Taiwan (EP.2) แนะนำ 3 สถานที่สุดฮิปออกนอกเมืองไทเป
สำหรับใครที่เที่ยวเมืองไทเปจนเบื่อแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวชมสถานที่แปลกใหม่ออกนอกตัวเมืองไม่ไกลมาก
เราขอแนะนำ 3 สถานที่ที่สามารถเดินทางจากไทเปไปได้เพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นสามารถไปเช้าเย็นกลับได้
และเป็นสถานที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้ง 3 ที่ รับรองเลยว่าจะต้องได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่กลับมาอย่างแน่นอน
ซึ่ง 3 สถานที่นั้นก็คือ
1. Jiufen (จิ่วเฟิ่น)
2. Houtong Cat Village (หมู่บ้านแมวหูต่ง)
3. Yehliu Geopark (อุทยานแห่งชาติเย่หลิว)
สถานที่แรกก็คือ Houtong Cat Village (หมู่บ้านแมวหูต่ง)
การเดินทางสะดวกมากสามารถนั่งรถไฟจากเมืองไทเปได้เลย
ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 60 นาทีเท่านั้น ลงที่สถานี Houtong station ก็ถึงเลย
เดินทางง่ายและราคาประหยัดก็เลยรู้สึกว่าลองแวะมาดูเล่นๆดีกว่า
รอบๆบริเวณ Houtong station จะมีร้านอาหารคอยบริการอยู่ก็จะสามารถมานั่งพักกินข้าวที่นี่ได้
เนื่องจากเป็นหมู่บ้านแมวเค้าก็เลยตกแต่งสถานที่โดยใช้สัญลักษณ์รูปแมวในหลายๆจุดเพื่อบิ้วนักท่องเที่ยวสุดพลังดูน่ารักดี
ยังไม่ทันเข้าหมู่บ้านแค่อยู่ในสถานีก็เจอแมวแล้วสมกับเป็นหมู่บ้านแมวจริงๆ มีแมวมาต้อนรับในสถานีด้วยฝึกมาดีจริงๆ
เดินมาเจออาคารเก่าที่ทำเป็น Vision Hall เล็กๆดูน่าสนใจเลยลองแวะเข้าไปดูข้างใน
ภายในก็จะบอกประวัติของ Houtong ซึ่งเมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้วก็เลยกลายมาเป็นหมู่บ้านเล็กๆแสนสงบ
ใกล้ๆ Vision Hall ก็จะมีซากอาคารเก่าและเครื่องมือต่างๆที่เคยใช้ทำกิจการเหมืองแร่ให้ดูแต่ส่วนใหญ่ค่อนข้างพังเสียหายหนักมาก
เดินไปเดินมาเจอสะพานข้ามแม่น้ำเลยลองขึ้นไปดูชิวมากๆลมพัดเย็นสบายสามารถขึ้นมานั่งพักเหนื่อยตรงนี้ได้เลย
วิวบนสะพานก็จะเห็นทั้งแม่น้ำและหมู่บ้าน
เมื่อเดินข้ามสะพานมาอีกฝั่งก็จะเจอกับทางเข้าเมืองแร่เก่าที่เคยใช้จริงในสมัยก่อน
ก็จะมีรถรางบริการให้เที่ยวชมเส้นทางที่เคยใช้จริงในการขนส่งภายในเหมืองแร่
ขณะที่เดินเล่นก็จะเจอแมวอยู่เรื่อยๆแมวเยอะจริงๆ
ใครที่เป็นทาสแมวแนะนำเลยว่าต้องมาคุณจะฟินสุดๆกับกองทัพแมว
แต่สำหรับใครที่ไม่ใช่ทาสแมวแต่อยากออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ
หลีกหนีความวุ่นวายจากในเมืองมาสู่หมู่บ้านแสนสงบก็ลองแวะมาพักผ่อนที่นี่ได้เหมือนกัน
ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการเดินทางในไต้หวัน
