สวัสดีค่ะทุกคน นี่คือกระทู้แรกของเรา (ค่อนข้างจะยาวนะคะ)
เราหวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของเรา จะช่วยตอบคำถามในตอนท้ายให้เราได้นะคะ
เราอายุ 22 ย่าง 23 ปี เราเรียนครูและกำลังจะออกฝึกสอนในปีการศึกษา 2562 นี้ค่ะ
เริ่มจาก... ตั้งแต่เราเป็นเด็ก เราก็จำได้ว่าพ่อกับแม่จะชอบพูดถึงครอบครัวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุมากกว่าเรา 2 ปี ให้แทนว่า X นะคะ
พ่อกับแม่เรามักจะพูดว่าครอบครัวเรากับครอบครัวมีความฝันที่จะเกี่ยวดองกันในอนาคต
ซึ่งตอนนั้นเราเป็นเด็กน้อย ก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว ครอบครัว X เป็นญาติทางