สืบเนื่องจากจขกท. ได้ไปสอยแพ็คเกจเที่ยวกระบี่มาในงานไทยเที่ยวไทย 9400บาทสำหรับ2คน ที่พัก 3วัน 2คืน + แพ็คเกจเที่ยวเกาะ 1 วัน + อาหารเย็นมื้อใหญ่ 1มื้อ และ รถ+เรือไปกลับสนามบินกระบี่-ที่พักที่ รร.ไร่เลย์เบย์ แล้วค่อนข้างประทับใจกับการบริการและที่พักเลยถือโอกาสมารีวิวค่ะ
ภาพอาจจะน้อย เพราะไปแบบจับมือถือน้อยมาก แต่ประทับใจกระบี่และไร่เลย์มากจริงๆ เป็นทริปนึงที่แฮปปี้สุดๆ เลยมาแชร์เผื่อมีคนอยากไปไร่เลย์นะคะ
จขกท.ได้จองที่พักตามแพ็คเกจที่ใช้ได้ในหน้าโลว์ซีซั่น ซึ่งเราสะดวกช่วงวันหยุดงานราชาภิเษก ต้นเดือนพฤษภาคมเริ่มต้นหน้าโลว์พอดี การจองก็ไม่ยากค่ะ จองทางไลน์ของรร. แล้วรร.ก็ตอบกลับมาในอีเมล และโทรมายืนยันอีกครั้งก่อนวันเดินทางค่ะ
ถ้าไปเราเดินทางด้วยสายการบินเวียดเจ็ทแอร์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เครื่องบินออกตรงเวลาแต่สายการบินนี้จะค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องน้ำหนักกระเป๋าหน่อยนะคะจะมีการชั่งน้ำหนักกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องก็ควรระวังไม่ให้เกิน 7 กิโลค่ะ การบริการสายการบินไม่มีปัญหา ถึงสนามบินกระบี่ประมาณ 8:30 น.ก็มีรถจากโรงแรมมารอรับอยู่แล้วค่ะเป็นรถตู้ ทั้งคันนั่งกันแค่ 2 คนกับแฟนไปส่งที่ท่าเรือน้ำเมาซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานของโรงแรมค่ะ พอถึงก็ต่อเรือของโรงแรมไปลงที่หาดไร่เลย์
ระหว่างทางเจอรถทุกมะพร้าวมีลิงอยู่บนรถ 2 ตัว น่ารักดี

เรือของทางโรงแรม

ระหว่างเดินทาง

ถึงที่พักค่อนข้างเร็วประมาณ 10 โมงกว่าก็เช็คอิน ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เพราะยังไม่ถึงเวลาห้องพร้อม เลือกทริปที่จะไปวันพรุ่งนี้มีตัวเลือกให้เลือกเป็นทัวร์ 4 เกาะตามโบรชัวร์เลยค่ะ จขกท.เลือกไปเกาะไผ่ เกาะพีพี เพราะแฟนยังไม่เคยไปกระบี่มาก่อน เลยเลือกแหล่งท่องเที่ยวหลัก

เสร็จแล้วก็ไปเดินเที่ยว ถ้ำพระนางใหญ่ (เสียค่าเข้าชมอุทยาน คนไทย40บาท) ในถ้ำมีหินงอกหินย้อยแปลกตากับค้างคาวเกาะบนผนังถ้ำ เดินแป๊บๆ ก็เสร็จ

หลังจากนั้นก็เดินข้ามเขาไปหาดต้นไทร ใช้เวลาเดินข้ามเขาประมาณ 45 นาที ทางเดินไม่ยากมากแต่ก็ต้องร่างกายแข็งแรงพอสมควร จริงๆมีทางข้ามไปหาดต้นไทรที่ใกล้กว่าใช้เวลาประมาณ 15 นาทีแต่ว่าครั้งนี้เราไม่ได้ใช้ค่ะ
พอลงเขามาก็จะเจอ graffiti หรือว่าภาพบนกำแพงนะคะที่เพ้นท์ไว้ สวยๆ กับตลกดีหลายภาพเลยค่ะ

