บทวิเคราะห์กันต่อกับ สงครามเทคโนโลยี
สืบเนื่องจากกระทู้
https://ppantip.com/topic/38889278
เพื่อนสมาชิกถกเถียงได้อย่างอรรถรสและอร่อยจั๋งฮู้....
มาต่อกับประเด็นร้อนกันต่อ กับ สงครามเทคโนโลยี 2019 ระหว่างบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่แห่งแดนมังกร ปะทะ รัฐบาลกลางทำเนียบขาวแห่งแดนโคลัมบัส
ศึกนี้ยึดเยื้อยิ่งนัก การโจมตีระลอกแรกของอเมริกาโน่ ยิ่งกว่าการทิ้ง เด็กน้อย (Little Boy) ลง ฮิโรชิม่า ด้วยนิวเคลียร์ทางเทคโนโลยีลูกแรกที่อเมริกาโน่ได้ทำการทิ้งใส่หัวเหว่ย คือ การใช้อำนาจรัฐบาลกลางในการออกกฏข้อบังคับแกมบีบบังคับให้บริษัทไอทีสัญชาติอเมริกาโน่แบนหัวเหว่ย ซึ่ง Google เจ้าแรกต้องจำใจทำตามนโยบาย ในการประกาศไม่สนับสนุน Google Service และ OS เอนด๋อย รุ่นต่อๆ ไปให้กับหัวเหว่ยนั่นเอง ผลกระทบดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกต่อ FC หัวเหว่ยในวงกว้างยิ่งกว่าทฤษฏีสัมพันธภาพระเบิดอะตอมมิคกันเลยทีเดียว
ด้านกองทัพหัวเหว่ยก็ได้ตอบโต้ทันควัน ด้วยการประกาศว่าได้สร้าง OS หงเหมิง ขึ้นมาทดแทนแล้ว แต่จะใช้ได้ดีแค่ไหน ก็ต้องติดตามกันต่อไป
และระเบิดอะตอมลูกที่ 2 ก็ตามมา อเมริกาโน่เปรียบดั่งกับทิ้ง ชายอ้วน(Fat Man) ลงนางาซากิ ทิ้งนิวเคลียร์ซ้ำดาบสองตามมา ซึ่ง ARM สถาปัตยากรรมชิพเซต มีรายงานจากแหล่งข่าว BBC ว่า
"สำนักข่าว BBC รายงานว่าได้รับเอกสารภายในจากบริษัท ARM แจ้งให้พนักงานหยุดทำธุรกิจกับหัวเว่ยทั้งหมดเนื่องจากสถาปัตยกรรม ARM นั้นมี "เทคโนโลยีสหรัฐฯ"
ARM ไม่ได้ขายชิปโดยตรงแต่ขายสถาปัตยกรรมคำสั่ง (instruction set architecture - ISA) และพิมพ์เขียวของชิปเพื่อให้บริษัทต่างๆ นำไปปรับแต่งและผลิตขายด้วยตัวเอง บริษัทผู้ผลิตชิปเช่นแอปเปิล, ซัมซุง, หรือหัวเว่ย ต้องซื้อสิทธิ์ในการผลิตจาก ARM ก่อนจะผลิตชิป
ตัว ARM เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร แต่เจ้าของบริษัทคือ SoftBank จากญี่ปุ่น อย่างไรก็ดีเทคโนโลยีซีพียูนั้นมักมีการซื้อเทคโนโลยีข้ามบริษัทกันไปมาหลายต่อ
ARM ไม่ยืนยันหรือปฎิเสธข่าวนี้ แต่บอกกับ BBC ว่า "
บริษัททำตามการกำกับดูแลโดยสหรัฐฯ ตามเงื่อนไขล่าสุด" ส่วนทางหัวเว่ยปฎิเสธไม่ออกความเห็น"
https://www.bbc.com/news/technology-48363772
ต้องบอกเลยว่า หัวเหว่ยอาจ ไม่มีสมอง หรือ ชิพเซต ที่ใช้สถาปัตยกรรมพื้นฐานมาจาก ARM ในอุปกรณ์หัวเหว่ย ซึ่งนั่นหมายความว่า หัวเหว่ย อาจต้องลงทุนงานวิจัยสร้างชิพเซตเองทั้งหมด
ซึ่ง ชิปเซต หรือ สมองของอุปกรณ์ เมื่อขาดสิ่งนี้อุปกรณ์เหล่านั้นแทบจะชั่งกิโลขายกันเลยทีเดียว เพราะนั่นคือ หัวใจหลักของอุปกรณ์บนโลกนี้นั่นเอง
และการที่หัวเหว่ยจะสร้างขึ้นมาเองทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้สรรพกำลังด้านทรัพยากรสมองเพชรคนในชาติจีนเอง และทุนมหาศาล รวมถึงใช้เวลาเป็นอย่างมากในการคิดค้นออกแบบสถาปัตกรรมชิปเซตเองทั้งหมด
ซึ่งต่างจากอเมริกาโน่ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าสหรัฐ หรือรวมหลายเชื้อชาติ และเป็นประเทศที่ดูดคนเก่งทรัพยากรสมองเพชรระดับหัวกะทิเข้าองค์กรสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ มาทำงานวิจัย และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มาอย่างช้านาน ไม่จำเป็นต้องแอบไปคลอด แต่ถ้าคุณเก่งจริงมีสมองมีความสามารถด้านวิทยาการเทคโนโลยีไอทีคุณก็จะโดนดูดเข้าไปในอเมริกาโน่ได้สัญชาติอเมริกาโน่ได้ไม่ยาก
และการสร้างชิฟเซตเองทั้งหมด ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สร้างออกมาแล้วรองรับกับซอฟแวร์ได้ดีแค่ไหน?
