บาร์เซโลน่า 3 - ลิเวอร์พูล 0 Infinity war
ลิเวอร์พูล 4 - บาร์เซโลน่า 0 Endgame
เผด็จศึกปราบต่างดาว
ในเกมแรกที่คัมป์นู ลิเวอร์พูล แพ้มา 3-0 โดยที่เกมนั้นลิเวอร์พูลก็เล่นได้ดีจนถึงราวนาทีที่ 70 จึงค่อยเป๋ไปจากการโดนลูกที่ 2
เมสซี่ถูกสื่อจับมาประชันกับฟาน ไดจ์ แต่ฟาน ไดจ์ให้สัมภาษณ์เชิงถ่อมตัวทั้งก่อนและหลังเกมว่า เราตั้งรับกันเป็นทีม และเมสซี่เป็นนักเตะที่เก่งที่สุด
แต่ว่า
ในนัดแรก เมสซี่ทั้งเกม มีสถิติเลี้ยงผ่านเพียง 9 ครั้ง และเลี้ยงไม่ผ่านฟาน ไดจ์เลย (ส่วนนึงคือฟาน ไดจ์ ยืนเซ็นเตอร์ ฉะนั้นเมสซี่จะผ่านเฉพาะกองกลาง)
ส่วนในนัดที่สอง เมสซี่มีสถิติเลี้ยงผ่านเพียง 4 ครั้ง โดยที่ยังไม่ถึงฟาน ไดจ์ แต่มีการจ่ายผ่านฟาน ไดจ์ 1 ครั้งหน้ากรอบประตู โดยทั้งสองนัดลิเวอร์พูลไม่จัดให้มีคนประกบเมสซี่ แต่ใช้การรุกและรับตามระบบทีม
ด้านสถิติต่างๆในสนาม
นัดแรกที่คัมป์นู ลิเวอร์พูลครองบอลมากกว่า แต่แพ้ที่การจบสกอร์ ส่วนนัดสองที่แอนฟิลด์ เป็นบาร์เซโลน่าที่ครองบอลมากกว่า แต่แพ้ที่การจบสกอร์ คือสลับกัน
นัดแรกลิเวอร์พูลยิงมากกว่า ครองบอลมากกว่า จ่ายบอลผ่านมากกว่า แต่ไม่คม ส่วนนัดสองลิเวอร์พูลยิงมากกว่า แต่เป็นประตู ส่วนบาร์เซโลน่า ครองบอลและจ่ายมากกว่า ส่วนการยิงนั้นที่เข้ากรอบก็ไม่ผ่านมืออลิซซง เบคเกอร์
ซึ่งถือว่าเขาได้ปราบบาร์เซโลน่าสองปีติด จากปีก่อนที่อยู่โรม่า แพ้นัดแรก 4-1 แต่ในบ้านเขารักษาคลีนชีทให้โรม่าชนะบาร์เซโลน่า 3-0 และปีนี้ก็รักษาคลีนชีทเขี่ยบาร์ซ่าตกรอบได้อีก
ที่สนามแอนฟิลด์ นักเตะทุกคนเค้นความสามารถออกมาเล่นด้วยความมั่นใจและทำได้ตามระบบ อะไรต่างๆที่คนแคลงใจในนัดแรก เช่นทำไมคล็อปป์ถึงจัดไวนัลดุมเล่นหน้าเป้า วันนี้ก็มีคำตอบว่าคงเป็นเพราะว่าตอนซ้อมเขาทำได้ ล้วงบอลปั้นเกมและยิงได้ดี แต่วันนี้เขาลงมาสำรองในตำแหน่งที่ถนัดแล้วก็ปั้นเกม และทำประตูได้คม
เบสิคการวางเท้าของเทรนท์ ทำให้เรานึกถึงเบ็คแฮม ซึ่งมีแววว่าเจ้าหนูคนนี้อนาคตไกล
ทุกรายการเทรนท์แอสซิสต์ไปแล้ว 15
ประตูชี้ชะตา 4-0 จากไหวพริบของเทรนท์ คนชื่นชมว่าเป็นเหลี่ยมที่ใสสะอาดในเกม ซึ่งต่างจากการเขี่ยเปลี่ยนจุดของเมสซี่ (นัดสองนี้กรรมการถึงกับเข้มงวดเป็นพิเศษในลูกตั้งเตะ ต้องมาคอยพ่นสเปรย์ระบุตำแหน่ง)
บทสรุปคือรองตัดเชือกนี้ กลายเป็นตำนาน UCL สืบไป ไม่ว่าผลนัดชิงจะเป็นยังไง แต่รอบรองนี้ถือเป็นไฮไลท์ที่จะบันทึกเล่าขานไปอีกนาน เป็นสองนัดที่พลาดชมไม่ได้จริงๆ
ทางด้านของบาร์ซ่า ถือว่าพวกเขาอกหักถูกพลิกในเลกสอง 2 ปีติด และปี 2019 นี้จะเป็นนัดชิงปีแรกนับจากปี 2013 ที่ไม่มีเมสซี่และโรนัลโด้
โรนัลโด้ ถูกอาแจ็กซ์ปราบ
ส่วนเมสซี่ ถูกลิเวอร์พูลปราบ
