เริ่มจากการที่ผมเห็นคลินิคนึงโปรโมทการปลูกผมแบบ FUE
ผมเลยแนะนำพี่สาวแฟนผมไปให้ลองปรึกษาดูเนื่องจากพี่เขามีปัญหาผมบางกลางศีรษะเพราะกรรมพันธุ์แต่พอไปปรึกษากับคุณหมอปรากฏว่าคุณหมอแนะนำว่ายังไม่ต้องปลูกผมแบบ FUE ให้ลองกระตุ้นรากผมด้วย stem cell ดูแล้วก็ทาเซรั่มบำรุงทุกวันไปก่อนก็ได้เพราะว่าอาการยังไม่หนักมากและราคาก็ไม่แพงแค่หลักพันไม่ถึงหมื่น พี่สาวเขาก็เลยลองกระตุ้นรากผมด้วย stem cell ดูหลังจากนั้นก็ไปฉีดกระตุ้นเดือนละครั้ง พอใกล้ๆจะต้องไปฉีด stem cell
ครั้งที่ 3 (ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ เกือบ 3 เดือน) พี่สาวก็บอกว่าผมเริ่มขึ้นแล้วจากเดิมที่ต้องเอากิฟมาติดผมเพื่อปกปิดผมบาง
ผลก็คือพี่เขา happy มากๆ ส่งรูปมาให้ผมดู ผมเห็นว่าเฮ้ย ผมขึ้นจริงๆ เวิร์คแฮะ ยังไม่ถึง 3 เดือนเลย
ผมเลยนึกถึงเพื่อนอีกคนหนึ่งสมัยเรียนมัธยมซึ่งมีปัญหาศีรษะล้านเพราะกรรมพันธ์ุเหมือนกันซึ่งเมื่อก่อนเพื่อนผมเขาเคยไปคลินิคเกี่ยวกับเส้นผมชื่อดังแห่งหนึ่งสมัยก่อน(เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว)เสียเงินเป็นแสนๆแต่ผมก็ไม่ขึ้น ด้วยความที่หวังดีกับเพื่อน A เลยรีบๆพิมพ์ไปหาเพื่อนระหว่างขับรถ กะว่าจะพิมพ์ไปว่า
"เฮ้ ไอ้ A มีปัญหาเส้นผมไหม ? " แต่ด้วยความที่รีบพิมพ์เลยพิมพ์ได้ไม่ครบไปว่า
"เฮ้ ไอ้ A เส้นผมไหม ?"
ผมก็ตกใจว่าซวยละรีบพิมพ์ตกไป เลยรีบถามไปว่า
"มีคลินิคนึงช่วยให้ผมขึ้นได้นะ"
มันก็ตอบมาว่า
"เออกุปลงละ"
"ช่างมันเถอะ"
ผมเลยพยามโน้มน้าวไปอีกว่า
"พี่สาวแฟนกุไปทำมาแล้วมันดีขึ้นนะ 2 เดือนกว่าๆเองผมขึ้นแล้ว"
แล้วก็ส่งรูปก่อนหลังไปให้มันดูและบอกว่า
"ไม่ได้ผ่าตัดแค่ใช้stem cell ของตัวเองมาฉีด"
มันบอกว่า "ของกูไปเยอะแล้วน่าจะฟื้นยาก"
ผมก็ยังรู้สึกผิดกับเพื่อนเลยบอกว่า "เดี่ยวกูเอาเซรั่มไปให้ลองดูก่อนไหม"
แต่มันก็บอกปัดว่า " ไม่ดีกว่าว่ะ ขอบใจนะ "
ขอความคิดเห็นหน่อยครับ อย่างนี้มันน้อยใจ หรือไม่อยากลองจริงๆเพราะปลงแล้วครับ
ผมควรพยายามช่วยเพื่อนต่อไปโดยเอาเซรั่มส่งไปให้มันลองเลยดีไหม ??
