ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ขออธิบายเกี่ยวกับตัวเราเองก่อนค่ะ
เรากับสามีคบกันมา 3 ปีครึ่งก่อนแต่งงาน
และปัจจุบันแต่งมาได้ 2 ปี 9 เดือน แต่ยังไม่มีลูกสักที จึงวางแผนจะใช้วิธีหมอช่วย
เราสูง 162 ซม. น้ำหนัก 62-63 กก. (ก่อนแต่งหนัก 58 กก.)
.....
พร้อมเข้าเรื่องค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สามีบอกเราว่าจะไปนวดที่อ.เมือง
เราก็สงสัย ร้านนวดใกล้บ้านก็มี ทำไมต้องไปถึงในเมือง เรื่องนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความสงสัย
พอวันเสาร์เราจะออกมาทำงาน สามีก็บอกว่าวันอาทิตย์ต้องขึ้นของก่อน(บ้านสามีเอง)
วันจันทร์จะไปหาเราแต่เช้านะ(หาที่บ้านเราเอง)
แต่พอวันอาทิตย์ก็กลับบอกเราว่าวันนี้ไม่ได้ขึ้นของ ต้องรอวันจันทร์เช้าแทน เราก็โอเค ไม่มีปัญหา
สามียังบอกต่อว่า จะไปกินปิ้งย่างกับเพื่อนนะ
ซึ่งเรารู้ว่าเขามีเพื่อนเปิดร้านปิ้งย่างอยู่จ.ราชบุรี เลยถามไปว่าจะไปที่นั่นหรอ ซึ่งสามีก็ไม่ตอบว่าใช่หรือไม่
จนพอเกือบๆตีหนึ่ง เราก็ทักสามีไปว่า
เรา: ยังไม่กลับหรอ
สามี: กลับแล้วสิ
คือพิมพ์กลับมาปุ๊บ เราโทรหาปั๊บ แต่ก็ไม่รับสาย โทรไป2สายติดๆกันไม่รับ
พออีกสักพักก็โทรใหม่ คราวนี้รับสาย เราก็แกล้งถามไปว่า
เรา: อยู่ไหน
สามี: อยู่ข้างนอก
เรา: ไหนว่าอยู่บ้านแล้วไง
สามี: อยู่นอกห้อง ออกมาหาขนมกิน
เราเลยแอบเช็คพิกัดสามีเลย ว่าที่จริงอยู่ไหนกันแน่ ปรากฎว่าพิกัดขึ้นว่าอยู่ที่อื่น
เท่านั้นแหละ รู้เลยว่าโกหก แต่เราก็เฝ้าดูเงียบๆดูไปเรื่อยๆ จนเกือบตี2
สามีขับรถไปอีกที่ เราก็เช็คว่าที่สามีไปคือที่ไหน
ซึ่งผลคืออยู่ที่แมนชั่นแห่งหนึ่ง จนรู้แล้วว่าคงไม่ไปไหนต่อ
เราเลยขับรถตามไปเลย ในใจก็ขอให้ไม่เป็นอย่างที่คิด
สุดท้ายไปถึง เห็นรถสามีจอดอยู่เต็ม2ตา เราก็นั่งรอแถวรถสามีเลย คิดไว้ว่าถ้าสามีเสร็จกิจลงมา จะได้เจอกันจะจะไปเลย
ระหว่างที่รอ ก็คุยกับพี่ที่เฝ้าตึกเขาก็เดินมาบอกว่าเมื่อกี้เจอสามีแล้วนะ (ตอนไปถึง มีเอารูปให้ดู ว่าเจอเห็นคนนี้ไหม)
