Vivo นั้นได้ทำการเปิดตัว แบรนด์ลูก ที่มาเน้นสายเกมแบบจริงจัง ในชื่อว่า iQOO ย่อมาจาก I Quest On and On” ตามตัวเลยแน่นอนว่าการเปิดตัวแบรนด์ลูกแบบนี้นั้นก็เป็นเรื่องปกติกันไปแล้วหลังจากที่ Xiaomi เปิด Blackshark หรือจะเป็น Nubia ที่มี Red Magic นั้นเอง แน่นอนว่าตลาดสายเกมก็เป็นอีกตลาดที่มีศักยภาพมากขึ้นเรื่อยๆด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ค่อนข้างตอบโจทย์ ทาง Vivo iQOO นั้นเปิดตัวมาด้วยความเป็นสายเกมทั้งเรื่องของสเปค ฟีเจอร์การแตะขอบเครื่อง Monster Touch และ การระบายความร้อนอะไรต่างๆอีกมากมายครับ ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าจับตามากๆ ในครั้งนี้เราเลยจะมาลองใช้งานกันดูว่าในรุ่นนี้เป็นมือถือสายเกม แต่ในด้านอื่นๆนั้นจะใช้งานเป็นยังไงทั้ง กล้อง เสียง รวมถึงการใช้งานทั่วไป ใน Vivo iQOO นั้นจะตอบโจทย์ไหมสำหรับคนที่หามือถือมาเป็นเครื่องหลักแต่เน้นสายเกมมากขึ้น
Vivo iQOO นั้น มาพร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ทั้งมีปุ่มด้านข้างตัวเครื่องไว้ควบคุมการเล่นเกม และระบบการสั่นเพื่อประสบการณ์เล่นเกม 4D ส่วนขอบเครื่องอลูมิเนียมอัลลอยด์ มีการเล่นโทนสีทองแดง หรือ น้ำเงินตามสีเครื่อง อีกทั้งจุดเด่นคือ ด้านหลังมีดีไซน์ลายเส้น electro-optic lines มีไฟตรงกลางเครื่อง และ มีระบบระบายความร้อน “super liquid cooling” และ Multi-Turbo ที่รวบรวมทั้ง (AI Turbo, Center Turbo, Net Turbo, Cooling Turbo และ Game Turbo) เพิ่มการประมวลผลทุกฟังก์ชัน เช่นช่วยในการเปิดแอปพลิเคชันเร็วกว่าเดิม 30%, FPS ดีขึ้น 70% และ สามารถ สลับสัญญาน WiFi/4G ให้อัตโนมัติทันทีถือว่าเป็มมือถือสายเกม แต่จัดเต็มในหลายๆอย่าง
Vivo iQOO นั้นมาขายในไทยตามร้านหิ้ว ซึ่ง RAM 8 GB 128GB เปิดราคา 17,900 บาท และ RAM 12GB 256GB 22,500 บาทครับ เป็นราคา ณ วันที่เขียนรีวิวครับ
UNBOX
ตัวกล่องในรุ่นนี้ถือว่าเป็นการออกแบบที่แปลกตาดีเหมือนกัน เพราะมีการเล่นลวดลายเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ รวมถึงฝาของตัวกล่องยังมีการออกแบบเส้นสายที่ไม่เหมือนกันในแต่ละข้าง เฉียงขึ้นลงไม่เท่ากันครับ และ การจัดวางของข้างในถือว่าเป็นระเบียบและค่อนข้างสวย ส่วนอุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นมีมาให้พอใช้แต่ไม่มีหูฟังมาให้นะครับ
- ตัวเครื่อง Vivo iQOO
- เคสสีดำนิ่ม
- สายชาร์จ Type-C หัวตัว L
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ที่ชาร์จรองรับ 44W
- ฟิล์มกันรอย หน้า และ หลัง ติดมาให้จากโรงงาน
บางท่านอาจจะสงสัยว่าอะไรสีแดงๆตรงสายชาร์จจริงๆมันเป็นการออกแบบสายชาร์จจากทาง iQOO นั้นเอง เป็นสายชาร์จแบบข้อต่อตัว L ที่รองรับเวลาเล่นไปชาร์จไป สำหรับสายเกมที่อาจจะมีเหตุการรณ์แบตหมดกระทันหัน และยังไม่เกะกะเวลาชาร์จไฟถือว่าออกแบบมาได้ดีนะ ส่วนในเรื่องสี ขาวแดง ก็อาจจะดูแปลกๆหน่อยเหมือนเม็ดยา ขาวแดง
