นับตั้งแต่ระบบอินเทอร์เน็ตก้าวหน้า และกำลังจะก้าวกระโดดสู่เทคโนโลยี 5G สัญญาณนี้บ่งชี้ถึงความเร็วในการส่งผ่านข้อมูล สามารถสตรีมภาพบนตร์ 4K หรือแม้แต่ 8K ได้อย่างราบรื่นอย่างแน่นอน
ตลาดสตรีมมิ่งภาพยนตร์เกิดการตื่นตัวสูงทั่วโลก ไม่นับเจ้าเดิมอย่าง Netflix ค่ายหนังอื่นๆ ต่างจ้องตลาดนี้อย่างไม่วางตา
และหนึ่งในนั้น ผมเชื่อว่า
ดิสนีย์ ยักษ์ใหญ่ความบันเทิงครบวงจรย่อมต้องการผันตัวเข้าไปยังตลาดมูลค่ามหาศาลในโฮมเอนเตอร์เทนเม้นต์ด้วยอย่างแน่นอน
สังเกตุได้จากการตัดสินใจเข้าซื้อกิจการของ 21st Century Fox โดยการควบรวมกิจการครั้งนี้ ได้มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 20 มีนาคม 2019 แล้ว
หมายความว่า ดิสนีย์จะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หนัง Avatar และบรรดาซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel ทั้ง Fantastic Four, X-Men และ Deadpool เป็นต้น เป็นแหล่งทำเงินมูลค่ามหาศาล ทั้งการสร้างภาพยนตร์ออกฉาย และตลาดสตรีมมิ่งภาพยนตร์ที่เก็บรายได้เป็นกอบเป็นกำ
ดังนั้นตลาดแผ่นดีวีดี บลูเรย์ และบลูเรย์ 4K จึงถึงเวลาที่จะต้องจำกัดตลาดให้แคบลง! หรือยกเลิกในอนาคต
ผมได้วิเคราะห์ เป็นการส่วนตัวมาเกือบหนึ่งปีแล้วว่า ใครเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังแผ่น ต้องเจอปัญหาแน่นอน
ไม่เพียงแค่ของดิสนีย์ แต่ค่ายหนังใหญ่ทุกรายก็เริ่มมีนโยบายไม่ต่างกัน จะช้า เร็ว ต้องมาถึงจุดที่เรียกว่า “ตลาดในขอบเขตจำกัดและเหมาะสม” คือ ต้องยอมรับว่า กระบวนการผลิตแผ่นหนังแผ่นนั้นอยู่ในช่วงขาลง มีปัญหาสารพัด ต้องถึงคราวจัดการให้เรียบร้อยเสียที
นอกจากเรื่องตามรบกับแผ่นผีปีศาจ ก็อปปี้ ลักลอบทำขายแข่งไม่มีวันชนะ แล้ว ปัญหาเรื่องสต็อก ที่ต้องใช้พื้นที่มหาศาลในการเก็บรักษาแผ่นที่สิ้นเปลืองทั้งคนทั้งทรัพยากรมากมาย
อีกเรื่องที่ต้องจัดการคือ กระบวนการขั้นตอนทำแผ่นบลูเรย์ และบลูเรย์ระดับแผ่น 4K เอาง่ายๆ เลยคือ ต้องนำไฟล์ดิบภาพยนตร์มาทำการสร้างมาสเตอร์สำหรับแผ่นต่างหาก (ไม่ใช่กรรมวิธีเดียวกับการทำเป็นไฟล์ DCP สำหรับโรงภาพยนตร์) ต้องให้สตูดิโอนำมาจัดการปรับภาพและเสียงใหม่ ขั้นตอนนี้ แม้แต่การมิกซ์เสียง Dolby Atmos ก็จะต้องทำใหม่ด้วยครับ มีการนำเอาตัวบรรยาย เสียงพูดจากพื้นถิ่นภูมิภาคต่างๆ มาซิ้งค์เข้าไปในไฟล์ที่จะทำเป็นแผ่นเหล่านั้น