พี่เขาก็เล่าให้ฟัง
พี่เฝ้าตึก: เมื่อกี้เจอ ผช.คนที่น้องหาด้วยนะ พี่เลยบอกเขาไปว่ามี ผญ.มาตามหา
สามี: ผญ.ที่ไหน ผมไม่มีใคร
พอผ่านไปสักพัก สามีก็โทรลงมาที่ประชาสัมพันธ์
สามี: ผญ.คนนั้นกลับไปยัง
พี่เฝ้าตึก: น่าจะไปแล้วนะ เพราะพี่ไม่เห็นเขาแล้ว
สามี: นั้นเดี๋ยวผมลงไปดู
คุยเสร็จ พี่เฝ้าตึกเลยเดินมาบอกสถานการณ์กับเรา
พี่เฝ้าตึก: ถ้าอยากเจอ ก็หลบๆก่อน จะได้เจอ แล้วพี่ก็ได้ยินเสียงผญ.ด้วยนะ (เราไม่คิดว่าพี่เขาจะกุเรื่องโกหกหรอก เพราะหลายๆเหตุผล)
เราก็รอแล้วรอเล่า จนพี่เฝ้าตึกเดินมาบอกว่าไปนั่งหน้าวงจรก็ได้นะ เผื่อลงมาแล้วจะได้เห็น
รอไปจนเกือบตี4 ก็ไม่ลงมาสักที สุดท้ายโทรหา แต่ก็ไม่รับสายเหมือนเดิม
(ปกติเวลาอยู่บ้าน โทรศัพท์เข้า ไม่ว่าจะกี่โมงกี่ยาม สามีจะเด้งตื่นเลย)
เราเลยส่งรูปรถไปให้ บอกว่ารู้หมดแล้วนะ จะรอคำอธิบาย แล้วเราก็ขับรถกลับบ้านเราเอง
ออกมาได้แปบเดียว สามีโทรกลับมา ประโยคแรกที่ถาม
สามี: รู้ได้ไงว่าเราอยู่นี่
เรา: เราก็มีวิธีของเรา แล้วเธอไปทำอะไรที่นั่น
สามี: เรามากินเหล้ากับเพื่อนๆ
เรา: นั้นรอมาบ้านเรา แล้วค่อยมาคุยกันแล้วกันนะ
.....
รอจนบ่ายๆ สามีมาถึง ก็เข้าเรื่องคุยกัน
เรา: ทำไมต้องโกหกว่ากลับบ้านแล้ว
สามี: ก็ไม่อยากให้เธอโกรธว่าเรากินเหล้าอีก
(สามีรักการดื่มเป็นชีวิตจิตใจ บางช่วงก็จะถี่มาก เช่นช่วงนี้ เราก็งอนตามประสา แต่จะไม่งอนข้ามวันข้ามคืน)
เรา: แล้วทำไมต้องไปอยู่ที่แมนชั่นนั้น
สามี: ก็ไปกับเพื่อนๆ ไปกัน7คน
เรา: ถามตรงๆนะ พาผญ.ไปนอนใช่ไหม
สามี: เราหลับ
(สามีนิ่งไปสักพักก่อนตอบว่าหลับ แต่คือเสียงตอนโทรกลับมาหาเรา มันไม่ได้งัวเงียอ่ะ เสียงเหมือนคุยปกติเลย)
(พ่อเราก็เรียกสามีไปคุยส่วนตัวเหมือนกัน
สามี: แค่ไปกินเหล้ากับเพื่อน
พ่อ: แล้วต้องไปกินที่นั่นหรอ รู้ๆกันอยู่
สามี: ผมแค่หลับ
พ่อ: พาผญ.ไป ไม่ใช่แค่หลับเฉยๆหรอก
ทีนี้สามีก็เงียบ)
.....
