Avengers: Endgame (Anthony Russo, Joe Russo, 2019) #สปอย คะแนน A+ (10/10)
"ผลผลิตตลอดสิบปีส่งมอบความตื้นตันใจ" ตลอดระยะเวลาร่วม 10 ปี ที่มาร์เวลพาเราไปพบกับจุดเริ่มต้นของตัวละครเหล่าฮีโร่ที่แตกต่างกันและเชื่อมโยงตัวละครเหล่านั้นเข้าด้วยกัน Avengers: Endgame เป็นหนังมาร์เวลเรื่องแรกที่ทำให้เราเสียน้ำตา และทำให้เรารู้ว่ามันมีความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ในความผูกพันที่เราไม่เคยรู้ จนเมื่อมันถูกกระตุ้นเราจึงได้รับรู้ว่ามันมีความรู้สึกนั้นอยู่ หนังทิ้งปมก้อนใหญ่และความสิ้นหวังอย่างสุดขั้วเอาไว้ใน Avengers: Infinity War และเราคนดูทำได้เพียงคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ว่าภาคนี้จะจบลงอย่างไร และจะเอาอะไรไปสู้กับธานอส แต่หนังกลับเปิดต้นเรื่องมาด้วยการฆ่าธานอสได้อย่างง่ายดาย ซึ่งการฆ่าธานอสได้รวดเร็วขนาดนี้ มีผลกระทบไปอีกหนึ่งขั้น เพราะไม่ว่าจะฆ่าธานอสได้แล้วทุกสิ่งก็ไม่กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งมันเป็นอารมณ์ที่ทำให้เราพบกับความสิ้นหวังอีกครั้งและก็ดูเหมือนจะสิ้นหวังอย่างมืดมนหาหนทางไม่เจอไปพร้อมเหล่าตัวละคร ซึ่งเป็นอะไรที่เกินคาดเดาในจังหวะที่หนังเลือกและไม่คิดว่ามาร์เวลจะเล่นมุมนี้ แน่นอนว่า มันทำให้เราเห็นว่าการแก้แค้นด้วยกำลังทั้งหมดไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น และไม่ได้อะไรกลับมา ง่าย ๆ คือการคิดแต่จะแก้แค้นเอาคืนไม่ได้ชำระล้างปมในใจให้หมดไป มีแต่จะซ้ำเติมให้เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ หนังจึงให้อารมณ์ดราม่าสิ้นหวังโดยให้เวลากับช่วงนี้ค่อนข้างดี เพราะไม่นานเกินไปจนทำให้เราอึ้งไปชั่วขณะ
ความน่าสนใจคือ หนังไม่ยืดเยื้อช่วงเวลาสิ้นหวังแต่กลับสามารถใช้เวลาที่กระชับได้สะเทือนอารมณ์ผ่านการแสดงของนักแสดงทุกคนในแต่ละฉากได้อย่างยอดเยี่ยม และแสดงให้เราเห็นถึงบุคลิกของตัวละครที่มีพัฒนาการแต่ยังคงอัตลักษณ์เอาไว้ได้โดดเด่น ไดอะล็อตที่ถูกจังวางไว้และถ่ายทอดอารมณ์ต่าง ๆ สามารถสะท้อนให้เราเห็นภาพหรือฉายภาพตัวตนของแต่ละตัวละครซึ่งพี่น้องรุสโซ่สามารถให้น้ำหนักตัวละครแต่ละตัวได้ดี จังหวะในการพาเราไปพบตัวละครที่ผ่านความบอบช้ำจากสภาพสูญเสีย สิ้นหวัง หมดหวัง โทษตัวเอง ทำให้เรานึกย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของตัวละครเหล่านี้ ชั่วโมงแรกของหนังสำหรับเราจึงเป็นส่วนสำคัญมาก และเราก็คิดว่าเป็นข้อดีมาก ๆ ที่หนังเลือกดำเนินเรื่องแบบนี้ดีกว่าเปิดฉากแอคชั่นตลอดทั้งเรื่อง ผลลัพธ์ของชั่วโมงแรกของหนังจึงส่งผลให้ชั่วโมงที่สองของการ back to the future นั้นเรียกน้ำตาและซาบซึ้งกินใจพร้อมทั้งสนุกสนาน คิดถึง หลงรัก จนกระทั่งน่าเอ็นดู
