#ทีมคุณแม่นอนน้อยมาทางนี้
ใครบ้างมีปัญหาใต้ตาคล้ำ ลึก โบ๋ ดูไม่สดใส นอนเท่าไหร่ก็ไม่หาย วันนี้ไผ่จะมารีวิวประสบการณ์การ
เติมฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม ครั้งแรกของเค้าาา เผื่อใครกำลังลังเลว่าจะฉีดไขมันดี
หรือ ฟิลเลอร์ดี จะได้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจกันค่ะ
.
ปัญหาหลักของไผ่เลยคือ ไผ่เป็นคนใต้ตาคล้ำส่วนนึงคือมาจากภูมิแพ้ด้วย ซึ่งจะให้หายขาด 100%
ค่อนข้างยาก บวกกับการทำงานและการเลี้ยงลูกเล็ก ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อนเต็มที่ ถึงจะพยายามแล้วก็ตาม
ความคล้ำนี้ก็ไม่หายไปไหน ทำให้โดยรวมดูโทรมไม่สดชื่น
.
ต้องบอกว่าการเติมฟิลเลอร์ครั้งนี้ไผ่ใช้เวลาตัดสินใจไปทำแค่ 3 วันเท่านั้น !! หาคลินิค อ่านรีวิว จองคิวเลย 😂
เลือกไปทำที่ VSquare Clinic ทำกับคุณหมอปุ๋ย เพราะคำเดียวเลย หมอตอบทุกอย่างในคอมเม้น
ตอบกันตรงๆ ละเอียด ไม่ต้องไปอินบ๊อค เสียเวลา 😂 รีวิวเยอะ
สาขาเยอะด้วย และรีวิวส่วนใหญ่เราเห็นว่าสมจริง ลูกค้าจริง และเห็นความต่างจริงๆในการทำครั้งแรก
เราเลยตัดสินใจเลยว่าที่นี่แหละ แถมมีสาขาใกล้บ้านด้วย สะดวกสุดๆ
.
ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มใต้ตาทำให้ตาเต็ม ดูสดชื่น ลดริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตาไม่ได้หายคล้ำ100% แต่ดีขึ้นมากก
ปกติแล้วไผ่จะทำPRP เป็นหลักคือใช้เลือดตัวเองมาฉีด แต่รู้สึกว่ามันต้องทำตลอดต่อเนื่อง
รวบๆแล้ว เงินก้อนทำฟิลเลอร์ได้เลย และอยู่นานเป็นปีด้วย เลยคิดว่าลงทุนดีๆครั้งเดียวไปเลยดีกว่าคุ้มกว่าเยอะ
.
ส่วนฉีดไขมันคือลองหาข้อมูลดูแล้วปัจจัยแรกที่ไม่เอื้อสำหรับไผ่เลย คือไผ่ออกกำลังกายแทบทุกวัน เพราะเป็นเทรนเนอร์ด้วย
ถ้าใช้ไขมันคงอยู่กะเราไม่นานแน่นอน หรือจะให้หยุดออกกำลังกายยาวๆยิ่งทำใจยาก อีกอย่างการฉีดไขมันแม้เมื่อเทียบราคากัน
ต่อ CC จะถูกกว่าการฉีดฟิลเลอร์ก็จริง แต่โอกาสที่ไขมันจะติดเลยในการฉีดครั้งแรกอยู่ที่ 30% จากนั้นจะค่อยๆหายไปตามกาลเวลา
และอาจจะต้องฉีดเพิ่มเติมเพื่อปรับแต่งหลายครั้งเพราะการยุบตัวของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันค่ะ
อย่างไผ่ ใต้ตาข้างซ้ายยุบตัวเยอะกว่าข้างขวามาก อาจจะปรับแต่งด้วยไขมันค่อนข้างยากค่ะ
.
ทีนี้พอได้คลินิคในใจแล้วทีนี้มาที่ตัวเลือกฟิลเลอร์ ส่วนใหญ่ที่ไผ่อ่านข้อมูลแล้วมีปัญหา คือ ใช้ฟิลเลอร์ปลอม
ทำให้เป็นก้อน หรือ สลายไม่หมด เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่าทางคุณหมอใช้ฟิลเลอร์แท้
ซึ่งทาง V Square ใช้ของแท้ 100% และแกะกล่องอธิบายตัวฟิลเลอร์ต่อหน้าทุกเคส อันนี้ไผ่เลยสบายใจหายห่วง
.