หาดต้นไทรจะเป็นหาที่ค่อนข้างเงียบต่างจากไร่เลย์ฝั่งตะวันตกและตะวันออกที่เป็นท่าเรือ ตอนไปเนื่องจากเป็นหน้าโลว์ซีซั่น ฝั่งหาดต้นไทรจะหยุดการปั่นไฟตอน 13:00 น. เพราะฉะนั้นถ้าจะสั่งน้ำปั่นอะไรก็ควรสั่งก่อน 13:00 น.นะคะ ฝั่งนี้เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวที่มีความชำนาญในการปีนผาจะมาปีนผากัน ไม่ใช่เส้นทางปีนเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ เราสองคนก็ตื่นตาตื่นใจกันพอสมควรเลยค่ะ
ปีนกันแบบมนุษย์แมงมุมเลยทีเดียว

นั่งดูคนปีนเขากันพอหอมปากหอมคอได้เวลาเช็คอินที่พัก ก็เดินกลับไปที่หาดไร่เลย์ฝั่งตะวันตก ทั้งนี้จะใช้ทางที่ใกล้กว่าแต่ก็ต้องปีนเขาอยู่เหมือนกันประมาณ 15 นาทีก็ถึงไร่เลย์ฝั่งตะวันตก
ห้องพักเป็นแบบดีลักซ์ คอทเทจ วิวสวน ค่อนข้างเป็นส่วนตัวสะอาด เตียงนอนสบายห้องน้ำมีทั้งอ่างและ shower โรงแรมจะมีน้ำเปล่าให้ 2 ขวดและตอนที่ไปคือมีผลไม้มาให้ทุกวันนะคะ เนื่องจากน้ำบนหาดค่อนข้างแพงคือพวกน้ำอัดลมกระป๋องละ 30-40 บาท โชคดีที่ระหว่างทางเราให้คนขับรถแวะเซเว่นซื้อน้ำขวดใหญ่มา 2 ขวดและโค้ก 1 ขวดใหญ่ เลยได้เอามาดื่มที่หาดค่ะประหยัดไปได้นิดหน่อย
ขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปห้องพักไว้เลยค่ะ
โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่มีทางเชื่อมระหว่างหาดฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ฝั่งตะวันออกจะเป็นท่าเรือที่เรือจากต่างจะเข้ามาจอดและเป็นทางเดินไปบริเวณ lagoon รวมถึงจุด view point และจุดปีนผา ส่วนฝั่งตะวันตกจะเป็นชายหาดที่มีความสวยงามเหมาะกับการเล่นน้ำมากกว่า เพราะฉะนั้นโลเคชั่นของโรงแรมก็ค่อนข้างสะดวกที่จะไปตามจุดสำคัญต่างๆ
พอเข้าพักผ่อนที่ห้องได้แรงคืนมาก็ใส่ชุดว่ายน้ำไปเล่นน้ำทะเลที่ฝั่งตะวันตกค่ะ
ทะเลคลื่นไม่แรงมากแต่แรงพอที่จะเล่นสนุก เล่นประมาณชั่วโมงนึงก็ตัดสินใจขึ้น แต่ตอนขึ้นเท้าดันไปโดนอะไรแสบๆ ร้อนๆ เสียได้ พอขึ้นมาก็เห็นรอยแดงคล้ายหนวดตรงเท้าเลยเดาว่าเป็นแมงกะพรุน ให้แฟนเดินไปเก็บผักบุ้งทะเล ถือมาเดินไปโรงแรม แจ้งพนักงานว่าไม่แน่ใจโดนแมงกะพรุนหรือเปล่า มีอาการแสบร้อนกับโชว์รอยให้พนักงานดู โรงแรมเขาจะเตรียมน้ำส้มสายชูมาให้ราดบริเวณที่โดน แจ้งว่าเก็บผักบุ้งทะเลมาด้วย ทางพนักงานเลยขยี้ใบผักบุ้งใส่ไปในน้ำส้มสายชูและราดลงไปที่เท้า รู้สึกค่อยยังชั่วหน่อย
ถ้าโดนแมงกะพรุนที่ผิวหนังให้ระวังอย่าเอาน้ำจืดล้าง ให้เอาน้ำส้มสายชูราดที่แผลอย่างน้อย 30วินาที หรือเอาผักบุ้งทะเลขยี้แล้วมาโปะในกรณีไม่มีน้ำส้มสายชู อย่าขยี้ลงแผล ทั้งนี้เพื่อทำการ denature โปรตีนพิษแมงกะพรุน หลังจากนั้นค่อยทานยาแก้แพ้หรือทายาแก้แพ้แก้อักเสบตรงบริเวณที่โดน ถ้าเป็นมากแนะนำหลังปฐมพยาบาลแล้วให้ไปพบแพทย์ค่ะ

