แชร์ประสบการณ์ หูชั้นกลางอักเสบ มีน้ำไหลในหู (Otitis media with effusion)

แชร์ประสบการณ์ น้ำไหลในหูชั้นกลาง + หูชั้นกลางอักเสบ / วิธีรักษา / วิธีปฏิบัติตัว / ความทรมาน
** ขออนุญาติอยู่ในหมวดกระทู้คำถามนะครับ พอดีผมไม่ได้เป็นสมาชิกทางเว็ป **

(1.) ผมอายุ 25 ปี อาการคือ หูอื้อไม่ได้ยินชัด ทั้ง 2 ข้าง (ข้างขวาหนักกว่า) เคลื่อนหัวแล้วรู้สึกมีน้ำไหลแกว่งไปๆมาๆ ได้ยินเสียงของเหลวไหลชัด รู้สึกตึงๆที่หู และมีอาการปวดหู และเหมือนมีเลือดไหลหน่อยๆทางโพลงจมูก (คือที่เกิดเจ็บหู + เลือดออก เพราะขึ้นเครื่องบิน)

*** อ่านสรุปย่อๆ วิธีการรักษา ตรงสปอยได้เลยครับ ***
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

(2.) สาเหตุ: เริ่มมีอาการคือ ผมต้องขึ้นเครื่อง 2 ต่อเพื่อไปเที่ยวพม่า (รวม 4 เที่ยวบิน) หูเริ่มอื้อก่อนตอนบินลงเที่ยวแรก อื้อเหมือนเอามือปิดหูไว้ทั้ง 2 ข้าง หลังจากนั้นบินไปย่างกุ้ง หูอื้อคูณสอง แทบจะไม่ได้ยินอะไรเลย (ประมาณว่าเสียงถี่ต่ำๆจะไม่ได้ยิน) ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกมาก คือ ไปเที่ยวแบบหูดับๆ -- ตอนเครื่อง take off มีปวดหูมากประมาณ 5-10 น. ทรมารมาก ถ้าบินต่ออีกนิดผมว่าแก้วหูผมแตกแน่นอน และมีเลือดออกที่หู ที่รูเพราะว่าได้กลิ่นเลือดตอนกลืนน้ำลาย -- จากนั้นก็เที่ยวประมาณ 3-4 วัน มีได้ยินบางไม่ได้ยินบาง และวันที่ 2-3 จะรู้สึกมีน้ำเริ่มไหลในหูทั้งสองข้างแล้ว -- พอมีถึงวันกลับเหลืออีก 2 เที่ยวบิน ตอนนั้นผมทำใจไว้แล้ว ว่าถ้าหูเราจะไม่ได้ยินก็ขอทำใจ เพราะว่ามันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ดันมาเป็นตอนไปเที่ยว -- ตลอดทั้ง 2 เที่ยวบินผมเอามือปิดหูไว้ตลอด (1.20 hr/flight รวม 2.50 hr ที่ผมต้องทนปิดหู) เหมื่อยมือสุดๆ ทรมารสุดๆ จังหวะไหนที่ตกหลุดอากาศจะปวดหูขึ้นมาทันที รวมถึงไปยินเสียง โครกคลาก เหมือนเสียงคลื่น TV เสีย


(3.) ตลอดการเดินทางเวลา 4 วันจากมีอาการถึงจะได้พบหมอ -- ผมไปพบหมอ ENT (เฉพาะทางหู) จากนั้นหมอก็ชักอาการต่างๆ เคาะซ่อมเสียง (ทดสอบการได้ยิน) ส่องไฟดูหู โดยสรุปแล้วหมอบอกว่าผมเป็น หูชั้นกลางอักเสบและของเหลวคั่งในหู แล้วเริ่มก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวว่าเกิดขึ้นได้ยังไง


(4.) โรคที่ผมเป็นเรียกว่า Otitis media with effusion คือ หัวชั้นกลางอักเสบ ร่วมกับมีของเหลวไหลในหูชั้นเดียวกัน 


