บางครั้งหนังที่เราอยากดูเข้าโรงเราก็ไม่ไปก็เพราะเหตุผลเดิมนั่นแหละค่ะ เสื้อผ้าการเเต่งกายของเราค่อนข้างเเย่(ถ้าจากมุมมองคนอื่น)ราคาไม่เคยถึงห้ารอยบาทจริงๆเราดำเนินชีวิตแบบนี้เราเองไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่านะคะเพราะยังมีวิธีที่จะเข้ากับเพื่อนได้อีกมากมายและตัวเราเองก็มีเพื่อนๆปกติโดยที่ไม่ต้องพยายามเป็นใคร เหมือนใคร เพียงเเต่เราจะไม่เหมือนคนส่วนมาก ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่เพื่อนๆเขาคุยกันเรื่องน้ำหอม เชื่อไหมคะถ้าเราจะพูดขึ้นไปเราคงนึกถึงน้ำหอมตามตลาดขาดละ20-50บาท55555เเต่สิ่งที่คนทั่วๆไปรอบตัวเราพูดๆกันจะเป็นอะไรที่เราไม่ค่อยรู้จักเลยค่ะนานทีปีหนเราโผล่ไปดูหนังทีนึง เราก็เอ๋อสุดๆหาทางเข้าก็ไม่เจอ บางทีเราก็ตลกตัวเองนะคะคือเราไม่ได้ปกติสำหรับคนทั่วไป
มีเเต่เราเท่านั้นที่รู้ว่าเราปกติเเละดีพอเพื่อนๆจะชอบถามเราด้วยความแปลกใจเสมอว่าทำไมไม่เที่ยวเลยที่บ้านไม่ให้ตังหรอ บางคนก็ถามเราเกี่ยวกับการเเต่งตัวว่าทำไมไม่ซื้อเเพงๆไปเลยจะได้ทนๆใช้ได้นาน เราก็จะตอบทุกคนไปตามความจริงเสมอว่าต้องใช้เงินประหยัดพวกเขาก็จะเข้าใจ เราก็ดีใจค่ะ เเต่พอมาลองคิดดูดีๆเเล้วจากที่เราได้คุยเเละศึกษาเขามาบ้างเราเลยเริ่มคิดว่าถ้าเราเปิดใจให้ใครสักคน หลังจากนี้ ถ้าต้องเป็นแฟนกันอะไรจะเปลี่ยนไปบ้าง ซึ่งเเน่นอนค่ะว่าเราจะมีคนคอยให้กำลังใจเเละเราจะได้เรียนรู้การมองโลกจากอีกคนมากขึ้น เราจะมีคู่หูที่จะไปไหนมาไหนได้อย่างอุ่นใจซึ่งข้อนี้แหละค่ะเป็นความจำกัดของเราเราคิดว่าต่อให้เราบอกเขาไปว่าเราจนนะเราไม่ใช่คนมีตัง เขาอาจจะตอบว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย เเต่การสร้างความรักเวลาไปไหนมาไหนก็คงต้องใช้เงินเป็นตัวเดินบ้างแหละค่ะเราว่า สมมุติถ้าไปดูหนังถ้าเราไม่มีตังเราคงต้องปฏิเสธเขาไปเเล้วถ้าเขายังอยากไปอยู่เขาอาจจะอาสาจ่ายให้ซึ่งเขาเองก็เรียนอยู่เหมือนกันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเราคงรู้สึกแย่ค่ะ แล้วอาหารที่เขากินของที่เขาใช้ต่างกับเราสิ้นเชิงสมมุติว่าวันพิเศษที่เราต้องให้ของขวัญกันและกันถ้าเราซื้อเสื้อตามตลาดให้เขาอาจจะรู้สึกแย่ หรือถ้าบางทีเขาอาจจะอยากไปกินอาหารแพงๆเราเองคงไม่มีตังจ่ายหรือถ้าได้ไปจริงๆก็คงไม่รู้จักเมนูอะไรแบบนั้นเเน่ๆ
