เมื่อการเมือง สื่อ และความรัก มาบรรจบกันเบาๆ ใน Long Shot

ขอเล่าสู่กันฟัง ตามประสาคนชอบดูหนังเพื่อความบันเทิงนะคะ ห้ามเครียดค่ะ

มีคนเคยบอกว่า ภาพยนตร์คือศาสตร์ของการเล่าเรื่อง ถ้าดูหนังแล้วเจอแต่เรื่องราวเดิมๆ เดาได้ ก็คงไม่สนุก ดังนั้น พล็อตเรื่องนั้นสำคัญมาก พอกับวิธีการเล่าเรื่อง
 
หนังโรแมนติกคอเมดี้ เท่าที่ดิฉันจำได้ (และชอบ) มักจะมีองค์ประกอบที่พระนางต่างกันสุดขั้วแบบที่ไม่น่ามารักกันได้ แล้วความโก๊ะ ความเปิ่น ของคนใดคนหนึ่งที่มาโดนใจใครอีกคนก็บ่มเพาะก่อเกิดเป็นความรัก ความกุ๊กกิ๊ก ที่ให้เราได้เห็น ได้ฟินมาหลายเรื่อง

สำหรับเรื่องนี้ บอกเลยว่า อยากดูตั้งแต่ได้เห็นเรื่องย่อ.. พอได้ดูแล้วอยากจะเขียนถึงหนังเรื่องนี้สัก 4 หน้ากระดาษ เพราะมีส่วนที่ชอบและโดนใจเป็นการส่วนตัวเยอะมากเหลือเกินสาวแว่น

ในฐานะคนชอบดูหนังรักโรแมนติก และ ชื่นชมหนังที่ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิง เราพูดได้เต็มปากเลยว่าพล็อตเรื่องนี้เจ๋งตรงที่นางเอกเป็นนักการเมืองระดับว่าที่ผู้นำประเทศ ส่วนพระเอกเป็นนักข่าวปากร้าย ที่สำคัญคือ เขาเด็กกว่าเธอ 4 ปี

หนังร้อยเรียง "การเมือง"  "สื่อมวลชน" และ "ความรัก" ไว้ด้วยการให้ทุกอย่างมาบรรจบกันในจังหวะเวลาที่ "ใช่" ซึ่งทุกจังหวะนั้นมี "สาระ" "ความฮา" และ "การจิกกัด" "เหน็บแนม" ได้อย่างบันเทิงมาก ดูแล้วเลยหลงรักซะงั้น

คงไม่อาจบอกว่า พระเอก "หล่อ" หรือ "มีเสน่ห์" ได้ จากตัวละครที่หนังนำเสนอเขา  คือ พี่แกอ้วน เคราครึ้ม พูดเยอะ พูดมาก ปากร้าย จนอยากตบกะบาลหลายครั้ง

ส่วนนางเอกนั้น แม่เจ้า Charlize Theron สวยไม่ปรึกษาใคร สวยทะลุทะลวง สง่างาม แววตาเด็ดขาดพิฆาต หลงรักนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่ The Italian จนบทนางร้ายใน Fast & Furious ภาคล่าสุด

ส่วนตัวชอบสุนทรพจน์ของผู้นำ โดยเฉพาะนักการเมืองอเมริกัน ชอบสังเกตุการพูดในที่ชุมชนและการเลือกใช้ถ้อยคำของพวกเขา เรื่องนี้พระเอกทำงานด้านนี้และเข้ามาสนับสนุนนางเอกซึ่งอยู่ในสถานะที่สูงกว่าเขามาก

นางเอกเป็นนักการเมืองมืออาชีพไม่มีประวัติด่างพร้อย แถมโตกว่าทางความคิด ภาวะผู้นำ และประสบการณ์ เวลามีปัญหานางดึงสติเอาอยู่ทุกสถานการณ์ พร้อมผงาด

น่าจะเป็นที่มาของเรื่อง Long Shot ที่มีความหมายว่าสุดสอยหรือเกือบเกินเอื้อม

สิ่งที่รู้สึกว่ามัน "สวยงาม"ในหนังเรื่องนี้ คือ การที่สองคนได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักอย่างมีจรรยาบรรณ ยึดมั่นในจุดยืน แต่ขณะเดียวกัน เมื่อรู้จักหัวใจตัวเอง ก็แสดงความพร้อมและเต็มใจที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันแม้เพียงวันละไม่กี่นาที แล้วก็แถมความฮา ทะลึ่งทะเล้นมาในบทสนทนาดิบๆ ของตัวละครด้วย

หนังทำให้มีศรัทธาในความรักที่สามารถมาหาทุกคนในเวลาที่ “เหมาะสม” ไม่ว่าสองฝ่ายจะต่างกันมากแค่ไหน 

พระเอกแทบไม่มีช่อง/เวลาในการจีบหรือออกเดท แต่สามารถทำให้นางเอกรู้ได้ว่าเธอมีความหมายกับเขา คือทำได้ดีมาก ห่ามมาก กล้ามาก หนุ่มๆที่ปิ๊งผู้หญิงโตกว่าต้องดูเลยค่ะ ส่วนสาวๆ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไม เด็กหนุ่มถึงพากันหลงรักผู้หญิงที่อายุมากกว่า  หนุ่มแว่น

หนังมีกลิ่นของ Notting Hill, Pretty Woman และหนังรักหลายเรื่องอยู่ แม้พระเอกไม่ได้มีเสน่ห์อย่าง Hugh Grant แต่ Seth Rogen จะทำให้คุณเชียร์เขาสุดใจเลยค่ะ

ฉากเพลง It Must Have Been Love ของ Roxette (และฉากสุนทรพจน์ของนางเอก) จะทำให้ดิฉันกลับไปดูหนังเรื่องอีกหลายครั้งแน่นอน ตอนดูไปนี่กัดปาก ไม่ให้ร้องตามเลยทีเดียว

ท้ายที่สุด หนังสนุกและบันเทิงมากค่ะ ท่านใดได้ดูแล้วมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ จขกท นี่อินมากเลย 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่