หนังเรื่อง Valkyrie เข้าฉายในปี 2008 เป็นผลงานการแสดงนำของพระเอกหน้าหล่อขวัญใจเหล่า people ตลอดกาลอย่าง Tom Cruise ที่โด่งดังมาก่อนหน้าจากหนังขึ้นหิ้งมากมายอย่างเรื่อง Top Gun, Jerry Magurie, Mission Impossible, Minority Report, Collateral เป็นต้น มาร่วมงานกับผู้กำกับหนังมือดีอย่าง Bryan Singer จากผลงานเด่นๆสร้างชื่อให้กับเขาอย่างเรื่อง The Ususal Suspect, X-Men สองภาคแรก และร่วมงานกับมือเขียนบทคู่หูอย่าง Christopher McQuarrie ที่เคยร่วมงานกันมาก่อนในเรื่อง The Ususal Suspect
หนังเรื่องนี้สร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริง ในช่วงปี 1942-1944 เหตุการณ์ที่คนทั้งโลกต่างจดจำ ในการวางแผนอย่างลับๆ ของเหล่านายเยอรมันชั้นสูงร่วมกันเป็นขบวนการทำแผนลอบสังหารท่านผู้นำของพวกเขา อย่าง อดล็อฟ ฮิตเลอร์ นั่นเอง
หนังอิงจากเหตุการณ์จริงๆเหมือนในหน้าประวัติศาสตร์เป๊ะๆ เกือบจะ 100% มีบทส่วนเพิ่มเติมเพื่อทำให้รู้และอินกับพวกตัวละครเพิ่มขึ้นบ้าง ตัวหนังนอกจาก ทอม ครูซ นักแสดงคนอื่นๆในเรื่องก็แสดงกันได้ดีสมบทบาท ความเป็นนายทหาร ถึงหน้าตาของเฮียทอม จะดูเป็นอเมริกันมากๆ แต่พอมาใส่เครื่องแบบนายทหารเยอรมัน ก็พอกลมกลืนไปกับเขาได้ ขนลุกสุดๆ ก็ซีนที่ตัวละครของทอม ไปฉะหน้ากับ ฮิตเลอร์ นี่แหละ คือ คนที่มาแสดงเป็นฮิตเลอร์ในเรื่องนี้ เหมือนตัวจริงมากๆ นอกจากหน้าตา สีหน้า การเดิน การเคลื่อนไหวเหมือนเป็นคน คนเดียวกันไงอย่างงั้น ถือว่าคนที่ cast นักแสดงคนนี้มา ทำการบ้านได้ดีครับ ทำให้เราคนดูเชื่อว่าแกคนนี้คือ ฮิตเลอร์ ตัวจริง
หนังเรื่องนี้ออกแนว thriller ผสมดราม่า เหมือนหนังแนวระทึกขวัญที่สร้างจากเหตุการณ์จริงหลายๆเรื่อง ตัวหนังแทบทั้งเรื่อง อารมณ์จะกดดัน ซีเรียส ระทึกขวัญ และคอยลุ้นเอาใจช่วยพวกพระเอกตลอดว่าจะทำแผนสำเร็จไหม ถึงในใจจะรู้ว่าไม่สำเร็จ แต่คนดูมันอินมาก
หนังเล่าเรื่องราวการก่อกบฎอย่างลับๆของนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายสิบคน ที่เล็งเห็นว่าถ้าเยอรมันมัวแต่สั่งทหารบุกโจมตีที่นู้นที่นี้ จะทำให้บ้านเมืองในอนาคตเดือดร้อน ในขณะที่สงครามโลกใกล้จะถึงจุดจบ และท่าทีเยอรมันที่พยายามจะแข็งกร้าวแต่ใกล้จะแพ้ต่อศูตรอย่าง สหรัฐอเมริกาและประเทศฝ่ายพันธมิตรเต็มทน ทหารทุกคนในกองทัพล้วนแต่มีมุมมองแง่คิด ที่ต่างกันออกไป ไม่ใช่มีแต่พวกนาซีคลั่งไคล้จงรักพรรคดีต่อฮิตเลอร์ นายทหารหลายนายก็ไม่พอใจต่อความบ้าคลั่งทนงตัวของผู้นำของเขา
