ส่งท้ายปิดเทอมกันด้วยทริปญี่ปุ่นอีกสักครั้งค่ะ ก่อนจะเข้าสู่ปีการศึกษาใหม่ คราวนี้แม่ลูกเลือกแพคเกจทัวร์ชื่อ Tokyo Fuji ซุปตาร์ม่วงอมชมพู กับบริษัท Siam Travel Mart ราคา 20800 บาท เราเลือกช่วงที่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ด้วย ราคาอาจถูกกว่านี้ถ้าเดินทางช่วงวันธรรมดาค่ะ รีวิวด้วยภาพที่ถ่ายไว้จากล้องโทรศัพท์มือถือนะคะ ไปเที่ยวนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Thai Air Asia X ค่ะ

เลิกงานปุ๊บก็มุ่งหน้าไปสนามบินดอนเมืองค่ะ เที่ยวบินขาไปคือ XJ600 ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 23.55 น ตรงเวลาค่ะ
ฟังการสาธิตฯ จบก็พร้อมหลับค่ะ
ทัวร์นี้มีอาหารเสริฟด้วยค่ะ เมนูขาไปได้แก่ ข้าวหน้าไก่เทอริยากิ ง่วงแค่ไหน เราก็เอ็นเจอยการกินค่ะ ลูกสาวหลับแล้ว คุณแม่เหมาให้ 2 กล่อง
ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมงโดยประมาณ มาถึงสนามบินนาริตะ ผ่าน ต.ม. เรียบร้อย คุณไกด์บอกให้ไปรอรถบัส ที่ป้ายรถเมล์หมายเลข 22 แล้วก็พาไปศาลเจ้า Kameido Tenjin Shrine ค่ะ จากสะพานที่นี่ เราสามารถ่ายภาพที่ระลึกโดยมีวิวโตเกียวสกายทรี อยุ่เบื้องหลัง อย่างที่เห็นเลยค่ะ
ในศาลเจ้า จะมีป้ายทำจากไม้แบบนี้ซึ่งชาวญี่ปุ่นมาไหว้และเขียนคำอธิษฐานเอาไว้  ตอนที่ไปคือ ดอกวิสทีเรียไม่มีแล้วนะคะ
ภายในศาลเจ้า บรรยากาศร่มรื่นค่ะ มีบ่อน้ำรอบๆ ถ่ายรูปน้องเต่าอาบแดดมาให้ดู บ้านเมืองเขามีระเบียบยันเต่าเลยนะคะ อารมณ์ slow life น่ารักๆ
ระหว่างทางไปรับประทานอาหารกลางวันเราก็จะมองเห็นเจ้าโตเกียวสกายทรีจากบนรถค่ะ ลูกสาวถ่ายภาพไว้จากหน้าต่างรถทัวร์
มื้อกลางวันอันเป็นมื้อแรกของเราที่ญี่ปุ่นคือที่ร้านนี้ค่ะ เขาจะจัดอาหารแบบนี้ไว้ให้ทุกคน ทางไกด์มีน้ำจิ้มสุกี้เตรียมมาให้ด้วย 
อิ่มหนำสำราญแล้วเราเดินจากร้านอาหารไปที่วัดอาซากุสะค่ะ มีโคมไฟยักษ์แบบนี้แขวนที่ประตูทางเข้า 
ตามด้วยการเดินถนนนากามิเซะ ซึ่งอยู่ติดกับวัด มีร้านขายของเต็มสองข้างทาง และวัยรุ่น วัยทำงาน เดินกันขวักไขว่เลยค่ะ มีสาวๆ ชาวญี่ปุ่นแต่งชุดกิโมโนมาเดินด้วย
ตามสไตล์วัยรุ่นนะคะ ลองชิมไอศกรีมบ้านเขาสักหน่อย อากาศเย็น ไอศกรีมละลายช้า เราก็ค่อยๆ กินไปค่ะ อร่อย