ตัวเคสของ Vivo iQOO จะแตกต่างกับตระกูล อื่นๆด้วยการใช้วัสดุสีดำด้านทั้งหมดเป็นแบบพลาสติกนิ่มๆครับ การใช้วัสดุแบบนี้ช่วยให้ไม่กัดตัวเครื่องเท่าไรครับ แต่ก็ต้องดูแลรักษากันอีกที ส่วนตัวเคสมีการเว้นช่องตรงกลางด้านหลังไว้ สำหรับไฟ HALO Light LED ค่อนข้างสวยงามรวมถึงการเล่นลวดลายเคสด้านหลังที่เป็นเส้นๆสวยงาม แต่ก็ฝุ่นเข้าไปได้ง่ายพอสมควรครับ การปกป้องกันตัวเครื่องได้ดี แต่ส่วนเลนส์กล้องนั้นจะพอดีขอบเคสอาจจะต้องระวังนิดนึง แต่ด้านหน้านั้นปกป้องได้ดีคลุมหน้าจอได้หมดทุกมุมครับ สามารถวางคว่ำได้เลย และเคสนั้นจะเห็นว่ามีการเว้นช่องด้านข้างสำหรับแตะเล่นเกมอีกด้วย
DESIGN
การออกแบบตัว Vivo iQOO นั้นต้องบอกว่ามีความแตกต่างกับรุ่นอื่นๆชัดเจนในแง่ของการเล่นลวดลายฝาหลังแต่การวางตำแหน่งกล้องอะไรนั้นอาจจะไม่ได้หนีกันมากนัก ตัวเครื่องงานประกอบต่างๆนั้นทำได้ดีสวยและเนียนครับ รอยต่ออะไรพวกนี้ค่ายนี้ทำได้ดีอยู่แล้วในตระกูลบนๆของค่ายงานประกอบทั้งภายนอกและภายในทำได้เนี้ยบสมราคา แต่ความหนาและหนักของเครื่องนั้นอาจจะมีน้ำหนักพอสมควรครับเมื่อเทียบกับมือถือทั่วไป แต่ถ้ามองในบรรดาเกมมิ่งนั้นส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักและขนาดประมาณในส่วนใหญ่ ส่วนฝาหลังเล่นแสงสีลวดลายของมันน่าสนใจและเด่นมากๆ
หน้าจอของ Vivo iQOO เป็นหน้าจอแบบไร้ขอบ มาพร้อมติ่งหน้าจอแบบครึ่งวงกลม ค่อนข้างแปลกกว่าค่ายอื่นๆที่สายเกมนั้นจะเป็นลำโพงคู่หน้าและมีพื้นที่ไว้พักมือนิดหน่อยครับ ส่วนหน้าจอนั้นมาพร้อมขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19.5:9 และ มีสัดส่วนหน้าจอถึง 91.7% และเป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED รองรับ HDR
ตัวติ่งหน้าจอเป็นแบบหยดน้ำ ที่ซ่อนกล้องหน้า 12 MP อยู่ ส่วนของลำโพงฝังไว้อยู่ขอบด้านบน และขอบหน้าจอนั้นทำได้บางเท่ากันในด้านข้างๆและขอบบน ส่วนติ่งหน้าจอนั้นไม่สามารถปิดได้นะครับ
สำหรับขอบจอด้านล่างนั้นถือว่าทำได้ค่อนข้างบางกว่ารุ่นอื่นๆแต่ก็ยังไม่สามารถทำความบางได้เท่ากับขอบด้านข้าง และ การควบคุมนั้นเป็นอยู่ในจอ สามารถใช้งานแบบเต็มจอหรือใช้งานแบบปุ่มปกติได้ครับ ส่วนการสแกนนิ้วใต้หน้าจออยู่ในตำแหน่ง บริเวณ 4 จุดวงกลมๆนั้นเองครับ เป็นการสแกนนิ้วแบบ Optical เหมือน NEX 2 รุ่นก่อนหน้านี้
ขอบเครื่องด้านขวานั้น เป็นการออกแบบโทนสีส้มทองแดงเงาสวยงามพอสมควร และ เป็นที่อยู่ของปุ่ม พิเศษ Monster Touch ที่สามารถแตะใช้งานเล่นเกมได้แบบเดียวกับ ROG Phone และ มีปุ่ม Power รวมถึง เพิ่ม-ลดเสียงครับ และ ตัวปุ่ม ก็มีการเล่นลวดลายบนปุ่มที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกันครับ และใช้วัสดุแบบเดียวกันทั้งหมด
