สวัสดีครับ ผมเคยทำงานที่ กทม ตอนนี้กลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ช่วงที่เฟสบุคมีการช่วยหาคู่ ผมก็ลองเข้าไปเล่นๆดู ก็กดทักไปไม่กี่คนหรอกครับ จนมีรุปๆนึง จะกดทัก แต่ก็ข้ามไปก่อน ปัดๆไป ก็หมด เลยย้อนกลับมาทัก ไม่คิดเลยครับ ว่าเธอคือคนเดียวที่คุยกับผม
ตั้งแต่นั้น เราคุยกันมาทุกวัน ตั้งแต่เดือน 11 (พ.ย.)ช่วงนั้นผมเดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งเธอเคยไป เลยแนะนำผมเรื่องร้านอาหาร ที่กิน ที่เที่ยว ผมรู้สึกสนิทในทันที ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่ได้เปิดเผยหน้ากัน ผมเริ่มอ้วนครับ เลยไม่อยากใช้รูปปัจจุบัน
แน่นอนครับ ผมรู้สึกอยากคุยกับเธอ เพราะผมก็ไม่มีคนคุย เธอเล่าเรื่องราวของเธอให้ฟัง งานที่เธอทำ เธอมีนิสัยร่าเริง น่ารักครับ แต่ผมรู้ว่าเวลาทำงาน เธอทำจริงจัง เธอเป็นผู้หญิงเก่งครับ คุยไปสักพัก เราก็ส่งรูปปัจจุบันกัน ผมว่าเธอคง งง สักพักแหละ เพราะอ้วนกว่ารูปที่ใช้อยู่ แต่เธอก็คุยเหมือนเดิมครับ
ตอนคุยกัน ผมชวนเธอวิ่งออกกำลังกาย เราต่างคนต่างวิ่งกัน แล้วเธอก็ชวนไปงานวิ่งด้วยกัน(ผมอยู่กันคนละจังหวัดครับ แต่เดินทางไปไม่ไกลมาก) และนั่น คือการเจอตัวกันครั้งแรกครับ
ผมนัดเจอกันก่อนวิ่ง 1 วัน เพื่อไปรับป้ายวิ่ง จริงๆก็คืออยากเจอแหละครับ หาโอกาสไปได้ไม่บ่อย แล้วเราก็ได้ไปวิ่งกัน ในวันรุ่งขึ้น เราสองมีความสุขครับ ผมคิดว่าคนนี้ มีแนวโน้มจะได้คบกันยาว เธอบอกว่าทำไมถึงเล่นหาคู่ในเฟสบุค เพราะเธอพึ่งเลิกกับแฟนเก่า ได้ 4 เดือน แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ บางเรื่องผมว่าอาจจะเกรงใจ
กลับมาถึงบ้าน เราก็คุยกันทุกวัน เธอไปใหนก็บอกตลอด เพราะงานของเธอต้องคอยออกนอกพื้นที่ จนถึงเดือนที่ 5 (พ.ค.) เธอไปต่างประเทศ ผมฝากดูของ ก็วีดีโอคอลกัน แต่หลังจากเธอกลับมา ผมรู้สึก วังเวง ทักทายกันน้อย แต่ก็คุยสนุกตามปกติ
ผมได้มีธุระที่จังหวัดที่เธออยู่ แต่กลับมีข่าวที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนไป จู่ๆเธอบอกว่าแฟนเก่าเธอกลับมา แล้วเธอก็ยังอยากไปกับทางนั้นต่อ ผมไม่มีทางเลือก ผมไม่อยากต่อว่า เพราะทำให้เธออาจปิดกั้นทางคุย
ใช่ครับ ผมถูกตัดการติดต่อทางเฟสบุค ผมพยายามใจเย็น ค่อยๆตั้งสติ แล้วส่งข้อความไปหา ว่าไม่เป็นไร ผมเข้าใจ เรายังคุยกันแบบคนรู้จักได้ เพราะกลัวว่าเธอหายจากผมไปเลย
ลองคิดดูสิครับ คุยกันสนุกสนานอยู่กลางวัน ตอนกลางคืนกลับต้องเคว้งคว้าง ผมยอมรับ เพราะด้วยหลายปัจจัย ระยะทาง แต่มันก็ยังคิดถึง
ผมไม่โกรธหรอกครับ แต่บางครั้งก็คุมตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน มีน้ำตาบ้าง แต่แปลกนะครับ ไม่รู้จะบ่นกับใคร ต้องขอโทรไปบ่นกับเธอ เธอก็งานยุ่งๆด้วย เลยไม่ได้คุยอะไรกันมาก อุตส่าห์ชาร์ตแบตจนเต็ม แต่ได้คุยแค่ 5 นาที