จากนั้นเรานั่งไปย่านโอไดบะ ซึ่งเป็นเกาะที่มีแหล่งช้อปปิ้งและบันเทิงต่างๆ ตรงบริเวณอ่าวโตเกียว จุดเด่นที่อยู่หน้าห้าง DiverCity ที่นี่ก็คือเจ้าหุ่นยนต์กันดั้มตัวนี้ค่ะ แบบว่า มหึมา อลังการมาก ลองเทียบกับคนจริงที่เดินอยู่ได้เลยค่ะ ในบริเวณนี้จะมีตึกที่เป็นห้างสรรพสินค้าอยู่หลายตึก ถ้ากลัวหลง เราก็ยึดคุณกันดั้มนี่แหละค่ะ เป็นจุดสังเกตุ
เดินเล่นแถวๆ นั้นจะมีมุมนี้ด้วยค่ะ อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพและสะพานแขวน ซึ่งให้อารมณ์อเมริกามาก มีนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปกันเยอะเลยค่ะ
สมควรแก่เวลา พากันกลับโรงแรมที่พักค่ะ คืนแรกเราพักกันที่ Fuji San Resort Hotel ไม่ไกลจากแถวๆ ภูเขาไฟ (เขาว่างั้นนะคะ)
และนี่คือบันไดที่เราต้องยกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปที่ห้องพักเองค่ะ เพราะไกด์บอกว่าลิฟต์มีให้ผู้สูงอายุใช้เท่านั้น คุณพระ! ฮึบ ฮึบ
เราพักห้อง 3025 ค่ะและหน้าตาห้องพักก็จะประมาณนี้ โรงแรมมีเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ ยาสระผม แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และมีชุดยูกะตะให้ มีห้องแช่ออนเซ็นด้วย แต่ด้วยความเหนื่อยล้า (มากๆๆ) จากการเดินทาง ในวันที่รู้สึกว่ายาวนาน..เราก็พร้อมอาบน้ำนอนเลยค่ะ
โปรแกรมที่เราเลือก ไม่รวมบุฟเฟต์ขาปูยักษ์ แต่มีอาหารให้เลือกหลากหลายอยู่เหมือนกันค่ะ ติดที่มีทัวร์หลายคณะ ห้องอาหารเลยแออัดและอาหารก็จะหมดเร็วมาก คิดถึงราชวงศ์ "ชิง" นะคะ
เช้าวันรุ่งขึ้น เราไปหมู่บ้านโอชิโนะฮักไก หรือ หมู่บ้านน้ำใส อันนี้ใสจริงๆ  ณ ตอนนั้นเป็นเวลาเช้ามาก ยังไม่มีคณะอื่น และอากาศดี
อันนี้ภาพจากโทรศัพทมือถือนะคะ ไม่ได้แต่ง สวยงามเหมือนโปสการ์ดเลยทีเดียว 
จากนั้นก็ขึ้นชั้นที่ 5 ของภูเขาไฟฟูจิค่ะ อากาศเย็นลงอีกนิดนึงอยู่ที่ 15 องศาโดยประมาณ แต่ฟ้าเปิด ฟ้าเป็นใจ เราเลยได้เห็นยอดเขาแบบนี้ค่ะ ส่วนไอศกรีมนั้นก็อร่อยค่ะ ราคา 400 เยน
มีศาลเจ้าภายในบริเวณนั้นที่ไกด์ปล่อยให้เราเข้าไปไหว้ตามอัธยาศัยค่ะ
จากนั้นเราไปที่ร้านปลอดภาษีแห่งหนึ่ง ซึ่งเราทุกคนลองชงชาด้วย มีขนมไดฟุกุมาให้ชิม อันนี้เซอร์ไพร้ซ์มากค่ะ หลังจากไม่ได้มาเที่ยวญี่ปุ่นกับทัวร์มา 4 ปีเห็นจะได้ ไม่เคยรู้ว่ามีการแวะร้านแบบนี้เลย มีเจ้าหน้าที่คนไทยมาแนะนำสินค้าท้องถิ่นในราคาพิเศษ เช่น ชา โฟมล้างหน้า 
