▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่น
โตเกียว
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
[CR] ตะลุยดินแดนญี่ปุ่น ณ เมืองโตเกียว คาวาโกเงะ และ คาวากูชิโกะ แบบอยากไปไหนก็ไปกินไรก็กินไม่รีบร้อน
14-16 มีนาคม คาวากูชิโกะ
17-21 มีนาคม โตเกียว
วันที่ 14 มีนาคม เราเดินทางถึงสนามบินฮาเนดะ ประมาณเที่ยงคืนกว่าๆเกือบตีหนึ่ง โดยความที่รถบัสจากสนามบินไปคาวากูชิโกะ ออกจากสนามบินรอบแรกตอนประมาณ 6โมงกว่าๆ เราเลยต้องนั่ง/นอนรอที่สนามบินจนพอใกล้ถึงเวลาเราก็เดินไปซื้อตั๋วที่ counter ขายตั๋ว ราคาไปถึงสถานี Kawaguchiko อยู่ที่ 1230เยน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าเกือบ 3 ชั่วโมงในการเดินทาง พอไปถึงสถานีเราก็นั่งรถ taxi ต่อไปโรงแรมเพระเดินไม่ไหวมันหนาวมากแล้วก็เพลียด้วย (รถ taxi ที่เมืองนี้จะมีรถแบบ honda freed ซึ่งค่อนข้างใหญ่ เราไปกัน 5 คนกับกระเป๋าเดินทาง 5 ใบก็สามารถจุได้หมดแถมพอหารกันแล้วถูกกว่าขึ้นรถเมล์แล้วยังต้องเดินต่ออีก) พอถึงโรงแรม ก็ยัง check in ไม่ได้ก็เลยพากันนั่งรถไปเดินเล่นแถวโรงแรม วันนี้ก็เลยเป็นวันชิวๆไป
วันที่ 15 เราก็เดินจากโรงแรมไปสถานีเพราะมันไม่ไกลกันเท่าไร เพื่อไปซื้อบัตร 2 day pass และจองตั๋วรถไฟขบวนใหม่ไป Shinjuku station ที่จะเปิดใช้ วันที่ 16 มีนา เป็นวันแรก สำหรับบัตร 2 day pass สามารถขึ้นรถได้ 3สายคือ สีแดง เขียว และฟ้า สายที่นิยมและคนขึ้นเยอะสุดคือสายสีแดง หลังจากนั้นเราเริ่มทริปวันนี้ด้วยการขึ้นรถบัสสีแดง รถคันนี้จอดหลายป้าย สามารถลงป้ายไหนก็ได้ ระยะเวลารถห่างกัน 15 นาที เราไม่ได้ลงทุกป้าย โดยวันนี้เราลงป้าย music forest เพราะมีหลายกระทู้แนะนำและคิดว่าจะได้เห็นดอกไม้ต่างๆเหมือนที่ดูตามรูปใน Google ปรากฏว่าเข้าไปแล้วไม่มีดอกไม้สวยๆเลย ค่อนข้างเสียดายค่าเข้าอยู่เหมือนกัน ไม่รู้เป็นเพราะหน้าหนาวรึเปล่าถึงไม่มีดอกไม้สวยๆ หลังจากนั้นเราไปต่อที่ป้ายสุดท้าย ป้ายนี้ก็จะมีวิว ภูเขาไฟแล้วร้านขายของฝาก เสร็จก็เดินทางกลับสถานีต้นทาง
เราก็นั่งสายเขียวต่อเพื่อจะไปหมู่บ้านโบราณ SAIKO Iyashi no sato NENBA สายนี้นั่งค่อนข้างนานเพราะระยะทางยาวกว่าสายแดงแล้วพื้นที่ๆรถขับผ่านส่วนใหญ่เป็นป่า ด้วยความที่เราไปถึงหมู่บ้านก่อนปิดประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆบวกกับรถกลับสถานีจะมารับรอบสุดท้ายในอีกชั่วโมงกว่าๆ เช่นกัน ทำให้ต้องรีบทำเวลาในการชมหมู่บ้านมากเพราะ เราอาจตกรถได้ถ้ามาไม่ทัน แถมที่แถวนั้นก็ไม่มี taxi ด้วย ส่วนตัวชอบบรรยากาศของหมู่บ้านนี้มากแถมเห็นวิวภูเขาฟูจิด้วย
วันที่ 16 วันนี้เรายังมีเวลาอยู่ที่นี้อีกครึ่งวันเพราะรถไฟไป Shinjuku ออกตอน 15:05
เราก็เลยไปนั่งรถสายแดงซ้ำเพื่อไปลงป้ายที่เราไม่ได้ลงเมื่อวานคือ herb hall ที่หลายกระทู้แนะนำให้ลง กับอีกป้ายนึงตรง Onsen Town ถ้าจำไม่ผิด สองป้ายนี้แนะนำให้ลงเลย คือตรง onsen townจะมีร้านขายของเยอะมาก แถมบางอย่างถูกกว่าซื้อในโตเกียวอีกและบางอย่างก็มีขายที่นี้ที่เดียว
หลังจากนั้นก็หาไปเอากระเป๋าที่โรงแรม หาอะไรกิน แล้วก็มารอรถไฟที่สถานี รถไฟสาย local ที่นี้มีเป็นลายการ์ตูนด้วย น่ารักดี
มาเปิดประเดิมรถไฟใหม่แกะกล่องจ้า ราคาค่าโดยสารต่อคนก็ 2460+1600 เยนต่อเที่ยว ใช้เวลาเดินทาง 1.53 นาที โดยรถจะจอดหลายสถานีเหมือนกัน แต่โดยรวมถือว่าเร็วและสะอาดดี ห้องน้ำบนรถใหญ่มาก
มาถึง Shinjuku เราก็ต่อรถไฟสายเขียวไปลง Ueno เพราะเราพักแถวนั้น ข้อดีของที่พักย่านนี้คือมันค่อนข้างสะดวก ใกล้สองสถานีรถไฟ ตลาด ห้าง สวนสาธารนะ ตึกม่วง…..
นี่มันสัญลักษณ์ uneo รึเปล่าไม่แน่ใจ เห็นคนถ่ายกันวันที่ 17 วันนี้เที่ยววัดที่อยู่บนเขาชื่อ Kiyo Taki temple มันค่อนข้างไกลจาก Ueno มากเหมือนกัน เปลี่ยนรถไฟหลายสถานี พอถึงสถานีปลายทางเราก็เดินต่อไปเพื่อไปขึ้นรถรางซึ่งเขาบอกว่าเป็นรถรางที่มีความชันมากที่สุด พอขึ้นไปเราก็ต้องเดินไปอีกระยะนึง ถึงจะถึงตัววัด บรรยากาศบริเวณบนเขาค่อนข้างเงียบและคนไม่พลุกพล่านเท่าวัดในเมือง คนส่วนมากที่มากันจะเป็นคนญี่ปุ่น
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้