ก่อนจะถึงเรื่องสุดท้ายที่เราถามสามี
สามีเคยถามเราว่า ถ้าเขาต้องพาลูกค้าไปเที่ยวผญ. เขาขอด้วยได้ไหม
เราตอบว่าไม่ได้ เรื่องเหล้าเบียร์บุหรี่ เราพอรับได้ แต่เรื่องผญ. ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ก็คือไม่
ซึ่งตอนนั้นก็เคยพูดชัดเจนไปแล้ว สามีก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก แล้วก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
จนตอนนี้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น
เรา: ตั้งแต่คบกัน จนแต่งงาน จนถึงตอนนี้ เคยไปนอนกับผญ. คนอื่นไหม
สามี: เคย
เรา: เอาเวลาที่ไหนไป
สามี: เวลาที่ออกไปหาลูกค้า
(และสามีเราก็เป็นคนที่มีธุระออกข้างนอกตลอดเวลา)
เรา: เพราะอะไร เพราะเราอ้วนใช่ไหม (เกือบทุกครั้งทีมีอะไรกัน สามีมักจะพูดว่า ถ้าเธอผอมกว่านี้ จะดีมากเลย)
สามี: มันก็มีส่วน
เรา: เคยขอเรื่องนี้ไว้แล้วไม่ใช่หรอ สมมุตินะ ถ้าเราไปซื้อบริการผช.บ้าง เธอจะรู้สึกยังไง
สามี: ก็รับไม่ได้
เรา: เธอก็รับไม่ได้ นั้นเธอก็เข้าใจความรู้สึกเราตอนนี้สิ
.....
เรา: นั้นตั้งแต่ตอนที่คบกัน จนตอนนี้ หุ่นเราก็ไม่ได้ต่างกันมากไหม
สามี: ตอนนั้นไม่ได้เจอกันทุกวัน ตอนนี้อยู่ด้วยกันทุกวัน
เรา: เราเข้าใจแล้วว่า รูปร่างมันมีผลกับชีวิตคู่ แล้วถ้าเราผอมลง หุ่นดีอย่างที่เธอต้องการ เธอยังจะไปซื้อกินอยู่อีกไหม
สามี: (นิ่งไปสักแปบ)มันไม่เกี่ยวกัน
.....
ปกติเราไม่ได้มีนิสัยชอบเช็คสามี โทรศัพท์ไม่เคยเช็ค กระเป๋าไม่เคยค้น คือไม่ก้าวก่ายของส่วนตัวเลย
เราให้เกียรติสามีเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน
เราไว้ใจ ถึงแม้ว่าก่อนที่จะคบกัน สามีจะเจ้าชู้แค่ไหน มีผญ.เยอะแค่ไหน
เราไม่เคยสนใจ เราเคยบอกกับสามีว่า เราไว้ใจเชื่อใจนะ เพราะเมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน แต่ตอนนี้มันคือปัจจุบัน
จนวันนี้ เราก็ขอดูมือถือสามี
สามี: จะดูอะไร
เรา: อยากดูเฉยๆ
สามี: จะดูก็ดูไปสิ
เรา: นั้นขอรหัสหน่อย
สามีบอกมาแค่3ตัวแรก แล้วก็เงียบ
เรา: แล้วอะไรต่อ
สามีก็เงียบ
เรา: นั้นเธอพิมพ์ให้เองละกัน
.....
จนตอนนี้ในใจเรา มีแต่เรื่องคิด
1.ถ้าไปกับเพื่อนจริง ทำไมต้องบอกพี่เฝ้าตึกว่า”ผมไม่มีใคร” ประโยคนี้ฟังที เจ็บไปถึงหัวใจเลย ตอนถามสามีไปว่า เธอพูดแบบนี้ใช่ไหม คำตอบที่ได้คือความเงียบ
2.ถ้าแค่ไปกินเหล้ากับเพื่อนจริง ทำไมถึงไม่ลงมาดู ว่าผญ.ที่ไหนมาตามหา มันก็แค่ลงมาดูไหม
3.แมนชั่นที่นั่น ถ้าเช่ารายวันจะอยู่แค่ชั้น1 ถ้ารายเดือนถึงจะอยู่ตั้งแต่ชั้น2ขึ้นไป เราก็คิดว่าสามีคงมาเช่ารายวัน ปรากฎว่าพี่เฝ้าตึกบอกเจอเขาข้างบนพอดี แล้วตอนแรกเอารูปสามีให้ดู พี่เขาบอกเคยเห็นสามีเล่นฟิตเนตที่นี่ บอกว่าเขาดูชอบออกกำลังกาย เล่นอะไรๆบ้าง ซึ่งมันตรงเป๊ะ ในใจเราคิดทันที ว่าถ้าไม่ใช่ห้องของผญ.เอง ก็คงเป็นสามีมาเปิดไว้
4.สามีก็ยังมีเรื่องปิดบัง ถึงไม่กล้าที่จะบอกรหัสโทรศัพท์
5.เหตุเพราะเราอ้วน สามีถึงต้องไปซื้อกิน แต่หลังจากที่ถามเรื่องว่าถ้าเราผอม ยังจะซื้อกินอีกไหม สามีบอกไม่เกี่ยวกัน ฟังจากที่ตอบ เราว่าสามีก็ยังคงซื้อกินอยู่ดี ไม่ว่าเราจะอ้วนหรือผอม
.....