จากนั้นเราไปชมชิบะซากุระ หรือ ทุ่งดอกพิงค์มอส ตามในโปรแกรม เป็นทุ่งค่อนข้างกว้างอย่างที่เห็น มีทางเดินโดยรอบค่ะ วนทางซ้ายมาออกทางขวา
จะมีร้านขายอาหารเต็มสองข้างทางค่ะ อารมณ์ประมาณงานกาชาดเลยค่ะ 
ไม่ต้องจ่ายเงินสดกับผู้ขาย แต่ให้ไปเลือกเมนูที่อยากทานจากตู้นี้ค่ะ ซึ่งจะตั้งไว้ใกล้ๆ ร้านนั้น อยากทานอันไหน ก็ใส่เงินตามราคา
แล้วจะได้คูปองแบบนี้ออกมาเอาไปยื่นให้กับคนขายค่ะ
มื้อกลางวันของเราจึงมีหน้าตาประมาณนี้ค่ะ เส้นอูด้งที่นี่อวบอ้วนดีแท้ อิ่มหนำสำราญออกไปนั่งรถทัวร์ไปเที่ยวต่อค่ะ
นี่คงเป็นหนึ่งในแยกในตำนานย่านชินจุกุ คนเยอะมากมาย
มีร้านขายของอยุ่ทุกตารางเมตรเลยค่ะ เราไม่ค่อยกล้าไปไหนไกล เลยเดินอยู่แถวๆ นั้น แม่ลูกสายไม่ช้อปค่ะ
ผู้คนเดินกันขวักไขว่ ได้ยินภาษาไทยเป็นระยะๆ ทีเดียวค่ะ
เย็นย่ำ ไกด์พานั่งรถกลับโรงแรม ระหว่างทางมีขนมแจกและ นำเสนอขายค่ะ 
2 คืนสุดท้ายเราพักที่โรงแรม Courtyard of Narita Gateway ค่ะ ( จขกท มีรีวิวละเอียดไว้ในนี้นะคะ https://ppantip.com/topic/38866758 ) ห้องพักและอาหารเช้าที่นี่จัดว่าดีมากเลยค่ะ จบโปรแกรมตามรายการ 2 วัน วันที่ 3 ที่โตเกียวของเราคือวันฟรีเดย์ ซึ่งแม่ลูกเลือกไปดิสนีย์แลนด์ค่ะ เราซื้อตั๋วไปจากที่เมืองไทย (จาก H.I.S) ใช้แสกนเข้าได้เลย และเดินทางโดยรถสาธารณะจากโรงแรมไปสนามบินนาริตะ แล้วไปต่อรถเมล์ไปดิสนีย์แลนด์เองค่ะ
ปราสาทดิสนีย์แลนด์ที่โตเกียวเริ่มมีการปรับปรุงด้านหน้าแล้วค่ะ อันนี้เป็นด้านข้างปราสาทซึ่งยังสวยงามเหมือนเคย ส่วนรายละเอียดหนึ่งวันที่ดิสนีย์แลนด์ของเรา ขอไว้เล่าเมื่อโอกาสอำนวยนะคะ
วันรุ่งขึ้น รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้วนั่งรถมาถึงสนามบินตอน 07.00 น ด้วยรถ Shuttle Bus ของโรงแรม เที่ยวบินขากลับคือ XJ 601 ล่าช้าเล็กน้อย บนเครื่องมีข้าวแกงเขียวหวานไก่เสริฟพร้อมน้ำเปล่า แม่ลูกผลัดกันหลับเกือบตลอดเส้นทางค่ะ  

โดยรวมแล้ว ถือเป็นทริปที่คุ้มราคานะคะ มีที่พัก มีอาหารให้หลายมื้อ ที่สำคัญเรามีโอกาสได้ไปเที่ยวหลายแห่งในโตเกียวด้วย ซึ่งถ้าให้ไปเองเราก็คงหลงกันอยู่นาน กรุ๊ปเรามีสมาชิกร่วมเดินทางไปด้วยกัน 34 คนค่ะ ได้พบเจอเพื่อนใหม่ ได้ไปที่ที่ไม่เคยไป และก็แถมด้วยวันอิสระที่เราได้กลับไปดิสนีย์แลนด์ ถือเป็นการพักผ่อนส่งท้ายปิดเทอมที่สนุกค่ะ

จนกว่าจะทริปต่อไปนะคะ