●●เพื่อไทยหมดสภาพ-เจ๊หน่อย ใจสลาย ถูกฉีกหน้าไม่มีชิ้นดี !?●●
เชื่อว่านาทีนี้หากมองลึกเข้าไปในหัวใจของ "เจ๊หน่อย"คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะแคดิเดต
นายกรัฐมนตรีของอันดับหนึ่งพรรคเพื่อไทย หลังจากถูกพรรคอนาคตใหม่ที่เป็นหนึ่งในพรรคพันธมิตร
ที่เคยร่วมลงนามสัตยาบัน 7 พรรคประกาศสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีและร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล
แต่มาวันนี้สิ่งที่เห็นก็คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้"ฉีกสัตยาบัน"ดังกล่าวแบบ
ไม่มีชิ้นดี โดยอ้างว่าพรรคที่ได้คะแนนอันดับหนึ่ง(พรรคเพื่อไทย)ไม่สามารถ"ไปต่อ"ได้
โดยเขาใช้คำว่าการจัดตั้งรัฐบาลไม่มีความคืบหน้า ดังนั้นเพื่อหาทางสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจของ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เขา (ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ) จึงขอเสนอตัว
เป็นนายกรัฐมนตรีเอง และอ้างว่าได้รับไฟเขียวจาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
จากพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันก็ประกาศรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลโดยมีความพยายาม
เคลื่อนไหวทาบทามหรืออ้อนวอนพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมกับฝั่งนี้ พร้อมๆกับเสนอแนวทาง
"ปิดสวิตซ์ส.ว."ด้วยการเรียกร้องให้ ส.ส.ร่วมกันโหวตสนับสนุน นายกรัฐมนตรีจากพรรคอื่นนอกเหนือจาก
พรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์
โดยถึงขั้นเสนอแนวทาง"ขั้วที่สาม"ผลักดันให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ หรือ
อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรีสืบแทน
แต่ในที่สุด ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจก็เสนอตัวเองเป็นนายกฯ ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อต้องการสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจ
ดังกล่าวข้างต้น
การเคลื่อนไหวของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในครั้งนี้ถือว่ามีข้อน่าสงสัย และมีเจตนาบางอย่างที่น่าจับตาก็คือ
เป็นเรื่องที่"เป็นไปไม่ได้" ทำให้เกิดคำถามตามมาก็คือเขา"มีเจตนาอะไรกันแน่" เพราะอย่างที่รับรู้กันก็คือ
ต่อให้รวบรวมเสียงทั้ง 7 พรรคเดิมรวมกับ ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยก็ไม่มีทางได้เสียงถึง 376 เสียง
เพียงพอสำหรับโหวตนายกฯในรัฐสภา
แต่น่าสังเกตก็คือความเคลื่อนไหวแบบนั้นของเขาเกิดขึ้นวันเดียวกับที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
มีมติเป็นเอกฉันท์เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีการถือหุ้นสื่อมวลชน ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญ และกกต.
มีหลักฐานชัดเจนว่า"มีคุณสมบัติต้องห้าม" โดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อ้างว่า"นี่คือแผนสกัดกั้น"ทาง
การเมือง และมีเป้าหมายไปที่ตัวเขาและพรรคอนาคตใหม่
วกกลับมาที่พรรคเพื่อไทย และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่นาทีนี้เหมือนกับ"หมดสภาพ"พ่ายแพ้ไปอย่าง
สิ้นเชิงแล้ว เพราะหลังจากที่มีแนวโน้มให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ไม่อาจรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ได้เกิน 251 เสียง ขณะเดียวกันที่ผ่านมาได้เห็นความเคลื่อนไหวจากบรรดาแกนนำของพรรคนี้น้อยมาก น้อย
จนแทบจะไม่ได้เห็นบทบาทเลยในช่วงที่ผ่านมา จนผิดธรรมชาติของพรรคทีมี ส.ส.จำนวนมากที่สุด (137 คน)
ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบรรดาแกนนำพรรคทั้งหมดที่อยู่ในระบบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สอบตกกันเรียบวุธ
หรือเปล่าก็เป็นได้ เพราะตั้งแต่ แคดิเดตนายกฯอันดับหนึ่งอย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไปจนถึง
หัวหน้าพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ไปจนถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ไม่ได้เป็น ส.ส.ไม่ได้เข้าสภาเป็น
ครั้งแรกในรอบนับสิบปี
ขณะเดียวกันหากเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยจะมี ทักษิณ ชินวัตร มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน ก็ต้องบอกว่านี่
อาจเป็นครั้งแรกที่ถูก"ลอยแพ" ส่วนสำคัญอาจเป็นเพราะอิทธิพลและความนิยมของเขาลดต่ำลงจนอยู่ใน
ระดับธรรมดาทั่วไปแล้ว โดยคนที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคในเครือข่ายในปัจจุบันหันไป
เทคะแนนให้กับพรรคอนาคตใหม่ไปแล้วหรือเปล่า
แม้ว่าการพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ที่นาทีนี้เหมือนกับ
การ"หักหน้า"พรรคเพื่อไทย และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพราะเป็นการ"ฉีกสัตยาบัน" 7 พรรคที่เคยทำ
เอาไว้ เพราะแสดงความ"ต้องการ"ของตัวเองที่เผยออกมาให้เห็น อีกทั้งยังมีพิรุธจากการสร้างกระแสหลังจาก กกต.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่อง"คุณสมบัติต้องห้าม" ก็ตาม
แต่อีกด้านหนึ่งสำหรับพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคที่มี ส.ส.อันดับหนึ่งถือว่า"หมดสภาพการนำ"อย่างสิ้นเชิงแล้ว !!