เนื้อหาการย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตคงไม่เกินคาดอะไร และดูเหมือนจะไม่มีวิธีอื่นที่ดีไปกว่านี้ ซึ่งถ้ามองผิวเผินการย้อนเวลากลับไปแก้ไข้สิ่งต่าง ๆ ดูจะเป็นรสนิยมที่เชยมากสำหรับหนังทั่วไป และจำเจซ้ำซากจนน่าเบื่อได้ง่าย ๆ แต่เพราะการเดินทางตลอดช่วง 10 กว่าปีของมาร์เวล คือผลลัพธ์ที่ทำให้การย้อนเวลาครั้งนี้พาแฟนหนังมาร์เวลไปปลื้มปิติ ตื้นตันใจ ร้องเสียงหลง ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้คนดูทั่วไปที่ไม่ได้คลั่งไคล้หนังมาร์เวลแต่ก็น่าจะเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างได้ร่วมสนุกในความทรงจำเหล่านั้นไปด้วยเช่นกัน และการย้อนเวลาในครั้งนี้ก็ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนไหนที่รู้สึกเสียของ ยิ่งไปกว่านั้น เรายังเห็นถึงมุมที่ไม่เคยเห็นและเป็นช่วงเวลาแห่งสายใยความสัมพันธ์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น ไอรอนแมนกับพ่อ กัปตันอเมริกากับคนรัก ธอร์กับแม่ ฮอว์กอายกับแบล็กวิโดว์ การย้อนอดีตเหล่านี้ของอเวนเจอร์รุ่นแรก ทำให้เราได้เห็นรากที่ฝังอยู่ภายในใจและรอคอยการชำระล้างส่วนที่หลงเหลืออยู่ให้เสร็จสิ้นกระบวนความ ทำให้เราเห็นถึงจุดเริ่มต้นของฮีโร่เหล่านี้อีกครั้งเสมือนการเกิดใหม่ในเส้นเรื่องเดิม บทสนทนาในช่วงระยะเวลานี้จึงซึ้งกินใจเอามาก ๆ
หลังจากทุกคนทำภารกิจของตัวเองสำเร็จลง ความยิ่งใหญ่ของฉากแอคชั่นและการรวมซุปเปอร์ฮีโร่ที่มากมายที่สุดตั้งแต่โลกรู้จักกับภาพยนตร์ก็เกิดขึ้น งานภาพ ฉากแอคชั่นต่าง ๆ ยิ่งใหญ่สมการรอคอยและเป็นช่วงเวลาที่เราไม่คาดหวังกับอะไรในเรื่องอีกแล้ว เพราะชั่วโมงนี้คือการมองดูเหล่าฮีโร่แต่ละตัวต่อสู้กับกองทัพธานอส แน่นอนว่า ผู้กำกับและทีมงานมาร์เวลได้แอบซ่อนโมเมนต์เซอร์ไพรส์ไว้ให้คนดูมากมายในสมรภูมิแห่งนี้ และจุดจบคือความสวยงามลงล็อคเหมาะสมลงตัวอย่างที่สุดแล้ว ท้ายสุด Avengers: Endgame สำหรับเรา มองไม่เห็นว่าหนังจะทำอย่างไรให้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว ด้วยเงื่อนไขและโจทย์ต่าง ๆ หลังจาก Avengers: Infinity War สิ่งที่น่าชื่นชมปรบมือคือทีมงานทุกคนที่มีส่วนร่วมในการสร้างเรื่องราวครั้งนี้และร้อยเรียงบทสรุปต่าง ๆ ได้อย่างสวยงาม เป็นทศวรรษของฮีโร่มาร์เวลอย่างแท้จริงจนไม่สามารถปฏิเสธได้เลย...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Avengers: Endgame (Anthony Russo, Joe Russo, 2019) รีวิวโดย Form Corleone #สปอย
