https://www.share2trade.com/index.php?mod=news&file=view&id=1414
TIGER วางเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยจะทยอยรับรู้งานในมือ ซึ่งในปัจจุบันตุนไว้แล้ว 1,200 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/62 เริ่มรู้ผลประมูลงานโครงการใหม่ หลังจากยื่นไปแล้วกว่า 2,900 ล้านบาท ขณะที่รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ รายได้แตะ 185.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.60 ล้านบาท ผลจากรับรู้งานในมือที่มีปริมาณสูงขึ้น 10 โครงการ และมีรายได้จากส่วนงานสนับสนุนเพิ่มเติม
นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/62 มีรายได้รวมอยู่ที่185.76ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากงวดเดียวกันปีก่อน มีรายได้อยู่ที่ 169.49 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 11.60 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนรายได้เติบโตมากขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากปริมาณโครงการในมือที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทมีโครงการก่อสร้างที่ดำเนินการในไตรมาสแรกปีนี้สูงถึง 10 โครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวนโครงการที่ดำเนินการเพียง 8 โครงการ
สำหรับโครงการหลักที่รับรู้รายได้ในไตรมาส 1/62 ได้แก่โครงการนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว รับรู้รายได้ในไตรมาส 1/62 จำนวน 45 ล้านบาท , โครงการนิคมอุตสาหกรรมสะเดา รับรู้รายได้ 31 ล้านบาท โครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ไทรม้า รับรู้รายได้ 24 ล้านบาท โครงการโรงแรมไอทารา จังหวัดเพชรบุรี รับรู้รายได้ 21 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างวีวิลล่า รีสอร์ท จังหวัดภูเก็ต รับรู้รายได้ 16 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทฯมีโครงการใหม่ที่เริ่มก่อสร้างในระหว่างไตรมาสจำนวน 1 โครงการ คือ นิคมอุตสาหกรรมสะเดา มูลค่าโครงการ 538 ล้านบาท และมีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ และปิดโครงการ จำนวน 1 โครงการ คือ นิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว มูลค่าโครงการ 260 ล้านบาท
นอกจากรายได้ของงานก่อสร้างกลุ่มบริษัทยังมีรายได้จากส่วนงานสนับสนุนการก่อสร้างในบริษัท ทีอีจี อลูมินั่ม จำกัด และบริษัท ทีอี แมค จำกัด ที่มียอดรายได้ 3.89 ล้านบาท (ไม่รวมธุรกรรมระหว่างกลุ่มบริษัท) เพิ่มขึ้นจากงวดเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่ไม่มีรายได้ดังกล่าว
"แนวโน้มงานรับเหมาฯยังอยู่ในทิศทางที่ดี และในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯมั่นใจว่า รายได้ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือสามารถเติบโตได้ระดับ 50% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากปีนี้สามารถประมูลงานได้เพิ่มขึ้น ทำให้งานในมือรอรับรู้รายได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด มีแบ็คล็อกสะสมไว้แล้วกว่า 1,200 ล้านบาท"
นายจตุรงค์ กล่าวต่อว่าในไตรมาส 2 บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอผลการยื่นประมูลงานใหม่ ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งโครงการระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งได้ยื่นประมูลงานไปแล้ว มูลค่ารวมกว่า 2,900 ล้านบาท และคาดว่าทุกโครงการจะรู้ผลสรุปได้ภายในปีนี้ โดยบริษัทฯ มีความพร้อมเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างทั้งภาครัฐ และเอกชน นอกจากการประมูลงานก่อสร้างโรงแรมทั้งในกรุงเทพ และจังหวัดท่องเที่ยวแล้ว ยังเข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอล และอาคารที่เกี่ยวข้อง รวมมูลค่า 900 ล้านบาท อีกด้วย
TIGER มั่นใจรายได้ปีนี้โตเกิน 50%
TIGER วางเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยจะทยอยรับรู้งานในมือ ซึ่งในปัจจุบันตุนไว้แล้ว 1,200 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/62 เริ่มรู้ผลประมูลงานโครงการใหม่ หลังจากยื่นไปแล้วกว่า 2,900 ล้านบาท ขณะที่รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ รายได้แตะ 185.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.60 ล้านบาท ผลจากรับรู้งานในมือที่มีปริมาณสูงขึ้น 10 โครงการ และมีรายได้จากส่วนงานสนับสนุนเพิ่มเติม
นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/62 มีรายได้รวมอยู่ที่185.76ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากงวดเดียวกันปีก่อน มีรายได้อยู่ที่ 169.49 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 11.60 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนรายได้เติบโตมากขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากปริมาณโครงการในมือที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทมีโครงการก่อสร้างที่ดำเนินการในไตรมาสแรกปีนี้สูงถึง 10 โครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวนโครงการที่ดำเนินการเพียง 8 โครงการ
สำหรับโครงการหลักที่รับรู้รายได้ในไตรมาส 1/62 ได้แก่โครงการนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว รับรู้รายได้ในไตรมาส 1/62 จำนวน 45 ล้านบาท , โครงการนิคมอุตสาหกรรมสะเดา รับรู้รายได้ 31 ล้านบาท โครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ไทรม้า รับรู้รายได้ 24 ล้านบาท โครงการโรงแรมไอทารา จังหวัดเพชรบุรี รับรู้รายได้ 21 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างวีวิลล่า รีสอร์ท จังหวัดภูเก็ต รับรู้รายได้ 16 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทฯมีโครงการใหม่ที่เริ่มก่อสร้างในระหว่างไตรมาสจำนวน 1 โครงการ คือ นิคมอุตสาหกรรมสะเดา มูลค่าโครงการ 538 ล้านบาท และมีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ และปิดโครงการ จำนวน 1 โครงการ คือ นิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว มูลค่าโครงการ 260 ล้านบาท
นอกจากรายได้ของงานก่อสร้างกลุ่มบริษัทยังมีรายได้จากส่วนงานสนับสนุนการก่อสร้างในบริษัท ทีอีจี อลูมินั่ม จำกัด และบริษัท ทีอี แมค จำกัด ที่มียอดรายได้ 3.89 ล้านบาท (ไม่รวมธุรกรรมระหว่างกลุ่มบริษัท) เพิ่มขึ้นจากงวดเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่ไม่มีรายได้ดังกล่าว
"แนวโน้มงานรับเหมาฯยังอยู่ในทิศทางที่ดี และในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯมั่นใจว่า รายได้ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือสามารถเติบโตได้ระดับ 50% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากปีนี้สามารถประมูลงานได้เพิ่มขึ้น ทำให้งานในมือรอรับรู้รายได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด มีแบ็คล็อกสะสมไว้แล้วกว่า 1,200 ล้านบาท"
นายจตุรงค์ กล่าวต่อว่าในไตรมาส 2 บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอผลการยื่นประมูลงานใหม่ ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งโครงการระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งได้ยื่นประมูลงานไปแล้ว มูลค่ารวมกว่า 2,900 ล้านบาท และคาดว่าทุกโครงการจะรู้ผลสรุปได้ภายในปีนี้ โดยบริษัทฯ มีความพร้อมเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างทั้งภาครัฐ และเอกชน นอกจากการประมูลงานก่อสร้างโรงแรมทั้งในกรุงเทพ และจังหวัดท่องเที่ยวแล้ว ยังเข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอล และอาคารที่เกี่ยวข้อง รวมมูลค่า 900 ล้านบาท อีกด้วย