ขั้นตอนดังกล่าว ถ้าเป็นระบบเสียง และขนาดรายละเอียดภาพ ก็ยังต้องแยกไปอีกว่าเป็นการบันทึกสำหรีบดีวีดี หรือ บลูเรย์ หรือของแผ่น 4K เพราะแตกต่างกันทั้งหมด เรียกว่าโดยกระบวนการยุ่งเหยิงซับซ้อนพอสมควร จำนวนหรือปริมาณการผลิตจะต้องมีจุดคุ้มอยู่ที่ระดับหนึ่ง
ดังนั้น ในภูมิภาคที่ผู้บริโภคจำนวนน้อย สตูดิโอยักษ์อย่างดิสนีย์ จึงไม่ยินดีที่จะผลิตแผ่นที่เพิ่มเติมภาษาพูด ตัวบรรยายใต้ภาพ ภาษาท้องถิ่น พร้อมที่จะเลิกจำหน่ายแผ่นให้กับตัวแทนในประเทศที่มีการสั่งในปริมาณ หรือจำนวนที่ไม่คุ้มทุน
ผมพอทราบมาว่า เมื่อปลายปีที่แล้ว ดิสนีย์เรียกประชุมตัวแทนจำหน่ายให้รับทราบนโยบายว่า ทางดิสนีย์จะยุติการผลิตแผ่น 4K ในหลายภูมิภาค เพราะส่วนมากที่ผลิตจำหน่ายนั้นไม่คุ้มต้นทุน รวมทั้งการจัดการสต็อกแผ่น การส่งออก ก็ไม่สะดวกอีกต่อไปแล้ว นั่นคือ ชะตากรรมของตัวแทนจำหน่ายภาพยนตร์แผ่นของดิสนีย์ ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ทางดิสนีย์จำเป็นต้องผลิตภาพยนตร์แผ่นเท่าที่จำเป็นและคุ้มค่าในตลาดใหญ่ๆ อย่างอเมริกา จีน ยุโรป ที่ไม่จำเป็นต้องนำภาษาหลากหลายนับสิบๆ ภาษามาบรรจุในแผ่น สิ้นเปลืองเวลาและกระบวนการผลิต
เท่าที่ทราบมีแค่ตลาดสิงคโปร์เท่านั้นที่ยังผลิตส่งให้ เพราะคนสิงคโปร์ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
ไทย อินโดนีเชีย พม่า เวียดนาม มาเลเซียและอื่นๆ ในเขตอาเซียน ไม่สามารถต่อรอง ขอใส่ตัวบรรยายภาษา หรือเสียงพูดท้องถิ่นอีกต่อไป
เราต้องยอมรับว่า ความสามารถในการชมภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ อย่างเข้าใจถ่องแท้ของคนไทย (รวมทั้งตัวผมด้วย) ไม่ใช่จะเป็นได้ในทุกคน และทางดิสนีย์เอง ก็มีนโยบายไม่ส่งแผ่น บลูเรย์ และบลูเรย์ 4K ในตลาดอาเซียน อีกต่อไป เนื่องจากเหตุผลด้านนโยบายความคุ้มค่าในการผลิต
ผมรู้สึกย่ำแย่เหมือนกัน เพราะเป็นคนหนึ่งที่สะสมแผ่นหลายรูปแบบ ทั้ง 4K Blu-Ray ดีวีดี ซีดี แผ่นเสียงไวนีล เมื่อขาดหนังดิสนีย์ เหมือนความบันเทิงในบ้านหลุดลอยขาดเป็นท่อนๆ
และเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในการส่งผ่านสัญญาณทางอินเตอร์เน็ตนี้เอง เป็นตัวการที่สำคัญที่ทำให้ตลาดแผ่นทั้งหลายถูกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพียงแต่อะไรจะแจ๊คพ็อตก่อนหน้าหรือหลัง ตอนนี้ หวยมาออกที่แผ่นบลูเรย์ บลูเรย์ 4K ก่อนเพื่อน