เราเห็นเพื่อนของเราหลายคน (ไม่ได้มีเจตนาจะว่าเพื่อนอ้วนนะคะ)
เขาอ้วนกว่าเราอีก แต่ทำไมฝ่ายชายก็ยังขอเพื่อนแต่งงาน
แต่จากกรณีของเรา สามีซื้อผญ.บริการ เพราะเราอ้วน
คู่อื่นเขาคบกัน แต่งงานกัน ด้วยใจ
ส่วนคู่เรา ชีวิตคู่จะดำเนินต่อไปได้หรือไม่ อยู่ที่รูปร่างเท่านั้น
เวลาที่มีอะไรกัน แล้วสามีมักจะพูดเรื่องพุง เราไม่ใช่ไม่เสียความมั่นใจนะ
ซึ่งปกติก็ไม่มั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว เราก็อยากจะให้สามีรู้สึกดีนะ ที่มีภรรยาหุ่นดีเหมือนคนอื่น
เราก็พยายาม พยายามที่จะออกกำลังกาย คุมอาหาร ซื้อคอร์สลดสัดส่วน
หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะช่วยให้ผอมลง แต่มันก็ไม่เคยสำเร็จ
.....
ส่วนเรื่องซื้อกิน เรามีเพื่อนอีกคน ที่แฟนเขาต้องพาลูกค้าไปรับรอง แต่ตัวแฟนเพื่อนระหว่างรอลูกค้าปฏิบัติภารกิจ ก็กลับมารอที่ห้องเรากับเพื่อน (เรากับเพื่อนเป็นรูมเมทกัน) เพื่อนถามทำไมกลับเร็วจัง เขาก็เล่าให้ฟัง บอกไม่อยากทำ เลยกลับมาก่อน ไว้ได้เวลาแล้วค่อยออกไปใหม่
ตอนนั้นพอรู้เรื่องที เรากับเพื่อนก็ประทับใจกันใหญ่
.....
ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ทนอ่านมาจนจบ
ไม่รู้จะไประบายกับใคร มาระบายในนี้ ดีที่สุดแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกกับทุกคน
เรื่องผช.ซื้อกิน เราเข้าใจนะว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งผช.(บางคน)เขาก็ทำกัน แฟนหรือภรรยาคนที่รับได้ ก็ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
แต่คือเรารับไม่ได้ เราบอกสามีชัดเจนแต่แรกอยู่แล้ว
อย่างที่เราถามสามีไปนั่นแหละ ถ้าเราไปซื้อกินบ้าง สามีก็รับไม่ได้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นถ้ารับไม่ได้ ตัวเองก็ไม่ควรทำ มันไม่แฟร์
อะไรที่สามีเราไม่ชอบ เราจะระวัง เราจะไม่ทำ คือเราไม่ทำจริงๆนะ
แต่ทำไมอะไรที่เราไม่ชอบ สามีไม่เคยจะปรับตัวให้
เราไม่เข้าใจว่า ผช.(บางคน)คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เหนือกว่าหรอ ตัวเองทำได้ แต่แฟนหรือภรรยาทำไม่ได้
.....
