เรื่องราวอันอบอุ่น ณ ร้านอิกะยากิของคุณยายมากิโนะ (ตามรอยหนังสือการ์ตูนฮันโซ ยอดกุ๊กสมองเพชร)

การไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20-25 พฤษภาคม 2019 ที่ผ่านมา มีเรื่องน่าประทับใจที่สุดอยู่หนึ่งเรื่อง นั่นคือการไปที่ร้านอิกะยากิของคุณยายมากิโนะ

ผมรู้จักร้านอิกะยากิของคุณยายมากิโนะจากหนังสือการ์ตูนเรื่อง “ฮันโซ ยอดกุ๊กสมองเพชร” ซึ่งเป็น การ์ตูนที่วางขายในไทยเมื่อประมาณ 8-9 ปีที่แล้ว (ต้นฉบับวางจำหน่ายในญี่ปุ่น 16 ปีที่แล้ว)

ก่อนออกเดินทาง

การไปญี่ปุ่นครั้งนี้มีท่านแม่เป็นสปอนเซอร์ เดิมทีตามแผนคือจะไปด้วยกัน 3 คน คือผม แม่ และน้องชาย แต่ด้วยความที่แม่อายุมากแล้วไม่ชอบเดินทางไกล ๆ เพราะต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้แคบ ๆ เป็นเวลานาน เลยตัดสินใจให้ผมไปกับน้องชาย 2 คน

ติดที่ต้องรอว่าจะได้ไปเมื่อไรเพราะต้องรอน้องชายว่าง เพราะตัวผมเองทำงานเป็นฟรีแลนซ์เลยจัดตารางเวลาให้ว่างง่ายกว่า หลังจากผ่านไป 2 เดือนก็ได้วันเวลาที่แน่นอน และน้องชายบอกว่าจะมีเพื่อนไปด้วยอีก 1 คน

พอถามว่าจะไปที่ไหน คำตอบที่ได้คือเกียวโต นาระ และโอซาก้า

เมื่อได้ยินคำว่าโอซาก้า อย่างแรกที่โผล่เข้ามาในหัวคือร้านอาหารที่อยากจะไป จึงตัดสินใจคว้า “ฮันโซ ยอดกุ๊กสมองเพชร” เล่ม 8 กับ 9 มาเปิดดูทันที

ฮันโซ เล่ม 8 กับ 9 มีเนื้อหาตอนที่ไปแถวโอซาก้าและวาคายามะ


หลังจากลองเช็คดูแล้ว หนึ่งในร้านที่อยากไปนั้นอยู่ในจังหวัดวาคายามะซึ่งไม่ใช่พื้นที่เขตเมืองและเดินทางได้ยากแถมอยู่นอกแผน เลยเหลือเพียง “ร้านอิกะยากิของคุณยายมากิโนะ” เท่านั้นที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องไปให้ได้

ทำไมต้องเป็นอิกะยากิ

เมื่อพูดถึง “อิกะยากิ (いか焼)” คนส่วนใหญ่ รวมถึงคนญี่ปุ่นเอง ก็มักจะนึกถึงหมึกกล้วยทั้งตัวเสียบไม้ย่าง


อิกะยากิตามความหมายของคนทั่วไป (มีร้านที่ขายแบบนี้จริง ๆ และใช้ชื่อนี้เรียกจริง ๆ)


แต่อิกะยากิที่กำลังพูดถึงอยู่นี่เป็นอาหารท้องถิ่นของโอซาก้าที่ไม่ค่อยแพร่หลายนัก ถ้าลองหาดูในกูเกิล (ทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น) จะพบว่ามีร้านที่ขายอิกะยากิแบบโอซาก้าอยู่แค่ไม่กี่ร้าน และส่วนมากจะอยู่ในตัวเมืองโอซาก้า

อิกะยากิแบบโอซาก้ามีความคล้ายคลึงกับของขึ้นชื่ออย่าง โอโคโนมิยากิ คือใช้แป้งสาลีเป็นส่วนประกอบหลัก แต่อิกะยากิแบบดั้งเดิมจะไม่มีส่วนประกอบอื่นเลยนอกจากแป้งกับหมึกกล้วยที่หั่นเป็นเส้นยาว หน้าตาที่ออกมาเลยดูเหมือนแพนเค้กใส่หมึกกล้วย เวลาเรียกเป็นภาษาอังกฤษเลยเรียกกันว่า “Squid pancake”