[ขอขยายความนิดนึ่งนะครับ]
-หูเรามีอยู่ 3 ชั้น ชั้นนอก กลาง และใน
-ชั้นนอก คือส่วนที่เราแหย่เข้าไปได้ เกิดขี้หูขึ้น น้ำเข้าหู แมลงเข้าหู ต่างๆ จะอยู่ชั้นนี้ ไหลออกมาได้เอง 
-ชั้นกลาง คือต่อจากชั้นนอกโดยมี เยื่อแก้วหูกั้นอยู่ (คิดง่ายๆคือ ถ้ำที่มีปากถ้ำ และถ้ำข้างใน โดยตรงกลางมีหินก้อนใหญ่ (เยื่อแก้วหู) ปิดอยู่ ไม่สามารถเข้าไปได้ ออกไม่ได้) ดังนั้นอะไรก็ตามที่อยู่ในหูชั้นกลาง จะไม่มีทางไหลออกมาชั้นนอกได้ เพราะเยื่อแก้วหูกั้นอยู่
-ชั้นใน คือชั้นที่ต่อกับชั้นกลาง จะไม่มีอะไรมากัน เพราะเป็นส่วนที่ใช้ทำให้เกิดจากการสั้นสะเทือนจากข้างนอก คนที่เป็นบ้านหมุน น้ำในหูไม่เท่ากันจะเกิดในส่วนนี้มากกว่า
*** แต่ๆ ในหูชั้นกลางนั้นมันมีท่อตัวหนึ่งที่เชื่อม หูชั้นกลาง ไปที่ โพรงจมูก เรียก Eustachia tube *** ทำหน้าที่ปรับความดันในหูของเรา สังเกตุจากขึ้นเครื่อง นั้งรถนานๆ แล้วเวลาเราหาว หรือกลืนน้ำลายจะได้ยินเสียงชัดขึ้นนั่นเอง
** และทางเดียวถ้าของเหลวที่คั่งอยู่ในหูชั้นกลางไม่แห้ง ก็ต้องเจาะเยื่อแก้วหูแล้วดูดเอาน้ำออกมา (myringotomy) ** อาจจะฟังดูหน้ากลัวแต่หลังการรักษาก็สามารถกลับมาได้ยินเหมือนเดิม -- แต่ผมก็พออ่านรีวิวคนไปเจาะมา มีทั้งดีและไม่ดีก็ได้ ผมว่าแล้วแต่เคสและดวงเลย TT


(ต่อ) หมอบอกว่าผมเป็น ไซนัสอักเสบ (sinusitis) จึงทำให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบตามไปด้วย เพราะมันอยู่ติดกัน ** น้ำที่คั่งในหูเป็นพวกน้ำมูก เสมหะ หรือพวกหนองที่เราเป็นไซนัสเป็นรวมอยู่ในนั้น
สาเหตุหลักๆ คือ
(1.) ก่อนหน้านั้นมีเรื่องฝุ่น PM 2.5 ผมเจ็บคอเป็นๆหายๆอยู่แล้ว
(2.) ก่อนบิน 1 อาทิตย์ผมได้ไปพูดบรรยายสอนนักเรียน ทั้งวัน 2 วันติด จึงน่าจะเป็น sinusitis แต่ไม่แสดงอาการ 


(5.) หมอให้ยา 1.ย่าฆ่าเชื้อ bacteria: AMK 1000 mg 20 เม็ด (2 ครั้ง เช้า เย็น) 2. ยาลดอาการบวมกล้ามเนื้อหู psodo 3. น้ำเกลือ NSS ล้างจมูก
เน้นย้ำถ้าได้ยาฆ่าเชื้อมาต้องกินให้หมด ไม่ว่าอาการจะหายแล้ว ** สังเกตุเสมหะดูจะเป็นสีเขียว-เหลือง แสดงว่ามีการติดเชื้ออยู่ -- กินยาแล้วรอดูอาการเป็นตัวตัดสิน คือภายใน 2 อาทิตย์ต้องน่าจะดีขึ้นแล้ว หรือ ถ้ายังไม่หายก็รอดูอีก 3 เดือน และหากยังไม่หายอีก หมอน่าจะพิจารณาเจาะ Myringotomy (หาอ่านดูได้)


