ไม่ว่าจะช่วงไหน การตายก็เป็นเรื่องน่าเศร้าเสมอ
แต่บอกเลยว่าชีวิตคนไม่ตายนี่จะพีค ship hai เมื่อคนที่เรารักเสียชีวิตช่วงเทศกาล
นี่คือเรื่องราวจากประสบการณ์ส่วนตัวของเรา
ผู้เสียชีวิตคือแฟนเราเอง จากสาเหตุการฆ่าตัวตาย ช่วงสงกรานต์
เอ้า แล้วตายช่วงเทศกาลมันพีคกว่าช่วงไม่เทศกาลไง??
1) สถานทูตปิดทำการ (แจ้งดำเนินการชาวต่างชาติเสียชีวิตยากมาก)
2) สน. ตำรวจ มีความโหรงเหรง (อำนาจในการดำเนินคดีเปลี่ยนตามวันไหนใครหยุด)
3) เจ้าหน้าที่คอนโด ออน-ฮ๊อลิเด่ย์ (ทุกคนเลยจย้า! Gu ล่ะเครียด)
4) สถานที่ดำเนินการเก็บศพก็มีวันหยุดนาจา
เท้าความเดิมกันหน่อยนึง...
แฟนเราเป็นชาวอเมริกัน มาทำงานด้านสิทธิมนุษยชนอยู่เมืองไทย คบกันมาหลายปีแล้ว นี่แฟนคนแรกของเราเลยน้า!
ทั้งเราทั้งแฟนมีปัญหาเป็นโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลมาตั้งแต่เด็ก เป็นกันทั้งคู่ พบแพทย์กันทั้งคู่อยู่ตลอด กินยาตลอด
ซึ่ง ee โรคบ้านี่มันก็เป็นอุปสรรคในความสัมพันธ์มาก
เพราะมันทำให้แฟนเรารู้สึกดาวน์ และกังวลกับเรื่องรอบตัวตลอดเวลา และทุกข์กับชีวิตอยู่ตลอด
นางบอกเลิกเราหลายทีเพราะรู้สึกไม่มั่นคงในใจ
ส่วนเราก็ชะนีไทยสายนางเอกจ้า เขายิ่งเย็นชา เรายิ่งตั้งใจดูแลเขา ทั้งรักทั้งเทคแคร์แบบถวายชีวิตให้เลย
เราก็โรคจิตพอใช้ คิดตลอดว่าเรายังไม่ดีพอ เราต้องทำให้เขามีความสุขมากกว่านี้ ต้องทำให้ชีวิตเขาดีให้ได้ แบบ This is my mission!
(อย่าลืมว่าเราก็มีปัญหาทางจิต แล้วมัน manifest ตัวเองออกมาในรูปแบบที่ 'ทำทุกอย่างเพื่อเขา จนไม่เห็นหัวตัวเอง' -- อย่าเอาเยี่ยงอย่าง ชีวิตจะพัง)
เขาไล่เรา เราก็ทำดีกับเขา ให้พื้นที่และนั่งรอ รู้ว่าเดี๋ยวเขาเหงา เขาก็มาเอาเรากลับไปเอง (<< นี่ก็ไม่ควรทำ เขาเรียกไม่เห็นคุณค่าตัวเอง)
พอเขาเหงา เขาก็กลับมาคบกับเราใหม่จริงๆ เป็นอยู่หลายรอบ (Gu ก็ยอมรอเนาะ กระแดะว่ะ หมั่นไส้)
รอบสุดท้ายนี่เรากลับบ้านสี่วันช่วงก่อนปีใหม่ เขาเลยเหงาและโกรธ เลยบอกเลิกเรา
ด้วยเหตุผลว่า ถ้าเราไม่อยู่กับเขาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ชีวิตคงไปกันไม่ได้ เขาคิดว่าสักวันเราต้องทิ้งเขาไปแน่ๆ เพราะเราเด็กกว่าเขาเยอะ (เรา 26 แฟน 38) เขาคิดว่าเราจะเปลี่ยนใจง่ายๆ เขาไม่เอาละ อยากได้คนที่อายุ 30 ต้นๆ เอาแบบแน่นอนในชีวิตแล้วอะ
(ตอนนั้นสกรีมในใจหนักมากว่า meunggg! ถ้า gu เปลี่ยนใจง่ายๆ gu ไม่รอ meung มาถึงบัดนี้หรอก!)