ทางบูมเมอแรงได้พยายามเจรจาต่อรองมาตลอด แต่ต้องยอมรับว่า ไม่อาจจะที่เปลี่ยนแปลงนโยบายของเขาได้ จึงต้องอาศัยการสั่งนำเข้า หรือแผ่นอิมพอร์ต มาทดแทน แต่นั่นคือ ต้องยอมรับในเรื่องไม่มีบรรยายภาษาไทยในแผ่นอย่างแน่นอน
ผมคิดมาแต่แรกแล้วว่า บูมเมอแรงและลูกค้าคงจะพบผลกระทบจากปัญหาตรงนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่มีทางจะไปเปลี่ยนแปลงนโยบายของเขาได้ อันเนื่องจาก สตูดิโอยักษ์ใหญ่ระดับนี้ เขาต้องมีการคำนวณแล้วว่า อะไรคุ้มไม่คุ้ม
เหตุการณ์นี้กำลังจะลามไปยังค่ายภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย มันเป็นปรากฎการณ์การเปลี่ยนแปลงทั้งโลก ที่สุด สตูดิโอ ก็จะหันไปทำสตรีมมิ่งอย่างแน่นอน เขาจะไม่เสียเวลากับการวุ่นวายในการผลิตแผ่น อันเป็นวัตถุที่สิ้นเปลืองทั้งการผลิตและหาพื้นที่จัดเก็บ
ผมได้ยินเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะแฟนคลับหนังแผ่นของบูมเมอแรงเองดังแรงขึ้นทุกวัน เพราะผมเป็นหนึ่งในนั้นด้วย มีบางท่านตั้งข้อสงสัยว่า บูมเมอแรงไม่ลงทุน ไม่มีเงินพอในการสั่งแผ่น (อันนี้ผมว่าแรงไปเหมือนกัน) ตรงนี้ก็อาจจะแค่คาดเดา คิดกันไป
ถ้าจะให้ได้ความกระจ่างง่ายที่สุด คือ ลองสอบถามไปยังต้นสังกัด ดิสนีย์ (ประเทศไทย) ว่า นี่เป็นเพราะนโยบายของดิสนีย์เอง หรือเพราะบูมเมอแรงไม่มีเงินกันแน่ และผมก็เป็นคนหนึ่งละที่อยากร้องขอไปทางดิสนีย์ด้วยว่า เราในฐานะคนบริโภคแผ่น ก็ยังอยากให้มีตัวอักษรบรรยายไทยเป็นอย่างต่ำ แม้จะไม่มีพูดไทยในร่องแทร็คภาษาก็ตาม
อยากให้ทุกคนที่รักในแผ่นภาพยนตร์ บลูเรย์ และแผ่น4K ช่วยๆ กันอีกแรง แสดงความคิดเห็นไปยังดิสนีย์ประเทศไทย หรือสตูดิโอในอเมริกาว่า เรายังคงต้องการหนังดิสนีย์ แม้เราจะมีจำนวนไม่มากเท่าภูมิภาคอื่นก็ตาม
ขอส่งเสียงตรงนี้ ด้วยความเข้าใจ เห็นใจ ในสถานการณ์ของตัวแทนจำหน่ายแผ่นที่พยายามอย่างที่สุดแล้ว รวมทั้งความต้องการของผู้บริโภค ไปยังดิสนีย์ด้วยว่าเรายังคงต้องการแผ่นบลูเรย์ดิสก์ 4K บรรยายไทย ครับ
เพราะการไม่มีบรรยายภาษาในแผ่น คืออุปสรรคขวากหนามในการชมภาพยนตร์อย่างลึกซึ้งพอเพียง เราไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษทุกคนหรอกครับ
ถึงตลาดจะแคบลง แต่ก็อยากให้การคอลเล็กชั่นหนังแผ่น โดยเฉพาะหนัง Disney ยังคงยืนยงต่อไป เพราะมันคือความงดงามที่จับต้องได้ครับ