"ผลผลิตตลอดสิบปีส่งมอบความตื้นตันใจ" ตลอดระยะเวลาร่วม 10 ปี ที่มาร์เวลพาเราไปพบกับจุดเริ่มต้นของตัวละครเหล่าฮีโร่ที่แตกต่างกันและเชื่อมโยงตัวละครเหล่านั้นเข้าด้วยกัน Avengers: Endgame เป็นหนังมาร์เวลเรื่องแรกที่ทำให้เราเสียน้ำตา และทำให้เรารู้ว่ามันมีความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ในความผูกพันที่เราไม่เคยรู้ จนเมื่อมันถูกกระตุ้นเราจึงได้รับรู้ว่ามันมีความรู้สึกนั้นอยู่ หนังทิ้งปมก้อนใหญ่และความสิ้นหวังอย่างสุดขั้วเอาไว้ใน Avengers: Infinity War และเราคนดูทำได้เพียงคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ว่าภาคนี้จะจบลงอย่างไร และจะเอาอะไรไปสู้กับธานอส แต่หนังกลับเปิดต้นเรื่องมาด้วยการฆ่าธานอสได้อย่างง่ายดาย ซึ่งการฆ่าธานอสได้รวดเร็วขนาดนี้ มีผลกระทบไปอีกหนึ่งขั้น เพราะไม่ว่าจะฆ่าธานอสได้แล้วทุกสิ่งก็ไม่กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งมันเป็นอารมณ์ที่ทำให้เราพบกับความสิ้นหวังอีกครั้งและก็ดูเหมือนจะสิ้นหวังอย่างมืดมนหาหนทางไม่เจอไปพร้อมเหล่าตัวละคร ซึ่งเป็นอะไรที่เกินคาดเดาในจังหวะที่หนังเลือกและไม่คิดว่ามาร์เวลจะเล่นมุมนี้ แน่นอนว่า มันทำให้เราเห็นว่าการแก้แค้นด้วยกำลังทั้งหมดไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น และไม่ได้อะไรกลับมา ง่าย ๆ คือการคิดแต่จะแก้แค้นเอาคืนไม่ได้ชำระล้างปมในใจให้หมดไป มีแต่จะซ้ำเติมให้เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ หนังจึงให้อารมณ์ดราม่าสิ้นหวังโดยให้เวลากับช่วงนี้ค่อนข้างดี เพราะไม่นานเกินไปจนทำให้เราอึ้งไปชั่วขณะ
ความน่าสนใจคือ หนังไม่ยืดเยื้อช่วงเวลาสิ้นหวังแต่กลับสามารถใช้เวลาที่กระชับได้สะเทือนอารมณ์ผ่านการแสดงของนักแสดงทุกคนในแต่ละฉากได้อย่างยอดเยี่ยม และแสดงให้เราเห็นถึงบุคลิกของตัวละครที่มีพัฒนาการแต่ยังคงอัตลักษณ์เอาไว้ได้โดดเด่น ไดอะล็อตที่ถูกจังวางไว้และถ่ายทอดอารมณ์ต่าง ๆ สามารถสะท้อนให้เราเห็นภาพหรือฉายภาพตัวตนของแต่ละตัวละครซึ่งพี่น้องรุสโซ่สามารถให้น้ำหนักตัวละครแต่ละตัวได้ดี จังหวะในการพาเราไปพบตัวละครที่ผ่านความบอบช้ำจากสภาพสูญเสีย สิ้นหวัง หมดหวัง โทษตัวเอง ทำให้เรานึกย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของตัวละครเหล่านี้ ชั่วโมงแรกของหนังสำหรับเราจึงเป็นส่วนสำคัญมาก และเราก็คิดว่าเป็นข้อดีมาก ๆ ที่หนังเลือกดำเนินเรื่องแบบนี้ดีกว่าเปิดฉากแอคชั่นตลอดทั้งเรื่อง ผลลัพธ์ของชั่วโมงแรกของหนังจึงส่งผลให้ชั่วโมงที่สองของการ back to the future นั้นเรียกน้ำตาและซาบซึ้งกินใจพร้อมทั้งสนุกสนาน คิดถึง หลงรัก จนกระทั่งน่าเอ็นดู