เอ้าาา! เราจิตตกเลยจ้า แบบ กรี๊ดดด เอาอีกแล้ว เลิกกับชั้นอีกแล้ว! โธ่เอ๊ย ชั้นอยู่กับเธอทั้งปี เธอยังเทชั้นไม่รู้กี่รอบ ตอนนี้ฉันเหนื่อยจากงานมาก ขอกลับบ้านสี่วันไปพักไม่ได้เหรอ?
คือมันโดนอย่างนี้ซ้ำๆหลายทีก็ไม่ไหวไง แล้วจิตกับกายมันลิงค์กันเว่ยแกร (ลองเสิร์ชคำว่า psychosomatic disorder ดู)
โน่น อิชั้นซึมเศร้าจิตตกจนร่างพัง ถูกหามไปเจาะน้ำเกลืออยู่ รพ. อาทิตย์นึง ร่างกาย weak มาก เลยเจอโรคปอดอักเสบแทรกซ้อน
จิตพัง กายพัง ชีวิตพังหมด หมอสั่งให้ลาออกจากงาน แล้วกลับไปนอนเป็นผักอยู่บ้านที่ ตจว. สักครึ่งปี
เอ้า โอเค๊! ไหนๆเขาก็ไม่อยากให้เราอยู่ด้วยแล้ว ชั้นกลับบ้านไปร้องไห้กอดพ่อแม่สักครึ่งปีก็ได้โว้ย!
ระหว่างนั้นก่อนกลับบ้านเดือนนึงก็ยังพยายามใช้เวลากับเขา เพราะรู้ว่าเดี๋ยวเขาจะเหงาแน่ๆ
บางช่วงเขารำคาญเรามาก บอกห้ามาเกาะแกะ ถ้าจะมาทำตัวหวานๆใส่ก็อย่าเจอกันเลยดีกว่า เขาต้องการให้เราเป็นแค่เพื่อน
เอ้า เราเลยถอย เป็นแค่เพื่อน แล้วเขาก็โวยวายใส่ว่าทำไมเราทำตัวเหินห่าง
เอ้า กลับมาทำตัวเป็นแฟนหวานๆใส่ใหม่ก็ได้
อีกวันโดนโวยอีกว่าใกล้ชิดเกิน
เห้อออ... งงใจ แต่ไม่โทษเขา เรารู้ว่าโรคของเขา มันทำให้เขาไม่สามารถตัดสินใจกับอารมณ์ของตัวเองได้ เราเลยพยายามทำใจเย็นๆแล้วตั้งรับไว้ทุกวัน ดูว่าวันไหนจะมาไม้ไหน แล้วเราค่อยปรับตามอารมณ์เขาไป (<< ใครริจะมีแฟนไม่ควรทำอย่างเรา นี่เรียกทำร้ายตัวเองแบบโง่ๆ)
จนกระทั่งเราย้ายกลับ ตจว. ก็คิดถึงเขามาก แต่ตอนนั้นเขาไม่อยากให้เรายุ่ง เราเลยห่างๆไว้ ทักไปวันละครั้งสองครั้ง
ผ่านไปสัปดาห์เดียว ผ่ามมม! ปรากฎว่าฮีเหงาจ้ะ แล้วก็เริ่มงอนว่าทำไมเราถึงไม่ใส่ใจนาง
เราก็ยังถอดคราบนางเอกช่อง 3 ออกไม่หมด รักนาง สงสารนาง คิดถึงนาง ก็เลยโทรคุยกับนางทุกวัน ช่วยรับฟังความทุกข์ แก้ปัญหาวีซ่าให้ ช่วยตรวจCVสมัครงาน ซื้อขนมส่งให้กิน ลฯล
แต่ช่วงนั้นเราก็กลับมาช่วยครอบครัวทำงาน เลยยุ่ง ไม่สามารถตอบไลน์ได้ทุกครึ่งชั่วโมงเหมือนที่เคย
แฟนโกรธจ้า... ว่าทำไมเราไม่ไยดีเขา
เราก็เสียใจ บอกว่าพยายามติดต่อมากที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วนะ
