==== แปลบทสัมภาษณ์ Van De Beek: แด่ #34 Appie Nouri...ถ้วยแชมป์ลีกที่ 34 ของอาแจ็กซ์ ====


====================================

แปลจาก: Telegraaf's Van de Beek lost met titel belofte in aan boezemvriend Nouri

หมายเหตุ: แปลคร่าวๆ จากที่มีคนแปลเป็นอังกฤษในซับเรดดิทของอาแจ็กซ์ ผิดประการใดขออภัยด้วย

====================================

การพูดคุยเกี่ยวกับอับเดลฮัค นูรี่ เพื่อนสนิทของเขา หลังได้รับความเสียหายทางเสมออย่างรุนแรงในฤดูร้อนของปี 2017 ยังคงเป็นเรื่องทำใจได้ยากสำหรับดอนนี่ ฟาน เดอบีค

หลังจากชัยชนะในบ้านกับ เอฟซี อูลเทรคช์ และการพ่ายแพ้อย่างผิดความคาดหมายของพีเอสวี นั่นเท่ากับอาแจกซ์กลายเป็นแชมป์ลีกอย่างไม่เป็นทางการเรียบร้อย และ ฟาน เดอ บีค ได้บรรลุตามคำสัญญาแล้ว “นี่สำหรับอัปปี้” ฟานเดอบีคเอ่ยถึงแชมป์ลีกครั้งที่ 34 ของชาวอัมสเตอร์ดัมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แต่ผมก็ยังคิดเสมอ ว่าจะดีแค่ไหนถ้าอัปปี้ยังอยู่กับเราด้วย

และนี่เป็นเหตุผลที่ผมยังไม่ย้ายไปไหน...”

ใบหน้าหมองเศร้าของฟานเดอบีคเผยรอยยิ้มจางๆ เมื่อนึกย้อนกลับไปในวันที่พวกเขาเข้าร่วมทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก “อัปปี้น่ะเก่งมากเลย รู้ไหม? ตอนที่เขาเพิ่งขึ้นชุดใหญ่แล้วเราก็นั่งข้างกันในห้องแต่งตัวที่เดอ ทูคอมส์ เขาบอกว่า 'ชั้นจะขอเสื้อเบอร์ 34 เพราะแชมป์ครั้งที่ 34 น่ะ เราจะคว้ามันให้ได้’

...หลังจากเหตุการณ์หัวใจล้มเหลว ผมก็คิดถึงคำพูดของเขามาตลอด และแน่ใจว่าผมจะไม่จากอาแจกซ์ไปไหน จนกว่าจะเป็นผู้ชนะ ผมต้องคว้าถ้วยลีกที่ 34 ให้ได้ พวกเราเล่นเพื่ออัปปี้ด้วย ผมปรารถนาถ้วยรางวัลนี้มากเหลือเกิน” ดาวรุ่งอาแจกซ์ผู้ซึ่งอ่อนไหว พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสับสน และต้องฝืนกลั้นน้ำตาในบางคราว

“ผมยังไปเยี่ยมครอบครัวของเขาเสมอ และในช่วงปิดฤดูกาลก็ไปเยี่ยมเขาด้วย แต่เพื่อปกป้องตัวเอง ผมไม่ได้ไปเยี่ยมเขามาพักนึง เพราะเวลาเห็น มันทำให้ผมเจ็บปวดมาก ผมจะหงุดหงิดไปอีกสองสามสัปดาห์ และนอนไม่ค่อยหลับ มันเจ็บปวดเหลือเกิน ผมคงไม่มีวันคุ้นเคยกับมันเลย ผมอยากอยู่กับเขาในทุกๆ วัน เพราะผมคิดถึงเขามาก แต่ผมรู้ดีกว่าผมจะไม่สามารถจัดการกับตัวเองได้อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้”