ตอนนี้เราไม่สบายใจค่ะเราคิดเรื่องนี้วนอยู่หลายวันจนตอนนี้เหมือนจะได้คำตอบให้ตัวเองว่าควรหยุด แล้วรอเวลาให้ถึงช่วงที่พร้อมก่อนดีไหมถ้าตอนนั้นจังหวะของเราเเละเขามันยังอยู่พอที่จะกลับมาคุยกันอีกครั้งค่อยว่ากันใหม่ มีบางครั้งที่ความคิดเราก็บอกว่าให้ลองเเละลุยไปเลยถ้าเขาไม่ใช่เเละไม่ชอบในตัวเราที่เป็นเรา ถึงวันนั้นเขาคงปฏิเสธเอง ซึ่งก็ดูเป็นความคิดที่ดีค่ะเเต่เหมือนความคิดอีกด้านก็บอกว่าจะเริ่มทำไมในเมื่อรู้ว่าจะจบ ถ้าต้องมานั่งเสียใจทีหลังเราควรเริ่มต้นหรอ นอกจากเรื่องฐานะเเล้วยังมีอีกเรื่องที่เรากับเขาต่างกันเขาดูเป็นคนกินเหล้าเก่งเเละมีเพื่อนเยอะต่างกับเราค่ะเรากินเป็นเเต่ไม่เก่งเวลาที่เขาจะทำตัวเถื่อนๆก็มีไปดื่มบ้างเเล้วก็ไปแทงไอ้พวกลูกกลมๆสีเขียวสีแดงๆกับเพื่อนเราจำไมไ่ด้ว่าเรียกว่าอะไรเเต่ทุกครั้งที่เขาไป เขาก็จะขอเราก่อน(ทั้งๆที่เป็นเเค่คนคุยเนี่ยนะ555)เเจ้งเวลาไปเเละเวลากลับทุกครั้ง เอาตรงๆเลยนะคะเราไม่ใส่ใจเลยว่าเขาจะไปทำอะไรแบบไหนเพราะเรามองในมุมที่สิทธิ์ใครสิทธิ์มันเราไมไ่ด้เป็นเจ้าของใคร สิ่งไหนเป็นความสุขก็ควรได้ทำ แล้วอีกอย่างเราเองก็ไมไ่ด้เป็นแฟนกัน เราไม่คิดจะห้ามหรืออะไรเลยค่ะเพราะเราไม่ได้ผูกความสุขไว้ที่เขา เราอยู่กับตัวเองมานานจนชินซะเเล้วล่ะ เล่ามาจนถึงตอนนี้เราไมไ่ด้หมายความว่าคนดิ่มเหล้าเก่งหรือคนเที่ยวกลางคืนเป็นสิ่งไม่ดีนะคะเพียงเเต่เราอยากชี้ให้เห็นถึงความเเตกต่างว่าเขาเเละเรามีด้านที่เหมือนจะต่างกันสุดขั้วอยู่สุดท้ายนี้อยากจะถามคุณผู้อ่านว่าเราควรเปิดใจไหมคะ หรือตัดจบความสัมพันธ์ครั้งนี้ไปเมื่อโอกาสดีจึงเริ่มใหม่อีกครั้ง(ถ้ามีโอกาสอะนะ5555)ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
ไม่พร้อมที่จะมีความรัก ควรเปิดใจไหมคะ ?
เราใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่เหงาๆ ไม่มีใคร ในการฝึกภาษาบ้าง(เพราะภาษาค่อนข้างอ่อนมากเลยทีเดียว555) ดูคลิปที่ให้ข้อคิดดีๆ เช่นคลิปของคุณขุนเขา หรือฟังเรื่องกฎของเเรงดึงดูด เราฟังสิ่งเหล่านี้ก่อนนอนทุกๆวัน จนเริ่มจะปลงๆกับอะไรต่างๆค่อนข้างมาก และมันคงจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าเราเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆแต่อยู่ดีๆ เราก็ดันได้มารู้จักกับใครคนนึงค่ะ อยู่คนละคณะกัน เขาเป็นรุ่นพี่ เราไมไ่ด้รู้จักกันผ่านค่าย ผ่านกิจกรรมอย่างที่คนอื่นๆควรจะเป็นกัน เเต่เรารู้จักกันผ่านกลุ่มที่มีไว้เเชร์เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับซีรีย์ Game of thrones ซึ่งเขาเป็นแฟนพันธุ์เเท้ ส่วนเรากำลังเริ่มคลั่ง 55555 การรู้จักกันของเรามันเริ่มต้นจากความชอบที่เหมือนๆกัน เราเลยคุยกันได้ถูกคอ อีกอย่างคือเราเป็นสายชอบดูหนังรัก(ทั้งๆที่ไม่มีรัก) คงเพราะขาดสิ่งไหนคงอยากโหยหาสิ่งนั้นมั้งคะ เลยดูบ่อย
ซึ่งเขาก็เป็นเหมือนกัน ทุกเรื่องที่เขาดูเเละเขาชอบ เราเองก็จะชอบมาก ในการคุยกันของเราในทุกๆวันมันไม่เคยน่าเบื่อเลย เราคุยกันแบบไม่ได้จีบกันอะไร เเละดำเนินมาเรื่อยๆตลอดช่วงปิดเทอม คือตลอดช่วงที่ผ่านมา ทั้งความชอบ การมองโลก งานอดิเรก สิ่งต่างๆเหล่านี้เราดูเข้ากันได้ดี จนเราเองก็คิดว่าเริ่มชอบเขาเเล้วแหละค่ะ เพราะเขาค่อนข้างเเต่กต่างจากคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่การเข้ามาจีบโดยตรงเเละไม่คุยเรื่องอะไรเลยในชีวิต จะพูดเเต่เรื่องรักนะ กินข้าวยัง ทำไร ข้อเเตกต่างจากจุดนี้ทำให้เรารู้สึกชอบเขาเข้าไปหมดใจเลยค่ะ เเต่เราก็ไม่ได้เเสดงออกอะไร บางทีอยากตอบเขาไวๆ เเต่ก็ต้องเก็บอาการเพราะอยากทำให้มันดูเป็นความธรรมดามากที่สุด 55555 จนมาถึงช่วงที่เรื่องความชอบ เเละงานอดิเรกต่างๆของพวกเรามันได้พูดออกไปหมดเเล้ว เราเริ่มมาพูดเรื่องเรียนกัน ซึ่งเขาก็โอเคนะคะ เขาค่อนข้างเรียนใช้ได้ในสายการเรียนของเขา ซึ่งสายที่ตัวเราเรียนก็ไกล้เคียงกัน เขาก็บอกอยู่บ่อยๆเวลาที่เราหัดใช้โปรแกรมต่างๆ ซึ่งข้อนี้ก็ได้ใจไปอีกในด้านการช่วยเหลือและการพึ่งพาได้ ในตอนนี้ใจเราที่ไม่เคยเปิดรับใครมาก่อน เริ่มที่จะแอบลังเลเเล้วว่า หรือว่าจะเป็นคนนี้กันนะ? มันยิ่งชัดเจนขึ้นว่าเราสองคนคิดตรงกันก็คือเขามาบอกกับเราว่าชอบค่ะ ซึ่งตอนนั้นเราก็แกล้งเเซวๆไปว่าเขาคงพูดเล่นเเต่เรารู้ดีในใจเรานี่แหละ ว่ามันเป็นเรื่องจริง จากท่าทาง เเละน้ำเสียง เราเริ่มดีใจเเละอยากเปิดใจมากขึ้น เเต่เเล้วความคิดที่จะเปิดใจของเราก็หมดลงไปค่ะ เนื่องจากมันมีสิ่งสำคัญมากกว่านั้น