สถานที่ต่อมาเราจะขึ้นเขาไปที่ Jiufen (จิ่วเฟิ่น) สามารถนั่งรถบัสจากตัวเมืองไทเปไปได้เลย
มีรถบัสหลายสายที่ไป Jiufen ขึ้นอยู่กับว่าเราสะดวกขึ้นรถบัสแถวไหน
อย่างเราขึ้นรถบัสแถวๆสถานี Beimen ก็สามารถนั่งสายรถบัส 965 ตรงไปยัง Jiufen
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาทีก็ถึงแล้ว
เมื่อลงจากป้ายรถบัสแล้วเดินขึ้นไปอีกนิดก็จะถึงกับปากทางเข้า Jiufen มันจะเป็นซอยเล็กๆ
เราก็เดินเข้าไปเลยเพื่อไปตามหาจุดที่เป็นไฮไลท์สำคัญของ Jiufen
เมื่อเดินเข้ามาในซอยระหว่างทางก็จะมีร้านค้าต่างๆมากมาย
คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
อันนี้ก็จะเป็นร้านขนมสามารถซื้อกลับไปฝากคนอื่นได้
ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆก็มีขายสามารถเลือกซื้อกันอย่างสนุกสนาน
สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างนั่งก็คือสตรีทฟู้ด
เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์สำคัญของประเทศไต้หวัน
ก็มีของกินให้เลือกหลากหลายแต่ของกินก็จะคล้ายๆกับตลาดกลางคืนทั่วๆไป
หากใครเดินจนเหนื่อยอยากนั่งพักก็พอจะมีร้านคาเฟ่ชิคๆอยู่บ้าง
เช่นร้านนี้ SIIDCHA ก็จะมีขายทั้งเครื่องดื่มและของหวาน คาเฟ่ดู Minimal มากชอบ
ข้อดีของ SIIDCHA คือเป็นคาเฟ่ที่อยู่ริมเขาสามารถนั่งกินและดูวิวสวยๆจากภายในร้านนี้ได้เลย
บรรยากาศวิวค่อนข้างดีทำให้รู้สึกผ่อนคลายชิวมากๆเลย
เดินต่อมาเรื่อยๆก็จะเจอกับโรงหนังเก่า
ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้เข้าชมเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าความเป็นมาของโรงหนังนี้และเมือง Jiufen
มีการจัดแสดงของเก่าที่ใช้จริงในยุคนั้นให้ดูอีกด้วย
เดินต่อมาเรื่อยๆก็เริ่มเห็นโคมแดงที่เป็นจุดเด่นของเมือง Jiufen มากขึ้นเรื่อยๆ
ก็เลยรู้สึกว่าเราน่าจะมาใกล้ถึงจุดพีคละ จุดที่เป็นไฮไลท์ของเมืองนี้
ถึงแล้วจุดที่เป็นไฮไลท์ของเมือง Jiufen โคมไฟสีแดงจำนวนมากห้อยไว้ด้านบนอย่างสวยงาม
บอกได้เลยว่าประทับใจมากๆ สมกับที่ต้องเดินขึ้นเขามาไกล
สำหรับเรามันดีมากๆเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกต้องลองมาสัมผัสและเห็นด้วยตาของตัวเอง
อาคารนี้ก็จะเป็นโรงน้ำชาที่เป็นจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปเช่นกัน
เนื่องจากมีโคมไฟห้อยไว้เป็นเอกลักษณ์อย่างสวยงาม
สำหรับใครที่ชอบดื่มชาสามารถขึ้นไปใช้บริการด้านในได้
ก็จะมีชาให้เลือกหลากหลายชนิด สามารถนานั่งพักชมวิว Jiufen พร้อมกับนั่งจิบชาชิวๆ
ถ้าใครอยู่ถึงตอนเย็นก็จะได้เห็นบรรยากาศอีกแบบที่มีความโรแมนติกมากขึ้น
แสงไฟสลัวจากโคมแดงเห็นเด่นชัดขึ้นทำให้เราหลงเสน่ห์ของ Jiufen มากขึ้นไปอีก