บางวัน แฟนก็ไปข้างนอก ไม่ตอบทั้งวัน เราก็พยายามไม่กวน แต่วันไหนนางอยู่บ้าน เหงา เราไม่รู้ พอพยายามให้พื้นที่ก็โดนโกรธ เพราะเขาเหงา
ลำบากเหมือนกันเพราะเดาอารมณ์ยาก แต่ก็พยายามเต็มที่ให้เขารู้ว่า เรายังรักเขา เรายังแคร์เขาอยู่ตลอด
จนวันนึงติดต่อเขาไม่ได้ทั้งวัน เราก็เริ่มกังวลใจ เพราะปกติถ้าเขางอนเขาก็จะอ่านไลน์ แต่ไม่ตอบ
นี่ไม่อ่าน โทรศัพท์ไม่รับ อีเมล์ไม่ตอบ LinkedIn ก็ไม่เข้า
แมสเสจสุดท้ายที่เขาไลน์หาเราเมื่อคืน เป็นคำขอโทษ เขารู้ตัวว่าอารมณ์ของเขามันทำให้เราสับสนมาก และนี่คือศึกของเขา ที่เราไม่ควรต้องมาแบกรับ
เราบอกว่า เรายังพร้อมจะสู้ไปกับเขาต่อนะ ให้อดทนต่อไป เราจะพยายามช่วยทุกอย่างให้ชีวิตเขาดีขึ้นเอง
แฟนเคยพูดเรื่องอยากตายมาหลายทีแล้ว ซึ่งทำให้เราร้องไห้ทุกครั้ง และพยายามทุกวันให้เขารู้ว่าเขายังมีค่ากับโลกนี้อยู่ ขอร้องอย่าเพิ่งไปไหน
แต่วันนั้นพอติดต่อไม่ได้ สมองที่ over-reactive ของเรามันก็ทำงานทันทีจ้า
ตอนนั้นคิดว่า Ship hai แฟน gu ฆ่าตัวตายแน่ๆเลย (เรียกว่าลางสังหรณ์ หรือ intuition ก็ได้ เพราะเขาเสียชีวิตเมื่อคืนก่อนหน้านั้น หลังจากที่ไลน์หาเราเสร็จเพียงชั่วโมงเดียว จากฟุตเทจกล้องวงจรปิด)
เรากินยาระงับประสาทไปสามเม็ด เย็นนั้นก็โทรไปหาเจ้าหน้าที่ประจำคอนโดแฟน แต่นาง on holiday บอกให้โทรมาพรุ่งนี้
เอ้า รอก็รอวะ
รุ่งขึ้นโทรไปใหม่ เจ้าหน้าที่ก็รำคาญละ บอกว่า ให้โทรเข้าไปที่ตึกไป
บัดนั้น เราที่สติแตกแล้วจึงโทรเข้าไป
ขอให้ลุงยามหน้าตึกไปเคาะห้องแฟนหน่อย ลุงก็ไปเคาะ แล้วบอกว่าไม่มีคนตอบ สงสัยไม่อยู่
เราขอให้ลุงเอากุญแจสำรองไปไขห้อง
ลุงก็วางสายไป
ลุงโทรกลับมาอีกด้วยความโมโห พร้อมแว้ดใส่เราว่า 'แฟนคุณน่ะไปแขวนคอตายอยู่บนดาดฟ้า -- คุณไปทำอะไรให้เขา??'
Ai Shiaaaaaaaaa!! แกงบวดฟักกกกกกกทอง
อื้อหือ ลุงไม่มีวิธีบอกที่นุ่มนวลเล้ย...
แถมด่า gu อีก! เอ้า! ช็อคไม่พอ โดนลุงซัดซะหลายกระทง...
คุณพระช่วย!
ตอนนั้นช็อคมาก เศร้ามาก แต่ร้องไห้ไม่ได้ เพราะรู้ว่างานเข้า gu แล้ว
แฟนไม่มีเพื่อนสนิทที่ไทยนอกจากเรา
เรารักเขา แม่งูเอ๊ย!
ถ้าตอนเขายังมีชีวิตอยู่เราช่วยเขามาตลอด ตอนเขาตายแล้ว ยังไงเราก็ช่วยเขาต่ออยู่ดีแหละ!
