วันที่ 30 พฤษภาคม 2562 - 17:28 น


 จากกรณีคลิปรถแจ๊ซ และวีออสขับตามกันมา ก่อนบีบแตรดังลั่นถนน จากนั้นคนในเก๋งวีออสคันที่บีบแตรลงมาจากรถ โดยสวมชุดคล้ายข้าราชการ วิ่งเข้าไปกระโดดถีบรถแจ๊ซคันหน้า จากนั้นกลับมาที่รถและพยายามหลบหนี โดยมีชาย-หญิงคนขับรถแจ๊ซที่โดนถีบ วิ่งมาที่รถและพยายามเรียกให้ลงมาคุยกันพร้อมกับทุบรถกลับด้วย ก่อนจะมีประชาชนละแวกนั้นพยายามแยกทั้งคู่ออกจากกัน ก่อนชายชุดคล้ายข้าราชการจะเดินทางมายังสน.ศาลาแดง และพบว่าเป็นทหาร ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 30 พ.ค. ที่สน.ศาลาแดง พ.ต.อ.กฤตินาท ตุลยลักษณ์ ผกก.สน.ศาลาแดง นัดนายทหารยศเรือตรีที่ก่อเหตุ และน.ส.สุนาวรี อินดิบ วัย 32 ปี ช่างเสริมสวย หญิงสาวคู่กรณีในรถแจ๊ซ ให้มาเจรจากัน เนื่องจากคลิปดังกล่าววิพากษวิจารณ์ในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก

น.ส.สุนาวรี กล่าวว่า ตนไม่ได้ขับรถปาดหน้ากับคู่กรณีตามที่ถูกกล่าวอ้าง แต่ขณะเกิดเหตุนายทหารพยายามขับจี้ท้ายรถ และบีบแตรตลอดทาง ก่อนที่นายทหารคนดังกล่าวจะตะโกนต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย พาดพิงไปถึงบุพการีว่าทำไมนำสติ๊กเกอร์ปิดป้ายทะเบียนรถ พ่อแม่ไม่สั่งสอนเหรอ ซึ่งตนโกรธมากที่มีคนมาต่อว่าพาดพิงถึงบุพการี แต่ตนพยายามไม่สนใจ เนื่องจากต้องปิดสติ๊กเกอร์ทับเลขเดิม เพราะไม่ถูกโฉลกกับเลข 1 และ 5 ก่อนพยายามใจเย็นและขับหนี แต่ทหารนายดังกล่าวยังไม่ยอม บีบแตรไล่หลัง และตะโกนด่าทอกันระหว่างรถไปมา

“กระทั่งติดไฟแดง ทหารนายดังกล่าวลงจากรถพร้อมกระโดดถีบท้ายรถ และพยายามจะขับรถหลบหนี เราจึงวิ่งเข้าไปก่อนพยายามเรียกให้ลงมาคุยกัน แต่ทหารนายดังกล่าวขับหนี จึงวิ่งตามพร้อมใช้ข้อศอกกระแทกกระจกรถคู่กรณีจนแตก ซึ่งทหารนายดังกล่าวได้ตกใจและย้ายไปนั่งเบาะข้างคนขับ พร้อมตะโกนกลับมาว่า เราทำร้ายร่างกายเขา พยายามฆ่า และต่อว่าเราเมายา นอกจากนี้ยังข่มขู่ว่า รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร เขาใส่ชุดข้าราชการสีกากี เป็นทหาร เขารู้จักอัยการและผู้ใหญ่หลายคน จะเอาเรื่องเราให้ถึงที่สุด”น.ส.สุนาวรีกล่าว

น.ส.สุนาวรี กล่าวทิ้งท้ายหลักจากเกิดเรื่อง ตนได้ลงรถมาเจรจากัน โดยทหารนายดังกล่าวได้บอกกับตนว่า ให้รับผิดชอบค่าเสียหาย ค่ากระจก 8,000 บาท ซึ่งตนพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย เพราะยอมรับว่าตนเกิดบันดาลโทสะ

เบื้องต้นพ.ต.อ.กฤตินาท อยู่ระหว่างสอบปากคำ ทั้ง 2 ฝ่าย โดยยังไม่แจ้งข้อหาฝ่ายใด พร้อมกับยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งคู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ทั้งคู่ได้เข้าไปให้ปากคำ ได้มีนายทหารยศนายพล ซึ่งเป็นพ่อของนายทหารคนดังกล่าว พร้อมกับบอกว่า ลูกชายอาจเป็นผู้ถูกกระทำก่อน ตามปกติแล้วธรรมชาติลูกชายจะเป็นคนอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าใครมาทำอะไรที่ไม่ถูกต้องจะไม่ยอม เพราะเขาเป็นคนยึดความถูกต้องเป็นที่ตั้ง ยกตัวอย่างหากไปขึ้นเครื่องบิน ลูกก็จะต้องต่อแถวตลอด

นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า ลูกชายได้รับประกาศนียบัตรจากพระชั้นผู้ใหญ่ระดับประเทศ เป็นคนธรรมะ ธรรมโม ซึ่งที่ผ่านมาจะอยู่ในโอวาสตลอด ส่วนในเรื่องของคดีความ เบื้องต้นก็ไม่อยากเอาเรื่องค่าเสียหายใดๆ แต่ลูกชายไม่ยอม ซึ่งตนก็อยากให้อภัยซึ่งกันและกัน แต่เชื่อว่าที่มีปัญหากันอาจเคยมีเรื่องกันตั้งแต่อดีตชาติ

ข่าวสด