จริงๆฮิตเลอร์เคยถูกลอบสังหารก่อนหน้า ปฏิบัติวัลคีรี่ มาเกือบ 20 ครั้ง แต่ไม่เป็นผลสำเร็จเลยสักครั้ง และดูจะไม่ค่อยโดนอะไรมากมาย ทั้งจากการลอบยิงระยะไกล การวางยาพิษใส่เหล้าใส่อาหาร การวางระเบิด เหล่าตำรวจลับของนาซีจับผู้ก่อเหตุได้บ้างไม่ได้บ้าง มีทั้งสายลับอเมริกันที่ส่งเข้ามาปฏิบัติงาน หรือ พวกทหารในกองทัพเยอรมันเองก็มี ถึงจะโดนลอบสังหารมากี่ครั้ง ฮิตเลอร์ ก็ยังไม่สนใจ ยังคงออกคำสั่งส่งทหารออกไปรบออกไปเสี่ยงตาย ฆ่าล้างโค่นชาวยิวต่อไป
แผนการลอบสังหาร และทำขบวนการก่อกบฎของเหล่านายทหารมีดำเนินมาตั้งแต่มี 1942 นะ ถ้าผมจำจากหนังได้ไม่ผิด แต่การลงมือจริงๆจังๆ คือ ปฏิบัติการวัลคีรี่ และเหตุการณ์ในวันที่ 21 กรกฎาคม ปี 1944 ที่มีการลอบวางระเบิดห้องประชุมของฮิตเลอร์ ในฐานลับ
"รังหมาป่า"
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นจากฝีมือชายที่มีชื่อว่า พันเอก สต็อฟเฟนเบิร์ก ที่ก่อนหน้าจะก่อกบฎในหนังตอนเริ่มเรื่อง ก็ส่อให้เห็นตอนเขาจดไดอารี่ส่วนตัวแล้วว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำอันโหดเหี้ยมของฮิตเลอร์ และผลของการที่จะแพ้สงคราม จะทำให้บ้านเมืองประชาชนเดือดร้อน เศรษฐกิจที่จะล้มละลาย หลังจากที่พันเอกนายนี้ถูกไปประจำการที่แอฟริกาใต้ แต่ดันถูกเครื่องบินของเหล่าข้าศึกมายิงถล่มและทิ้งระเบิดลงในฐานทัพ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งตัวไปยังรพ.ทหารในกรุงเบอร์ลินทันที
หลังจากที่เขาฟื้นตัวจากอาการโคม่า สต็อฟเฟนเบิร์ก ต้องสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง รวมถึงข้อมืออีกข้าง เขากลับมาหาครอบครัวอีกครั้งและกลับไปทำงานราชการในกองทัพเช่นเคย เฟนเบิร์ก ได้รู้จักกับพวกนายทหารชั้นสูงหลายคนที่กำลังก่อกบฎ เขาได้รับการติดต่ออย่างลับๆ ให้เข้าร่วมทีมปฏิบัติการนี้ ซึ่งเขาก็ตกลงเข้าร่วมในท้ายที่สุด
ในขณะที่ความสูญเสียและการที่จะแพ้สงคราม คืบคลานเข้ามา เรื่อยๆ เปอร์เซ็นต์สูงมากที่ประเทศจะกลับไปแร้งแค้นอีกครั้ง ถ้าไม่กำจัดฮิตเลอร์ และยึดอาวุธพร้อมคณะรัฐบาลของเขาก่อนที่จะแพ้สงคราม ปฏิบัติการคุ้มกันภัยของฮิตเลอร์เอง อย่าง วัลคีรี่ การก่อกบฎครั้งสำคัญของพวกนายทหารชั้นสูงเหล่านี้จึงเริ่มต้นขึ้น