1) สถานทูตปิดทำการ
สิ่งแรกที่เราทำคือ โทรหาสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามี US Citizen เสียชีวิต
แต่นแต๊นนน สถานทูตปิดสงกรานต์
เราก็ไปขุดเอาเบอร์ Emergency มาโทร (ไม่เคยรัก Google วันไหนเท่าวันนั้นมาก่อนเลย)
โทรไป "Good morning, I'd like to report the death of an American Citizen"
เจ้าหน้าที่ปลายสายช็อคจ้ะ อึกอัก อื้ออ้า ทำอะไรไม่ถูกอยู่นาน
เขาบอก เดี๋ยวแจ้งคนดำเนินเรื่องแล้วจะโทรกลับมาใหม่นะ แต่ไม่รู้จะได้มั้ย สถานทูตปิดอยู่
อ่าวววว! T^T แล้วอย่างนี้แฟนหนูจะได้กลับบ้านมั้ยล่ะคะ?
ระหว่างรอสายเจ้าหน้าที่ ก็โทรหาตำรวจ
2) สน. ตำรวจ มีความโหรงเหรง
โทรไปรายงานเหตุผู้เสียชีวิตที่คอนโดในกรุงเทพ
เราก็โดนตำรวจซักฟอกซะอย่างกับถูกโยนลงเครื่อง Samsung Drum เทตามด้วย เปา วินวอช แต่ไม่ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม
ไม่มีนะ คำว่า 'เสียใจด้วย' แต่จะเป็น 'คุณรู้เรื่องได้ไง?'
อ๋อ แฟน gu เป็นคนที่มีแนวโน้มการฆ่าตัวตายมานานแล้วค่ะ
'แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นวันนี้?'
อะ ก็ gu ติดต่อไม่ได้ไง เลยโทรไปหาที่คอนโดเขา
'ถ้าคุณรู้แล้วทำไมไม่ห้ามเขา'
Ai sud! Gu ก็ห้ามตลอดแหละ! แล้วสำเร็จมั้ยล่ะ!
'คุณต้องเข้ามาให้ปากคำที่ สน. นะ'
อ้าวววว sud! Gu กลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้ว!
3) เจ้าหน้าที่คอนโด on holiday กันทุกคน
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครว่าง แต่อยู่ดีๆก็ว่างกันขึ้นมาทันทีเมื่อมีคนตาย
เจ้าหน้าที่คอนโดที่เราโทรหาตอนแรก แล้วเขารำคาญเรา ฮีโทรกลับมาขอโทษจ้ะ ได้ทราบเรื่องแล้ว เสียใจด้วย
เจ้าหน้าที่อีกคนก็เร่งเรายิกๆว่าให้รีบมา กทม วันนั้นเลย เพราะจะนิมนต์พระมาสวดวันรุ่งขึ้น
เราเลยซื้อตั๋วขาเดียวไป กทม บ่ายนั้น
หลังจากนั้นก็มีตำรวจโทรเข้ามาสอบถามเรื่องแนวเดียวกับคนแรกอีก 3 คน จนเราแบบ...
'สร้าง Line Group มั้ยคะ? หนูจะส่ง passport copy ของเขา และหลักฐานทางเทกส์ทั้งหมดที่มีทั้งหมดให้เลยค่ะ'
แล้วเจ้าหน้าที่สถานทูตก็โทรกลับมาอีก ถามว่าพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย จะให้คุยกับเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกัน
(เราใช้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในชีวิต เลยไม่ติดขัด แต่อดคิดในใจไม่ได้ว่า meunggg ถ้า gu พูดไม่ได้ ละ meung จะทำยังง้ายย!)
เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันถามเรื่องเดียวกับกับตำรวจ เราเลยลากเจ้าหน้าที่เข้า Line Group อีกคน
อะ เจ้าหน้าที่สถานทูตพูดไทยไม่ได้ พวกที่พูดไทยได้ก็ on holiday กันหมด
ตำรวจก็พูดอังกฤษไม่ได้ เจ้าหน้าที่คอนโดก็พูดอังกฤษไม่ได้
หอยหลอด สุดท้ายก็ gu นี่แหละที่ต้องแปล line messages ของทุกคนเป็นทั้งไทยทั้งอังกฤษ ทุกข้อความ!