แลกเปลี่ยนความเห็นกัน: เส้นทางขวากหนามของแผ่น 4K กำลังแผลงฤทธิ์ แสดงถึงอัสดงวงการแผ่น 4K (ข้อมูลจาก FB: วิจิตร บุญชู)
ตลาดสตรีมมิ่งภาพยนตร์เกิดการตื่นตัวสูงทั่วโลก ไม่นับเจ้าเดิมอย่าง Netflix ค่ายหนังอื่นๆ ต่างจ้องตลาดนี้อย่างไม่วางตา
และหนึ่งในนั้น ผมเชื่อว่า ดิสนีย์ ยักษ์ใหญ่ความบันเทิงครบวงจรย่อมต้องการผันตัวเข้าไปยังตลาดมูลค่ามหาศาลในโฮมเอนเตอร์เทนเม้นต์ด้วยอย่างแน่นอน
สังเกตุได้จากการตัดสินใจเข้าซื้อกิจการของ 21st Century Fox โดยการควบรวมกิจการครั้งนี้ ได้มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 20 มีนาคม 2019 แล้ว
หมายความว่า ดิสนีย์จะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หนัง Avatar และบรรดาซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel ทั้ง Fantastic Four, X-Men และ Deadpool เป็นต้น เป็นแหล่งทำเงินมูลค่ามหาศาล ทั้งการสร้างภาพยนตร์ออกฉาย และตลาดสตรีมมิ่งภาพยนตร์ที่เก็บรายได้เป็นกอบเป็นกำ
ดังนั้นตลาดแผ่นดีวีดี บลูเรย์ และบลูเรย์ 4K จึงถึงเวลาที่จะต้องจำกัดตลาดให้แคบลง! หรือยกเลิกในอนาคต
ผมได้วิเคราะห์ เป็นการส่วนตัวมาเกือบหนึ่งปีแล้วว่า ใครเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังแผ่น ต้องเจอปัญหาแน่นอน
ไม่เพียงแค่ของดิสนีย์ แต่ค่ายหนังใหญ่ทุกรายก็เริ่มมีนโยบายไม่ต่างกัน จะช้า เร็ว ต้องมาถึงจุดที่เรียกว่า “ตลาดในขอบเขตจำกัดและเหมาะสม” คือ ต้องยอมรับว่า กระบวนการผลิตแผ่นหนังแผ่นนั้นอยู่ในช่วงขาลง มีปัญหาสารพัด ต้องถึงคราวจัดการให้เรียบร้อยเสียที
นอกจากเรื่องตามรบกับแผ่นผีปีศาจ ก็อปปี้ ลักลอบทำขายแข่งไม่มีวันชนะ แล้ว ปัญหาเรื่องสต็อก ที่ต้องใช้พื้นที่มหาศาลในการเก็บรักษาแผ่นที่สิ้นเปลืองทั้งคนทั้งทรัพยากรมากมาย
อีกเรื่องที่ต้องจัดการคือ กระบวนการขั้นตอนทำแผ่นบลูเรย์ และบลูเรย์ระดับแผ่น 4K เอาง่ายๆ เลยคือ ต้องนำไฟล์ดิบภาพยนตร์มาทำการสร้างมาสเตอร์สำหรับแผ่นต่างหาก (ไม่ใช่กรรมวิธีเดียวกับการทำเป็นไฟล์ DCP สำหรับโรงภาพยนตร์) ต้องให้สตูดิโอนำมาจัดการปรับภาพและเสียงใหม่ ขั้นตอนนี้ แม้แต่การมิกซ์เสียง Dolby Atmos ก็จะต้องทำใหม่ด้วยครับ มีการนำเอาตัวบรรยาย เสียงพูดจากพื้นถิ่นภูมิภาคต่างๆ มาซิ้งค์เข้าไปในไฟล์ที่จะทำเป็นแผ่นเหล่านั้น