เราคุยกันเรื่อยๆจนมาถึงเรื่องครอบครัวของเขา(เราไมไ่ด้ถามนะคะเขาก็ไม่ได้เชิงอยากเล่าอะไรก็เหมือนพูดผ่านๆ) เขาค่อนข้างมีฐานะดีกว่าเราค่ะพ่อเเม่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เหมือนสิ่งที่เขาทำเเละรับรู้ กับสิ่งที่เราเป็นมันจะคนละแบบกันเลย ตั้งเเต่เรื่องอาหาร การเดินทาง ของที่ใช้ เราเองเป็นคนที่ตั้งใจเรียนมากถึงเเม้จะเรียนไม่เก่งที่สุดเเต่ก็มีความพยายาม เพราะครอบครัวเราลำบาก และเราก็คิดว่าความรู้จะช่วยส่งเสริมเเละสร้างคุณค่าให้กับตัวเองได้แต่ชีวิตเราในมหาวิทยาลัยไมไ่ด้สวยหรูเลยนะคะบางทีเพื่อนๆเขารวมกลุ่มกันไปเที่ยวหลังเรียนเสร็จ เราก็ไม่ไปเพราะช่วยครอบครัวประหยัด บางครั้งหนังที่เราอยากดูเข้าโรงเราก็ไม่ไปก็เพราะเหตุผลเดิมนั่นแหละค่ะ เสื้อผ้าการเเต่งกายของเราค่อนข้างเเย่(ถ้าจากมุมมองคนอื่น)ราคาไม่เคยถึงห้ารอยบาทจริงๆเราดำเนินชีวิตแบบนี้เราเองไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่านะคะเพราะยังมีวิธีที่จะเข้ากับเพื่อนได้อีกมากมายและตัวเราเองก็มีเพื่อนๆปกติโดยที่ไม่ต้องพยายามเป็นใคร เหมือนใคร เพียงเเต่เราจะไม่เหมือนคนส่วนมาก ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่เพื่อนๆเขาคุยกันเรื่องน้ำหอม เชื่อไหมคะถ้าเราจะพูดขึ้นไปเราคงนึกถึงน้ำหอมตามตลาดขาดละ20-50บาท55555เเต่สิ่งที่คนทั่วๆไปรอบตัวเราพูดๆกันจะเป็นอะไรที่เราไม่ค่อยรู้จักเลยค่ะนานทีปีหนเราโผล่ไปดูหนังทีนึง เราก็เอ๋อสุดๆหาทางเข้าก็ไม่เจอ บางทีเราก็ตลกตัวเองนะคะคือเราไม่ได้ปกติสำหรับคนทั่วไป
มีเเต่เราเท่านั้นที่รู้ว่าเราปกติเเละดีพอเพื่อนๆจะชอบถามเราด้วยความแปลกใจเสมอว่าทำไมไม่เที่ยวเลยที่บ้านไม่ให้ตังหรอ บางคนก็ถามเราเกี่ยวกับการเเต่งตัวว่าทำไมไม่ซื้อเเพงๆไปเลยจะได้ทนๆใช้ได้นาน เราก็จะตอบทุกคนไปตามความจริงเสมอว่าต้องใช้เงินประหยัดพวกเขาก็จะเข้าใจ เราก็ดีใจค่ะ เเต่พอมาลองคิดดูดีๆเเล้วจากที่เราได้คุยเเละศึกษาเขามาบ้างเราเลยเริ่มคิดว่าถ้าเราเปิดใจให้ใครสักคน หลังจากนี้ ถ้าต้องเป็นแฟนกันอะไรจะเปลี่ยนไปบ้าง ซึ่งเเน่นอนค่ะว่าเราจะมีคนคอยให้กำลังใจเเละเราจะได้เรียนรู้การมองโลกจากอีกคนมากขึ้น เราจะมีคู่หูที่จะไปไหนมาไหนได้อย่างอุ่นใจซึ่งข้อนี้แหละค่ะเป็นความจำกัดของเราเราคิดว่าต่อให้เราบอกเขาไปว่าเราจนนะเราไม่ใช่คนมีตัง