วันที่ 2 ก็ไปทัวร์ 4 เกาะกัน แพ็คเกจที่โรงแรมมีให้จะเป็นเรือสปีดโบ๊ทก็จะแชร์กับนักท่องเที่ยวท่านอื่นที่มาจากอ่าวนาง ขึ้นเรือประมาณ 9:30 น ไปเกาะไผ่ที่แรก เป็นเกาะที่หาดทรายขาวน้ำใสมาก เป็นเกาะที่ชอบมากที่สุดในทัวร์วันนี้ ลงเล่นน้ำประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงก่อนจะขึ้นเรือไปต่อที่ ผาไวกิ้งที่ว่ากันว่ามีภาพเรือไวกิ้งบนผนังถ้ำ และไปต่อเกาะลิง เรือจอดให้ดูลิงบนเกาะ
รูปที่เกาะไผ่ ถ่ายมาแค่นี้ ไม่มีภาพวิวเฉยๆ เลย

เสร็จแล้วไปแวะเล่นน้ำที่อ่าวอะไรสักอย่างใกล้อ่าวมาหยา แล้วก็ไปเลียบๆ เคียงๆ อ่าวมาหยาที่ปิดไว้อยู่ และจะปิดอีก 2ปีเพื่อทะนุบํารุงแนวปะการังและสัตว์ทะเล ได้ฟังไกด์ที่อธิบายให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถึงเหตุผลที่ติดเกาะว่าเพื่อการอนุรักษ์ปะการังแล้วก็ชื่นชมว่าอธิบายได้ดี
หลังจากนั้นทัวร์ได้พาแวะไปกินข้าวแบบอาหารบุฟเฟ่ต์ที่เกาะพีพี และมีเวลาให้เดินช็อปปิ้ง ซื้อของ เดินเล่น ประมาณชั่งโมงสี่สิบนาที เกาะพีพีเป็นเกาะที่ใหญ่และค่อนข้างเจริญมาก มีโรงพยาบาล 7-eleven, ร้าน McDonald's, pizza company ร้าน scuba ดำน้ำแบบใช้ถังอากาศก็เยอะ เสียดายเวลาน้อยเกิน เลยเดินไปถึงแค่หาดต้นไทรอีกฝั่งนึง ไม่ได้เดินไปจุดชมวิว
ภาพจากท่าที่เรือจอด ฟ้าสวย น้ำใสมากกกก

พอเสร็จก็ไปดำน้ำแบบ snorkeling ที่พีพีดอน 50นาทีแนวปะการังพอโอเค มีปลาเล็กปลาน้อย ปลานกแก้วหลายตัว โชคดีเจอมอเรย์กำลังมุดหารูเลยได้เห็นมอเรย์ว่ายน้ำ ดำน้ำลึกมาก็หลายไดร์ฟ เพิ่งเคยเห็นมอเรย์ว่ายน้ำ ไม่ใช่แค่เฝ้าอยู่ในรู
หลังจากนั้นก็มุ่งหน้ากลับที่พัก อาบน้ำพักผ่อน ไปเดินเที่ยวดูลากูนกับปีนไปจุดชมวิว ก่อนกลับมากินข้าวที่จองไว้ที่โรงแรม
เซตอาหารดีมากคุณภาพดีกุ้ง หมึก ปลาจัดมาอย่างแน่นๆ ปลาทอดกระเทียมอร่อยมาก กิน 2 คนแบบยัดทะนานยังเหลือแกงเขียวหวานเกือบทั้งถ้วย ชุดอาหารมีให้เลือก 4 แบบ รายการอาหารจะแตกต่างกันออกไป สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยค่ะ

