งง ใจ ค่ะ ไม่นึกว่าจะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้กับตัวเอง
เพื่อนสนิทเราคนนึง ฐานะทางบ้านค่อนข้างลำบากค่ะ แต่พอเรียนจบมหาลัย เราไปต่างประเทศ เพื่อนก็เข้าทำงานที่ไทยปกติ (บริษัทใหญ่ค่ะ) แล้วก็ไปมีสังคมกับเพื่อนในที่ทำงาน โดยใช้ชีวิตติดหรู ใช้จ่ายเงินแบบกินหรู อยู่แพง แบรนด์เนมทั้งตัว ไปเที่ยวต่างประเทศเป็นว่าเล่น
เราก็คิดว่าเพื่อนมีการงานและรายได้ที่มั่นคงขึ้น เพราะ บริษัทจ่ายเงินเดือนดีค่ะ เลยไม่ได้เอะใจอะไร
พอเรากลับมาไทย ก็กลับมาเจอกัน นัดกินข้าว นัดกินไวน์กันตามปกติค่ะ ทำให้ได้เห็นกับตาว่า เพื่อนใช้เงินหนักมากกกกกก ไปนั่งจิบไวน์ตามร้านต่างๆ ก็ทิปพนักงานด้วยแบงค์พัน คืนนึงก็หลายคนค่ะ เบ็ดเสร็จเดือนนึง ค่าใช้ชีวิตหลายหมื่นบาทค่ะ
ไม่นานหลังจากกลับมา เราก็เข้าทำงานบริษัทใหญ่อีกที่นึง ซึ่งต้องดีลงานกับบริษัทเพื่อนค่ะ เลยได้เริ่มรู้จักและสนิทกับพี่ๆที่ทำงานบริษัทเพื่อน
มาวันนึง เพื่อนมาขอยืมเงินเรา จำนวน 1 แสนบาท เหตุผลคือ แม่ป่วยหนัก ต้องจ่ายค่ารักษา แต่บัตรเครดิตวันนี้มีปัญหา รูดไม่ได้ แต่บอกเราว่าไม่ใช่เพราะ ไม่มีเงินนะ รูดไม่ได้เพราะปัญหาของธนาคาร ระบบขัดข้อง บลาๆ ก็ว่าไป
แต่ไม่มีปัญหาค่ะ คนนี้เพื่อนตายเลย คบมา 15 ปี เคยยืมเงินกันหลัก 4-5 หมื่นอยู่แล้ว แต่คืนตรงเวลา ไม่เคยมีปัญหาซักครั้ง
แต่นั่นแหละค่ะ ความลับไม่มีในโลก รอบนี้ถึงคราวความแตกค่ะ ถึงกำหนด เพื่อนไม่มีเงินคืนเรา ผลัดไปเรื่อยด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ รถชนบ้าง ป่วยบ้าง ธนาคารปิดบ้าง เหตุผลเริ่มไม่สมเหตุสมผลขึ้นเรื่อยๆ
คาดคั้นจนได้ไปรับรู้ข้อมูลเครดิตบูโรของเพื่อนว่า เพื่อนมีหนี้ในระบบ ถึง 2 ล้านบาท และ นอกระบบอีกจำนวนเกือบ 1 ล้านบาท
^
^
ช็อค 1 ค่ะ.....
เพื่อนยอมรับว่า ความหรูหราฟู่ฟ่า ที่เราเห็น ที่สร้างให้คนอื่นยอมรับ เบื้องหลัง คือการเป็นหนี้ร่วม 3 ล้านบาท และ ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตแบบหนีหนี้ค่ะ
จากนั้นเลยมีโอกาสได้คุยกับพี่ที่ทำงานเพื่อน ยิ่งเหมือนได้เข้าไปอีกโลกนึงของเพื่อนค่ะ ที่ทำงานบอกว่า เพื่อนบอกทุกคนว่าที่บ้านทำธุรกิจส่งออกเพชรพลอย ร่ำรวยมาก ตัวเองเรียนจบปริญญา 2 ใบจากประเทศอังกฤษ (แต่ไม่ใช้วุฒิจากอังกฤษสมัครงาน) และ ตัวเองได้มรดกที่ดินจากที่บ้านมูลค่า 50 ล้านบาท
^
^
ช็อค 2 ค่ะ.....