ขอบเครื่องด้านบนนั้นไม่มีการเล่นสีอะไร เป็นสีดำล้วนพร้อมกับ รู 3.5มม. และ มีรูไมค์อยู่ข้างๆกันครับอีกฝั่ง จะเห็นว่าความหนาพอสมควร และมีขอบโค้งเข้ามานิดนึง ทำให้เวลาจับถือได้ง่าย และเป็นบอดี้ชิ้นเดียวกันทั้งหมด
ขอบด้านล่างของเครื่องนั้นจะเป็นรูไมค์ และ ช่องเสียบชาร์จแบบ Type-C และ รูลำโพงหลักของตัวเครื่องด้วยครับ
ขอบด้านซ้ายนั้นเป็นที่อยู่ของ ช่องใส่ถาดซิมแบบ DualSIM ที่รองรับแบบ Dual Standby ไม่สามารถเพิ่มเมมได้ รวมถึงมีปุ่มเรียบ JOVI AI ด้วยทำให้เรียกใช้งานได้เวลาใช้งานคำสั่งเสียงต่างๆและมีการเล่นขอบสีทองแดงเหมือนกันครับ และมีเขียน Vivo ไว้มุมขอบล่างขอบเครื่องเล็กๆ ถือว่างานออกแบบสวยดีในขอบทั้ง 2 ข้างดูมีลูกเล่นครับ
กล้องหลังของรุ่นนี้ มาพร้อมกับ 3 ตัว 3 ระยะ โดยที่ตัวหลักนั้นความละเอียด 12MP (เซ็นเซอร์ Sony IMX363) รูรับแสง f/1.79 และ กล้องตัวรองเป็นเลนส์ Ultra-Wide 13MP มุมมอง 120 องศา รูรับแสง f/2.4 และในตัวสุดท้ายนั้นเป็น กล้องสำหรับวัดระยะ ความละเอียดที่ 2MP รูรับแสง f/2.4 และมาพร้อมไฟแฟลช LED ด้านล่าง
ทางด้านฝาหลังเป็นการออกแบบที่แปลกตาและมีไฟ LED เส้นยาวๆด้านหลังที่รองรับการแจ้งเตือน ชาร์จแบต ข้อความ เรียก AI หรือจะเป็นเวลามีคนโทรเข้ามาได้อีกด้วย แต่ฟีเจอร์ปรับแต่งยังแอบน้อยไปนิดนึงครับ ส่วนฝาหลังนั้นออกแบบเป็นเส้นๆสายที่เหลื่อมกับแสงได้ดีมากๆเป็นการออกแบบเรียกว่า electro-optic lines นั้นเองซึ่งแต่ละมุมก็จะเห็นคนละแบบกันเส้นเหมือนจะเป็น Dynamic เหลือบๆกันไปครับ จะมีขาย 2 สีคือน้ำเงินและสีส้มในภาพ
SPEC
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 9 พื้นฐานแอนดรอยด์ 9.0
- หน้าจอ : อัตราส่วน 19.5:9 ขนาด 6.41 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 2340 x 1080 พิกเซล HDR
- หน่วยประมวลผล : Snapdragon 855
- GPU : Adreno 640
- RAM : 8GB
- พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน : 128GB
- ระบบเชื่อมต่อ : 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz+5GHz), Bluetooth 5.0, GPS + GLONASS, NFC
- ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- พอร์ต USB Type-C
- กล้องหลัง : 3 เลนส์ ความละเอียด 12MP (เซ็นเซอร์ Sony IMX363) รูรับแสง f/1.79 + เลนส์ Ultra-Wide 13MP มุมมอง 120 องศา รูรับแสง f/2.4 + 2MP รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้า : ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.0
- แบตเตอรี่ : 4,000mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 44W
- ขนาดตัวเครื่อง : 157.69 × 75.2 × 8.51 มม.