ใครอ่านมาถึงนี้แล้วขอบคุณมากครับ เรามีโปรแกรมวิ่งอีกครั้งช่วงสิ้นเดือน 6 (มิ.ย.) ไม่มีอะไรที่แน่นอน อาจจะได้ไปหรือไม่ไป แต่ผมอยากไปครับ บอกเธอแล้วว่าอย่าเบี้ยวนะ ยังไงก็ยังคิดถึงนะครับ รักษาสุขภาพให้ดีๆ เคารพการตัดสินใจนะครับ
รีวิวหาคู่จากในเฟสบุค
ตั้งแต่นั้น เราคุยกันมาทุกวัน ตั้งแต่เดือน 11 (พ.ย.)ช่วงนั้นผมเดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งเธอเคยไป เลยแนะนำผมเรื่องร้านอาหาร ที่กิน ที่เที่ยว ผมรู้สึกสนิทในทันที ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่ได้เปิดเผยหน้ากัน ผมเริ่มอ้วนครับ เลยไม่อยากใช้รูปปัจจุบัน
แน่นอนครับ ผมรู้สึกอยากคุยกับเธอ เพราะผมก็ไม่มีคนคุย เธอเล่าเรื่องราวของเธอให้ฟัง งานที่เธอทำ เธอมีนิสัยร่าเริง น่ารักครับ แต่ผมรู้ว่าเวลาทำงาน เธอทำจริงจัง เธอเป็นผู้หญิงเก่งครับ คุยไปสักพัก เราก็ส่งรูปปัจจุบันกัน ผมว่าเธอคง งง สักพักแหละ เพราะอ้วนกว่ารูปที่ใช้อยู่ แต่เธอก็คุยเหมือนเดิมครับ
ตอนคุยกัน ผมชวนเธอวิ่งออกกำลังกาย เราต่างคนต่างวิ่งกัน แล้วเธอก็ชวนไปงานวิ่งด้วยกัน(ผมอยู่กันคนละจังหวัดครับ แต่เดินทางไปไม่ไกลมาก) และนั่น คือการเจอตัวกันครั้งแรกครับ
ผมนัดเจอกันก่อนวิ่ง 1 วัน เพื่อไปรับป้ายวิ่ง จริงๆก็คืออยากเจอแหละครับ หาโอกาสไปได้ไม่บ่อย แล้วเราก็ได้ไปวิ่งกัน ในวันรุ่งขึ้น เราสองมีความสุขครับ ผมคิดว่าคนนี้ มีแนวโน้มจะได้คบกันยาว เธอบอกว่าทำไมถึงเล่นหาคู่ในเฟสบุค เพราะเธอพึ่งเลิกกับแฟนเก่า ได้ 4 เดือน แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ บางเรื่องผมว่าอาจจะเกรงใจ
กลับมาถึงบ้าน เราก็คุยกันทุกวัน เธอไปใหนก็บอกตลอด เพราะงานของเธอต้องคอยออกนอกพื้นที่ จนถึงเดือนที่ 5 (พ.ค.) เธอไปต่างประเทศ ผมฝากดูของ ก็วีดีโอคอลกัน แต่หลังจากเธอกลับมา ผมรู้สึก วังเวง ทักทายกันน้อย แต่ก็คุยสนุกตามปกติ
ผมได้มีธุระที่จังหวัดที่เธออยู่ แต่กลับมีข่าวที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนไป จู่ๆเธอบอกว่าแฟนเก่าเธอกลับมา แล้วเธอก็ยังอยากไปกับทางนั้นต่อ ผมไม่มีทางเลือก ผมไม่อยากต่อว่า เพราะทำให้เธออาจปิดกั้นทางคุย
ใช่ครับ ผมถูกตัดการติดต่อทางเฟสบุค ผมพยายามใจเย็น ค่อยๆตั้งสติ แล้วส่งข้อความไปหา ว่าไม่เป็นไร ผมเข้าใจ เรายังคุยกันแบบคนรู้จักได้ เพราะกลัวว่าเธอหายจากผมไปเลย
ลองคิดดูสิครับ คุยกันสนุกสนานอยู่กลางวัน ตอนกลางคืนกลับต้องเคว้งคว้าง ผมยอมรับ เพราะด้วยหลายปัจจัย ระยะทาง แต่มันก็ยังคิดถึง
ผมไม่โกรธหรอกครับ แต่บางครั้งก็คุมตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน มีน้ำตาบ้าง แต่แปลกนะครับ ไม่รู้จะบ่นกับใคร ต้องขอโทรไปบ่นกับเธอ เธอก็งานยุ่งๆด้วย เลยไม่ได้คุยอะไรกันมาก อุตส่าห์ชาร์ตแบตจนเต็ม แต่ได้คุยแค่ 5 นาที
ใครอ่านมาถึงนี้แล้วขอบคุณมากครับ เรามีโปรแกรมวิ่งอีกครั้งช่วงสิ้นเดือน 6 (มิ.ย.) ไม่มีอะไรที่แน่นอน อาจจะได้ไปหรือไม่ไป แต่ผมอยากไปครับ บอกเธอแล้วว่าอย่าเบี้ยวนะ ยังไงก็ยังคิดถึงนะครับ รักษาสุขภาพให้ดีๆ เคารพการตัดสินใจนะครับ