ระหว่างทางบรรยากาศก็ดูเปลี่ยนไปดูน่าหลงใหลมากขึ้น ทุกอย่างดูเหมือนอยู่ในนวนิยายมันสวยมาก
กลับมาที่จุดโคมแดงอีกครั้งเพราะอยากเห็นบรรยากาศในตอนกลางคืนซึ่งก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง
แสงจากโคมไฟมันทำให้ทุกอย่างดูนวลตาไปหมด
อยากจะหยุดเวลาไว้ที่นี่จริงๆคือประทับใจที่สุดแล้วในทริปไต้หวัน
ประทับใจมากเลยอยู่นานไปหน่อยพอตอนเดินทางกลับร้านค้าต่างๆได้ปิดไปหลายร้านแล้ว
ก็เป็นอีกบรรยากาศที่เงียบเหงาไม่มีคนพลุกพล่าน
ซึ่งแตกต่างจากตอนบ่ายโดยสิ้นเชิงที่ดูวุ่นวายมีผู้คนหนาแน่นจนแทบเดินไม่ได้
แต่ก็ยังเหลือบางร้านที่ยังเปิดขายอยู่แต่มีส่วนน้อยมากที่จะเปิดถึงดึกๆ
ทำให้การเดินกลับออกมากดูไม่เงียบสงัดวังเวงมากจนน่ากลัว ทำให้รู้สึกอุ่นใจว่ายังพอมีคนอยู่บ้าง
ขากลับก็สามารถนั่งรถบัสตรงเข้าสู่เมืองไทเปได้เลยง่ายมากๆไม่แพงด้วย
สถานที่ต่อมานั่นก็คือ Yehliu Geopark (อุทยานแห่งชาติเย่หลิว)
สามารถนั่งรถบัสจากเมืองไทเปมาได้เช่นกัน
ผมขึ้นรถบัสสาย 1815 จาก Taipei main station ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง
ก่อนเข้าไปในอุทยานต้องซื้อตั๋วเข้าชมที่ด้านหน้าก่อนราคาประมาณ 80 บาทถูกมากๆ
นักท่องเที่ยวเยอะมากเพราะว่าสถานที่นี้ดังมาก
คนส่วนใหญ่ก็จะมาดูหินที่ถูกกัดกร่อนของสภาพแวดล้อมทางทะเลจนกลายเป็นรูปร่างแปลกตา
ถือว่าเป็นงานประติมากรรมที่สร้างสรรค์โดยธรรมชาติ
หินที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็คือหินที่เป็นรูปเศียรพระราชินี
หากใครที่อยากถ่ายรูปหินนี้ในมุมที่มองเห็นเป็นเศียรพระราชินีชัดที่สุดก็ต้องมาต่อแถวรอถ่ายรูปตรงนี้
จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลคิวอยู่และหากใครมาคนเดียวเจ้าหน้าที่ก็จะถ่ายรูปให้ด้วย
แอบหนีคนมาถ่ายรูปในมุมเงียบๆ คือคนเยอะมากจริงๆ
เดินลึกเข้าไปก็จะมีทางเดินขึ้นไปชมวิวบนเขา
เดินมาไกลพอสมควรกว่าจะถึงจุดชมวิวบนเขา
คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยขึ้นมาเพราะมันไกล
รูปนี้ก็คือวิวที่มาจากจุดชมวิวบนเขาสวยดีครับ
หากใครเดินจนเหนื่อยด้านล่างก็จะมีร้านขายเครื่องดื่มและของว่างให้กินพักเหนื่อยอีกด้วย
ภายใน Yehliu Geopark (อุทยานแห่งชาติเย่หลิว)
กว้างมากมีอีกหลายๆมุมให้เดินชมถ่ายรูปเล่นได้อย่างไม่เบื่อเลย
ใหญ่จริงๆแบ่งออกเป็นหลายโซนสามารถเดินเข้าไปด้านในได้อีก
เรายืนมองวิวทะเลจีนตะวันออกแล้วฟังเพลง See Scape ของวง Scrubb คือมันใช่มากๆ
“ออกไปมองฟ้าและน้ำที่กว้างใหญ่ ให้ได้กลิ่นดินที่ลมนั้นพัดเข้ามาจากสุดปลายฟ้า โลกอันกว้างใหญ่เลือกทางที่ไปของเธอ”