เราใช้เวลาทำใจเรื่องนี้นานนับปีค่ะ นอนร้องให้เป็นเดือน กว่าจะทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้ ทุกวันได้แต่คิดว่า ทำไมถึงทำกับเราแบบนี้ หลอกเอาเงินจากความเชื่อใจ จากมิตรภาพดีๆที่มีให้กันมายาวนาน สุดท้ายเราก็ตัดค่ะ ให้มิตรภาพ 15 ปีนี้จบลงที่ราคา 1 แสนบาท
ปล. ปัจจุบันชีวิตเพื่อนลำบากค่ะ ทำงานที่ไหนไม่ได้ เพราะ โดนนอกระบบตามค่ะ
พอใจในสิ่งที่มีเถอะค่ะ อย่าพยายามเป็นในสิ่งที่เกินตัวเรา สุดท้ายเราก็ไม่รู้ว่าจริงๆ เพื่อนมีความสุขจริงๆหรือเปล่าในช่วงที่ได้ใช้ชีวิตแบบนั้น แต่ผลลัพธ์สุดท้ายมันไม่คุ้มกันเลยค่ะ
มีใครเคยเจอประสบการณ์แบบนี้ มาแชร์กันได้นะคะ
คนที่ติดหนี้คนอื่นเยอะๆ เพื่อสร้างภาพว่ารวย นี่เค้าใช้ชีวิตแบบมีความสุขจริงๆใช่ไหมคะ
เพื่อนสนิทเราคนนึง ฐานะทางบ้านค่อนข้างลำบากค่ะ แต่พอเรียนจบมหาลัย เราไปต่างประเทศ เพื่อนก็เข้าทำงานที่ไทยปกติ (บริษัทใหญ่ค่ะ) แล้วก็ไปมีสังคมกับเพื่อนในที่ทำงาน โดยใช้ชีวิตติดหรู ใช้จ่ายเงินแบบกินหรู อยู่แพง แบรนด์เนมทั้งตัว ไปเที่ยวต่างประเทศเป็นว่าเล่น
เราก็คิดว่าเพื่อนมีการงานและรายได้ที่มั่นคงขึ้น เพราะ บริษัทจ่ายเงินเดือนดีค่ะ เลยไม่ได้เอะใจอะไร
พอเรากลับมาไทย ก็กลับมาเจอกัน นัดกินข้าว นัดกินไวน์กันตามปกติค่ะ ทำให้ได้เห็นกับตาว่า เพื่อนใช้เงินหนักมากกกกกก ไปนั่งจิบไวน์ตามร้านต่างๆ ก็ทิปพนักงานด้วยแบงค์พัน คืนนึงก็หลายคนค่ะ เบ็ดเสร็จเดือนนึง ค่าใช้ชีวิตหลายหมื่นบาทค่ะ
ไม่นานหลังจากกลับมา เราก็เข้าทำงานบริษัทใหญ่อีกที่นึง ซึ่งต้องดีลงานกับบริษัทเพื่อนค่ะ เลยได้เริ่มรู้จักและสนิทกับพี่ๆที่ทำงานบริษัทเพื่อน
มาวันนึง เพื่อนมาขอยืมเงินเรา จำนวน 1 แสนบาท เหตุผลคือ แม่ป่วยหนัก ต้องจ่ายค่ารักษา แต่บัตรเครดิตวันนี้มีปัญหา รูดไม่ได้ แต่บอกเราว่าไม่ใช่เพราะ ไม่มีเงินนะ รูดไม่ได้เพราะปัญหาของธนาคาร ระบบขัดข้อง บลาๆ ก็ว่าไป
แต่ไม่มีปัญหาค่ะ คนนี้เพื่อนตายเลย คบมา 15 ปี เคยยืมเงินกันหลัก 4-5 หมื่นอยู่แล้ว แต่คืนตรงเวลา ไม่เคยมีปัญหาซักครั้ง
แต่นั่นแหละค่ะ ความลับไม่มีในโลก รอบนี้ถึงคราวความแตกค่ะ ถึงกำหนด เพื่อนไม่มีเงินคืนเรา ผลัดไปเรื่อยด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ รถชนบ้าง ป่วยบ้าง ธนาคารปิดบ้าง เหตุผลเริ่มไม่สมเหตุสมผลขึ้นเรื่อยๆ
คาดคั้นจนได้ไปรับรู้ข้อมูลเครดิตบูโรของเพื่อนว่า เพื่อนมีหนี้ในระบบ ถึง 2 ล้านบาท และ นอกระบบอีกจำนวนเกือบ 1 ล้านบาท
^
^
ช็อค 1 ค่ะ.....
เพื่อนยอมรับว่า ความหรูหราฟู่ฟ่า ที่เราเห็น ที่สร้างให้คนอื่นยอมรับ เบื้องหลัง คือการเป็นหนี้ร่วม 3 ล้านบาท และ ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตแบบหนีหนี้ค่ะ
จากนั้นเลยมีโอกาสได้คุยกับพี่ที่ทำงานเพื่อน ยิ่งเหมือนได้เข้าไปอีกโลกนึงของเพื่อนค่ะ ที่ทำงานบอกว่า เพื่อนบอกทุกคนว่าที่บ้านทำธุรกิจส่งออกเพชรพลอย ร่ำรวยมาก ตัวเองเรียนจบปริญญา 2 ใบจากประเทศอังกฤษ (แต่ไม่ใช้วุฒิจากอังกฤษสมัครงาน) และ ตัวเองได้มรดกที่ดินจากที่บ้านมูลค่า 50 ล้านบาท
^
^
ช็อค 2 ค่ะ.....
เราใช้เวลาทำใจเรื่องนี้นานนับปีค่ะ นอนร้องให้เป็นเดือน กว่าจะทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้ ทุกวันได้แต่คิดว่า ทำไมถึงทำกับเราแบบนี้ หลอกเอาเงินจากความเชื่อใจ จากมิตรภาพดีๆที่มีให้กันมายาวนาน สุดท้ายเราก็ตัดค่ะ ให้มิตรภาพ 15 ปีนี้จบลงที่ราคา 1 แสนบาท
ปล. ปัจจุบันชีวิตเพื่อนลำบากค่ะ ทำงานที่ไหนไม่ได้ เพราะ โดนนอกระบบตามค่ะ
พอใจในสิ่งที่มีเถอะค่ะ อย่าพยายามเป็นในสิ่งที่เกินตัวเรา สุดท้ายเราก็ไม่รู้ว่าจริงๆ เพื่อนมีความสุขจริงๆหรือเปล่าในช่วงที่ได้ใช้ชีวิตแบบนั้น แต่ผลลัพธ์สุดท้ายมันไม่คุ้มกันเลยค่ะ
มีใครเคยเจอประสบการณ์แบบนี้ มาแชร์กันได้นะคะ