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ
แต่ถ้าอยากจะด่า อย่าด่าแรงนะคะ ตอนนี้รู้สึกแย่จนไม่รู้จะแย่ยังไงแล้วค่ะ
มีเมียอยู่แล้ว แต่ยังซื้อกิน
เรากับสามีคบกันมา 3 ปีครึ่งก่อนแต่งงาน
และปัจจุบันแต่งมาได้ 2 ปี 9 เดือน แต่ยังไม่มีลูกสักที จึงวางแผนจะใช้วิธีหมอช่วย
เราสูง 162 ซม. น้ำหนัก 62-63 กก. (ก่อนแต่งหนัก 58 กก.)
.....
พร้อมเข้าเรื่องค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สามีบอกเราว่าจะไปนวดที่อ.เมือง
เราก็สงสัย ร้านนวดใกล้บ้านก็มี ทำไมต้องไปถึงในเมือง เรื่องนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความสงสัย
พอวันเสาร์เราจะออกมาทำงาน สามีก็บอกว่าวันอาทิตย์ต้องขึ้นของก่อน(บ้านสามีเอง)
วันจันทร์จะไปหาเราแต่เช้านะ(หาที่บ้านเราเอง)
แต่พอวันอาทิตย์ก็กลับบอกเราว่าวันนี้ไม่ได้ขึ้นของ ต้องรอวันจันทร์เช้าแทน เราก็โอเค ไม่มีปัญหา
สามียังบอกต่อว่า จะไปกินปิ้งย่างกับเพื่อนนะ
ซึ่งเรารู้ว่าเขามีเพื่อนเปิดร้านปิ้งย่างอยู่จ.ราชบุรี เลยถามไปว่าจะไปที่นั่นหรอ ซึ่งสามีก็ไม่ตอบว่าใช่หรือไม่
จนพอเกือบๆตีหนึ่ง เราก็ทักสามีไปว่า
เรา: ยังไม่กลับหรอ
สามี: กลับแล้วสิ
คือพิมพ์กลับมาปุ๊บ เราโทรหาปั๊บ แต่ก็ไม่รับสาย โทรไป2สายติดๆกันไม่รับ
พออีกสักพักก็โทรใหม่ คราวนี้รับสาย เราก็แกล้งถามไปว่า
เรา: อยู่ไหน
สามี: อยู่ข้างนอก
เรา: ไหนว่าอยู่บ้านแล้วไง
สามี: อยู่นอกห้อง ออกมาหาขนมกิน
เราเลยแอบเช็คพิกัดสามีเลย ว่าที่จริงอยู่ไหนกันแน่ ปรากฎว่าพิกัดขึ้นว่าอยู่ที่อื่น
เท่านั้นแหละ รู้เลยว่าโกหก แต่เราก็เฝ้าดูเงียบๆดูไปเรื่อยๆ จนเกือบตี2
สามีขับรถไปอีกที่ เราก็เช็คว่าที่สามีไปคือที่ไหน
ซึ่งผลคืออยู่ที่แมนชั่นแห่งหนึ่ง จนรู้แล้วว่าคงไม่ไปไหนต่อ
เราเลยขับรถตามไปเลย ในใจก็ขอให้ไม่เป็นอย่างที่คิด
สุดท้ายไปถึง เห็นรถสามีจอดอยู่เต็ม2ตา เราก็นั่งรอแถวรถสามีเลย คิดไว้ว่าถ้าสามีเสร็จกิจลงมา จะได้เจอกันจะจะไปเลย