ขอขอบคุณแฟนเพจทุกท่านที่ติดตามทริปไต้หวันมาจนถึง EP.2
แต่ทริปไต้หวันยังไม่จบแค่นี้ยังมีอีกหลายตอน ฝากติดตามทริปไต้หวันตอนต่อไปด้วยนะครับ
หากใครที่ต้องการติดตามข่าวสารอัพเดดอยู่ตลอดเวลาก็สามารถ Follow ตามสื่อต่างๆได้ตามด้านล่างนี้เลยครับ
[CR] One free day : Taiwan EP.2 (Jiufen, Houtong Cat Village, Yehliu Geopark) เที่ยวจิ่วเฟิ่น, หูต่ง, เย่หลิว ที่ไต้หวัน
สำหรับใครที่เที่ยวเมืองไทเปจนเบื่อแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวชมสถานที่แปลกใหม่ออกนอกตัวเมืองไม่ไกลมาก
เราขอแนะนำ 3 สถานที่ที่สามารถเดินทางจากไทเปไปได้เพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นสามารถไปเช้าเย็นกลับได้
และเป็นสถานที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้ง 3 ที่ รับรองเลยว่าจะต้องได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่กลับมาอย่างแน่นอน
ซึ่ง 3 สถานที่นั้นก็คือ
1. Jiufen (จิ่วเฟิ่น)
2. Houtong Cat Village (หมู่บ้านแมวหูต่ง)
3. Yehliu Geopark (อุทยานแห่งชาติเย่หลิว)
เดินทางง่ายและราคาประหยัดก็เลยรู้สึกว่าลองแวะมาดูเล่นๆดีกว่า
รอบๆบริเวณ Houtong station จะมีร้านอาหารคอยบริการอยู่ก็จะสามารถมานั่งพักกินข้าวที่นี่ได้
เนื่องจากเป็นหมู่บ้านแมวเค้าก็เลยตกแต่งสถานที่โดยใช้สัญลักษณ์รูปแมวในหลายๆจุดเพื่อบิ้วนักท่องเที่ยวสุดพลังดูน่ารักดี
ยังไม่ทันเข้าหมู่บ้านแค่อยู่ในสถานีก็เจอแมวแล้วสมกับเป็นหมู่บ้านแมวจริงๆ มีแมวมาต้อนรับในสถานีด้วยฝึกมาดีจริงๆ
เดินมาเจออาคารเก่าที่ทำเป็น Vision Hall เล็กๆดูน่าสนใจเลยลองแวะเข้าไปดูข้างใน
ภายในก็จะบอกประวัติของ Houtong ซึ่งเมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้วก็เลยกลายมาเป็นหมู่บ้านเล็กๆแสนสงบ
วิวบนสะพานก็จะเห็นทั้งแม่น้ำและหมู่บ้าน
เมื่อเดินข้ามสะพานมาอีกฝั่งก็จะเจอกับทางเข้าเมืองแร่เก่าที่เคยใช้จริงในสมัยก่อน
ก็จะมีรถรางบริการให้เที่ยวชมเส้นทางที่เคยใช้จริงในการขนส่งภายในเหมืองแร่
ขณะที่เดินเล่นก็จะเจอแมวอยู่เรื่อยๆแมวเยอะจริงๆ
ใครที่เป็นทาสแมวแนะนำเลยว่าต้องมาคุณจะฟินสุดๆกับกองทัพแมว
แต่สำหรับใครที่ไม่ใช่ทาสแมวแต่อยากออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ
หลีกหนีความวุ่นวายจากในเมืองมาสู่หมู่บ้านแสนสงบก็ลองแวะมาพักผ่อนที่นี่ได้เหมือนกัน
ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับการเดินทางในไต้หวัน
สถานที่ต่อมาเราจะขึ้นเขาไปที่ Jiufen (จิ่วเฟิ่น) สามารถนั่งรถบัสจากตัวเมืองไทเปไปได้เลย
มีรถบัสหลายสายที่ไป Jiufen ขึ้นอยู่กับว่าเราสะดวกขึ้นรถบัสแถวไหน