[จะเกินกำหนดความยาวละ เดี๋ยวมาต่อ]
[ประสบการณ์ส่วนตัว] 4 เหตุผล "ทำไมไม่ควรตายช่วงเทศกาล"
แต่บอกเลยว่าชีวิตคนไม่ตายนี่จะพีค ship hai เมื่อคนที่เรารักเสียชีวิตช่วงเทศกาล
นี่คือเรื่องราวจากประสบการณ์ส่วนตัวของเรา
ผู้เสียชีวิตคือแฟนเราเอง จากสาเหตุการฆ่าตัวตาย ช่วงสงกรานต์
เอ้า แล้วตายช่วงเทศกาลมันพีคกว่าช่วงไม่เทศกาลไง??
1) สถานทูตปิดทำการ (แจ้งดำเนินการชาวต่างชาติเสียชีวิตยากมาก)
2) สน. ตำรวจ มีความโหรงเหรง (อำนาจในการดำเนินคดีเปลี่ยนตามวันไหนใครหยุด)
3) เจ้าหน้าที่คอนโด ออน-ฮ๊อลิเด่ย์ (ทุกคนเลยจย้า! Gu ล่ะเครียด)
4) สถานที่ดำเนินการเก็บศพก็มีวันหยุดนาจา
เท้าความเดิมกันหน่อยนึง...
แฟนเราเป็นชาวอเมริกัน มาทำงานด้านสิทธิมนุษยชนอยู่เมืองไทย คบกันมาหลายปีแล้ว นี่แฟนคนแรกของเราเลยน้า!
ทั้งเราทั้งแฟนมีปัญหาเป็นโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลมาตั้งแต่เด็ก เป็นกันทั้งคู่ พบแพทย์กันทั้งคู่อยู่ตลอด กินยาตลอด
ซึ่ง ee โรคบ้านี่มันก็เป็นอุปสรรคในความสัมพันธ์มาก
เพราะมันทำให้แฟนเรารู้สึกดาวน์ และกังวลกับเรื่องรอบตัวตลอดเวลา และทุกข์กับชีวิตอยู่ตลอด
นางบอกเลิกเราหลายทีเพราะรู้สึกไม่มั่นคงในใจ
ส่วนเราก็ชะนีไทยสายนางเอกจ้า เขายิ่งเย็นชา เรายิ่งตั้งใจดูแลเขา ทั้งรักทั้งเทคแคร์แบบถวายชีวิตให้เลย
เราก็โรคจิตพอใช้ คิดตลอดว่าเรายังไม่ดีพอ เราต้องทำให้เขามีความสุขมากกว่านี้ ต้องทำให้ชีวิตเขาดีให้ได้ แบบ This is my mission!
(อย่าลืมว่าเราก็มีปัญหาทางจิต แล้วมัน manifest ตัวเองออกมาในรูปแบบที่ 'ทำทุกอย่างเพื่อเขา จนไม่เห็นหัวตัวเอง' -- อย่าเอาเยี่ยงอย่าง ชีวิตจะพัง)
เขาไล่เรา เราก็ทำดีกับเขา ให้พื้นที่และนั่งรอ รู้ว่าเดี๋ยวเขาเหงา เขาก็มาเอาเรากลับไปเอง (<< นี่ก็ไม่ควรทำ เขาเรียกไม่เห็นคุณค่าตัวเอง)
พอเขาเหงา เขาก็กลับมาคบกับเราใหม่จริงๆ เป็นอยู่หลายรอบ (Gu ก็ยอมรอเนาะ กระแดะว่ะ หมั่นไส้)
รอบสุดท้ายนี่เรากลับบ้านสี่วันช่วงก่อนปีใหม่ เขาเลยเหงาและโกรธ เลยบอกเลิกเรา
ด้วยเหตุผลว่า ถ้าเราไม่อยู่กับเขาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ชีวิตคงไปกันไม่ได้ เขาคิดว่าสักวันเราต้องทิ้งเขาไปแน่ๆ เพราะเราเด็กกว่าเขาเยอะ (เรา 26 แฟน 38) เขาคิดว่าเราจะเปลี่ยนใจง่ายๆ เขาไม่เอาละ อยากได้คนที่อายุ 30 ต้นๆ เอาแบบแน่นอนในชีวิตแล้วอะ
(ตอนนั้นสกรีมในใจหนักมากว่า meunggg! ถ้า gu เปลี่ยนใจง่ายๆ gu ไม่รอ meung มาถึงบัดนี้หรอก!)