พอดีทับทิมกรอบในเซ็ตหมด ทางโรงแรมเลยเสิร์ฟเป็นข้าวเหนียวมะม่วงแทน ข้าวเหนียวจะไม่เหมือนข้าวเหนียวมูนเสียทีเดียว จะเป็นข้าวเหนียวกะทิแน่นๆ หน่อย เนื้อสัมผัสคล้ายข้าวหลาม ไอติมกะทิอร่อยดี

โดยรวมมื้อนี้ประทับใจค่ะ
วันที่ 3 วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ ทางจขกท.ได้ไปติดต่อโรงเรียนสอนปีนผา shadow rock climbing school ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ มินิมาร์ทตรงทางเดินเชื่อมฝั่งตะวันตก และตะวันออกของโรงแรม เจ้าของชื่อพี่ขวด เป็นหนึ่งในทีมรังนกที่ไปช่วยตอนหมูป่าติดถ้ำค่ะ จองเรียนปีนผาแบบครึ่งวัน ทางพี่ขวดคิดคนละ 900บาท เพราะมาสองคนค่ะ คิดว่าราคาต่างชาติน่าจะแพงกว่านี้นิดหน่อย มีอุปกรณ์เชือก harness รองเท้าปีนผา หมวกกันน็อค ถุงใส่ผงช็อก น้ำคนละขวด พร้อมไกด์ให้1คน จะบอกว่าเป็นกิจกรรมที่เปิดโลก สนุกมากและใช้กล้ามเนื้อหลายส่วน เป็นการออกกำลังกายที่ดี และท้าทายดีค่ะ ทำให้ติดใจไร่เลย์เลย ต้องกลับมาซ้ำแน่ๆ