เขาอาจจะตอบว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย เเต่การสร้างความรักเวลาไปไหนมาไหนก็คงต้องใช้เงินเป็นตัวเดินบ้างแหละค่ะเราว่า สมมุติถ้าไปดูหนังถ้าเราไม่มีตังเราคงต้องปฏิเสธเขาไปเเล้วถ้าเขายังอยากไปอยู่เขาอาจจะอาสาจ่ายให้ซึ่งเขาเองก็เรียนอยู่เหมือนกันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเราคงรู้สึกแย่ค่ะ แล้วอาหารที่เขากินของที่เขาใช้ต่างกับเราสิ้นเชิงสมมุติว่าวันพิเศษที่เราต้องให้ของขวัญกันและกันถ้าเราซื้อเสื้อตามตลาดให้เขาอาจจะรู้สึกแย่ หรือถ้าบางทีเขาอาจจะอยากไปกินอาหารแพงๆเราเองคงไม่มีตังจ่ายหรือถ้าได้ไปจริงๆก็คงไม่รู้จักเมนูอะไรแบบนั้นเเน่ๆ
ตอนนี้เราไม่สบายใจค่ะเราคิดเรื่องนี้วนอยู่หลายวันจนตอนนี้เหมือนจะได้คำตอบให้ตัวเองว่าควรหยุด แล้วรอเวลาให้ถึงช่วงที่พร้อมก่อนดีไหมถ้าตอนนั้นจังหวะของเราเเละเขามันยังอยู่พอที่จะกลับมาคุยกันอีกครั้งค่อยว่ากันใหม่ มีบางครั้งที่ความคิดเราก็บอกว่าให้ลองเเละลุยไปเลยถ้าเขาไม่ใช่เเละไม่ชอบในตัวเราที่เป็นเรา ถึงวันนั้นเขาคงปฏิเสธเอง ซึ่งก็ดูเป็นความคิดที่ดีค่ะเเต่เหมือนความคิดอีกด้านก็บอกว่าจะเริ่มทำไมในเมื่อรู้ว่าจะจบ ถ้าต้องมานั่งเสียใจทีหลังเราควรเริ่มต้นหรอ นอกจากเรื่องฐานะเเล้วยังมีอีกเรื่องที่เรากับเขาต่างกันเขาดูเป็นคนกินเหล้าเก่งเเละมีเพื่อนเยอะต่างกับเราค่ะเรากินเป็นเเต่ไม่เก่งเวลาที่เขาจะทำตัวเถื่อนๆก็มีไปดื่มบ้างเเล้วก็ไปแทงไอ้พวกลูกกลมๆสีเขียวสีแดงๆกับเพื่อนเราจำไมไ่ด้ว่าเรียกว่าอะไรเเต่ทุกครั้งที่เขาไป เขาก็จะขอเราก่อน(ทั้งๆที่เป็นเเค่คนคุยเนี่ยนะ555)เเจ้งเวลาไปเเละเวลากลับทุกครั้ง เอาตรงๆเลยนะคะเราไม่ใส่ใจเลยว่าเขาจะไปทำอะไรแบบไหนเพราะเรามองในมุมที่สิทธิ์ใครสิทธิ์มันเราไมไ่ด้เป็นเจ้าของใคร สิ่งไหนเป็นความสุขก็ควรได้ทำ แล้วอีกอย่างเราเองก็ไมไ่ด้เป็นแฟนกัน เราไม่คิดจะห้ามหรืออะไรเลยค่ะเพราะเราไม่ได้ผูกความสุขไว้ที่เขา เราอยู่กับตัวเองมานานจนชินซะเเล้วล่ะ เล่ามาจนถึงตอนนี้เราไมไ่ด้หมายความว่าคนดิ่มเหล้าเก่งหรือคนเที่ยวกลางคืนเป็นสิ่งไม่ดีนะคะเพียงเเต่เราอยากชี้ให้เห็นถึงความเเตกต่างว่าเขาเเละเรามีด้านที่เหมือนจะต่างกันสุดขั้วอยู่สุดท้ายนี้อยากจะถามคุณผู้อ่านว่าเราควรเปิดใจไหมคะ หรือตัดจบความสัมพันธ์ครั้งนี้ไปเมื่อโอกาสดีจึงเริ่มใหม่อีกครั้ง(ถ้ามีโอกาสอะนะ5555)ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