มาถึงขั้นตอนการทำ ไปถึงคลินิกเราก็จะคลีนหน้าเพื่อลงยาชาค่ะ รอยาออกฤทธิ์ประมาน 40 นาทีคุณหมอก้จะเริ่มเติมฟิลเลอร์ให้
ถามว่าเจ็บไม๊ บอกเลยว่าไม่ขนาดนั้นค่ะ แค่รู้สึกเหมือนมดกันตอนฉีดยาชา และเสียวว้าบบตอนเข็มแทงเข้าไปเท่านั้นเอง
แต่ไม่น่ากลัวอย่างที่จินตนาการไว้ อีกอย่างจากที่ไผ่ดูรีวิวของที่นี่มาค่อนข้างเยอะ
เราเห็นรีวิวคนที่มีปัญหาใต้ตาเยอะมาทำกันเยอะมากกก แล้วเค้าดูไม่เจ็บเลย ดังนั้นเราต้องทนได้สิ
(คิดบวกสุดๆ 55)
.
ไผ่ใช้เวลาทำ 1ชม. กว่าๆได้ เพราะงานตา งานละเอียดจริงๆ ไผ่ทำกับหมอปุ๋ยค่ะ คุณหมอมือเบามากกก สุภาพมากก ถามอะไรตอบหมด
หลังทำหน้าไม่ช้ำไม่เขียวบวมเลย และทางคุณหมอจะมีคำแนะนำในการดูแลหลังการฉีดให้เรียบร้อย
ทานยาให้ครบ ทำเสร็จให้กล่องกลับบ้านมาด้วยจะได้มั่นใจว่าของแท้ชัวร์ และมีการนัด Follow up ด้วยค่ะ
.
คือถามว่าทำมาสวยเปลี่ยนเลยไม๊ คือส่วนตัวไม่ได้จะขนาดนั้น เราไม่ได้จะแบบ ทำให้เปลี่ยนเป็นอีกคน
แค่อยากให้สดชื่นขึ้นระดับนึง กับปัญหาใต้ตาที่สะสมมานานแรมปีหน้าสดดีขึ้น
แต่งหน้าง่ายขึ้น เปลือยหน้าได้บ้างก็พอใจแล้ว
คนที่สวยอยู่แล้วคือดีใจด้วยย คุณโชคดีไม่ต้องทนเข็ม 555
แต่ยังไงผญโดยเฉพาะคุณแม่อย่างเราไม่จำเป็นต้องหยุดดูแลตัวเองงงงเนาะ
.
เขียนมาถึงตรงนี้อยากเห็น Before After กันแล้วใช่ไหมมม ไปชมกันเลยค่า
.
.
.
.
.
อย่าตกใจหน้าสดของเรา 555 ใต้ตาคล้ำมากจริงๆ หลังทำคือดูสดชื่นขึ้นเลย
รอยคล้ำดูจางลงหน่อยด้วย คือปลื้มมมากก
เช้าวันต่อมาเริ่มเข้าที่ ไม่บวม ไม่ช้ำ ใต้ตาทั้งหมด ใช้ 2 cc ร่องแก้ม 1 cc ฝีมือหมอปุ๋ยค่าา
ตื่นนอนมาสามีและลูกไม่ตกใจกลัวแล้วววว
.
.
วันที่ 3 แต่งหน้าได้สบายเลย ปกติแต่งแล้วต้องใช้เวลาปิดใต้ตานานมาก โดยเฉพาะร่อง รอยแตก
ตอนนี้มันแต่งง่ายขึ้นเพราะใต้ตาเต็มขึ้นมากค่ะ คือดี
.
.
หลังทำครบ 2 เดือน ฟิลเลอร์ค่อยๆนวลกลืนกับเรามากขึ้น (ช่วงร่องแก้มเต็มขึ้นเยอะเลย)
หลัง follow up คุณหมอแนะนำว่าให้ดื่มน้ำเยอะๆ ผิวหนังตรงบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ไปจะยิ่งเต่งตึงขึ้น และทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอยู่ได้นานขึ้นด้วยค่ะ
.
สุดท้ายหวังว่าประสบการณ์ของไผ่ครั้งนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ ^^
[CR] รีวิวประสบการณ์เติมฟิลเลอร์ครั้งแรก ใต้ตาคล้ำ ลึก โบ๋ ดูไม่สดใส นอนเท่าไหร่ก็ไม่หายมาทางนี้!!!