ส่งท้ายด้วยภาพจากจุดชมวิวค่ะ ขอบคุณที่ตามอ่านบันทึกการเดินทางที่รูปน้อยมาก แล้วเราจะกลับมาอีกนะไร่เลย์
ไร่เลย์ในความทรงจำ
ภาพอาจจะน้อย เพราะไปแบบจับมือถือน้อยมาก แต่ประทับใจกระบี่และไร่เลย์มากจริงๆ เป็นทริปนึงที่แฮปปี้สุดๆ เลยมาแชร์เผื่อมีคนอยากไปไร่เลย์นะคะ
จขกท.ได้จองที่พักตามแพ็คเกจที่ใช้ได้ในหน้าโลว์ซีซั่น ซึ่งเราสะดวกช่วงวันหยุดงานราชาภิเษก ต้นเดือนพฤษภาคมเริ่มต้นหน้าโลว์พอดี การจองก็ไม่ยากค่ะ จองทางไลน์ของรร. แล้วรร.ก็ตอบกลับมาในอีเมล และโทรมายืนยันอีกครั้งก่อนวันเดินทางค่ะ
ถ้าไปเราเดินทางด้วยสายการบินเวียดเจ็ทแอร์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เครื่องบินออกตรงเวลาแต่สายการบินนี้จะค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องน้ำหนักกระเป๋าหน่อยนะคะจะมีการชั่งน้ำหนักกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องก็ควรระวังไม่ให้เกิน 7 กิโลค่ะ การบริการสายการบินไม่มีปัญหา ถึงสนามบินกระบี่ประมาณ 8:30 น.ก็มีรถจากโรงแรมมารอรับอยู่แล้วค่ะเป็นรถตู้ ทั้งคันนั่งกันแค่ 2 คนกับแฟนไปส่งที่ท่าเรือน้ำเมาซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานของโรงแรมค่ะ พอถึงก็ต่อเรือของโรงแรมไปลงที่หาดไร่เลย์
ระหว่างทางเจอรถทุกมะพร้าวมีลิงอยู่บนรถ 2 ตัว น่ารักดี
เรือของทางโรงแรม
ระหว่างเดินทาง
ถึงที่พักค่อนข้างเร็วประมาณ 10 โมงกว่าก็เช็คอิน ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เพราะยังไม่ถึงเวลาห้องพร้อม เลือกทริปที่จะไปวันพรุ่งนี้มีตัวเลือกให้เลือกเป็นทัวร์ 4 เกาะตามโบรชัวร์เลยค่ะ จขกท.เลือกไปเกาะไผ่ เกาะพีพี เพราะแฟนยังไม่เคยไปกระบี่มาก่อน เลยเลือกแหล่งท่องเที่ยวหลัก
เสร็จแล้วก็ไปเดินเที่ยว ถ้ำพระนางใหญ่ (เสียค่าเข้าชมอุทยาน คนไทย40บาท) ในถ้ำมีหินงอกหินย้อยแปลกตากับค้างคาวเกาะบนผนังถ้ำ เดินแป๊บๆ ก็เสร็จ
หลังจากนั้นก็เดินข้ามเขาไปหาดต้นไทร ใช้เวลาเดินข้ามเขาประมาณ 45 นาที ทางเดินไม่ยากมากแต่ก็ต้องร่างกายแข็งแรงพอสมควร จริงๆมีทางข้ามไปหาดต้นไทรที่ใกล้กว่าใช้เวลาประมาณ 15 นาทีแต่ว่าครั้งนี้เราไม่ได้ใช้ค่ะ
พอลงเขามาก็จะเจอ graffiti หรือว่าภาพบนกำแพงนะคะที่เพ้นท์ไว้ สวยๆ กับตลกดีหลายภาพเลยค่ะ
หาดต้นไทรจะเป็นหาที่ค่อนข้างเงียบต่างจากไร่เลย์ฝั่งตะวันตกและตะวันออกที่เป็นท่าเรือ ตอนไปเนื่องจากเป็นหน้าโลว์ซีซั่น ฝั่งหาดต้นไทรจะหยุดการปั่นไฟตอน 13:00 น. เพราะฉะนั้นถ้าจะสั่งน้ำปั่นอะไรก็ควรสั่งก่อน 13:00 น.นะคะ ฝั่งนี้เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวที่มีความชำนาญในการปีนผาจะมาปีนผากัน ไม่ใช่เส้นทางปีนเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ เราสองคนก็ตื่นตาตื่นใจกันพอสมควรเลยค่ะ