ระหว่างที่รอ ก็คุยกับพี่ที่เฝ้าตึกเขาก็เดินมาบอกว่าเมื่อกี้เจอสามีแล้วนะ (ตอนไปถึง มีเอารูปให้ดู ว่าเจอเห็นคนนี้ไหม)
พี่เขาก็เล่าให้ฟัง
พี่เฝ้าตึก: เมื่อกี้เจอ ผช.คนที่น้องหาด้วยนะ พี่เลยบอกเขาไปว่ามี ผญ.มาตามหา
สามี: ผญ.ที่ไหน ผมไม่มีใคร
พอผ่านไปสักพัก สามีก็โทรลงมาที่ประชาสัมพันธ์
สามี: ผญ.คนนั้นกลับไปยัง
พี่เฝ้าตึก: น่าจะไปแล้วนะ เพราะพี่ไม่เห็นเขาแล้ว
สามี: นั้นเดี๋ยวผมลงไปดู
คุยเสร็จ พี่เฝ้าตึกเลยเดินมาบอกสถานการณ์กับเรา
พี่เฝ้าตึก: ถ้าอยากเจอ ก็หลบๆก่อน จะได้เจอ แล้วพี่ก็ได้ยินเสียงผญ.ด้วยนะ (เราไม่คิดว่าพี่เขาจะกุเรื่องโกหกหรอก เพราะหลายๆเหตุผล)
เราก็รอแล้วรอเล่า จนพี่เฝ้าตึกเดินมาบอกว่าไปนั่งหน้าวงจรก็ได้นะ เผื่อลงมาแล้วจะได้เห็น
รอไปจนเกือบตี4 ก็ไม่ลงมาสักที สุดท้ายโทรหา แต่ก็ไม่รับสายเหมือนเดิม
(ปกติเวลาอยู่บ้าน โทรศัพท์เข้า ไม่ว่าจะกี่โมงกี่ยาม สามีจะเด้งตื่นเลย)
เราเลยส่งรูปรถไปให้ บอกว่ารู้หมดแล้วนะ จะรอคำอธิบาย แล้วเราก็ขับรถกลับบ้านเราเอง
ออกมาได้แปบเดียว สามีโทรกลับมา ประโยคแรกที่ถาม
สามี: รู้ได้ไงว่าเราอยู่นี่
เรา: เราก็มีวิธีของเรา แล้วเธอไปทำอะไรที่นั่น
สามี: เรามากินเหล้ากับเพื่อนๆ
เรา: นั้นรอมาบ้านเรา แล้วค่อยมาคุยกันแล้วกันนะ
.....
รอจนบ่ายๆ สามีมาถึง ก็เข้าเรื่องคุยกัน
เรา: ทำไมต้องโกหกว่ากลับบ้านแล้ว
สามี: ก็ไม่อยากให้เธอโกรธว่าเรากินเหล้าอีก
(สามีรักการดื่มเป็นชีวิตจิตใจ บางช่วงก็จะถี่มาก เช่นช่วงนี้ เราก็งอนตามประสา แต่จะไม่งอนข้ามวันข้ามคืน)
เรา: แล้วทำไมต้องไปอยู่ที่แมนชั่นนั้น
สามี: ก็ไปกับเพื่อนๆ ไปกัน7คน
เรา: ถามตรงๆนะ พาผญ.ไปนอนใช่ไหม
สามี: เราหลับ
(สามีนิ่งไปสักพักก่อนตอบว่าหลับ แต่คือเสียงตอนโทรกลับมาหาเรา มันไม่ได้งัวเงียอ่ะ เสียงเหมือนคุยปกติเลย)
(พ่อเราก็เรียกสามีไปคุยส่วนตัวเหมือนกัน
สามี: แค่ไปกินเหล้ากับเพื่อน
พ่อ: แล้วต้องไปกินที่นั่นหรอ รู้ๆกันอยู่
สามี: ผมแค่หลับ
พ่อ: พาผญ.ไป ไม่ใช่แค่หลับเฉยๆหรอก
ทีนี้สามีก็เงียบ)
.....