ปฏิบัติการครั้งนี้ ต้องมีคนในที่ต่างๆ คอยควบคุมสถานการณ์ต่างๆมากมาย หลายหน้าที่ ทั้งฝ่ายวิทยุสื่อสารที่คอยตัดการสื่อสารออกหลังฮิตเลอร์ถูกลอบสังหารชั่วขณะ และปล่อยข่าวว่าฮิตเลอร์ตาย หรือคนในคอยแจ้งข่าวที่อยู่และตำแหล่งที่แน่ชัดของฮิตเลอร์ เป็นต้น
แผนทุกอย่างถูกดำเนินอย่างลับๆ ภายนอกพวกเขาเหล่านี้เหมือนนายทหารที่เทิดทูนฮิตเลอร์ แต่ใจจริงอยากกำจัดทิ้งเพื่ออนาคตของชาติบ้านเมือง แผนทุกอย่างถูกดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ช้าๆ อย่างมีระบบ การติดต่อหาแนวร่วม ทางหนีทีรอด แผนสำรองต่างๆ รวมถึงการทำเอกสารออกคำสั่งปลอมส่งถึงทหาร ให้ออกปฏิบัติการบุกยึดอาวุธและคุมตัวพวกจนท.เอสเอเอส ด้วย
จนมาถึงวันลงมือลอบสังหารจริง ที่หลายคนปฏิเสธไม่กล้าเป็นคนเผชิญหน้าในห้องประชุมกับฮิตเลอร์ มีเพียงเฟนเบิร์กเท่านั้น ที่ขออาสาไปเผชิญหน้ากับปีศาจร้าย เพื่อทำการลอบสังหารด้วยระเบิด ที่แอบใส่ในกระเป๋าเอกสารผ่านเข้ามาในรังหมาป่าแห่งนี้
แผนทุกอย่างไปได้สวยหมด หลังเกิดเสียงระเบิด ตามหลังเฟนเบิร์กที่เพิ่งออกมาจากห้องประชุมได้ไม่นาน เขาเห็นกับตากับภาพแรงระเบิดที่ทำให้เขาเชื่อแน่ๆว่า ฮิตเลอร์ ตายแน่ๆ เขาจึงรีบกลับไปดำเนินแผนต่อ แต่ท้ายที่สุดทุกอย่างไม่สำเร็จ เพราะ ฮิตเลอร์ไม่ตาย
ถึงผลจะออกมาล้มเหลวยังไงก็แล้วแต่ แต่พวกเขาเหล่านี้ก็กล้าที่จะทำในสิ่งที่เกือบจะพลิกหน้าประวัติศาสตร์โลก การตายของนายทหารร่วมก่อกบฎต่อฮิตเลอร์ในครั้งนั้น ถือว่าไม่สูญเปล่า มันไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย พวกเขาคือวีรบุรุษของจริง ที่มองเห็นจุดจบของประเทศ และพยายามจะยื้อเข้าช่วยไว้ ขอแสดงความเคารพนับถือต่อพันเอก สต็อฟเฟนเบิร์ก และพวกนายทหารในปฏิบัติครั้งนี้ด้วยครับ
หนังระทึกกดดัน ทุกนาที ทั้งตอนวางแผน ติดต่อหาแนวร่วม การออกปฏิบัติการวัลคีรี่ ตอนฉากลอบสังหาร รวมถึงฉากตอนจบ คือ หนังทำดีมากๆครับ เป็นหนังที่สร้างจากเหตุการณ์จริงที่ดีและน่าจดจำอีกเรื่อง ถ้าผู้กำกับฝีมือไม่ถึงอย่าง Bryan Singer คงมาถ่ายทอดเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญครั้งนี้ได้ไม่ดี บวกกับดาราพลังแม่เหล็กอย่าง ทอม ครูซ เครดิตความดังจากหนังหลายสิบเรื่องก่อนของเฮียแก และการแสดงที่ดีของแก ทำให้หนังน่าสนใจและน่าติดตามมากขึ้นครับ เป็นหนังที่ ทอม ครูซ แสดงบทดราม่าบวกเครดิตความเท่ได้ดีมากๆเรื่องหนึ่ง และหนังก็ไม่มีฉากไหนชวนน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย ถึงหนังจะเน้นบทสนทนาแต่ก็ทำได้ระทึกมากๆ ผมให้คะแนนไปที่ 10/10 ครับ