ปีนกันแบบมนุษย์แมงมุมเลยทีเดียว
นั่งดูคนปีนเขากันพอหอมปากหอมคอได้เวลาเช็คอินที่พัก ก็เดินกลับไปที่หาดไร่เลย์ฝั่งตะวันตก ทั้งนี้จะใช้ทางที่ใกล้กว่าแต่ก็ต้องปีนเขาอยู่เหมือนกันประมาณ 15 นาทีก็ถึงไร่เลย์ฝั่งตะวันตก
ห้องพักเป็นแบบดีลักซ์ คอทเทจ วิวสวน ค่อนข้างเป็นส่วนตัวสะอาด เตียงนอนสบายห้องน้ำมีทั้งอ่างและ shower โรงแรมจะมีน้ำเปล่าให้ 2 ขวดและตอนที่ไปคือมีผลไม้มาให้ทุกวันนะคะ เนื่องจากน้ำบนหาดค่อนข้างแพงคือพวกน้ำอัดลมกระป๋องละ 30-40 บาท โชคดีที่ระหว่างทางเราให้คนขับรถแวะเซเว่นซื้อน้ำขวดใหญ่มา 2 ขวดและโค้ก 1 ขวดใหญ่ เลยได้เอามาดื่มที่หาดค่ะประหยัดไปได้นิดหน่อย
ขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปห้องพักไว้เลยค่ะ
โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่มีทางเชื่อมระหว่างหาดฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ฝั่งตะวันออกจะเป็นท่าเรือที่เรือจากต่างจะเข้ามาจอดและเป็นทางเดินไปบริเวณ lagoon รวมถึงจุด view point และจุดปีนผา ส่วนฝั่งตะวันตกจะเป็นชายหาดที่มีความสวยงามเหมาะกับการเล่นน้ำมากกว่า เพราะฉะนั้นโลเคชั่นของโรงแรมก็ค่อนข้างสะดวกที่จะไปตามจุดสำคัญต่างๆ
พอเข้าพักผ่อนที่ห้องได้แรงคืนมาก็ใส่ชุดว่ายน้ำไปเล่นน้ำทะเลที่ฝั่งตะวันตกค่ะ
ทะเลคลื่นไม่แรงมากแต่แรงพอที่จะเล่นสนุก เล่นประมาณชั่วโมงนึงก็ตัดสินใจขึ้น แต่ตอนขึ้นเท้าดันไปโดนอะไรแสบๆ ร้อนๆ เสียได้ พอขึ้นมาก็เห็นรอยแดงคล้ายหนวดตรงเท้าเลยเดาว่าเป็นแมงกะพรุน ให้แฟนเดินไปเก็บผักบุ้งทะเล ถือมาเดินไปโรงแรม แจ้งพนักงานว่าไม่แน่ใจโดนแมงกะพรุนหรือเปล่า มีอาการแสบร้อนกับโชว์รอยให้พนักงานดู โรงแรมเขาจะเตรียมน้ำส้มสายชูมาให้ราดบริเวณที่โดน แจ้งว่าเก็บผักบุ้งทะเลมาด้วย ทางพนักงานเลยขยี้ใบผักบุ้งใส่ไปในน้ำส้มสายชูและราดลงไปที่เท้า รู้สึกค่อยยังชั่วหน่อย
ถ้าโดนแมงกะพรุนที่ผิวหนังให้ระวังอย่าเอาน้ำจืดล้าง ให้เอาน้ำส้มสายชูราดที่แผลอย่างน้อย 30วินาที หรือเอาผักบุ้งทะเลขยี้แล้วมาโปะในกรณีไม่มีน้ำส้มสายชู อย่าขยี้ลงแผล ทั้งนี้เพื่อทำการ denature โปรตีนพิษแมงกะพรุน หลังจากนั้นค่อยทานยาแก้แพ้หรือทายาแก้แพ้แก้อักเสบตรงบริเวณที่โดน ถ้าเป็นมากแนะนำหลังปฐมพยาบาลแล้วให้ไปพบแพทย์ค่ะ
วันที่ 2 ก็ไปทัวร์ 4 เกาะกัน แพ็คเกจที่โรงแรมมีให้จะเป็นเรือสปีดโบ๊ทก็จะแชร์กับนักท่องเที่ยวท่านอื่นที่มาจากอ่าวนาง ขึ้นเรือประมาณ 9:30 น ไปเกาะไผ่ที่แรก เป็นเกาะที่หาดทรายขาวน้ำใสมาก เป็นเกาะที่ชอบมากที่สุดในทัวร์วันนี้ ลงเล่นน้ำประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงก่อนจะขึ้นเรือไปต่อที่ ผาไวกิ้งที่ว่ากันว่ามีภาพเรือไวกิ้งบนผนังถ้ำ และไปต่อเกาะลิง เรือจอดให้ดูลิงบนเกาะ