เนื้อหาการย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตคงไม่เกินคาดอะไร และดูเหมือนจะไม่มีวิธีอื่นที่ดีไปกว่านี้ ซึ่งถ้ามองผิวเผินการย้อนเวลากลับไปแก้ไข้สิ่งต่าง ๆ ดูจะเป็นรสนิยมที่เชยมากสำหรับหนังทั่วไป และจำเจซ้ำซากจนน่าเบื่อได้ง่าย ๆ แต่เพราะการเดินทางตลอดช่วง 10 กว่าปีของมาร์เวล คือผลลัพธ์ที่ทำให้การย้อนเวลาครั้งนี้พาแฟนหนังมาร์เวลไปปลื้มปิติ ตื้นตันใจ ร้องเสียงหลง ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้คนดูทั่วไปที่ไม่ได้คลั่งไคล้หนังมาร์เวลแต่ก็น่าจะเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างได้ร่วมสนุกในความทรงจำเหล่านั้นไปด้วยเช่นกัน และการย้อนเวลาในครั้งนี้ก็ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนไหนที่รู้สึกเสียของ ยิ่งไปกว่านั้น เรายังเห็นถึงมุมที่ไม่เคยเห็นและเป็นช่วงเวลาแห่งสายใยความสัมพันธ์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น ไอรอนแมนกับพ่อ กัปตันอเมริกากับคนรัก ธอร์กับแม่ ฮอว์กอายกับแบล็กวิโดว์ การย้อนอดีตเหล่านี้ของอเวนเจอร์รุ่นแรก ทำให้เราได้เห็นรากที่ฝังอยู่ภายในใจและรอคอยการชำระล้างส่วนที่หลงเหลืออยู่ให้เสร็จสิ้นกระบวนความ ทำให้เราเห็นถึงจุดเริ่มต้นของฮีโร่เหล่านี้อีกครั้งเสมือนการเกิดใหม่ในเส้นเรื่องเดิม บทสนทนาในช่วงระยะเวลานี้จึงซึ้งกินใจเอามาก ๆ
หลังจากทุกคนทำภารกิจของตัวเองสำเร็จลง ความยิ่งใหญ่ของฉากแอคชั่นและการรวมซุปเปอร์ฮีโร่ที่มากมายที่สุดตั้งแต่โลกรู้จักกับภาพยนตร์ก็เกิดขึ้น งานภาพ ฉากแอคชั่นต่าง ๆ ยิ่งใหญ่สมการรอคอยและเป็นช่วงเวลาที่เราไม่คาดหวังกับอะไรในเรื่องอีกแล้ว เพราะชั่วโมงนี้คือการมองดูเหล่าฮีโร่แต่ละตัวต่อสู้กับกองทัพธานอส แน่นอนว่า ผู้กำกับและทีมงานมาร์เวลได้แอบซ่อนโมเมนต์เซอร์ไพรส์ไว้ให้คนดูมากมายในสมรภูมิแห่งนี้ และจุดจบคือความสวยงามลงล็อคเหมาะสมลงตัวอย่างที่สุดแล้ว ท้ายสุด Avengers: Endgame สำหรับเรา มองไม่เห็นว่าหนังจะทำอย่างไรให้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว ด้วยเงื่อนไขและโจทย์ต่าง ๆ หลังจาก Avengers: Infinity War สิ่งที่น่าชื่นชมปรบมือคือทีมงานทุกคนที่มีส่วนร่วมในการสร้างเรื่องราวครั้งนี้และร้อยเรียงบทสรุปต่าง ๆ ได้อย่างสวยงาม เป็นทศวรรษของฮีโร่มาร์เวลอย่างแท้จริงจนไม่สามารถปฏิเสธได้เลย...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/