เขาตกอยู่ในความเงียบงันครู่ใหญ่ “ผมพบว่ามันยากที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะผมพยายามอดกลั้นเอาไว้ เวลาผมเศร้าใจ ผมก็ฝืนลุกขึ้นมา ผมไม่เคยต้องการจิตแพทย์ เพราะเพื่อนฝูงและครอบครัวก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว พวกเขาจะคอยอยู่เคียงข้างผม คอยรับฟังเวลาที่ผมต้องการ ผมได้เรียนรู้แล้วว่า ใครบ้างที่จะคอยอยู่ข้างผม”

ฟานเดอบีค เปิดปากเล่าเรื่องน่ารักๆ เกี่ยวกับอดีตเพื่อนร่วมทีม “อัปปี้เป็นคนอารมณ์ดี เขาไม่ได้เอาแต่สนใจเรื่องตัวเอง แต่ใส่ใจคนรอบข้างมากกว่า เขาดีต่อคนอื่นเสมอ เป็นนักเตะที่ดี และก็เป็นคนดีด้วย ตอนที่เขาเริ่มโต เขาไปเยี่ยมคุกเพื่อแนแนวทางให้วัยรุ่นกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง เขายังใช้เวลาเพื่อผู้คนที่เจ็บป่วย และเด็กที่บกพร่องทางร่างกาย ผมจะระลึกถึงสิ่งนี้ไว้เสมอ”

“ที่ผมว่างดงามที่สุดก็คือ เขาทำสิ่งต่างๆ นอกสายตาช่างภาพและกล้อง ตอนที่พี่ชายของผม...โรดี้ป่วย... อัปปี้ก็ใส่ใจมาก เขายังคอยไปรับส่งพวกน้องสาวที่โรงเรียน ซื้อของขวัญให้พวกเธอ เขาทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวที่น่ารัก”

ฟานเดอบีคพยายามเก็บอารมณ์ “มิตรภาพของเรายังคงแน่นแฟ้น และแน่นแฟ้นมากกว่าเดิม ผมกลายเป็นเพื่อนกับพี่ชายของเขา...โม ผู้ซึ่งยังคงพูดคุยกับผมอยู่ทุกวัน เกี่ยวกับว่าอัปปี้เป็นยังไงบ้าง” ความทรงจำของบทสนทนาในวันวานทำให้เขารู้สึกเย็นเฉียบท่ามกลางแสงแดดฤดูใบไม้ผลิ “โมอยู่ในเนเธอร์แลนด์ ส่วนผม...อยู่ออสเตรีย และเขาก็ถามว่าน้องชายของเขาที่ล้มลงในสนามโอเคไหม การจะบอกเขาว่าอัปปี้หัวใจล้มเหลวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย...”

“ตอนแรกดูมีความหวัง ผู้คนกล่าวกันว่าการตรวจเป็นไปด้วยดี ดังนั้นข่าวที่ว่า ข่าวลือก่อนหน้าไม่เป็นจริงเลยเป็นเหมือนระเบิดลูกใหญ่ สมองตายหรือ...ผมแทบแตกสลายไปเลย”

ราวกับมันหมุนติ้วอยู่ในหัวของเขา “ผมยังไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับเขา แน่นอนว่าผมไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น แต่ดูเหมือนมันจะเกิดขึ้นกับคนดีๆ ตลอดเลย อัปปี้ปรารถนาดีต่อทุกคนเสมอ และเขาก็ไม่สมควรเจอแบบนี้ มันทำให้ผมโมโห... และไร้พลัง”

และบาดแผลนี้ยังคงถูกกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เวลาที่แฟนๆ ร้องเพลง มันงดงามนะ แต่ก็ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ทุกวันที่ผมเดินอยู่ในเดอทูคอมส์ ผมคิดถึงเขา ถึงบทสนทนาของเราในห้องแต่งตัว ช่วงเวลาที่งดงามเหล่านั้น และตอนนี้เรากำลังจะได้แชมป์ลีกครั้งที่ 34 แล้ว ผมรู้สึกภูมิใจแต่ก็ในขณะเดียวกับก็อดเศร้าไม่ได้ มันยากเหลือเกิน”