Valkyrie ยุทธการดับจอมอหังการ์อินทรีเหล็ก (2008) เมื่อ Tom Cruise ทำแผนลอบสังหารฮิตเลอร์
หนังเรื่องนี้สร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริง ในช่วงปี 1942-1944 เหตุการณ์ที่คนทั้งโลกต่างจดจำ ในการวางแผนอย่างลับๆ ของเหล่านายเยอรมันชั้นสูงร่วมกันเป็นขบวนการทำแผนลอบสังหารท่านผู้นำของพวกเขา อย่าง อดล็อฟ ฮิตเลอร์ นั่นเอง
หนังอิงจากเหตุการณ์จริงๆเหมือนในหน้าประวัติศาสตร์เป๊ะๆ เกือบจะ 100% มีบทส่วนเพิ่มเติมเพื่อทำให้รู้และอินกับพวกตัวละครเพิ่มขึ้นบ้าง ตัวหนังนอกจาก ทอม ครูซ นักแสดงคนอื่นๆในเรื่องก็แสดงกันได้ดีสมบทบาท ความเป็นนายทหาร ถึงหน้าตาของเฮียทอม จะดูเป็นอเมริกันมากๆ แต่พอมาใส่เครื่องแบบนายทหารเยอรมัน ก็พอกลมกลืนไปกับเขาได้ ขนลุกสุดๆ ก็ซีนที่ตัวละครของทอม ไปฉะหน้ากับ ฮิตเลอร์ นี่แหละ คือ คนที่มาแสดงเป็นฮิตเลอร์ในเรื่องนี้ เหมือนตัวจริงมากๆ นอกจากหน้าตา สีหน้า การเดิน การเคลื่อนไหวเหมือนเป็นคน คนเดียวกันไงอย่างงั้น ถือว่าคนที่ cast นักแสดงคนนี้มา ทำการบ้านได้ดีครับ ทำให้เราคนดูเชื่อว่าแกคนนี้คือ ฮิตเลอร์ ตัวจริง
หนังเรื่องนี้ออกแนว thriller ผสมดราม่า เหมือนหนังแนวระทึกขวัญที่สร้างจากเหตุการณ์จริงหลายๆเรื่อง ตัวหนังแทบทั้งเรื่อง อารมณ์จะกดดัน ซีเรียส ระทึกขวัญ และคอยลุ้นเอาใจช่วยพวกพระเอกตลอดว่าจะทำแผนสำเร็จไหม ถึงในใจจะรู้ว่าไม่สำเร็จ แต่คนดูมันอินมาก
หนังเล่าเรื่องราวการก่อกบฎอย่างลับๆของนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายสิบคน ที่เล็งเห็นว่าถ้าเยอรมันมัวแต่สั่งทหารบุกโจมตีที่นู้นที่นี้ จะทำให้บ้านเมืองในอนาคตเดือดร้อน ในขณะที่สงครามโลกใกล้จะถึงจุดจบ และท่าทีเยอรมันที่พยายามจะแข็งกร้าวแต่ใกล้จะแพ้ต่อศูตรอย่าง สหรัฐอเมริกาและประเทศฝ่ายพันธมิตรเต็มทน ทหารทุกคนในกองทัพล้วนแต่มีมุมมองแง่คิด ที่ต่างกันออกไป ไม่ใช่มีแต่พวกนาซีคลั่งไคล้จงรักพรรคดีต่อฮิตเลอร์ นายทหารหลายนายก็ไม่พอใจต่อความบ้าคลั่งทนงตัวของผู้นำของเขา