- นํ้าหนัก : 196 กรัม
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องต้องบอกว่าจัดเต็มแรงสะใจ Snapdragon 855 พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำรวมถึง RAM 8GB มาดูกันที่ความปลอดภัยกันก่อนตัวนี้เป็นเครื่องจีนแน่นอนว่าได้ความปลอดภัยระดับ Divevine L3 ปกติครับ ส่วนคะแนน Antutu ไปให้สุดที่ 353855 คะแนน และ หน่วยความจำเป็น UFS2.1 ตัวแรงครับ และในด้านของคะแนน Geekbench นั้นทำได้ 3459 และ 10599 คะแนน แน่นอนว่าสมราคา Snapdragon 855 แต่ที่น่าสนใจคือความร้อนในการใช้งานทดสอบต่างๆนั้น ค่อนข้างทำได้ดีและเย็นกว่าตัวอื่นๆแบบรู้สึกได้เลย
SYSTEM UI
สำหรับหน้าจอของระบบตัวนี้ใช้พื้นฐานมาจาก Funtouch OS และใช้ Android 9.0 ตัวล่าสุดแน่นอนว่าหน้าตามันไม่ได้หนีจาก VIVO ค่ายหลักเท่าไรแต่เปลี่ยนในส่วนของฟีเจอร์ พื้นหลังแอพที่รองรับเข้ามาเพิ่มใช้งาน ตัวเครื่องไม่มี App Drawer และ มีเลขแจ้งเตือนแอพที่รองรับปกติครับ แต่แอพทั่วไปนั้นที่โหลดมาเสริมก็รองรับการแจ้งเตือนได้ไวครับ ถือว่าเป็นอีกจุดที่ดีเพราะบางค่ายเวลาแจ้งเตือนจะไม่ค่อยไวเท่าไรแต่รุ่นนี้ไว้ใจได้เลยครับ
การดูแจ้งเตือนนั้นสามารถปัดลงมาจากด้านบนได้เหมือนรุ่นอื่นๆ แต่การตั้งค่าด่วนของค่ายนี้จะแปลกหน่อยคือปัดขึ้นมาจากด้านล่างแบบเดียวกับของ iPhone เลยนั้นเองและการจัดวางต่างๆนั้นก็แอบคล้ายๆกันอยู่แต่ของ Vivo นั้นสามารถปรับแต่งได้มากกว่าและสามารถใช้งานแอพล่าสุดเข้าได้จากตรงนี้เลย แต่การแบ่งหน้าจอรองรับแค่แอพจีน
ตัวคีย์บอร์ดตัวเครื่องนั้นเป็นของทาง Vivo ที่รองรับภาษาจีนและอังกฤษไม่มีภาษาไทยนะครับต้องโหลดคีย์บอร์ดแยกมาเพิ่มเอง แต่เมนูภาษาไทยนั้นมีมาให้ครบพร้อมใช้งาน RAM นั้นเหลือ 3.25 จากทั้งหมด 8GB และ ความจำตัวเครื่องทั้งหมด 128GB ว่าง 102 GB แต่จริงๆเมื่อลองลบแอพรูปอะไรไปน่าจะเหลือ 112 GB โดยประมาณครับ
[SR] รีวิว Vivo iQOO สาย Gaming ฟีเจอร์ แตะขอบเครื่อง กล้องมุมกว้าง ชาร์จไว 44W !