ขั้นตอนดังกล่าว ถ้าเป็นระบบเสียง และขนาดรายละเอียดภาพ ก็ยังต้องแยกไปอีกว่าเป็นการบันทึกสำหรีบดีวีดี หรือ บลูเรย์ หรือของแผ่น 4K เพราะแตกต่างกันทั้งหมด เรียกว่าโดยกระบวนการยุ่งเหยิงซับซ้อนพอสมควร จำนวนหรือปริมาณการผลิตจะต้องมีจุดคุ้มอยู่ที่ระดับหนึ่ง
ดังนั้น ในภูมิภาคที่ผู้บริโภคจำนวนน้อย สตูดิโอยักษ์อย่างดิสนีย์ จึงไม่ยินดีที่จะผลิตแผ่นที่เพิ่มเติมภาษาพูด ตัวบรรยายใต้ภาพ ภาษาท้องถิ่น พร้อมที่จะเลิกจำหน่ายแผ่นให้กับตัวแทนในประเทศที่มีการสั่งในปริมาณ หรือจำนวนที่ไม่คุ้มทุน
ผมพอทราบมาว่า เมื่อปลายปีที่แล้ว ดิสนีย์เรียกประชุมตัวแทนจำหน่ายให้รับทราบนโยบายว่า ทางดิสนีย์จะยุติการผลิตแผ่น 4K ในหลายภูมิภาค เพราะส่วนมากที่ผลิตจำหน่ายนั้นไม่คุ้มต้นทุน รวมทั้งการจัดการสต็อกแผ่น การส่งออก ก็ไม่สะดวกอีกต่อไปแล้ว นั่นคือ ชะตากรรมของตัวแทนจำหน่ายภาพยนตร์แผ่นของดิสนีย์ ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ทางดิสนีย์จำเป็นต้องผลิตภาพยนตร์แผ่นเท่าที่จำเป็นและคุ้มค่าในตลาดใหญ่ๆ อย่างอเมริกา จีน ยุโรป ที่ไม่จำเป็นต้องนำภาษาหลากหลายนับสิบๆ ภาษามาบรรจุในแผ่น สิ้นเปลืองเวลาและกระบวนการผลิต
เท่าที่ทราบมีแค่ตลาดสิงคโปร์เท่านั้นที่ยังผลิตส่งให้ เพราะคนสิงคโปร์ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
ไทย อินโดนีเชีย พม่า เวียดนาม มาเลเซียและอื่นๆ ในเขตอาเซียน ไม่สามารถต่อรอง ขอใส่ตัวบรรยายภาษา หรือเสียงพูดท้องถิ่นอีกต่อไป
เราต้องยอมรับว่า ความสามารถในการชมภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ อย่างเข้าใจถ่องแท้ของคนไทย (รวมทั้งตัวผมด้วย) ไม่ใช่จะเป็นได้ในทุกคน และทางดิสนีย์เอง ก็มีนโยบายไม่ส่งแผ่น บลูเรย์ และบลูเรย์ 4K ในตลาดอาเซียน อีกต่อไป เนื่องจากเหตุผลด้านนโยบายความคุ้มค่าในการผลิต
ผมรู้สึกย่ำแย่เหมือนกัน เพราะเป็นคนหนึ่งที่สะสมแผ่นหลายรูปแบบ ทั้ง 4K Blu-Ray ดีวีดี ซีดี แผ่นเสียงไวนีล เมื่อขาดหนังดิสนีย์ เหมือนความบันเทิงในบ้านหลุดลอยขาดเป็นท่อนๆ
และเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในการส่งผ่านสัญญาณทางอินเตอร์เน็ตนี้เอง เป็นตัวการที่สำคัญที่ทำให้ตลาดแผ่นทั้งหลายถูกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพียงแต่อะไรจะแจ๊คพ็อตก่อนหน้าหรือหลัง ตอนนี้ หวยมาออกที่แผ่นบลูเรย์ บลูเรย์ 4K ก่อนเพื่อน