เราเจอกับสตองดาร์ด ลีแอจ (Standard Liège) ในรอบคัดเลือกแชมป์เปี้ยนลีกฤดูกาลนี้ เราค้างในลีแอจในโรงแรมเดียวกับที่เคยมาสมัยปีเดอร์บอซซ์ คุมทีมในยูโรป้าลีก มันยังไม่กระทบอะไรผมจนกระทั่งผมเดินเข้าไปในห้องพัก...ซึ่งเป็นห้องเดียวกับที่ผมกับอัปปี้เคยพักในปี 2016...บ้าจริง! ตอนนั้นผมขนลุกทันทีเลย แต่การลงเล่นในสนามก็ทำให้ลืมมันไปได้

“ผมคิดถึงอัปปี้ทุกวัน แต่มันมากขึ้นเป็นพิเศษในช่วงนี้เพราะถ้วยแชมป์ที่ 34 กำลังใกล้เข้ามาทุกที แต่ไม่ใช่แค่ผมหรอก ยังรวมถึงเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่รู้จักเขาเป็นอย่างดี ทุกคนล้วนแต่แสดงให้เห็นว่าอัปปี้ไม่เคยถูกลืมเลย เขาเป็นลูกอาแจ็กซ์ อาจจะเป็นดาวรุ่งมากพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่งที่เคยผ่านเดอทูคอมส์ ผมเคยเทรนกับเขามาทุกวัน และเขาก็ยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อ”

“ในทัวร์นาเมนต์ระหว่างประเทศ เราพักห้องเดียวกันเสมอ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่เป็นร้อยๆ ครั้ง กับเกมของเนเธอร์แลนด์ U17 หรือกระทั่งช่วงเวลาเดินกว่าในมอลต้า เราคุยกันแทบทุกอย่าง เกี่ยวกับเส้นทางที่เราเคยก้าวผ่านด้วยกัน เกี่ยวกับความฝันที่จะเล่นในทีมชาติเนเธอร์แลนด์ด้วยกัน เกี่ยวกับเรื่องที่สงสัย และทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว เพราะเราชอบหลายๆ อย่างเหมือนกัน ช่วงเวลาเหล่านั้นเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่มาตอนนี้ ผมคงประทับมันไว้ชั่วชีวิต”

เหมือนกับเกมแล้วเกมเล่าที่เราเล่นด้วยกัน “เขามักจะต้องการทำอะไรให้ฝ่ายตรงข้ามประหลาดใจ และเราก็ตกลงกันเอาไว้ อย่างในเกมที่เจอกับอัลเมียร์ ซิตี้ ตอนที่ได้ฟรีคิก 20 หลาจากประตู แล้วผมก็ยืนอยู่ข้างกำแพง ผมถามเขาว่าจะชิปบอลมาตรงนั้นได้มั้ย เขาจัดให้อย่างสมบูรณ์แบบ และผมก็วอลเลย์บอลเข้าไปมุมประตู เรามีความสุขกับมันมาก ในเกมของเนเธอร์แลนด์ U19 กับเกมเยาวชนของอาแจกซ์ ผู้คนหลายพันมาเพื่อดูอัปปี้”

ฟานเดอบีค เตรียมทริบิวท์เป็นการพิเศษสำหรับคืนนี้ “ผมคิดว่าจะทำอะไรเป็นพิเศษเพื่ออัปปี้ในการพบกับเดอกราฟสคัป ถ้าผมทำประตูได้ หรือถ้าเราได้เป็นแชมป์ลีกอย่างเป็นทางการแล้ว แต่นั่นเป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์"

อนึ่ง ในงานฉลองแชมป์ลีกของอาแจ็กซ์ที่ผ่านมา ได้เชิญพ่อกับพี่ชายของ Appie มาร่วมถือถ้วย(ถาด)รางวัลด้วย

ปล. ฟานเดอบีคเป็นเพื่อนสนิทกับ Appie ตั้งแต่ 9 ขวบ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่