Vivo นั้นได้ทำการเปิดตัว แบรนด์ลูก ที่มาเน้นสายเกมแบบจริงจัง ในชื่อว่า iQOO ย่อมาจาก I Quest On and On” ตามตัวเลยแน่นอนว่าการเปิดตัวแบรนด์ลูกแบบนี้นั้นก็เป็นเรื่องปกติกันไปแล้วหลังจากที่ Xiaomi เปิด Blackshark หรือจะเป็น Nubia ที่มี Red Magic นั้นเอง แน่นอนว่าตลาดสายเกมก็เป็นอีกตลาดที่มีศักยภาพมากขึ้นเรื่อยๆด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ค่อนข้างตอบโจทย์ ทาง Vivo iQOO นั้นเปิดตัวมาด้วยความเป็นสายเกมทั้งเรื่องของสเปค ฟีเจอร์การแตะขอบเครื่อง Monster Touch และ การระบายความร้อนอะไรต่างๆอีกมากมายครับ ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าจับตามากๆ ในครั้งนี้เราเลยจะมาลองใช้งานกันดูว่าในรุ่นนี้เป็นมือถือสายเกม แต่ในด้านอื่นๆนั้นจะใช้งานเป็นยังไงทั้ง กล้อง เสียง รวมถึงการใช้งานทั่วไป ใน Vivo iQOO นั้นจะตอบโจทย์ไหมสำหรับคนที่หามือถือมาเป็นเครื่องหลักแต่เน้นสายเกมมากขึ้น
Vivo iQOO นั้น มาพร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ทั้งมีปุ่มด้านข้างตัวเครื่องไว้ควบคุมการเล่นเกม และระบบการสั่นเพื่อประสบการณ์เล่นเกม 4D ส่วนขอบเครื่องอลูมิเนียมอัลลอยด์ มีการเล่นโทนสีทองแดง หรือ น้ำเงินตามสีเครื่อง อีกทั้งจุดเด่นคือ ด้านหลังมีดีไซน์ลายเส้น electro-optic lines มีไฟตรงกลางเครื่อง และ มีระบบระบายความร้อน “super liquid cooling” และ Multi-Turbo ที่รวบรวมทั้ง (AI Turbo, Center Turbo, Net Turbo, Cooling Turbo และ Game Turbo) เพิ่มการประมวลผลทุกฟังก์ชัน เช่นช่วยในการเปิดแอปพลิเคชันเร็วกว่าเดิม 30%, FPS ดีขึ้น 70% และ สามารถ สลับสัญญาน WiFi/4G ให้อัตโนมัติทันทีถือว่าเป็มมือถือสายเกม แต่จัดเต็มในหลายๆอย่าง
Vivo iQOO นั้นมาขายในไทยตามร้านหิ้ว ซึ่ง RAM 8 GB 128GB เปิดราคา 17,900 บาท และ RAM 12GB 256GB 22,500 บาทครับ เป็นราคา ณ วันที่เขียนรีวิวครับ
UNBOX
ตัวกล่องในรุ่นนี้ถือว่าเป็นการออกแบบที่แปลกตาดีเหมือนกัน เพราะมีการเล่นลวดลายเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ รวมถึงฝาของตัวกล่องยังมีการออกแบบเส้นสายที่ไม่เหมือนกันในแต่ละข้าง เฉียงขึ้นลงไม่เท่ากันครับ และ การจัดวางของข้างในถือว่าเป็นระเบียบและค่อนข้างสวย ส่วนอุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นมีมาให้พอใช้แต่ไม่มีหูฟังมาให้นะครับ
- ตัวเครื่อง Vivo iQOO
- เคสสีดำนิ่ม
- สายชาร์จ Type-C หัวตัว L
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ที่ชาร์จรองรับ 44W
- ฟิล์มกันรอย หน้า และ หลัง ติดมาให้จากโรงงาน
บางท่านอาจจะสงสัยว่าอะไรสีแดงๆตรงสายชาร์จจริงๆมันเป็นการออกแบบสายชาร์จจากทาง iQOO นั้นเอง เป็นสายชาร์จแบบข้อต่อตัว L ที่รองรับเวลาเล่นไปชาร์จไป สำหรับสายเกมที่อาจจะมีเหตุการรณ์แบตหมดกระทันหัน และยังไม่เกะกะเวลาชาร์จไฟถือว่าออกแบบมาได้ดีนะ ส่วนในเรื่องสี ขาวแดง ก็อาจจะดูแปลกๆหน่อยเหมือนเม็ดยา ขาวแดง