ซึ่งการสร้างขึ้นมาเอง มันไม่ได้ง่ายเหมือนเอาโครงสร้างพื้นฐานหรือคอนเซปชาวบ้านมาต่อยอดนั่นเอง
พื้นฐาน คือ ฐานพีระมิด เป็นสิ่งสำคัญ ดังเช่นพื้นฐานการสร้างคอมพิวเตอร์ จีนนั่นก็ไม่ได้มีวิทยาการคิดค้นคอมเซปคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเองตั้งแต่แรกเริ่ม
กลับกันผู้คิดค้นคอนเซปสร้างคอมพิวเตอร์ ก็ดันเป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี นามว่า จอห์น ฟอน นอยมันน์
หรือ บุคคลผู้สร้าง หรือ เดอะก็อด ผู้คิดค้นระบบการทำงานคอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกว่า "สถาปัตยกรรมฟอนนอยมันน์"
ซึ่งจุดเริ่มต้นพื้นฐานนี่เองส่งผลมาถึงนวัตกรรมด้านไอทีคอมพิวเตอร์มากมายให้เราใช้ในปัจจุบัน
ซึ่งนี่คือความยากของจีนที่จะสร้างชิฟที่ซับซ้อนออกมาตัวหนึ่งมาประมวลผลก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ใช่ผู้สร้างที่เริ่มจากพื้นฐานที่เริ่มจาก 0 มาแต่แรก
ดังนั้นพื้นฐาน ทุกอย่างคือสิ่งสำคัญ
ซึ่งการที่
ARM ไม่อนุญาตให้ Huawei ใช้ใบอนุญาตเพื่อผลิตชิปเซ็ตที่อยู่ภายใต้ ARM ซึ่งหมายความว่า
Huawei จะไม่สามารถใช้ชิปเซ็ต Kirin ได้อีกในรุ่นถัดไป แต่รุ่นที่วางขายปัจจุบันใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งบทสรุปเรารู้กันอยู่แล้วว่า
ถ้าไม่มีสิทธิบัตร ไม่ได้รับอนุญาต ก็จะไม่สามารถใช้งานได้
แล้วอย่างงี้ Huawei จะเอายังไงต่อ?
ถึงจะมีการแบนเกิดขึ้น ก็ยัง
ไม่มีผลกับรุ่นที่ขายปัจจุบัน ย้ำอีกครั้งว่า รุ่นที่ขายปัจจุบัน ใช้งานได้ตามปกติ ทั้งชิปเซ็ต ระบบปฏิบัติการ และแอป
โดยจะมีผลเฉพาะรุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้ผลิต
นั่นแปลว่า หัวเหว่ยเจองานยากที่อาจจะต้องสร้างออกแบบสถาปัตยกรรมชิพเซตเองทั้งหมด
และด้วยการโจมตีระลอกสองของอเมริกาโน่ครั้งนี้นี่เอง ฝั่งกองทัพจีนก็ได้งัดไม้ตาย แรไอเทม มาใช้ นั่นคือ แรเอิร์ท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำอุปกรณ์ชิพที่อเมริกาโน่นำเข้าจากจีนไปผลิตเกือบ 80% มาต่อรองก็เป็นได้
ทรัพยากรแรเอิร์ท คือไม้ตายของจีนในครั้งนี้ ซึ่งมีวันหมด
แต่ทรัพยากร ของอเมริกาโน่ ที่มีนั่นคือ ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ ที่อาจจะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนก็เป็นได้....
ซึ่ง หัวเหว่ย กับ สงครามเทคโนโลยีที่ไม่มีวันรบชนะอเมริกาโน่ ก็เป็นได้....