อย่างเราขึ้นรถบัสแถวๆสถานี Beimen ก็สามารถนั่งสายรถบัส 965 ตรงไปยัง Jiufen
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาทีก็ถึงแล้ว
เมื่อลงจากป้ายรถบัสแล้วเดินขึ้นไปอีกนิดก็จะถึงกับปากทางเข้า Jiufen มันจะเป็นซอยเล็กๆ
เราก็เดินเข้าไปเลยเพื่อไปตามหาจุดที่เป็นไฮไลท์สำคัญของ Jiufen
เมื่อเดินเข้ามาในซอยระหว่างทางก็จะมีร้านค้าต่างๆมากมาย
อันนี้ก็จะเป็นร้านขนมสามารถซื้อกลับไปฝากคนอื่นได้
ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆก็มีขายสามารถเลือกซื้อกันอย่างสนุกสนาน
สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างนั่งก็คือสตรีทฟู้ด
เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์สำคัญของประเทศไต้หวัน
ก็มีของกินให้เลือกหลากหลายแต่ของกินก็จะคล้ายๆกับตลาดกลางคืนทั่วๆไป
หากใครเดินจนเหนื่อยอยากนั่งพักก็พอจะมีร้านคาเฟ่ชิคๆอยู่บ้าง
เช่นร้านนี้ SIIDCHA ก็จะมีขายทั้งเครื่องดื่มและของหวาน คาเฟ่ดู Minimal มากชอบ
ข้อดีของ SIIDCHA คือเป็นคาเฟ่ที่อยู่ริมเขาสามารถนั่งกินและดูวิวสวยๆจากภายในร้านนี้ได้เลย
บรรยากาศวิวค่อนข้างดีทำให้รู้สึกผ่อนคลายชิวมากๆเลย
เดินต่อมาเรื่อยๆก็จะเจอกับโรงหนังเก่า
ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้เข้าชมเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าความเป็นมาของโรงหนังนี้และเมือง Jiufen
มีการจัดแสดงของเก่าที่ใช้จริงในยุคนั้นให้ดูอีกด้วย
เดินต่อมาเรื่อยๆก็เริ่มเห็นโคมแดงที่เป็นจุดเด่นของเมือง Jiufen มากขึ้นเรื่อยๆ
ก็เลยรู้สึกว่าเราน่าจะมาใกล้ถึงจุดพีคละ จุดที่เป็นไฮไลท์ของเมืองนี้
ถึงแล้วจุดที่เป็นไฮไลท์ของเมือง Jiufen โคมไฟสีแดงจำนวนมากห้อยไว้ด้านบนอย่างสวยงาม
บอกได้เลยว่าประทับใจมากๆ สมกับที่ต้องเดินขึ้นเขามาไกล
สำหรับเรามันดีมากๆเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกต้องลองมาสัมผัสและเห็นด้วยตาของตัวเอง
อาคารนี้ก็จะเป็นโรงน้ำชาที่เป็นจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปเช่นกัน
เนื่องจากมีโคมไฟห้อยไว้เป็นเอกลักษณ์อย่างสวยงาม
สำหรับใครที่ชอบดื่มชาสามารถขึ้นไปใช้บริการด้านในได้
ก็จะมีชาให้เลือกหลากหลายชนิด สามารถนานั่งพักชมวิว Jiufen พร้อมกับนั่งจิบชาชิวๆ
ถ้าใครอยู่ถึงตอนเย็นก็จะได้เห็นบรรยากาศอีกแบบที่มีความโรแมนติกมากขึ้น
แสงไฟสลัวจากโคมแดงเห็นเด่นชัดขึ้นทำให้เราหลงเสน่ห์ของ Jiufen มากขึ้นไปอีก
ระหว่างทางบรรยากาศก็ดูเปลี่ยนไปดูน่าหลงใหลมากขึ้น ทุกอย่างดูเหมือนอยู่ในนวนิยายมันสวยมาก