อิกะยากิในหนังสือการ์ตูน


นอกจากอิกะยากิแบบโอซาก้าจะไม่ใช่ของที่หากินได้ทั่วไปแล้ว เนื้อหาในฮันโซ ยอดกุ๊กสมองเพชร ยังบอกเล่าถึงความยิ้มแย้มและมีอัธยาศัยดีของคุณยายมากิโนะไว้ด้วย อันที่จริงแล้วว่ากันว่าความมีอัธยาศัยนี่เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของชาวโอซาก้าเลยทีเดียว


สีหน้ายิ้มแย้มของคุณยายมากิโนะสมัยเกือบ 20 ปีที่แล้วในหนังสือการ์ตูน


เริ่มต้นเดินทาง

หลังจากจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางเรียบร้อยแล้ว ผมมีกระเป๋าคาดเอวใบเล็กไปด้วยหนึ่งใบ เอาไว้ใส่พวกพาสปอร์ต ร่ม (พยากรณ์อากาศแนวโน้มว่าฝนจะตก) ฯลฯ แต่ก็ไม่ลืมที่จะคว้า “ฮันโซ เล่ม 8” ใส่ลงไปด้วย

เนื้อหาข้างในมีตอนที่แวะร้านอิกะยากิของคุณยายมากิโนะ


สิ่งที่คิดไว้คือพอไปที่ร้านแล้ว ผมจะเอาการ์ตูนเล่มนี้ขึ้นมาให้คุณยายมากิโนะดูเพื่อบอกว่าผมตั้งใจแวะมาที่นี่นะ แม้จะรู้ดีว่าคงสื่อสารกันไม่รู้เรื่องก็ตาม เพราะคนญี่ปุ่นส่วนมากสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ ยิ่งคนอายุมากยิ่งมีน้อยที่จะพูดได้ ผมเองก็แทบพูดญี่ปุ่นไม่เป็น รู้คำศัพท์อยู่แค่ไม่กี่คำเท่านั้น

พวกเราขึ้นเครื่องคืนวันที่ 19 พ.ค. ไปถึงเช้าวันที่ 20 พ.ค. แล้วก็นั่งรถไฟสายพิเศษ HARUKA Express ตรงไปเกียวโตทันที

ถ้าโชคดีจะได้นั่ง HARUKA Express ขบวนพิเศษ Hello Kitty


เดินเที่ยวเมืองหลวงเก่าเกียวโตแล้วค้าง 1 คืน (20 พ.ค.) ตื่นมาก็เที่ยวในเกียวโตต่อ พอตกค่ำก็นั่งรถไฟไปที่พักในโอซาก้า (21 พ.ค.) ตื่นเช้ามาก็นั่งรถไฟไปเที่ยวที่นาระแล้วกลับมาโอซาก้าในช่วงบ่าย (22 พ.ค.)

ค้นพบสถานที่

หลังจากกลับจากนาระมาโอซาก้า เห็นว่ายังมีเวลาเหลือ เลยตัดสินใจจะไปเดินหา ร้านอิกะยากิของคุณยายมากิโนะ (ผมบอกน้องชายกับเพื่อนเขาไว้แล้วว่าอยากมาที่ร้านนี้)

การเดินทางไปก็ไม่ยากเท่าไร แค่ไปลงรถไฟที่สถานีทซึรุฮาชิ (Tsuruhashi) แล้วออกมาทางประตูตะวันออก (East Exit) จากนั้นก็แค่เดินตรงไปตามซอยจนเจอกับถนนที่เป็นทางเดินหลัก

อย่างแรกที่พบและต้องประหลาดใจคือย่านนี้เป็นชุมชนเกาหลี (Korean Town) ร้านอาหารและร้านขายอาหารสดล้วนแล้วแต่เป็นอาหารเกาหลีแทบทั้งนั้น

พอเดินจากสถานีไปทางตะวันออกจนเจอทางหลักก็เลี้ยวขวา (ลงทิศใต้) แล้วเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนพบกับร้านอิกะยากิของคุณยายมากิโนะ ซึ่งเหมือนกับที่วาดไว้ในการ์ตูนไม่มีผิดเพี้ยนแม้กระทั่งตู้ขายน้ำที่ตั้งอยู่หน้าร้าน (แต่ตู้มันเปลี่ยนนะ ไม่ใช่ตู้เดิม)