หัวเหว่ยชิพหาย อาจต้องเริ่มจาก 0 สร้างชิพเอง ไม่ง่าย ยุทธการตัดแขน ARM สงครามเทคโนโยลีอเมริกาโน่ ผู้คิดค้นได้เปรียบ
สืบเนื่องจากกระทู้
https://ppantip.com/topic/38889278
เพื่อนสมาชิกถกเถียงได้อย่างอรรถรสและอร่อยจั๋งฮู้....
มาต่อกับประเด็นร้อนกันต่อ กับ สงครามเทคโนโลยี 2019 ระหว่างบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่แห่งแดนมังกร ปะทะ รัฐบาลกลางทำเนียบขาวแห่งแดนโคลัมบัส
ศึกนี้ยึดเยื้อยิ่งนัก การโจมตีระลอกแรกของอเมริกาโน่ ยิ่งกว่าการทิ้ง เด็กน้อย (Little Boy) ลง ฮิโรชิม่า ด้วยนิวเคลียร์ทางเทคโนโลยีลูกแรกที่อเมริกาโน่ได้ทำการทิ้งใส่หัวเหว่ย คือ การใช้อำนาจรัฐบาลกลางในการออกกฏข้อบังคับแกมบีบบังคับให้บริษัทไอทีสัญชาติอเมริกาโน่แบนหัวเหว่ย ซึ่ง Google เจ้าแรกต้องจำใจทำตามนโยบาย ในการประกาศไม่สนับสนุน Google Service และ OS เอนด๋อย รุ่นต่อๆ ไปให้กับหัวเหว่ยนั่นเอง ผลกระทบดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกต่อ FC หัวเหว่ยในวงกว้างยิ่งกว่าทฤษฏีสัมพันธภาพระเบิดอะตอมมิคกันเลยทีเดียว
ด้านกองทัพหัวเหว่ยก็ได้ตอบโต้ทันควัน ด้วยการประกาศว่าได้สร้าง OS หงเหมิง ขึ้นมาทดแทนแล้ว แต่จะใช้ได้ดีแค่ไหน ก็ต้องติดตามกันต่อไป
และระเบิดอะตอมลูกที่ 2 ก็ตามมา อเมริกาโน่เปรียบดั่งกับทิ้ง ชายอ้วน(Fat Man) ลงนางาซากิ ทิ้งนิวเคลียร์ซ้ำดาบสองตามมา ซึ่ง ARM สถาปัตยากรรมชิพเซต มีรายงานจากแหล่งข่าว BBC ว่า
"สำนักข่าว BBC รายงานว่าได้รับเอกสารภายในจากบริษัท ARM แจ้งให้พนักงานหยุดทำธุรกิจกับหัวเว่ยทั้งหมดเนื่องจากสถาปัตยกรรม ARM นั้นมี "เทคโนโลยีสหรัฐฯ"
ARM ไม่ได้ขายชิปโดยตรงแต่ขายสถาปัตยกรรมคำสั่ง (instruction set architecture - ISA) และพิมพ์เขียวของชิปเพื่อให้บริษัทต่างๆ นำไปปรับแต่งและผลิตขายด้วยตัวเอง บริษัทผู้ผลิตชิปเช่นแอปเปิล, ซัมซุง, หรือหัวเว่ย ต้องซื้อสิทธิ์ในการผลิตจาก ARM ก่อนจะผลิตชิป
ตัว ARM เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร แต่เจ้าของบริษัทคือ SoftBank จากญี่ปุ่น อย่างไรก็ดีเทคโนโลยีซีพียูนั้นมักมีการซื้อเทคโนโลยีข้ามบริษัทกันไปมาหลายต่อ
ARM ไม่ยืนยันหรือปฎิเสธข่าวนี้ แต่บอกกับ BBC ว่า "บริษัททำตามการกำกับดูแลโดยสหรัฐฯ ตามเงื่อนไขล่าสุด" ส่วนทางหัวเว่ยปฎิเสธไม่ออกความเห็น"
https://www.bbc.com/news/technology-48363772
ต้องบอกเลยว่า หัวเหว่ยอาจ ไม่มีสมอง หรือ ชิพเซต ที่ใช้สถาปัตยกรรมพื้นฐานมาจาก ARM ในอุปกรณ์หัวเหว่ย ซึ่งนั่นหมายความว่า หัวเหว่ย อาจต้องลงทุนงานวิจัยสร้างชิพเซตเองทั้งหมด
ซึ่ง ชิปเซต หรือ สมองของอุปกรณ์ เมื่อขาดสิ่งนี้อุปกรณ์เหล่านั้นแทบจะชั่งกิโลขายกันเลยทีเดียว เพราะนั่นคือ หัวใจหลักของอุปกรณ์บนโลกนี้นั่นเอง
และการที่หัวเหว่ยจะสร้างขึ้นมาเองทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้สรรพกำลังด้านทรัพยากรสมองเพชรคนในชาติจีนเอง และทุนมหาศาล รวมถึงใช้เวลาเป็นอย่างมากในการคิดค้นออกแบบสถาปัตกรรมชิปเซตเองทั้งหมด
ซึ่งต่างจากอเมริกาโน่ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าสหรัฐ หรือรวมหลายเชื้อชาติ และเป็นประเทศที่ดูดคนเก่งทรัพยากรสมองเพชรระดับหัวกะทิเข้าองค์กรสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ มาทำงานวิจัย และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มาอย่างช้านาน ไม่จำเป็นต้องแอบไปคลอด แต่ถ้าคุณเก่งจริงมีสมองมีความสามารถด้านวิทยาการเทคโนโลยีไอทีคุณก็จะโดนดูดเข้าไปในอเมริกาโน่ได้สัญชาติอเมริกาโน่ได้ไม่ยาก
และการสร้างชิฟเซตเองทั้งหมด ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สร้างออกมาแล้วรองรับกับซอฟแวร์ได้ดีแค่ไหน?