จริงๆฮิตเลอร์เคยถูกลอบสังหารก่อนหน้า ปฏิบัติวัลคีรี่ มาเกือบ 20 ครั้ง แต่ไม่เป็นผลสำเร็จเลยสักครั้ง และดูจะไม่ค่อยโดนอะไรมากมาย ทั้งจากการลอบยิงระยะไกล การวางยาพิษใส่เหล้าใส่อาหาร การวางระเบิด เหล่าตำรวจลับของนาซีจับผู้ก่อเหตุได้บ้างไม่ได้บ้าง มีทั้งสายลับอเมริกันที่ส่งเข้ามาปฏิบัติงาน หรือ พวกทหารในกองทัพเยอรมันเองก็มี ถึงจะโดนลอบสังหารมากี่ครั้ง ฮิตเลอร์ ก็ยังไม่สนใจ ยังคงออกคำสั่งส่งทหารออกไปรบออกไปเสี่ยงตาย ฆ่าล้างโค่นชาวยิวต่อไป
แผนการลอบสังหาร และทำขบวนการก่อกบฎของเหล่านายทหารมีดำเนินมาตั้งแต่มี 1942 นะ ถ้าผมจำจากหนังได้ไม่ผิด แต่การลงมือจริงๆจังๆ คือ ปฏิบัติการวัลคีรี่ และเหตุการณ์ในวันที่ 21 กรกฎาคม ปี 1944 ที่มีการลอบวางระเบิดห้องประชุมของฮิตเลอร์ ในฐานลับ
"รังหมาป่า"
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นจากฝีมือชายที่มีชื่อว่า พันเอก สต็อฟเฟนเบิร์ก ที่ก่อนหน้าจะก่อกบฎในหนังตอนเริ่มเรื่อง ก็ส่อให้เห็นตอนเขาจดไดอารี่ส่วนตัวแล้วว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำอันโหดเหี้ยมของฮิตเลอร์ และผลของการที่จะแพ้สงคราม จะทำให้บ้านเมืองประชาชนเดือดร้อน เศรษฐกิจที่จะล้มละลาย หลังจากที่พันเอกนายนี้ถูกไปประจำการที่แอฟริกาใต้ แต่ดันถูกเครื่องบินของเหล่าข้าศึกมายิงถล่มและทิ้งระเบิดลงในฐานทัพ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งตัวไปยังรพ.ทหารในกรุงเบอร์ลินทันที
หลังจากที่เขาฟื้นตัวจากอาการโคม่า สต็อฟเฟนเบิร์ก ต้องสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง รวมถึงข้อมืออีกข้าง เขากลับมาหาครอบครัวอีกครั้งและกลับไปทำงานราชการในกองทัพเช่นเคย เฟนเบิร์ก ได้รู้จักกับพวกนายทหารชั้นสูงหลายคนที่กำลังก่อกบฎ เขาได้รับการติดต่ออย่างลับๆ ให้เข้าร่วมทีมปฏิบัติการนี้ ซึ่งเขาก็ตกลงเข้าร่วมในท้ายที่สุด
ในขณะที่ความสูญเสียและการที่จะแพ้สงคราม คืบคลานเข้ามา เรื่อยๆ เปอร์เซ็นต์สูงมากที่ประเทศจะกลับไปแร้งแค้นอีกครั้ง ถ้าไม่กำจัดฮิตเลอร์ และยึดอาวุธพร้อมคณะรัฐบาลของเขาก่อนที่จะแพ้สงคราม ปฏิบัติการคุ้มกันภัยของฮิตเลอร์เอง อย่าง วัลคีรี่ การก่อกบฎครั้งสำคัญของพวกนายทหารชั้นสูงเหล่านี้จึงเริ่มต้นขึ้น
ปฏิบัติการครั้งนี้ ต้องมีคนในที่ต่างๆ คอยควบคุมสถานการณ์ต่างๆมากมาย หลายหน้าที่ ทั้งฝ่ายวิทยุสื่อสารที่คอยตัดการสื่อสารออกหลังฮิตเลอร์ถูกลอบสังหารชั่วขณะ และปล่อยข่าวว่าฮิตเลอร์ตาย หรือคนในคอยแจ้งข่าวที่อยู่และตำแหล่งที่แน่ชัดของฮิตเลอร์ เป็นต้น