เอ้าาา! เราจิตตกเลยจ้า แบบ กรี๊ดดด เอาอีกแล้ว เลิกกับชั้นอีกแล้ว! โธ่เอ๊ย ชั้นอยู่กับเธอทั้งปี เธอยังเทชั้นไม่รู้กี่รอบ ตอนนี้ฉันเหนื่อยจากงานมาก ขอกลับบ้านสี่วันไปพักไม่ได้เหรอ?
คือมันโดนอย่างนี้ซ้ำๆหลายทีก็ไม่ไหวไง แล้วจิตกับกายมันลิงค์กันเว่ยแกร (ลองเสิร์ชคำว่า psychosomatic disorder ดู)
โน่น อิชั้นซึมเศร้าจิตตกจนร่างพัง ถูกหามไปเจาะน้ำเกลืออยู่ รพ. อาทิตย์นึง ร่างกาย weak มาก เลยเจอโรคปอดอักเสบแทรกซ้อน
จิตพัง กายพัง ชีวิตพังหมด หมอสั่งให้ลาออกจากงาน แล้วกลับไปนอนเป็นผักอยู่บ้านที่ ตจว. สักครึ่งปี
เอ้า โอเค๊! ไหนๆเขาก็ไม่อยากให้เราอยู่ด้วยแล้ว ชั้นกลับบ้านไปร้องไห้กอดพ่อแม่สักครึ่งปีก็ได้โว้ย!
ระหว่างนั้นก่อนกลับบ้านเดือนนึงก็ยังพยายามใช้เวลากับเขา เพราะรู้ว่าเดี๋ยวเขาจะเหงาแน่ๆ
บางช่วงเขารำคาญเรามาก บอกห้ามาเกาะแกะ ถ้าจะมาทำตัวหวานๆใส่ก็อย่าเจอกันเลยดีกว่า เขาต้องการให้เราเป็นแค่เพื่อน
เอ้า เราเลยถอย เป็นแค่เพื่อน แล้วเขาก็โวยวายใส่ว่าทำไมเราทำตัวเหินห่าง
เอ้า กลับมาทำตัวเป็นแฟนหวานๆใส่ใหม่ก็ได้
อีกวันโดนโวยอีกว่าใกล้ชิดเกิน
เห้อออ... งงใจ แต่ไม่โทษเขา เรารู้ว่าโรคของเขา มันทำให้เขาไม่สามารถตัดสินใจกับอารมณ์ของตัวเองได้ เราเลยพยายามทำใจเย็นๆแล้วตั้งรับไว้ทุกวัน ดูว่าวันไหนจะมาไม้ไหน แล้วเราค่อยปรับตามอารมณ์เขาไป (<< ใครริจะมีแฟนไม่ควรทำอย่างเรา นี่เรียกทำร้ายตัวเองแบบโง่ๆ)
จนกระทั่งเราย้ายกลับ ตจว. ก็คิดถึงเขามาก แต่ตอนนั้นเขาไม่อยากให้เรายุ่ง เราเลยห่างๆไว้ ทักไปวันละครั้งสองครั้ง
ผ่านไปสัปดาห์เดียว ผ่ามมม! ปรากฎว่าฮีเหงาจ้ะ แล้วก็เริ่มงอนว่าทำไมเราถึงไม่ใส่ใจนาง
เราก็ยังถอดคราบนางเอกช่อง 3 ออกไม่หมด รักนาง สงสารนาง คิดถึงนาง ก็เลยโทรคุยกับนางทุกวัน ช่วยรับฟังความทุกข์ แก้ปัญหาวีซ่าให้ ช่วยตรวจCVสมัครงาน ซื้อขนมส่งให้กิน ลฯล
แต่ช่วงนั้นเราก็กลับมาช่วยครอบครัวทำงาน เลยยุ่ง ไม่สามารถตอบไลน์ได้ทุกครึ่งชั่วโมงเหมือนที่เคย
แฟนโกรธจ้า... ว่าทำไมเราไม่ไยดีเขา
เราก็เสียใจ บอกว่าพยายามติดต่อมากที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วนะ