(6.) เมื่อรู้แล้วผมจึงหาข้อมูล เพราะไม่อยากเจาะเยื่อแก้วหูมากๆ กล้วสุดๆ 
** และนี้คือสิ่งที่ผมทำ คือมันอาจจะได้ผลกับบางคน และบางคนอาจไม่ได้ผลนะครับ ** 
*โปรดใช้วิจารณญาณ !! เตือนอีกนิด ที่ผมทำไม่ได้ยืนยันว่าจะถูกต้องหรือผิดตามหลักการหรือเปล่าoะครับ*
1. กินยาที่หมอครบโดส น่าจะช่วยได้ในเรื่องฆ่าแบคทีเรีย แต่ผมกินช่วย 2-3 แรกยังไม่ดีขึ้นคืออื้ออยู่เลย
2. โฟกัสที่ท่อ Eustachia tube เพราะเป็นท่อเดียวที่ของเหลวจะไหลออกมาได้
คือ การบริหารท่อ ไป search youtube ได้เลยมีแนะนำอยู่ " Eustachia dysfunction" เช่น มีการลูบหลังหู กดตรงใบหู ปิดปากจมูกแล้วเป่าลม ช่วยขยายท่อให้ของเหลวไหลผ่านช่องโพรงจมูก
3. การพูดให้ขากรรไกรขยับ อย่างผม มีโอกาศได้ไปบรรยายอีกครั้ง (ใจจริงตอนนั้นไม่อยากไปมาก หูก็ไม่ได้ยิน กลัวหูกลับอักเสบ แต่จำเป็นต้องไปจริงๆ ยกเลิกๆไม่ได้) การสั่นสะเทือนของเสียง ไมโคโฟน และการขยับกลามตลอดเวลา ทำให้ของเหลวมันไหลออกมาผ่านคอครับ โดยเฉพาะหูข้างซ้าย ได้ยินชัดขึ้นมากๆ แต่อีกข้างก็ยังเหมือนเดิม
4. การดูดบนเพดานปาก คล้ายตอนที่เราอยากขากเสหะ จะเห็นว่าถ้าเราดึงออกมาได้ ก็ช่วยขับของเหลวได้อีกทาง 
5. การกินน้ำอิ่ม น่าจะช่วยละลายเสมะได้ดี
6. กินของรสเผ็ด ช่วยขับเสมหะได้อีกทาง (ใช้วิจารณญาณแต่ละคนนะครับ)
7. จัดท่านอนหงาย นอนหมอนสูง พยาบามให้ศีรษะไม่ราบเกินไป ไม่ได้ช่วยให้ของเหลวไหลออก แต่เป็นทางนอนที่สะดวกและน่าจะได้ยินเสียงชัดสุด


ผมเริ่มเป็นตั้งแต่ 3/5 - 29/5/62 ณ วันที่เขียน ตอนนี้หูได้ยินทั้ง 2 ข้างแต่ก็มีเสมะสีเหลืองปนเลือด (ของเก่า) ออกมาอยู่เรื่อยๆ เมื่อดูดดันออกมา

** ความทรมานไม่ต้องพูดถึงครับ 
-ผมเข้าใจหัวอกเดียวกัน ผมทำงานต้องสื่อสารตลอดเวลา พอมาไม่ได้ยิน เครียดมากๆ ต้องถามคนอื่นซ้ำว่าพูดอะไร รบกวนการทำงานมากๆ
คือถ้าเป็นนานๆ ผมคิดว่าผมเป็นโรคซึมเศร้าได้เลยนะ อย่านั่งชิวๆฟังเพลงที่ชอบ อยากฟังเสียงลม คนคุยกัน แทบไม่ได้ยินเลย โครตทรมานตรงที่เราอยู่โดดเดี่ยวในโลกหัวอื้อของเรานี่แหละ พูดอะไรก็ดังก้องในหูอย่างเดียว
- เครียดจนเริ่มคิดละว่า ถ้าไม่ได้ยินจริงๆ เราจะถูกไล่ออกไหม แล้วใครจะดูแลครอบครัวเพราะเหลือเราเป็นหัวหลักคนเดียว อาชีพอื่นที่คนหูหนวกทำมีอะไรบ้าง ผมคิดไปถึงตรงนี้เลย แล้วถ้าไม่ได้ยิน ก็จะสูญเสียการพูดตามไปด้วย
-เล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟังเค้าก็ให้กำลังใจนะ แต่ไม่เข้าใจเราจริงๆหรอกครับ ตอนนั้นเครียดมาก จนนอนหลับๆตื่นๆ
- อีกอาการที่เจอ ช่วงแรกผมสะดุ้งตื่นทุกชั่วโมง ตี 1 2 3 4 5 6 จริงๆครับ ไม่รู้เพราะเครียด หรือ เพราะ side effect ยา

** สุดท้ายผมก็เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เจอเหมือนกันนะครับ อย่างน้อบก็มีคนเคยเป็นแบบเรามาแล้ว ก็ยังผ่านมันมาได้ เราก็ต้องผ่านให้ได้

ให้คิดเถอะครับว่าเป็นวิบากกรรมที่เราทำมาให้เราเจอเรื่องแบบนี้ ** ที่เพิ่งทางใจตอนนั้นจริงๆของผม คือ วัด ครับถ้ารู้สึกเครียด อยาดร้องไห้ผมก็เดินไปวัด มันช่วยจริงๆนะครับ ทำให้ผมได้คิดว่า ตอนที่เราหูยังดี ทำไมไม่เข้าวัดทำบุญอะไรบ้าง แต่พอมาเจ็บป่วยหนักกลับมาเห็นค่าศาสนา น่าตลกสิ้นดี

29 พฤษภาคม 2562 (วัยเบญจเพส)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่