รูปที่เกาะไผ่ ถ่ายมาแค่นี้ ไม่มีภาพวิวเฉยๆ เลย
เสร็จแล้วไปแวะเล่นน้ำที่อ่าวอะไรสักอย่างใกล้อ่าวมาหยา แล้วก็ไปเลียบๆ เคียงๆ อ่าวมาหยาที่ปิดไว้อยู่ และจะปิดอีก 2ปีเพื่อทะนุบํารุงแนวปะการังและสัตว์ทะเล ได้ฟังไกด์ที่อธิบายให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถึงเหตุผลที่ติดเกาะว่าเพื่อการอนุรักษ์ปะการังแล้วก็ชื่นชมว่าอธิบายได้ดี
หลังจากนั้นทัวร์ได้พาแวะไปกินข้าวแบบอาหารบุฟเฟ่ต์ที่เกาะพีพี และมีเวลาให้เดินช็อปปิ้ง ซื้อของ เดินเล่น ประมาณชั่งโมงสี่สิบนาที เกาะพีพีเป็นเกาะที่ใหญ่และค่อนข้างเจริญมาก มีโรงพยาบาล 7-eleven, ร้าน McDonald's, pizza company ร้าน scuba ดำน้ำแบบใช้ถังอากาศก็เยอะ เสียดายเวลาน้อยเกิน เลยเดินไปถึงแค่หาดต้นไทรอีกฝั่งนึง ไม่ได้เดินไปจุดชมวิว
ภาพจากท่าที่เรือจอด ฟ้าสวย น้ำใสมากกกก
พอเสร็จก็ไปดำน้ำแบบ snorkeling ที่พีพีดอน 50นาทีแนวปะการังพอโอเค มีปลาเล็กปลาน้อย ปลานกแก้วหลายตัว โชคดีเจอมอเรย์กำลังมุดหารูเลยได้เห็นมอเรย์ว่ายน้ำ ดำน้ำลึกมาก็หลายไดร์ฟ เพิ่งเคยเห็นมอเรย์ว่ายน้ำ ไม่ใช่แค่เฝ้าอยู่ในรู
หลังจากนั้นก็มุ่งหน้ากลับที่พัก อาบน้ำพักผ่อน ไปเดินเที่ยวดูลากูนกับปีนไปจุดชมวิว ก่อนกลับมากินข้าวที่จองไว้ที่โรงแรม
เซตอาหารดีมากคุณภาพดีกุ้ง หมึก ปลาจัดมาอย่างแน่นๆ ปลาทอดกระเทียมอร่อยมาก กิน 2 คนแบบยัดทะนานยังเหลือแกงเขียวหวานเกือบทั้งถ้วย ชุดอาหารมีให้เลือก 4 แบบ รายการอาหารจะแตกต่างกันออกไป สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยค่ะ
พอดีทับทิมกรอบในเซ็ตหมด ทางโรงแรมเลยเสิร์ฟเป็นข้าวเหนียวมะม่วงแทน ข้าวเหนียวจะไม่เหมือนข้าวเหนียวมูนเสียทีเดียว จะเป็นข้าวเหนียวกะทิแน่นๆ หน่อย เนื้อสัมผัสคล้ายข้าวหลาม ไอติมกะทิอร่อยดี
โดยรวมมื้อนี้ประทับใจค่ะ
วันที่ 3 วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ ทางจขกท.ได้ไปติดต่อโรงเรียนสอนปีนผา shadow rock climbing school ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ มินิมาร์ทตรงทางเดินเชื่อมฝั่งตะวันตก และตะวันออกของโรงแรม เจ้าของชื่อพี่ขวด เป็นหนึ่งในทีมรังนกที่ไปช่วยตอนหมูป่าติดถ้ำค่ะ จองเรียนปีนผาแบบครึ่งวัน ทางพี่ขวดคิดคนละ 900บาท เพราะมาสองคนค่ะ คิดว่าราคาต่างชาติน่าจะแพงกว่านี้นิดหน่อย มีอุปกรณ์เชือก harness รองเท้าปีนผา หมวกกันน็อค ถุงใส่ผงช็อก น้ำคนละขวด พร้อมไกด์ให้1คน จะบอกว่าเป็นกิจกรรมที่เปิดโลก สนุกมากและใช้กล้ามเนื้อหลายส่วน เป็นการออกกำลังกายที่ดี และท้าทายดีค่ะ ทำให้ติดใจไร่เลย์เลย ต้องกลับมาซ้ำแน่ๆ
ส่งท้ายด้วยภาพจากจุดชมวิวค่ะ ขอบคุณที่ตามอ่านบันทึกการเดินทางที่รูปน้อยมาก แล้วเราจะกลับมาอีกนะไร่เลย์