กลับมาที่จุดโคมแดงอีกครั้งเพราะอยากเห็นบรรยากาศในตอนกลางคืนซึ่งก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง
แสงจากโคมไฟมันทำให้ทุกอย่างดูนวลตาไปหมด
อยากจะหยุดเวลาไว้ที่นี่จริงๆคือประทับใจที่สุดแล้วในทริปไต้หวัน
ประทับใจมากเลยอยู่นานไปหน่อยพอตอนเดินทางกลับร้านค้าต่างๆได้ปิดไปหลายร้านแล้ว
ก็เป็นอีกบรรยากาศที่เงียบเหงาไม่มีคนพลุกพล่าน
ซึ่งแตกต่างจากตอนบ่ายโดยสิ้นเชิงที่ดูวุ่นวายมีผู้คนหนาแน่นจนแทบเดินไม่ได้
แต่ก็ยังเหลือบางร้านที่ยังเปิดขายอยู่แต่มีส่วนน้อยมากที่จะเปิดถึงดึกๆ
ทำให้การเดินกลับออกมากดูไม่เงียบสงัดวังเวงมากจนน่ากลัว ทำให้รู้สึกอุ่นใจว่ายังพอมีคนอยู่บ้าง
ขากลับก็สามารถนั่งรถบัสตรงเข้าสู่เมืองไทเปได้เลยง่ายมากๆไม่แพงด้วย
สถานที่ต่อมานั่นก็คือ Yehliu Geopark (อุทยานแห่งชาติเย่หลิว)
ผมขึ้นรถบัสสาย 1815 จาก Taipei main station ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง
ก่อนเข้าไปในอุทยานต้องซื้อตั๋วเข้าชมที่ด้านหน้าก่อนราคาประมาณ 80 บาทถูกมากๆ
นักท่องเที่ยวเยอะมากเพราะว่าสถานที่นี้ดังมาก
คนส่วนใหญ่ก็จะมาดูหินที่ถูกกัดกร่อนของสภาพแวดล้อมทางทะเลจนกลายเป็นรูปร่างแปลกตา
หินที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็คือหินที่เป็นรูปเศียรพระราชินี
หากใครที่อยากถ่ายรูปหินนี้ในมุมที่มองเห็นเป็นเศียรพระราชินีชัดที่สุดก็ต้องมาต่อแถวรอถ่ายรูปตรงนี้
จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลคิวอยู่และหากใครมาคนเดียวเจ้าหน้าที่ก็จะถ่ายรูปให้ด้วย
แอบหนีคนมาถ่ายรูปในมุมเงียบๆ คือคนเยอะมากจริงๆ
เดินลึกเข้าไปก็จะมีทางเดินขึ้นไปชมวิวบนเขา
เดินมาไกลพอสมควรกว่าจะถึงจุดชมวิวบนเขา
คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยขึ้นมาเพราะมันไกล
หากใครเดินจนเหนื่อยด้านล่างก็จะมีร้านขายเครื่องดื่มและของว่างให้กินพักเหนื่อยอีกด้วย
ภายใน Yehliu Geopark (อุทยานแห่งชาติเย่หลิว)
กว้างมากมีอีกหลายๆมุมให้เดินชมถ่ายรูปเล่นได้อย่างไม่เบื่อเลย
ใหญ่จริงๆแบ่งออกเป็นหลายโซนสามารถเดินเข้าไปด้านในได้อีก
“ออกไปมองฟ้าและน้ำที่กว้างใหญ่ ให้ได้กลิ่นดินที่ลมนั้นพัดเข้ามาจากสุดปลายฟ้า โลกอันกว้างใหญ่เลือกทางที่ไปของเธอ”
ขอขอบคุณแฟนเพจทุกท่านที่ติดตามทริปไต้หวันมาจนถึง EP.2
แต่ทริปไต้หวันยังไม่จบแค่นี้ยังมีอีกหลายตอน ฝากติดตามทริปไต้หวันตอนต่อไปด้วยนะครับ
EP.2 : https://youtu.be/E5m_hUQ3QxE
EP.1 : https://youtu.be/qeSDkPRABhU
EP.1 Taipei : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2176675449118113&id=2007915179327475
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้