ประสบการณ์จบ ดร. ที่ญี่ปุ่น สาขา นิวเคลียร์ครับ

ผมตั้งกระทู้ เพื่ออยากมาเล่า ประสบการณ์ชีวิตของผม การจบปริญญาเอก การใช้ชีวิต ในประเทศญี่ปุ่น และขออนุญาตเปรียบเทียบบางสิ่งกับประเทศไทย และสะท้อนการเมืองที่เป็นกระแสสังคมปัจจุบันด้วย หวังว่าอาจจะมีประโยชน์กับหลายๆท่านไม่มากก็น้อยครับ 

สิ่งที่ผมเล่าต่อไปนี้ล้วนมาจากประสบการณ์ชีวิตส่วนตัว ความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น ถ้าความเห็นของผมมีความไม่ถูกต้อง หรืออาจสร้างความไม่พอใจจากการเปรียบเทียบ ผมกราบขออภัยล่วงหน้าด้วย แต่ทุกอย่างเพื่อสะท้อนมุมมองของผมในฐานะคนไทยในประเทศญี่ปุ่นและคล่ำหวอดอยุ่ในวงการเทคโนโลยี

ผมเรียนจบปริญญาตรี ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชารังสีประยุกต์และไอโซโทป ด้วยเหตุบังเอิญสอบเอนทรานซ์ติดไม่ได้ตั้งใจ แต่สุดท้ายผมก็หลงรัก วิชานี้มาก ผมตัดสินใจเรียนต่อ ปริญญาโท ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชา นิวเคลียร์เทคโนโลยี ผมฝันที่จะได้เป็นอาจารย์ และผมเล็งเห็นว่า ศาสตร์นิวเคลียร์ที่เข้มข้นมากนี้นั้น มีสอนเพียงแค่ 2 ที่ และผมก็เรียนจบทั้ง 2 ที่ คงจะสร้างโอกาสให้ฝันผมเป็นจริงได้ไม่ยาก

ผมสนใจ แขนงเฉพาะ เคมีนิวเคลียร์เป็นพิเศษ โดยมีอาจารย์คนไทยเชี่ยวชาญเพียงไม่กี่ท่านเท่านั้นในประเทศไทย ผมทำงานอย่างหนัก ด้วยความที่ภาควิชาเล็กมาก และประเทศไทยไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เราแทบจะไม่มีเครื่องมืออะไร ผมทำงานตรากตรำกับวิทยานิพนธ์ปริญญาโท จนกระทั่งฟ้าดินก็เห็นใจผม

ผมพบกับ อาจารย์ญี่ปุ่น ท่านหนึ่ง ยังอายุไม่เยอะ เพียง 39 ปี ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น รองศาสตราจารย์ ที่ Tokyo Institute of Technology ท่านมาเยี่ยมภาควิชาของเราที่ประเทศไทย และมองหานักเรียนต่างชาติเพื่อรับทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (MEXT) ผมจึงถูกขอให้เรียกสัมภาษณ์ทันที เพราะเป็นนักเรียนคนเดียวในตอนนั้นที่ทำงานด้านเคมีนิวเคลียร์ได้ จากนั้น 6 เดือน หลังจากลุยสอบภาษาอังกฤษ และอยากได้รับโอกาสมาก ในที่สุดฝันผมก็เป็นจริง

ผมเดินทางมาที่ ภาควิชานิวเคลียร์ Tokyo Institute of Technology ในปี 2014 เริ่มเป็นนักศึกษาปริญญาโท ตั้งต้นใหม่อีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขของทุน ผมต้องเรียนโทซ้ำอีกครั้ง และได้เรียนฟรีจนถึงจบปริญญาเอก 

แลปของอาจารย์ผมที่มาทำงาน เป็นแลปที่ใหม่มาก ธีมงานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีนาโน และโพลิเมอร์ เพื่อประยุกต์ใช้ในการรีไซเคิล ธาตุสำคัญบางชนิด หรือธาตุเศรษฐกิจบางอย่าง จากเชื้อเพลิงที่ใช้แล้วของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 

อย่าว่าแต่ เชื้อเพลิงใช้แล้ว หรือโรงงานรีไซเคิลเลย แม้แต่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซักโรงเดียวในประเทศไทยก็ไม่มี ผมเป็นคนตัวเล็กๆคนนึง ที่ประเทศด้อยพัฒนาความรู้ด้านนี้ แต่ต้องมาทำงานวิจัยที่แอดวานซ์ไปแล้ว เพราะ เขามีทั้งโรงไฟฟ้า และโรงกำจัดกากมืออาชีพ แต่สิ่งที่เราทำอยู่คือการคิดเทคโนโลยีระดับนาโนใหม่ ในการคัดแยกธาตุต่างๆ เพื่อลดภาระการเก็บระยะยาว และนำกลับมาใช้ใหม่ของธาตุกัมมันตรังสี 

การเรียน และการทำแลป เพื่อสร้างงานวิจัย ของผมจึงเต็มไปด้วยความกดดัน ความเหนื่อย เพราะ แทนที่ผมจะเรียนรู้ตรงกลางของการเดินทางเชื้อเพลิงใช้แล้วของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ผมกำลังยืนอยู่บนสถานีวิจัยที่เรียกตัวเองว่า "เทคโนโลยีแอดวานซ์" นั่นแปลว่า เทคโนโลยีที่มีใช้อยู่แล้วปกติไม่พอแล้ว แต่แม้แต่เทคโนโลยีแบบเก่าที่ใช้กันอยู่แล้วอันนั้นสักอัน ผมก็ไม่เคยเห็นเลยนี่นา 

และนั้นเองทำให้ อาจารย์ของผม มีเครื่องมือ หลายๆ ชนิด ในห้องแลป และเงินทุนวิจัยรออยู่ ประมาณ 60 ล้านเยน 
เดี๋ยวจะมาเล่าต่อนะครับ จะเล่าบรรยากาศการทำงานแบบญี่ปุ่น และการพัฒนาเทคโนโลยี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่