ลองเปรียบเทียบดู


ภาพหน้าร้านในหนังสือการ์ตูน ตีพิมพ์ในญี่ปุ่นปี 2003


ภาพจาก Google Street View เมื่อ ต.ค. 2016


ภาพถ่ายสถานที่จริง 22 พ.ค. 2019


น่าเสียดายที่ร้านปิด ตอนแรกก็คิดกันว่าเขาเลิกกิจการไปแล้วหรือเปล่า? แต่ระหว่างทางที่เดินมา ร้านส่วนมากก็ปิดเหมือนกัน จึงเป็นไปได้ว่ามาถึงช้าเกินไปร้านเลยปิด (ไปถึงร้านตอน 16.45 น. ตามเวลาญี่ปุ่น)

ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกมากกว่า 2 วันสำหรับการเดินทางทริปนี้ แล้วสถานีทซึรุฮาชิก็เป็นสถานีหลักที่พวกผมต้องมาต่อรถไฟเวลาเดินทางไปกลับห้องพักกับเขตตัวเมืองโอซาก้า ไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่จะแวะมาดูอีก

ถึงจุดหมายของการเดินทาง

เวลาของวันที่ 23 พ.ค. หมดไปกับการเที่ยวชมปราสาทโอซาก้า ตลาดคุโรมง และย่านโดทนโบริจนถึงช่วงเย็นทำให้ไม่มีเวลาแวะไปที่ย่านทซึรุฮาชิ


ปราสาทโอซาก้า


วันที่ 24 พ.ค. หลังจากหาข้าวเช้ากินแถวที่พักแล้ว พวกเราก็ตรงไปสถานีทซึรุฮาชิทันทีโดยหวังว่าร้านจะเปิด (เมื่อวานยอมให้ไปเที่ยวจนทั่วแล้ว ยังไงวันนี้ผมก็ต้องแวะไปดูให้ได้)

และแล้วก็ได้สมใจดังหวังเมื่อเดินทางไปถึงตอน 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น


ประตูร้านเปิดพร้อมมีป้ายผ้าแขวนไว้หน้าร้าน (24 พ.ค. 2019)


โดยปกติแล้วนอกจากป้ายผ้าที่แขวนไว้ (ตามธรรมเนียมร้านอาหารของญี่ปุ่น) ร้านอิกะยากิของคุณยายมากิโนะจะต้องมี “ตุ๊กตาซอฟต์ครีมหน้ายิ้ม” ตั้งอยู่ทางขวาของทางเข้าด้วย แต่อาจจะเพราะไปถึงกันเร็ว ยังเตรียมรับลูกค้าตอนเที่ยงไม่เสร็จ เลยไม่ได้เอาตุ๊กตามาตั้งไว้


ตุ๊กตาซอฟต์ครีมประจำร้าน


เป้าหมายเบื้องหน้า

เมื่อมองจากด้านนอก ผมเห็นผู้ชายมีอายุคนหนึ่งกำลังยืนทำงานอยู่หลังเคาน์เตอร์ซึ่งทำให้ค่อนข้างแปลกใจ จากเนื้อหาในการ์ตูนฮันโซ คนที่ทำร้านนี้คือคุณยายมากิโนะ แต่อาจจะเพราะพื้นที่กับจำนวนหน้าจำกัด ทำให้ผู้เขียนต้องลดจำนวนตัวละครและการดำเนินเนื้อหาลง จึงไม่มีการพูดถึงคนอื่นในร้าน

แล้วผมก็มองผ่านประตูไปเห็นใครบางคนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ดูแล้วน่าจะเป็นผู้หญิงใส่ผ้ากันเปื้อนสีแดงสด จากนั้นไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หลังเคาน์เตอร์ จากหน้าตาท่าทางและแว่นตา แม้จะเห็นจากด้านข้างแค่แวบเดียวแต่ผมรู้ทันทีว่านั่นคือ “คุณยายมากิโนะ”แน่นอน

ไม่รอช้า ผมกับเพื่อนร่วมทางอีก 2 คน ก็เดินมุดป้ายผ้าเข้าไปในร้านทันที

[เดี๋ยวมาต่อ]
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่