ทางบูมเมอแรงได้พยายามเจรจาต่อรองมาตลอด แต่ต้องยอมรับว่า ไม่อาจจะที่เปลี่ยนแปลงนโยบายของเขาได้ จึงต้องอาศัยการสั่งนำเข้า หรือแผ่นอิมพอร์ต มาทดแทน แต่นั่นคือ ต้องยอมรับในเรื่องไม่มีบรรยายภาษาไทยในแผ่นอย่างแน่นอน
ผมคิดมาแต่แรกแล้วว่า บูมเมอแรงและลูกค้าคงจะพบผลกระทบจากปัญหาตรงนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่มีทางจะไปเปลี่ยนแปลงนโยบายของเขาได้ อันเนื่องจาก สตูดิโอยักษ์ใหญ่ระดับนี้ เขาต้องมีการคำนวณแล้วว่า อะไรคุ้มไม่คุ้ม
เหตุการณ์นี้กำลังจะลามไปยังค่ายภาพยนตร์อื่นๆ ด้วย มันเป็นปรากฎการณ์การเปลี่ยนแปลงทั้งโลก ที่สุด สตูดิโอ ก็จะหันไปทำสตรีมมิ่งอย่างแน่นอน เขาจะไม่เสียเวลากับการวุ่นวายในการผลิตแผ่น อันเป็นวัตถุที่สิ้นเปลืองทั้งการผลิตและหาพื้นที่จัดเก็บ
ผมได้ยินเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะแฟนคลับหนังแผ่นของบูมเมอแรงเองดังแรงขึ้นทุกวัน เพราะผมเป็นหนึ่งในนั้นด้วย มีบางท่านตั้งข้อสงสัยว่า บูมเมอแรงไม่ลงทุน ไม่มีเงินพอในการสั่งแผ่น (อันนี้ผมว่าแรงไปเหมือนกัน) ตรงนี้ก็อาจจะแค่คาดเดา คิดกันไป
ถ้าจะให้ได้ความกระจ่างง่ายที่สุด คือ ลองสอบถามไปยังต้นสังกัด ดิสนีย์ (ประเทศไทย) ว่า นี่เป็นเพราะนโยบายของดิสนีย์เอง หรือเพราะบูมเมอแรงไม่มีเงินกันแน่ และผมก็เป็นคนหนึ่งละที่อยากร้องขอไปทางดิสนีย์ด้วยว่า เราในฐานะคนบริโภคแผ่น ก็ยังอยากให้มีตัวอักษรบรรยายไทยเป็นอย่างต่ำ แม้จะไม่มีพูดไทยในร่องแทร็คภาษาก็ตาม
อยากให้ทุกคนที่รักในแผ่นภาพยนตร์ บลูเรย์ และแผ่น4K ช่วยๆ กันอีกแรง แสดงความคิดเห็นไปยังดิสนีย์ประเทศไทย หรือสตูดิโอในอเมริกาว่า เรายังคงต้องการหนังดิสนีย์ แม้เราจะมีจำนวนไม่มากเท่าภูมิภาคอื่นก็ตาม
ขอส่งเสียงตรงนี้ ด้วยความเข้าใจ เห็นใจ ในสถานการณ์ของตัวแทนจำหน่ายแผ่นที่พยายามอย่างที่สุดแล้ว รวมทั้งความต้องการของผู้บริโภค ไปยังดิสนีย์ด้วยว่าเรายังคงต้องการแผ่นบลูเรย์ดิสก์ 4K บรรยายไทย ครับ
เพราะการไม่มีบรรยายภาษาในแผ่น คืออุปสรรคขวากหนามในการชมภาพยนตร์อย่างลึกซึ้งพอเพียง เราไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษทุกคนหรอกครับ
ถึงตลาดจะแคบลง แต่ก็อยากให้การคอลเล็กชั่นหนังแผ่น โดยเฉพาะหนัง Disney ยังคงยืนยงต่อไป เพราะมันคือความงดงามที่จับต้องได้ครับ