ก่อนจะถึงเรื่องสุดท้ายที่เราถามสามี
สามีเคยถามเราว่า ถ้าเขาต้องพาลูกค้าไปเที่ยวผญ. เขาขอด้วยได้ไหม
เราตอบว่าไม่ได้ เรื่องเหล้าเบียร์บุหรี่ เราพอรับได้ แต่เรื่องผญ. ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ก็คือไม่
ซึ่งตอนนั้นก็เคยพูดชัดเจนไปแล้ว สามีก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก แล้วก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
จนตอนนี้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น
เรา: ตั้งแต่คบกัน จนแต่งงาน จนถึงตอนนี้ เคยไปนอนกับผญ. คนอื่นไหม
สามี: เคย
เรา: เอาเวลาที่ไหนไป
สามี: เวลาที่ออกไปหาลูกค้า
(และสามีเราก็เป็นคนที่มีธุระออกข้างนอกตลอดเวลา)
เรา: เพราะอะไร เพราะเราอ้วนใช่ไหม (เกือบทุกครั้งทีมีอะไรกัน สามีมักจะพูดว่า ถ้าเธอผอมกว่านี้ จะดีมากเลย)
สามี: มันก็มีส่วน
เรา: เคยขอเรื่องนี้ไว้แล้วไม่ใช่หรอ สมมุตินะ ถ้าเราไปซื้อบริการผช.บ้าง เธอจะรู้สึกยังไง
สามี: ก็รับไม่ได้
เรา: เธอก็รับไม่ได้ นั้นเธอก็เข้าใจความรู้สึกเราตอนนี้สิ
.....
เรา: นั้นตั้งแต่ตอนที่คบกัน จนตอนนี้ หุ่นเราก็ไม่ได้ต่างกันมากไหม
สามี: ตอนนั้นไม่ได้เจอกันทุกวัน ตอนนี้อยู่ด้วยกันทุกวัน
เรา: เราเข้าใจแล้วว่า รูปร่างมันมีผลกับชีวิตคู่ แล้วถ้าเราผอมลง หุ่นดีอย่างที่เธอต้องการ เธอยังจะไปซื้อกินอยู่อีกไหม
สามี: (นิ่งไปสักแปบ)มันไม่เกี่ยวกัน
.....
ปกติเราไม่ได้มีนิสัยชอบเช็คสามี โทรศัพท์ไม่เคยเช็ค กระเป๋าไม่เคยค้น คือไม่ก้าวก่ายของส่วนตัวเลย
เราให้เกียรติสามีเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน
เราไว้ใจ ถึงแม้ว่าก่อนที่จะคบกัน สามีจะเจ้าชู้แค่ไหน มีผญ.เยอะแค่ไหน
เราไม่เคยสนใจ เราเคยบอกกับสามีว่า เราไว้ใจเชื่อใจนะ เพราะเมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน แต่ตอนนี้มันคือปัจจุบัน
จนวันนี้ เราก็ขอดูมือถือสามี
สามี: จะดูอะไร
เรา: อยากดูเฉยๆ
สามี: จะดูก็ดูไปสิ
เรา: นั้นขอรหัสหน่อย
สามีบอกมาแค่3ตัวแรก แล้วก็เงียบ
เรา: แล้วอะไรต่อ
สามีก็เงียบ
เรา: นั้นเธอพิมพ์ให้เองละกัน
.....
จนตอนนี้ในใจเรา มีแต่เรื่องคิด
1.ถ้าไปกับเพื่อนจริง ทำไมต้องบอกพี่เฝ้าตึกว่า”ผมไม่มีใคร” ประโยคนี้ฟังที เจ็บไปถึงหัวใจเลย ตอนถามสามีไปว่า เธอพูดแบบนี้ใช่ไหม คำตอบที่ได้คือความเงียบ
2.ถ้าแค่ไปกินเหล้ากับเพื่อนจริง ทำไมถึงไม่ลงมาดู ว่าผญ.ที่ไหนมาตามหา มันก็แค่ลงมาดูไหม
3.แมนชั่นที่นั่น ถ้าเช่ารายวันจะอยู่แค่ชั้น1 ถ้ารายเดือนถึงจะอยู่ตั้งแต่ชั้น2ขึ้นไป เราก็คิดว่าสามีคงมาเช่ารายวัน ปรากฎว่าพี่เฝ้าตึกบอกเจอเขาข้างบนพอดี แล้วตอนแรกเอารูปสามีให้ดู พี่เขาบอกเคยเห็นสามีเล่นฟิตเนตที่นี่ บอกว่าเขาดูชอบออกกำลังกาย เล่นอะไรๆบ้าง ซึ่งมันตรงเป๊ะ ในใจเราคิดทันที ว่าถ้าไม่ใช่ห้องของผญ.เอง ก็คงเป็นสามีมาเปิดไว้
4.สามีก็ยังมีเรื่องปิดบัง ถึงไม่กล้าที่จะบอกรหัสโทรศัพท์
5.เหตุเพราะเราอ้วน สามีถึงต้องไปซื้อกิน แต่หลังจากที่ถามเรื่องว่าถ้าเราผอม ยังจะซื้อกินอีกไหม สามีบอกไม่เกี่ยวกัน ฟังจากที่ตอบ เราว่าสามีก็ยังคงซื้อกินอยู่ดี ไม่ว่าเราจะอ้วนหรือผอม
.....