บางวัน แฟนก็ไปข้างนอก ไม่ตอบทั้งวัน เราก็พยายามไม่กวน แต่วันไหนนางอยู่บ้าน เหงา เราไม่รู้ พอพยายามให้พื้นที่ก็โดนโกรธ เพราะเขาเหงา
ลำบากเหมือนกันเพราะเดาอารมณ์ยาก แต่ก็พยายามเต็มที่ให้เขารู้ว่า เรายังรักเขา เรายังแคร์เขาอยู่ตลอด
จนวันนึงติดต่อเขาไม่ได้ทั้งวัน เราก็เริ่มกังวลใจ เพราะปกติถ้าเขางอนเขาก็จะอ่านไลน์ แต่ไม่ตอบ
นี่ไม่อ่าน โทรศัพท์ไม่รับ อีเมล์ไม่ตอบ LinkedIn ก็ไม่เข้า
แมสเสจสุดท้ายที่เขาไลน์หาเราเมื่อคืน เป็นคำขอโทษ เขารู้ตัวว่าอารมณ์ของเขามันทำให้เราสับสนมาก และนี่คือศึกของเขา ที่เราไม่ควรต้องมาแบกรับ
เราบอกว่า เรายังพร้อมจะสู้ไปกับเขาต่อนะ ให้อดทนต่อไป เราจะพยายามช่วยทุกอย่างให้ชีวิตเขาดีขึ้นเอง
แฟนเคยพูดเรื่องอยากตายมาหลายทีแล้ว ซึ่งทำให้เราร้องไห้ทุกครั้ง และพยายามทุกวันให้เขารู้ว่าเขายังมีค่ากับโลกนี้อยู่ ขอร้องอย่าเพิ่งไปไหน
แต่วันนั้นพอติดต่อไม่ได้ สมองที่ over-reactive ของเรามันก็ทำงานทันทีจ้า
ตอนนั้นคิดว่า Ship hai แฟน gu ฆ่าตัวตายแน่ๆเลย (เรียกว่าลางสังหรณ์ หรือ intuition ก็ได้ เพราะเขาเสียชีวิตเมื่อคืนก่อนหน้านั้น หลังจากที่ไลน์หาเราเสร็จเพียงชั่วโมงเดียว จากฟุตเทจกล้องวงจรปิด)
เรากินยาระงับประสาทไปสามเม็ด เย็นนั้นก็โทรไปหาเจ้าหน้าที่ประจำคอนโดแฟน แต่นาง on holiday บอกให้โทรมาพรุ่งนี้
เอ้า รอก็รอวะ
รุ่งขึ้นโทรไปใหม่ เจ้าหน้าที่ก็รำคาญละ บอกว่า ให้โทรเข้าไปที่ตึกไป
บัดนั้น เราที่สติแตกแล้วจึงโทรเข้าไป
ขอให้ลุงยามหน้าตึกไปเคาะห้องแฟนหน่อย ลุงก็ไปเคาะ แล้วบอกว่าไม่มีคนตอบ สงสัยไม่อยู่
เราขอให้ลุงเอากุญแจสำรองไปไขห้อง
ลุงก็วางสายไป
ลุงโทรกลับมาอีกด้วยความโมโห พร้อมแว้ดใส่เราว่า 'แฟนคุณน่ะไปแขวนคอตายอยู่บนดาดฟ้า -- คุณไปทำอะไรให้เขา??'
Ai Shiaaaaaaaaa!! แกงบวดฟักกกกกกกทอง
อื้อหือ ลุงไม่มีวิธีบอกที่นุ่มนวลเล้ย...
แถมด่า gu อีก! เอ้า! ช็อคไม่พอ โดนลุงซัดซะหลายกระทง...
คุณพระช่วย!
ตอนนั้นช็อคมาก เศร้ามาก แต่ร้องไห้ไม่ได้ เพราะรู้ว่างานเข้า gu แล้ว
แฟนไม่มีเพื่อนสนิทที่ไทยนอกจากเรา
เรารักเขา แม่งูเอ๊ย!
ถ้าตอนเขายังมีชีวิตอยู่เราช่วยเขามาตลอด ตอนเขาตายแล้ว ยังไงเราก็ช่วยเขาต่ออยู่ดีแหละ!