ตัวเคสของ Vivo iQOO จะแตกต่างกับตระกูล อื่นๆด้วยการใช้วัสดุสีดำด้านทั้งหมดเป็นแบบพลาสติกนิ่มๆครับ การใช้วัสดุแบบนี้ช่วยให้ไม่กัดตัวเครื่องเท่าไรครับ แต่ก็ต้องดูแลรักษากันอีกที ส่วนตัวเคสมีการเว้นช่องตรงกลางด้านหลังไว้ สำหรับไฟ HALO Light LED ค่อนข้างสวยงามรวมถึงการเล่นลวดลายเคสด้านหลังที่เป็นเส้นๆสวยงาม แต่ก็ฝุ่นเข้าไปได้ง่ายพอสมควรครับ การปกป้องกันตัวเครื่องได้ดี แต่ส่วนเลนส์กล้องนั้นจะพอดีขอบเคสอาจจะต้องระวังนิดนึง แต่ด้านหน้านั้นปกป้องได้ดีคลุมหน้าจอได้หมดทุกมุมครับ สามารถวางคว่ำได้เลย และเคสนั้นจะเห็นว่ามีการเว้นช่องด้านข้างสำหรับแตะเล่นเกมอีกด้วย
DESIGN
การออกแบบตัว Vivo iQOO นั้นต้องบอกว่ามีความแตกต่างกับรุ่นอื่นๆชัดเจนในแง่ของการเล่นลวดลายฝาหลังแต่การวางตำแหน่งกล้องอะไรนั้นอาจจะไม่ได้หนีกันมากนัก ตัวเครื่องงานประกอบต่างๆนั้นทำได้ดีสวยและเนียนครับ รอยต่ออะไรพวกนี้ค่ายนี้ทำได้ดีอยู่แล้วในตระกูลบนๆของค่ายงานประกอบทั้งภายนอกและภายในทำได้เนี้ยบสมราคา แต่ความหนาและหนักของเครื่องนั้นอาจจะมีน้ำหนักพอสมควรครับเมื่อเทียบกับมือถือทั่วไป แต่ถ้ามองในบรรดาเกมมิ่งนั้นส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักและขนาดประมาณในส่วนใหญ่ ส่วนฝาหลังเล่นแสงสีลวดลายของมันน่าสนใจและเด่นมากๆ
หน้าจอของ Vivo iQOO เป็นหน้าจอแบบไร้ขอบ มาพร้อมติ่งหน้าจอแบบครึ่งวงกลม ค่อนข้างแปลกกว่าค่ายอื่นๆที่สายเกมนั้นจะเป็นลำโพงคู่หน้าและมีพื้นที่ไว้พักมือนิดหน่อยครับ ส่วนหน้าจอนั้นมาพร้อมขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19.5:9 และ มีสัดส่วนหน้าจอถึง 91.7% และเป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED รองรับ HDR
ตัวติ่งหน้าจอเป็นแบบหยดน้ำ ที่ซ่อนกล้องหน้า 12 MP อยู่ ส่วนของลำโพงฝังไว้อยู่ขอบด้านบน และขอบหน้าจอนั้นทำได้บางเท่ากันในด้านข้างๆและขอบบน ส่วนติ่งหน้าจอนั้นไม่สามารถปิดได้นะครับ
สำหรับขอบจอด้านล่างนั้นถือว่าทำได้ค่อนข้างบางกว่ารุ่นอื่นๆแต่ก็ยังไม่สามารถทำความบางได้เท่ากับขอบด้านข้าง และ การควบคุมนั้นเป็นอยู่ในจอ สามารถใช้งานแบบเต็มจอหรือใช้งานแบบปุ่มปกติได้ครับ ส่วนการสแกนนิ้วใต้หน้าจออยู่ในตำแหน่ง บริเวณ 4 จุดวงกลมๆนั้นเองครับ เป็นการสแกนนิ้วแบบ Optical เหมือน NEX 2 รุ่นก่อนหน้านี้
ขอบเครื่องด้านขวานั้น เป็นการออกแบบโทนสีส้มทองแดงเงาสวยงามพอสมควร และ เป็นที่อยู่ของปุ่ม พิเศษ Monster Touch ที่สามารถแตะใช้งานเล่นเกมได้แบบเดียวกับ ROG Phone และ มีปุ่ม Power รวมถึง เพิ่ม-ลดเสียงครับ และ ตัวปุ่ม ก็มีการเล่นลวดลายบนปุ่มที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกันครับ และใช้วัสดุแบบเดียวกันทั้งหมด