เราเห็นเพื่อนของเราหลายคน (ไม่ได้มีเจตนาจะว่าเพื่อนอ้วนนะคะ)
เขาอ้วนกว่าเราอีก แต่ทำไมฝ่ายชายก็ยังขอเพื่อนแต่งงาน
แต่จากกรณีของเรา สามีซื้อผญ.บริการ เพราะเราอ้วน
คู่อื่นเขาคบกัน แต่งงานกัน ด้วยใจ
ส่วนคู่เรา ชีวิตคู่จะดำเนินต่อไปได้หรือไม่ อยู่ที่รูปร่างเท่านั้น
เวลาที่มีอะไรกัน แล้วสามีมักจะพูดเรื่องพุง เราไม่ใช่ไม่เสียความมั่นใจนะ
ซึ่งปกติก็ไม่มั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว เราก็อยากจะให้สามีรู้สึกดีนะ ที่มีภรรยาหุ่นดีเหมือนคนอื่น
เราก็พยายาม พยายามที่จะออกกำลังกาย คุมอาหาร ซื้อคอร์สลดสัดส่วน
หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะช่วยให้ผอมลง แต่มันก็ไม่เคยสำเร็จ
.....
ส่วนเรื่องซื้อกิน เรามีเพื่อนอีกคน ที่แฟนเขาต้องพาลูกค้าไปรับรอง แต่ตัวแฟนเพื่อนระหว่างรอลูกค้าปฏิบัติภารกิจ ก็กลับมารอที่ห้องเรากับเพื่อน (เรากับเพื่อนเป็นรูมเมทกัน) เพื่อนถามทำไมกลับเร็วจัง เขาก็เล่าให้ฟัง บอกไม่อยากทำ เลยกลับมาก่อน ไว้ได้เวลาแล้วค่อยออกไปใหม่
ตอนนั้นพอรู้เรื่องที เรากับเพื่อนก็ประทับใจกันใหญ่
.....
ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ทนอ่านมาจนจบ
ไม่รู้จะไประบายกับใคร มาระบายในนี้ ดีที่สุดแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกกับทุกคน
เรื่องผช.ซื้อกิน เราเข้าใจนะว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งผช.(บางคน)เขาก็ทำกัน แฟนหรือภรรยาคนที่รับได้ ก็ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
แต่คือเรารับไม่ได้ เราบอกสามีชัดเจนแต่แรกอยู่แล้ว
อย่างที่เราถามสามีไปนั่นแหละ ถ้าเราไปซื้อกินบ้าง สามีก็รับไม่ได้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นถ้ารับไม่ได้ ตัวเองก็ไม่ควรทำ มันไม่แฟร์
อะไรที่สามีเราไม่ชอบ เราจะระวัง เราจะไม่ทำ คือเราไม่ทำจริงๆนะ
แต่ทำไมอะไรที่เราไม่ชอบ สามีไม่เคยจะปรับตัวให้
เราไม่เข้าใจว่า ผช.(บางคน)คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เหนือกว่าหรอ ตัวเองทำได้ แต่แฟนหรือภรรยาทำไม่ได้
.....
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ
แต่ถ้าอยากจะด่า อย่าด่าแรงนะคะ ตอนนี้รู้สึกแย่จนไม่รู้จะแย่ยังไงแล้วค่ะ