ตอนนี้ สถานการณ์ ดูจะอึมครึม คาดเดาเหตุการณ์ได้ยาก
แต่หากใช้สติพิจารณา อาจจะไม่รู้สึกกลัวมากนัก
สิ่งที่เกิดขึ้นใน ตลาดโลก สงครามเย็นของจีน และ อเมริกา คงยืดเยื้อไปอีกนาน เพราะ ทั้ง 2 ประเทศ ต่างชิงความเป็น "เจ้าโลก" ;)
แต่เกือบทุก สงครามในโลกปัจจุบัน ยังคง "สงบ" ได้บนโต๊ะเจรจา แต่จุดจบ คงไม่มี มันคือการแข่งขัน ที่จะมีไปตลอด จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแพ้
ในตลาดเมกา บัฟเฟตต์ บอกว่า หุ้นราคาตอนนี้ ถูกมาก หากดอกเบี้ย หยุดอยู่แค่นี้ !!
แต่ในประเทศไทย ความยุ่งยาก เพิ่งเริ่มต้น ผมล่ะกังวล ปัจจัย ในประเทศ มากกว่า คือ ประเทศอาจจะ หยุดอยู่แบบนี้ไปอีก 3-10 ปีเลย
เรื่องหุ้น ถ้าเราลงทุนในหุ้นที่ดี มีปันผล พื้นฐานไม่เปลี่ยน และเงินเย็น "รอ คือคำตอบ" (1) ( ไอ้ พวก ราคาผลิตภัณฑ์ แกว่งขึ้นลง ช่างมันเถอะ ซื้อตอน ราคามันถูก ไปขายตอนราคาสินค้ามันแพงๆ นั่นแหละ )
หากติดดอย แต่เงินร้อน ต้องทยอยขายออกไปบ้าง อย่าถัว (2) เราไม่อาจรู้ว่ามันจะเด้งเมือ่ไร แม้เรารู้ว่า มันเด้งแน่ๆ
หากติดดอยหุ้น พื้นฐานเปลี่ยน หรือ หุ้น PE สูงมาก ( มัก ปันผลน้อย) ก็ อย่าไปถัว ส่วนจะทยอยขาย เพื่อความสบายใจ หรือ ไม่ ? ต้องดูเป็นรายตัว (3) แต่การขายออกไปบ้างเช่น 20% 30% มันจะทำให้เราสบายใจขึ้น และ มีเงินเหลือไว้บ้าง (4)
หากคิดแค่เล่น เด้ง แต่มันไม่เด้ง ควรยอมรับความผิดพลาด ไปซะ (5)
จาก วิธี 5 ข้อ มีเฉพาะ คนลงทุน เงินเย็น ที่ควร หยุดทุกอย่าง รอ ไม่ซื้อไม่ขาย
อีก 4 สถานการณ์ คือ สิ่งที่ผิดพลาดในการเล่นหุ้น ให้ขายบางส่วน แล้วสำคัญมากที่จะเรียนรู้จากมัน "อย่าผิดซ้ำเดิมอีก"
.....สติ คือสิ่งที่สำคัญ ในยามที่ มีความไม่แน่นอนในตลาดหุ้น .....
แต่หากใช้สติพิจารณา อาจจะไม่รู้สึกกลัวมากนัก
สิ่งที่เกิดขึ้นใน ตลาดโลก สงครามเย็นของจีน และ อเมริกา คงยืดเยื้อไปอีกนาน เพราะ ทั้ง 2 ประเทศ ต่างชิงความเป็น "เจ้าโลก" ;)
แต่เกือบทุก สงครามในโลกปัจจุบัน ยังคง "สงบ" ได้บนโต๊ะเจรจา แต่จุดจบ คงไม่มี มันคือการแข่งขัน ที่จะมีไปตลอด จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแพ้
ในตลาดเมกา บัฟเฟตต์ บอกว่า หุ้นราคาตอนนี้ ถูกมาก หากดอกเบี้ย หยุดอยู่แค่นี้ !!
แต่ในประเทศไทย ความยุ่งยาก เพิ่งเริ่มต้น ผมล่ะกังวล ปัจจัย ในประเทศ มากกว่า คือ ประเทศอาจจะ หยุดอยู่แบบนี้ไปอีก 3-10 ปีเลย
เรื่องหุ้น ถ้าเราลงทุนในหุ้นที่ดี มีปันผล พื้นฐานไม่เปลี่ยน และเงินเย็น "รอ คือคำตอบ" (1) ( ไอ้ พวก ราคาผลิตภัณฑ์ แกว่งขึ้นลง ช่างมันเถอะ ซื้อตอน ราคามันถูก ไปขายตอนราคาสินค้ามันแพงๆ นั่นแหละ )
หากติดดอย แต่เงินร้อน ต้องทยอยขายออกไปบ้าง อย่าถัว (2) เราไม่อาจรู้ว่ามันจะเด้งเมือ่ไร แม้เรารู้ว่า มันเด้งแน่ๆ
หากติดดอยหุ้น พื้นฐานเปลี่ยน หรือ หุ้น PE สูงมาก ( มัก ปันผลน้อย) ก็ อย่าไปถัว ส่วนจะทยอยขาย เพื่อความสบายใจ หรือ ไม่ ? ต้องดูเป็นรายตัว (3) แต่การขายออกไปบ้างเช่น 20% 30% มันจะทำให้เราสบายใจขึ้น และ มีเงินเหลือไว้บ้าง (4)
หากคิดแค่เล่น เด้ง แต่มันไม่เด้ง ควรยอมรับความผิดพลาด ไปซะ (5)
จาก วิธี 5 ข้อ มีเฉพาะ คนลงทุน เงินเย็น ที่ควร หยุดทุกอย่าง รอ ไม่ซื้อไม่ขาย
อีก 4 สถานการณ์ คือ สิ่งที่ผิดพลาดในการเล่นหุ้น ให้ขายบางส่วน แล้วสำคัญมากที่จะเรียนรู้จากมัน "อย่าผิดซ้ำเดิมอีก"