ขอบเครื่องด้านบนนั้นไม่มีการเล่นสีอะไร เป็นสีดำล้วนพร้อมกับ รู 3.5มม. และ มีรูไมค์อยู่ข้างๆกันครับอีกฝั่ง จะเห็นว่าความหนาพอสมควร และมีขอบโค้งเข้ามานิดนึง ทำให้เวลาจับถือได้ง่าย และเป็นบอดี้ชิ้นเดียวกันทั้งหมด
ขอบด้านล่างของเครื่องนั้นจะเป็นรูไมค์ และ ช่องเสียบชาร์จแบบ Type-C และ รูลำโพงหลักของตัวเครื่องด้วยครับ
ขอบด้านซ้ายนั้นเป็นที่อยู่ของ ช่องใส่ถาดซิมแบบ DualSIM ที่รองรับแบบ Dual Standby ไม่สามารถเพิ่มเมมได้ รวมถึงมีปุ่มเรียบ JOVI AI ด้วยทำให้เรียกใช้งานได้เวลาใช้งานคำสั่งเสียงต่างๆและมีการเล่นขอบสีทองแดงเหมือนกันครับ และมีเขียน Vivo ไว้มุมขอบล่างขอบเครื่องเล็กๆ ถือว่างานออกแบบสวยดีในขอบทั้ง 2 ข้างดูมีลูกเล่นครับ
กล้องหลังของรุ่นนี้ มาพร้อมกับ 3 ตัว 3 ระยะ โดยที่ตัวหลักนั้นความละเอียด 12MP (เซ็นเซอร์ Sony IMX363) รูรับแสง f/1.79 และ กล้องตัวรองเป็นเลนส์ Ultra-Wide 13MP มุมมอง 120 องศา รูรับแสง f/2.4 และในตัวสุดท้ายนั้นเป็น กล้องสำหรับวัดระยะ ความละเอียดที่ 2MP รูรับแสง f/2.4 และมาพร้อมไฟแฟลช LED ด้านล่าง
ทางด้านฝาหลังเป็นการออกแบบที่แปลกตาและมีไฟ LED เส้นยาวๆด้านหลังที่รองรับการแจ้งเตือน ชาร์จแบต ข้อความ เรียก AI หรือจะเป็นเวลามีคนโทรเข้ามาได้อีกด้วย แต่ฟีเจอร์ปรับแต่งยังแอบน้อยไปนิดนึงครับ ส่วนฝาหลังนั้นออกแบบเป็นเส้นๆสายที่เหลื่อมกับแสงได้ดีมากๆเป็นการออกแบบเรียกว่า electro-optic lines นั้นเองซึ่งแต่ละมุมก็จะเห็นคนละแบบกันเส้นเหมือนจะเป็น Dynamic เหลือบๆกันไปครับ จะมีขาย 2 สีคือน้ำเงินและสีส้มในภาพ
SPEC
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 9 พื้นฐานแอนดรอยด์ 9.0
- หน้าจอ : อัตราส่วน 19.5:9 ขนาด 6.41 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 2340 x 1080 พิกเซล HDR
- หน่วยประมวลผล : Snapdragon 855
- GPU : Adreno 640
- RAM : 8GB
- พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน : 128GB
- ระบบเชื่อมต่อ : 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz+5GHz), Bluetooth 5.0, GPS + GLONASS, NFC
- ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- พอร์ต USB Type-C
- กล้องหลัง : 3 เลนส์ ความละเอียด 12MP (เซ็นเซอร์ Sony IMX363) รูรับแสง f/1.79 + เลนส์ Ultra-Wide 13MP มุมมอง 120 องศา รูรับแสง f/2.4 + 2MP รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้า : ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.0
- แบตเตอรี่ : 4,000mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 44W
- ขนาดตัวเครื่อง : 157.69 × 75.2 × 8.51 มม.