บทสรุปจากเกม ลิเวอร์พูล ถล่ม บาร์เซโลน่า 4-0 (รวมสองนัด 4-3 UCL)
ลิเวอร์พูล 4 - บาร์เซโลน่า 0 Endgame
เผด็จศึกปราบต่างดาว
ในเกมแรกที่คัมป์นู ลิเวอร์พูล แพ้มา 3-0 โดยที่เกมนั้นลิเวอร์พูลก็เล่นได้ดีจนถึงราวนาทีที่ 70 จึงค่อยเป๋ไปจากการโดนลูกที่ 2
เมสซี่ถูกสื่อจับมาประชันกับฟาน ไดจ์ แต่ฟาน ไดจ์ให้สัมภาษณ์เชิงถ่อมตัวทั้งก่อนและหลังเกมว่า เราตั้งรับกันเป็นทีม และเมสซี่เป็นนักเตะที่เก่งที่สุด
แต่ว่าในนัดแรก เมสซี่ทั้งเกม มีสถิติเลี้ยงผ่านเพียง 9 ครั้ง และเลี้ยงไม่ผ่านฟาน ไดจ์เลย (ส่วนนึงคือฟาน ไดจ์ ยืนเซ็นเตอร์ ฉะนั้นเมสซี่จะผ่านเฉพาะกองกลาง) ส่วนในนัดที่สอง เมสซี่มีสถิติเลี้ยงผ่านเพียง 4 ครั้ง โดยที่ยังไม่ถึงฟาน ไดจ์ แต่มีการจ่ายผ่านฟาน ไดจ์ 1 ครั้งหน้ากรอบประตู โดยทั้งสองนัดลิเวอร์พูลไม่จัดให้มีคนประกบเมสซี่ แต่ใช้การรุกและรับตามระบบทีม
ด้านสถิติต่างๆในสนาม นัดแรกที่คัมป์นู ลิเวอร์พูลครองบอลมากกว่า แต่แพ้ที่การจบสกอร์ ส่วนนัดสองที่แอนฟิลด์ เป็นบาร์เซโลน่าที่ครองบอลมากกว่า แต่แพ้ที่การจบสกอร์ คือสลับกัน
นัดแรกลิเวอร์พูลยิงมากกว่า ครองบอลมากกว่า จ่ายบอลผ่านมากกว่า แต่ไม่คม ส่วนนัดสองลิเวอร์พูลยิงมากกว่า แต่เป็นประตู ส่วนบาร์เซโลน่า ครองบอลและจ่ายมากกว่า ส่วนการยิงนั้นที่เข้ากรอบก็ไม่ผ่านมืออลิซซง เบคเกอร์
ซึ่งถือว่าเขาได้ปราบบาร์เซโลน่าสองปีติด จากปีก่อนที่อยู่โรม่า แพ้นัดแรก 4-1 แต่ในบ้านเขารักษาคลีนชีทให้โรม่าชนะบาร์เซโลน่า 3-0 และปีนี้ก็รักษาคลีนชีทเขี่ยบาร์ซ่าตกรอบได้อีก
ที่สนามแอนฟิลด์ นักเตะทุกคนเค้นความสามารถออกมาเล่นด้วยความมั่นใจและทำได้ตามระบบ อะไรต่างๆที่คนแคลงใจในนัดแรก เช่นทำไมคล็อปป์ถึงจัดไวนัลดุมเล่นหน้าเป้า วันนี้ก็มีคำตอบว่าคงเป็นเพราะว่าตอนซ้อมเขาทำได้ ล้วงบอลปั้นเกมและยิงได้ดี แต่วันนี้เขาลงมาสำรองในตำแหน่งที่ถนัดแล้วก็ปั้นเกม และทำประตูได้คม
เบสิคการวางเท้าของเทรนท์ ทำให้เรานึกถึงเบ็คแฮม ซึ่งมีแววว่าเจ้าหนูคนนี้อนาคตไกล ทุกรายการเทรนท์แอสซิสต์ไปแล้ว 15
ประตูชี้ชะตา 4-0 จากไหวพริบของเทรนท์ คนชื่นชมว่าเป็นเหลี่ยมที่ใสสะอาดในเกม ซึ่งต่างจากการเขี่ยเปลี่ยนจุดของเมสซี่ (นัดสองนี้กรรมการถึงกับเข้มงวดเป็นพิเศษในลูกตั้งเตะ ต้องมาคอยพ่นสเปรย์ระบุตำแหน่ง)
บทสรุปคือรองตัดเชือกนี้ กลายเป็นตำนาน UCL สืบไป ไม่ว่าผลนัดชิงจะเป็นยังไง แต่รอบรองนี้ถือเป็นไฮไลท์ที่จะบันทึกเล่าขานไปอีกนาน เป็นสองนัดที่พลาดชมไม่ได้จริงๆ
ทางด้านของบาร์ซ่า ถือว่าพวกเขาอกหักถูกพลิกในเลกสอง 2 ปีติด และปี 2019 นี้จะเป็นนัดชิงปีแรกนับจากปี 2013 ที่ไม่มีเมสซี่และโรนัลโด้
โรนัลโด้ ถูกอาแจ็กซ์ปราบ
ส่วนเมสซี่ ถูกลิเวอร์พูลปราบ