ซึ่งการสร้างขึ้นมาเอง มันไม่ได้ง่ายเหมือนเอาโครงสร้างพื้นฐานหรือคอนเซปชาวบ้านมาต่อยอดนั่นเอง
พื้นฐาน คือ ฐานพีระมิด เป็นสิ่งสำคัญ ดังเช่นพื้นฐานการสร้างคอมพิวเตอร์ จีนนั่นก็ไม่ได้มีวิทยาการคิดค้นคอมเซปคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเองตั้งแต่แรกเริ่ม
กลับกันผู้คิดค้นคอนเซปสร้างคอมพิวเตอร์ ก็ดันเป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี นามว่า จอห์น ฟอน นอยมันน์
หรือ บุคคลผู้สร้าง หรือ เดอะก็อด ผู้คิดค้นระบบการทำงานคอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกว่า "สถาปัตยกรรมฟอนนอยมันน์"
ซึ่งจุดเริ่มต้นพื้นฐานนี่เองส่งผลมาถึงนวัตกรรมด้านไอทีคอมพิวเตอร์มากมายให้เราใช้ในปัจจุบัน
ซึ่งนี่คือความยากของจีนที่จะสร้างชิฟที่ซับซ้อนออกมาตัวหนึ่งมาประมวลผลก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ใช่ผู้สร้างที่เริ่มจากพื้นฐานที่เริ่มจาก 0 มาแต่แรก
ดังนั้นพื้นฐาน ทุกอย่างคือสิ่งสำคัญ
ซึ่งการที่ ARM ไม่อนุญาตให้ Huawei ใช้ใบอนุญาตเพื่อผลิตชิปเซ็ตที่อยู่ภายใต้ ARM ซึ่งหมายความว่า Huawei จะไม่สามารถใช้ชิปเซ็ต Kirin ได้อีกในรุ่นถัดไป แต่รุ่นที่วางขายปัจจุบันใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งบทสรุปเรารู้กันอยู่แล้วว่า ถ้าไม่มีสิทธิบัตร ไม่ได้รับอนุญาต ก็จะไม่สามารถใช้งานได้
แล้วอย่างงี้ Huawei จะเอายังไงต่อ?
ถึงจะมีการแบนเกิดขึ้น ก็ยังไม่มีผลกับรุ่นที่ขายปัจจุบัน ย้ำอีกครั้งว่า รุ่นที่ขายปัจจุบัน ใช้งานได้ตามปกติ ทั้งชิปเซ็ต ระบบปฏิบัติการ และแอป โดยจะมีผลเฉพาะรุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้ผลิต
นั่นแปลว่า หัวเหว่ยเจองานยากที่อาจจะต้องสร้างออกแบบสถาปัตยกรรมชิพเซตเองทั้งหมด
และด้วยการโจมตีระลอกสองของอเมริกาโน่ครั้งนี้นี่เอง ฝั่งกองทัพจีนก็ได้งัดไม้ตาย แรไอเทม มาใช้ นั่นคือ แรเอิร์ท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำอุปกรณ์ชิพที่อเมริกาโน่นำเข้าจากจีนไปผลิตเกือบ 80% มาต่อรองก็เป็นได้
ทรัพยากรแรเอิร์ท คือไม้ตายของจีนในครั้งนี้ ซึ่งมีวันหมด
แต่ทรัพยากร ของอเมริกาโน่ ที่มีนั่นคือ ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ ที่อาจจะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนก็เป็นได้....
ซึ่ง หัวเหว่ย กับ สงครามเทคโนโลยีที่ไม่มีวันรบชนะอเมริกาโน่ ก็เป็นได้....