#ทีมคุณแม่นอนน้อยมาทางนี้
ใครบ้างมีปัญหาใต้ตาคล้ำ ลึก โบ๋ ดูไม่สดใส นอนเท่าไหร่ก็ไม่หาย วันนี้ไผ่จะมารีวิวประสบการณ์การ
เติมฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม ครั้งแรกของเค้าาา เผื่อใครกำลังลังเลว่าจะฉีดไขมันดี
หรือ ฟิลเลอร์ดี จะได้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจกันค่ะ
.
ปัญหาหลักของไผ่เลยคือ ไผ่เป็นคนใต้ตาคล้ำส่วนนึงคือมาจากภูมิแพ้ด้วย ซึ่งจะให้หายขาด 100%
ค่อนข้างยาก บวกกับการทำงานและการเลี้ยงลูกเล็ก ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อนเต็มที่ ถึงจะพยายามแล้วก็ตาม
ความคล้ำนี้ก็ไม่หายไปไหน ทำให้โดยรวมดูโทรมไม่สดชื่น
.
ต้องบอกว่าการเติมฟิลเลอร์ครั้งนี้ไผ่ใช้เวลาตัดสินใจไปทำแค่ 3 วันเท่านั้น !! หาคลินิค อ่านรีวิว จองคิวเลย 😂
เลือกไปทำที่ VSquare Clinic ทำกับคุณหมอปุ๋ย เพราะคำเดียวเลย หมอตอบทุกอย่างในคอมเม้น
ตอบกันตรงๆ ละเอียด ไม่ต้องไปอินบ๊อค เสียเวลา 😂 รีวิวเยอะ
สาขาเยอะด้วย และรีวิวส่วนใหญ่เราเห็นว่าสมจริง ลูกค้าจริง และเห็นความต่างจริงๆในการทำครั้งแรก
เราเลยตัดสินใจเลยว่าที่นี่แหละ แถมมีสาขาใกล้บ้านด้วย สะดวกสุดๆ
.
ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มใต้ตาทำให้ตาเต็ม ดูสดชื่น ลดริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตาไม่ได้หายคล้ำ100% แต่ดีขึ้นมากก
ปกติแล้วไผ่จะทำPRP เป็นหลักคือใช้เลือดตัวเองมาฉีด แต่รู้สึกว่ามันต้องทำตลอดต่อเนื่อง
รวบๆแล้ว เงินก้อนทำฟิลเลอร์ได้เลย และอยู่นานเป็นปีด้วย เลยคิดว่าลงทุนดีๆครั้งเดียวไปเลยดีกว่าคุ้มกว่าเยอะ
.
ส่วนฉีดไขมันคือลองหาข้อมูลดูแล้วปัจจัยแรกที่ไม่เอื้อสำหรับไผ่เลย คือไผ่ออกกำลังกายแทบทุกวัน เพราะเป็นเทรนเนอร์ด้วย
ถ้าใช้ไขมันคงอยู่กะเราไม่นานแน่นอน หรือจะให้หยุดออกกำลังกายยาวๆยิ่งทำใจยาก อีกอย่างการฉีดไขมันแม้เมื่อเทียบราคากัน
ต่อ CC จะถูกกว่าการฉีดฟิลเลอร์ก็จริง แต่โอกาสที่ไขมันจะติดเลยในการฉีดครั้งแรกอยู่ที่ 30% จากนั้นจะค่อยๆหายไปตามกาลเวลา
และอาจจะต้องฉีดเพิ่มเติมเพื่อปรับแต่งหลายครั้งเพราะการยุบตัวของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันค่ะ
อย่างไผ่ ใต้ตาข้างซ้ายยุบตัวเยอะกว่าข้างขวามาก อาจจะปรับแต่งด้วยไขมันค่อนข้างยากค่ะ
.
ทีนี้พอได้คลินิคในใจแล้วทีนี้มาที่ตัวเลือกฟิลเลอร์ ส่วนใหญ่ที่ไผ่อ่านข้อมูลแล้วมีปัญหา คือ ใช้ฟิลเลอร์ปลอม
ทำให้เป็นก้อน หรือ สลายไม่หมด เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่าทางคุณหมอใช้ฟิลเลอร์แท้
ซึ่งทาง V Square ใช้ของแท้ 100% และแกะกล่องอธิบายตัวฟิลเลอร์ต่อหน้าทุกเคส อันนี้ไผ่เลยสบายใจหายห่วง
.