1) สถานทูตปิดทำการ
สิ่งแรกที่เราทำคือ โทรหาสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามี US Citizen เสียชีวิต
แต่นแต๊นนน สถานทูตปิดสงกรานต์
เราก็ไปขุดเอาเบอร์ Emergency มาโทร (ไม่เคยรัก Google วันไหนเท่าวันนั้นมาก่อนเลย)
โทรไป "Good morning, I'd like to report the death of an American Citizen"
เจ้าหน้าที่ปลายสายช็อคจ้ะ อึกอัก อื้ออ้า ทำอะไรไม่ถูกอยู่นาน
เขาบอก เดี๋ยวแจ้งคนดำเนินเรื่องแล้วจะโทรกลับมาใหม่นะ แต่ไม่รู้จะได้มั้ย สถานทูตปิดอยู่
อ่าวววว! T^T แล้วอย่างนี้แฟนหนูจะได้กลับบ้านมั้ยล่ะคะ?
ระหว่างรอสายเจ้าหน้าที่ ก็โทรหาตำรวจ
2) สน. ตำรวจ มีความโหรงเหรง
โทรไปรายงานเหตุผู้เสียชีวิตที่คอนโดในกรุงเทพ
เราก็โดนตำรวจซักฟอกซะอย่างกับถูกโยนลงเครื่อง Samsung Drum เทตามด้วย เปา วินวอช แต่ไม่ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม
ไม่มีนะ คำว่า 'เสียใจด้วย' แต่จะเป็น 'คุณรู้เรื่องได้ไง?'
อ๋อ แฟน gu เป็นคนที่มีแนวโน้มการฆ่าตัวตายมานานแล้วค่ะ
'แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นวันนี้?'
อะ ก็ gu ติดต่อไม่ได้ไง เลยโทรไปหาที่คอนโดเขา
'ถ้าคุณรู้แล้วทำไมไม่ห้ามเขา'
Ai sud! Gu ก็ห้ามตลอดแหละ! แล้วสำเร็จมั้ยล่ะ!
'คุณต้องเข้ามาให้ปากคำที่ สน. นะ'
อ้าวววว sud! Gu กลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้ว!
3) เจ้าหน้าที่คอนโด on holiday กันทุกคน
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครว่าง แต่อยู่ดีๆก็ว่างกันขึ้นมาทันทีเมื่อมีคนตาย
เจ้าหน้าที่คอนโดที่เราโทรหาตอนแรก แล้วเขารำคาญเรา ฮีโทรกลับมาขอโทษจ้ะ ได้ทราบเรื่องแล้ว เสียใจด้วย
เจ้าหน้าที่อีกคนก็เร่งเรายิกๆว่าให้รีบมา กทม วันนั้นเลย เพราะจะนิมนต์พระมาสวดวันรุ่งขึ้น
เราเลยซื้อตั๋วขาเดียวไป กทม บ่ายนั้น
หลังจากนั้นก็มีตำรวจโทรเข้ามาสอบถามเรื่องแนวเดียวกับคนแรกอีก 3 คน จนเราแบบ...
'สร้าง Line Group มั้ยคะ? หนูจะส่ง passport copy ของเขา และหลักฐานทางเทกส์ทั้งหมดที่มีทั้งหมดให้เลยค่ะ'
แล้วเจ้าหน้าที่สถานทูตก็โทรกลับมาอีก ถามว่าพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย จะให้คุยกับเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกัน
(เราใช้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในชีวิต เลยไม่ติดขัด แต่อดคิดในใจไม่ได้ว่า meunggg ถ้า gu พูดไม่ได้ ละ meung จะทำยังง้ายย!)
เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันถามเรื่องเดียวกับกับตำรวจ เราเลยลากเจ้าหน้าที่เข้า Line Group อีกคน
อะ เจ้าหน้าที่สถานทูตพูดไทยไม่ได้ พวกที่พูดไทยได้ก็ on holiday กันหมด
ตำรวจก็พูดอังกฤษไม่ได้ เจ้าหน้าที่คอนโดก็พูดอังกฤษไม่ได้
หอยหลอด สุดท้ายก็ gu นี่แหละที่ต้องแปล line messages ของทุกคนเป็นทั้งไทยทั้งอังกฤษ ทุกข้อความ!
[จะเกินกำหนดความยาวละ เดี๋ยวมาต่อ]