Cr. https://mgronline.com/politics/detail/9620000047891
●●เพื่อไทยหมดสภาพ-เจ๊หน่อย ใจสลาย ถูกฉีกหน้าไม่มีชิ้นดี !?●●
เชื่อว่านาทีนี้หากมองลึกเข้าไปในหัวใจของ "เจ๊หน่อย"คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะแคดิเดต
นายกรัฐมนตรีของอันดับหนึ่งพรรคเพื่อไทย หลังจากถูกพรรคอนาคตใหม่ที่เป็นหนึ่งในพรรคพันธมิตร
ที่เคยร่วมลงนามสัตยาบัน 7 พรรคประกาศสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีและร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล
แต่มาวันนี้สิ่งที่เห็นก็คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้"ฉีกสัตยาบัน"ดังกล่าวแบบ
ไม่มีชิ้นดี โดยอ้างว่าพรรคที่ได้คะแนนอันดับหนึ่ง(พรรคเพื่อไทย)ไม่สามารถ"ไปต่อ"ได้
โดยเขาใช้คำว่าการจัดตั้งรัฐบาลไม่มีความคืบหน้า ดังนั้นเพื่อหาทางสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจของ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เขา (ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ) จึงขอเสนอตัว
เป็นนายกรัฐมนตรีเอง และอ้างว่าได้รับไฟเขียวจาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
จากพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันก็ประกาศรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลโดยมีความพยายาม
เคลื่อนไหวทาบทามหรืออ้อนวอนพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมกับฝั่งนี้ พร้อมๆกับเสนอแนวทาง
"ปิดสวิตซ์ส.ว."ด้วยการเรียกร้องให้ ส.ส.ร่วมกันโหวตสนับสนุน นายกรัฐมนตรีจากพรรคอื่นนอกเหนือจาก
พรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์
โดยถึงขั้นเสนอแนวทาง"ขั้วที่สาม"ผลักดันให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ หรือ
อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรีสืบแทน
แต่ในที่สุด ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจก็เสนอตัวเองเป็นนายกฯ ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อต้องการสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจ
ดังกล่าวข้างต้น
การเคลื่อนไหวของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในครั้งนี้ถือว่ามีข้อน่าสงสัย และมีเจตนาบางอย่างที่น่าจับตาก็คือ
เป็นเรื่องที่"เป็นไปไม่ได้" ทำให้เกิดคำถามตามมาก็คือเขา"มีเจตนาอะไรกันแน่" เพราะอย่างที่รับรู้กันก็คือ
ต่อให้รวบรวมเสียงทั้ง 7 พรรคเดิมรวมกับ ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยก็ไม่มีทางได้เสียงถึง 376 เสียง
เพียงพอสำหรับโหวตนายกฯในรัฐสภา
แต่น่าสังเกตก็คือความเคลื่อนไหวแบบนั้นของเขาเกิดขึ้นวันเดียวกับที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
มีมติเป็นเอกฉันท์เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีการถือหุ้นสื่อมวลชน ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญ และกกต.
มีหลักฐานชัดเจนว่า"มีคุณสมบัติต้องห้าม" โดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อ้างว่า"นี่คือแผนสกัดกั้น"ทาง
การเมือง และมีเป้าหมายไปที่ตัวเขาและพรรคอนาคตใหม่
วกกลับมาที่พรรคเพื่อไทย และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่นาทีนี้เหมือนกับ"หมดสภาพ"พ่ายแพ้ไปอย่าง
สิ้นเชิงแล้ว เพราะหลังจากที่มีแนวโน้มให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ไม่อาจรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ได้เกิน 251 เสียง ขณะเดียวกันที่ผ่านมาได้เห็นความเคลื่อนไหวจากบรรดาแกนนำของพรรคนี้น้อยมาก น้อย
จนแทบจะไม่ได้เห็นบทบาทเลยในช่วงที่ผ่านมา จนผิดธรรมชาติของพรรคทีมี ส.ส.จำนวนมากที่สุด (137 คน)
ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบรรดาแกนนำพรรคทั้งหมดที่อยู่ในระบบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สอบตกกันเรียบวุธ
หรือเปล่าก็เป็นได้ เพราะตั้งแต่ แคดิเดตนายกฯอันดับหนึ่งอย่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไปจนถึง
หัวหน้าพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ไปจนถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ไม่ได้เป็น ส.ส.ไม่ได้เข้าสภาเป็น
ครั้งแรกในรอบนับสิบปี
ขณะเดียวกันหากเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยจะมี ทักษิณ ชินวัตร มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน ก็ต้องบอกว่านี่
อาจเป็นครั้งแรกที่ถูก"ลอยแพ" ส่วนสำคัญอาจเป็นเพราะอิทธิพลและความนิยมของเขาลดต่ำลงจนอยู่ใน
ระดับธรรมดาทั่วไปแล้ว โดยคนที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคในเครือข่ายในปัจจุบันหันไป
เทคะแนนให้กับพรรคอนาคตใหม่ไปแล้วหรือเปล่า
แม้ว่าการพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ที่นาทีนี้เหมือนกับ
การ"หักหน้า"พรรคเพื่อไทย และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพราะเป็นการ"ฉีกสัตยาบัน" 7 พรรคที่เคยทำ
เอาไว้ เพราะแสดงความ"ต้องการ"ของตัวเองที่เผยออกมาให้เห็น อีกทั้งยังมีพิรุธจากการสร้างกระแสหลังจาก กกต.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่อง"คุณสมบัติต้องห้าม" ก็ตาม
แต่อีกด้านหนึ่งสำหรับพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคที่มี ส.ส.อันดับหนึ่งถือว่า"หมดสภาพการนำ"อย่างสิ้นเชิงแล้ว !!
Cr. https://mgronline.com/politics/detail/9620000047891