ไม่รู้จะเป็นกระทู้ถามหรือระบายดี...
เราเริ่มงานใหม่ เป็นข้าราชการส่วนภูมิภาคหน่วยงานนึงมาได้ประมาณ 2 เดือน ที่ใหม่งานหนักมากๆ เช้าถึงสำนักงานก่อน 8 โมง กลับ 1-2 ทุ่มเกือบทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน มีได้หยุดแค่ช่วงวันจักรีกับสงกรานต์ที่ผ่านมา นอกนั้นเสาร์อาทิตย์ไม่ได้หยุดเลย
ปัญหาอีกอย่างคือ ผู้บังคับบัญชาเกรี้ยวกราดมาก ระเบิดลงเป็นประจำำ ด่าอะไรได้เป็นด่า เราเคยใช้โทรศัพท์สำนักงานโทรหาอีกหน่วยงานนึง โดนด่าว่าเห็นแก่ตัว ทำไมไม่ใช้โทรศัพท์ตัวเองโทร (เอ้า ก็มันเรื่องงาน) วันมาทำงานวันแรก เรากลับบ้าน 5 โมงเย็น คือพี่พนักงานราชการชวนกลับ เราก็กลับ เพราะเห็นว่าเวลาเลิกงานแล้ว โดนด่ายาวเลย ว่าเป็นข้าราชการทำไมไม่ทุ่มเทเวลาให้งาน กลับก่อนหัวหน้าได้ยังไง มันทำให้เราค่อนข้างรู้สึกเสียสุขภาพจิตที่ต้องมาโดนด่าเรื่องไม่เป็นเรื่องบ่อยๆ
รู้ตัวเลยว่าสุขภาพแย่ลงมาก ทำงานสองเดือน น้ำหนักลดไป 6 กก. (จาก 66 เหลือ 60) รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้น เหนื่อยง่าย ขึ้นบันไดสามชั้นนี่หอบแทบตาย บางวันก็มือชา หน้าชา เป็นตะคริวตอนกลางคืนบ่อยมาก
อีกเรื่องคือ พอบรรจุแล้ว ก็ต้องย้ายจังหวัด ห่างแฟนประมาณ 4 ชม. เมื่อก่อนเราติดแฟนมาก พอต้องห่างกัน แถมวันหยุดก็ไม่ได้กลับไปเจอกัน ยิ่งทำให้รู้สึกแย่มาก แฟนเราก็ดี คอยปลอบคอยโอ๋ ให้กำลังใจสารพัด มันยิ่งทำให้เรารู้สึกอยากอยู่ใกล้แฟนมากขึ้นไปอีก
ทุกวันนี้ เวลาไปทำงาน ถ้าอยู่คนเดียว น้ำตาเราจะไหลออกมาโดยอัตโนมัติเลย เหมือนมันเหนื่อย มันหมดแรง คิดในหัวตลอดเวลาว่าทำไมต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วย ยิ่งเวลาถ้าได้โทรคุยกับแฟน เค้าให้กำลังใจมา ยิ่งร้องไห้ไม่หยุดเลย อยากกลับบ้าน กลับไปอยู่กับครอบครัว พ่อกับแม่นี่ไม่ต้องพูดถึง เราพยายามเลี่ยงคุยโทรศัพท์ตลอด เพราะกลั้นน้ำตาไม่อยู่แน่ๆ ถ้าได้คุยกัน ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง
ทุกวันนี้อยากลาออกมาก แต่มีภาระต้องผ่อนรถ และแม่ต้องใช้สวัสดิการในการรักษาพยาบาล เลยทำให้ไม่กล้าตัดสินใจลาออก แฟนเราก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ออก ได้แต่บอกให้อดทน ผ่านทดลองงานแล้วค่อยหาที่ย้ายเอา
ขอบคุณสำหรับที่ระบายค่ะ
งานหนัก + ห่างแฟน = ร้องไห้เกือบตลอดเวลา จนรู้สึกตัวเองใกล้จะบ้าแล้ว
เราเริ่มงานใหม่ เป็นข้าราชการส่วนภูมิภาคหน่วยงานนึงมาได้ประมาณ 2 เดือน ที่ใหม่งานหนักมากๆ เช้าถึงสำนักงานก่อน 8 โมง กลับ 1-2 ทุ่มเกือบทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน มีได้หยุดแค่ช่วงวันจักรีกับสงกรานต์ที่ผ่านมา นอกนั้นเสาร์อาทิตย์ไม่ได้หยุดเลย
ปัญหาอีกอย่างคือ ผู้บังคับบัญชาเกรี้ยวกราดมาก ระเบิดลงเป็นประจำำ ด่าอะไรได้เป็นด่า เราเคยใช้โทรศัพท์สำนักงานโทรหาอีกหน่วยงานนึง โดนด่าว่าเห็นแก่ตัว ทำไมไม่ใช้โทรศัพท์ตัวเองโทร (เอ้า ก็มันเรื่องงาน) วันมาทำงานวันแรก เรากลับบ้าน 5 โมงเย็น คือพี่พนักงานราชการชวนกลับ เราก็กลับ เพราะเห็นว่าเวลาเลิกงานแล้ว โดนด่ายาวเลย ว่าเป็นข้าราชการทำไมไม่ทุ่มเทเวลาให้งาน กลับก่อนหัวหน้าได้ยังไง มันทำให้เราค่อนข้างรู้สึกเสียสุขภาพจิตที่ต้องมาโดนด่าเรื่องไม่เป็นเรื่องบ่อยๆ
รู้ตัวเลยว่าสุขภาพแย่ลงมาก ทำงานสองเดือน น้ำหนักลดไป 6 กก. (จาก 66 เหลือ 60) รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้น เหนื่อยง่าย ขึ้นบันไดสามชั้นนี่หอบแทบตาย บางวันก็มือชา หน้าชา เป็นตะคริวตอนกลางคืนบ่อยมาก
อีกเรื่องคือ พอบรรจุแล้ว ก็ต้องย้ายจังหวัด ห่างแฟนประมาณ 4 ชม. เมื่อก่อนเราติดแฟนมาก พอต้องห่างกัน แถมวันหยุดก็ไม่ได้กลับไปเจอกัน ยิ่งทำให้รู้สึกแย่มาก แฟนเราก็ดี คอยปลอบคอยโอ๋ ให้กำลังใจสารพัด มันยิ่งทำให้เรารู้สึกอยากอยู่ใกล้แฟนมากขึ้นไปอีก
ทุกวันนี้ เวลาไปทำงาน ถ้าอยู่คนเดียว น้ำตาเราจะไหลออกมาโดยอัตโนมัติเลย เหมือนมันเหนื่อย มันหมดแรง คิดในหัวตลอดเวลาว่าทำไมต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วย ยิ่งเวลาถ้าได้โทรคุยกับแฟน เค้าให้กำลังใจมา ยิ่งร้องไห้ไม่หยุดเลย อยากกลับบ้าน กลับไปอยู่กับครอบครัว พ่อกับแม่นี่ไม่ต้องพูดถึง เราพยายามเลี่ยงคุยโทรศัพท์ตลอด เพราะกลั้นน้ำตาไม่อยู่แน่ๆ ถ้าได้คุยกัน ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง
ทุกวันนี้อยากลาออกมาก แต่มีภาระต้องผ่อนรถ และแม่ต้องใช้สวัสดิการในการรักษาพยาบาล เลยทำให้ไม่กล้าตัดสินใจลาออก แฟนเราก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ออก ได้แต่บอกให้อดทน ผ่านทดลองงานแล้วค่อยหาที่ย้ายเอา