- นํ้าหนัก : 196 กรัม
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องต้องบอกว่าจัดเต็มแรงสะใจ Snapdragon 855 พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำรวมถึง RAM 8GB มาดูกันที่ความปลอดภัยกันก่อนตัวนี้เป็นเครื่องจีนแน่นอนว่าได้ความปลอดภัยระดับ Divevine L3 ปกติครับ ส่วนคะแนน Antutu ไปให้สุดที่ 353855 คะแนน และ หน่วยความจำเป็น UFS2.1 ตัวแรงครับ และในด้านของคะแนน Geekbench นั้นทำได้ 3459 และ 10599 คะแนน แน่นอนว่าสมราคา Snapdragon 855 แต่ที่น่าสนใจคือความร้อนในการใช้งานทดสอบต่างๆนั้น ค่อนข้างทำได้ดีและเย็นกว่าตัวอื่นๆแบบรู้สึกได้เลย
SYSTEM UI
สำหรับหน้าจอของระบบตัวนี้ใช้พื้นฐานมาจาก Funtouch OS และใช้ Android 9.0 ตัวล่าสุดแน่นอนว่าหน้าตามันไม่ได้หนีจาก VIVO ค่ายหลักเท่าไรแต่เปลี่ยนในส่วนของฟีเจอร์ พื้นหลังแอพที่รองรับเข้ามาเพิ่มใช้งาน ตัวเครื่องไม่มี App Drawer และ มีเลขแจ้งเตือนแอพที่รองรับปกติครับ แต่แอพทั่วไปนั้นที่โหลดมาเสริมก็รองรับการแจ้งเตือนได้ไวครับ ถือว่าเป็นอีกจุดที่ดีเพราะบางค่ายเวลาแจ้งเตือนจะไม่ค่อยไวเท่าไรแต่รุ่นนี้ไว้ใจได้เลยครับ
การดูแจ้งเตือนนั้นสามารถปัดลงมาจากด้านบนได้เหมือนรุ่นอื่นๆ แต่การตั้งค่าด่วนของค่ายนี้จะแปลกหน่อยคือปัดขึ้นมาจากด้านล่างแบบเดียวกับของ iPhone เลยนั้นเองและการจัดวางต่างๆนั้นก็แอบคล้ายๆกันอยู่แต่ของ Vivo นั้นสามารถปรับแต่งได้มากกว่าและสามารถใช้งานแอพล่าสุดเข้าได้จากตรงนี้เลย แต่การแบ่งหน้าจอรองรับแค่แอพจีน
ตัวคีย์บอร์ดตัวเครื่องนั้นเป็นของทาง Vivo ที่รองรับภาษาจีนและอังกฤษไม่มีภาษาไทยนะครับต้องโหลดคีย์บอร์ดแยกมาเพิ่มเอง แต่เมนูภาษาไทยนั้นมีมาให้ครบพร้อมใช้งาน RAM นั้นเหลือ 3.25 จากทั้งหมด 8GB และ ความจำตัวเครื่องทั้งหมด 128GB ว่าง 102 GB แต่จริงๆเมื่อลองลบแอพรูปอะไรไปน่าจะเหลือ 112 GB โดยประมาณครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้