เมื่อความหวังดีอยากช่วยเพื่อนเรื่องปัญหาศีรษะล้านแต่พลาดดันไปทำให้คนผมน้อย น้อยใจ ทำไงดีครับ !!!
ผมเลยแนะนำพี่สาวแฟนผมไปให้ลองปรึกษาดูเนื่องจากพี่เขามีปัญหาผมบางกลางศีรษะเพราะกรรมพันธุ์แต่พอไปปรึกษากับคุณหมอปรากฏว่าคุณหมอแนะนำว่ายังไม่ต้องปลูกผมแบบ FUE ให้ลองกระตุ้นรากผมด้วย stem cell ดูแล้วก็ทาเซรั่มบำรุงทุกวันไปก่อนก็ได้เพราะว่าอาการยังไม่หนักมากและราคาก็ไม่แพงแค่หลักพันไม่ถึงหมื่น พี่สาวเขาก็เลยลองกระตุ้นรากผมด้วย stem cell ดูหลังจากนั้นก็ไปฉีดกระตุ้นเดือนละครั้ง พอใกล้ๆจะต้องไปฉีด stem cell
ครั้งที่ 3 (ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ เกือบ 3 เดือน) พี่สาวก็บอกว่าผมเริ่มขึ้นแล้วจากเดิมที่ต้องเอากิฟมาติดผมเพื่อปกปิดผมบาง
ผลก็คือพี่เขา happy มากๆ ส่งรูปมาให้ผมดู ผมเห็นว่าเฮ้ย ผมขึ้นจริงๆ เวิร์คแฮะ ยังไม่ถึง 3 เดือนเลย
ผมเลยนึกถึงเพื่อนอีกคนหนึ่งสมัยเรียนมัธยมซึ่งมีปัญหาศีรษะล้านเพราะกรรมพันธ์ุเหมือนกันซึ่งเมื่อก่อนเพื่อนผมเขาเคยไปคลินิคเกี่ยวกับเส้นผมชื่อดังแห่งหนึ่งสมัยก่อน(เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว)เสียเงินเป็นแสนๆแต่ผมก็ไม่ขึ้น ด้วยความที่หวังดีกับเพื่อน A เลยรีบๆพิมพ์ไปหาเพื่อนระหว่างขับรถ กะว่าจะพิมพ์ไปว่า
"เฮ้ ไอ้ A มีปัญหาเส้นผมไหม ? " แต่ด้วยความที่รีบพิมพ์เลยพิมพ์ได้ไม่ครบไปว่า
"เฮ้ ไอ้ A เส้นผมไหม ?"
ผมก็ตกใจว่าซวยละรีบพิมพ์ตกไป เลยรีบถามไปว่า
"มีคลินิคนึงช่วยให้ผมขึ้นได้นะ"
มันก็ตอบมาว่า
"เออกุปลงละ"
"ช่างมันเถอะ"
ผมเลยพยามโน้มน้าวไปอีกว่า
"พี่สาวแฟนกุไปทำมาแล้วมันดีขึ้นนะ 2 เดือนกว่าๆเองผมขึ้นแล้ว"
แล้วก็ส่งรูปก่อนหลังไปให้มันดูและบอกว่า
"ไม่ได้ผ่าตัดแค่ใช้stem cell ของตัวเองมาฉีด"
มันบอกว่า "ของกูไปเยอะแล้วน่าจะฟื้นยาก"
ผมก็ยังรู้สึกผิดกับเพื่อนเลยบอกว่า "เดี่ยวกูเอาเซรั่มไปให้ลองดูก่อนไหม"
แต่มันก็บอกปัดว่า " ไม่ดีกว่าว่ะ ขอบใจนะ "
ขอความคิดเห็นหน่อยครับ อย่างนี้มันน้อยใจ หรือไม่อยากลองจริงๆเพราะปลงแล้วครับ
ผมควรพยายามช่วยเพื่อนต่อไปโดยเอาเซรั่มส่งไปให้มันลองเลยดีไหม ??