มาถึงขั้นตอนการทำ ไปถึงคลินิกเราก็จะคลีนหน้าเพื่อลงยาชาค่ะ รอยาออกฤทธิ์ประมาน 40 นาทีคุณหมอก้จะเริ่มเติมฟิลเลอร์ให้
ถามว่าเจ็บไม๊ บอกเลยว่าไม่ขนาดนั้นค่ะ แค่รู้สึกเหมือนมดกันตอนฉีดยาชา และเสียวว้าบบตอนเข็มแทงเข้าไปเท่านั้นเอง
แต่ไม่น่ากลัวอย่างที่จินตนาการไว้ อีกอย่างจากที่ไผ่ดูรีวิวของที่นี่มาค่อนข้างเยอะ
เราเห็นรีวิวคนที่มีปัญหาใต้ตาเยอะมาทำกันเยอะมากกก แล้วเค้าดูไม่เจ็บเลย ดังนั้นเราต้องทนได้สิ
(คิดบวกสุดๆ 55)
.
ไผ่ใช้เวลาทำ 1ชม. กว่าๆได้ เพราะงานตา งานละเอียดจริงๆ ไผ่ทำกับหมอปุ๋ยค่ะ คุณหมอมือเบามากกก สุภาพมากก ถามอะไรตอบหมด
หลังทำหน้าไม่ช้ำไม่เขียวบวมเลย และทางคุณหมอจะมีคำแนะนำในการดูแลหลังการฉีดให้เรียบร้อย
ทานยาให้ครบ ทำเสร็จให้กล่องกลับบ้านมาด้วยจะได้มั่นใจว่าของแท้ชัวร์ และมีการนัด Follow up ด้วยค่ะ
.
คือถามว่าทำมาสวยเปลี่ยนเลยไม๊ คือส่วนตัวไม่ได้จะขนาดนั้น เราไม่ได้จะแบบ ทำให้เปลี่ยนเป็นอีกคน
แค่อยากให้สดชื่นขึ้นระดับนึง กับปัญหาใต้ตาที่สะสมมานานแรมปีหน้าสดดีขึ้น
แต่งหน้าง่ายขึ้น เปลือยหน้าได้บ้างก็พอใจแล้ว
คนที่สวยอยู่แล้วคือดีใจด้วยย คุณโชคดีไม่ต้องทนเข็ม 555
แต่ยังไงผญโดยเฉพาะคุณแม่อย่างเราไม่จำเป็นต้องหยุดดูแลตัวเองงงงเนาะ
.
เขียนมาถึงตรงนี้อยากเห็น Before After กันแล้วใช่ไหมมม ไปชมกันเลยค่า
.
.
.
.
.
อย่าตกใจหน้าสดของเรา 555 ใต้ตาคล้ำมากจริงๆ หลังทำคือดูสดชื่นขึ้นเลย
รอยคล้ำดูจางลงหน่อยด้วย คือปลื้มมมากก
เช้าวันต่อมาเริ่มเข้าที่ ไม่บวม ไม่ช้ำ ใต้ตาทั้งหมด ใช้ 2 cc ร่องแก้ม 1 cc ฝีมือหมอปุ๋ยค่าา
ตื่นนอนมาสามีและลูกไม่ตกใจกลัวแล้วววว
.
.
วันที่ 3 แต่งหน้าได้สบายเลย ปกติแต่งแล้วต้องใช้เวลาปิดใต้ตานานมาก โดยเฉพาะร่อง รอยแตก
ตอนนี้มันแต่งง่ายขึ้นเพราะใต้ตาเต็มขึ้นมากค่ะ คือดี
.
.
หลังทำครบ 2 เดือน ฟิลเลอร์ค่อยๆนวลกลืนกับเรามากขึ้น (ช่วงร่องแก้มเต็มขึ้นเยอะเลย)
หลัง follow up คุณหมอแนะนำว่าให้ดื่มน้ำเยอะๆ ผิวหนังตรงบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ไปจะยิ่งเต่งตึงขึ้น และทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอยู่ได้นานขึ้นด้วยค่ะ
.
สุดท้ายหวังว่าประสบการณ์ของไผ่ครั้งนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ ^^
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้