แผนทุกอย่างถูกดำเนินอย่างลับๆ ภายนอกพวกเขาเหล่านี้เหมือนนายทหารที่เทิดทูนฮิตเลอร์ แต่ใจจริงอยากกำจัดทิ้งเพื่ออนาคตของชาติบ้านเมือง แผนทุกอย่างถูกดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ช้าๆ อย่างมีระบบ การติดต่อหาแนวร่วม ทางหนีทีรอด แผนสำรองต่างๆ รวมถึงการทำเอกสารออกคำสั่งปลอมส่งถึงทหาร ให้ออกปฏิบัติการบุกยึดอาวุธและคุมตัวพวกจนท.เอสเอเอส ด้วย
จนมาถึงวันลงมือลอบสังหารจริง ที่หลายคนปฏิเสธไม่กล้าเป็นคนเผชิญหน้าในห้องประชุมกับฮิตเลอร์ มีเพียงเฟนเบิร์กเท่านั้น ที่ขออาสาไปเผชิญหน้ากับปีศาจร้าย เพื่อทำการลอบสังหารด้วยระเบิด ที่แอบใส่ในกระเป๋าเอกสารผ่านเข้ามาในรังหมาป่าแห่งนี้
แผนทุกอย่างไปได้สวยหมด หลังเกิดเสียงระเบิด ตามหลังเฟนเบิร์กที่เพิ่งออกมาจากห้องประชุมได้ไม่นาน เขาเห็นกับตากับภาพแรงระเบิดที่ทำให้เขาเชื่อแน่ๆว่า ฮิตเลอร์ ตายแน่ๆ เขาจึงรีบกลับไปดำเนินแผนต่อ แต่ท้ายที่สุดทุกอย่างไม่สำเร็จ เพราะ ฮิตเลอร์ไม่ตาย
ถึงผลจะออกมาล้มเหลวยังไงก็แล้วแต่ แต่พวกเขาเหล่านี้ก็กล้าที่จะทำในสิ่งที่เกือบจะพลิกหน้าประวัติศาสตร์โลก การตายของนายทหารร่วมก่อกบฎต่อฮิตเลอร์ในครั้งนั้น ถือว่าไม่สูญเปล่า มันไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย พวกเขาคือวีรบุรุษของจริง ที่มองเห็นจุดจบของประเทศ และพยายามจะยื้อเข้าช่วยไว้ ขอแสดงความเคารพนับถือต่อพันเอก สต็อฟเฟนเบิร์ก และพวกนายทหารในปฏิบัติครั้งนี้ด้วยครับ
หนังระทึกกดดัน ทุกนาที ทั้งตอนวางแผน ติดต่อหาแนวร่วม การออกปฏิบัติการวัลคีรี่ ตอนฉากลอบสังหาร รวมถึงฉากตอนจบ คือ หนังทำดีมากๆครับ เป็นหนังที่สร้างจากเหตุการณ์จริงที่ดีและน่าจดจำอีกเรื่อง ถ้าผู้กำกับฝีมือไม่ถึงอย่าง Bryan Singer คงมาถ่ายทอดเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญครั้งนี้ได้ไม่ดี บวกกับดาราพลังแม่เหล็กอย่าง ทอม ครูซ เครดิตความดังจากหนังหลายสิบเรื่องก่อนของเฮียแก และการแสดงที่ดีของแก ทำให้หนังน่าสนใจและน่าติดตามมากขึ้นครับ เป็นหนังที่ ทอม ครูซ แสดงบทดราม่าบวกเครดิตความเท่ได้ดีมากๆเรื่องหนึ่ง และหนังก็ไม่มีฉากไหนชวนน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย ถึงหนังจะเน้นบทสนทนาแต่ก็ทำได้ระทึกมากๆ ผมให้คะแนนไปที่ 10/10 ครับ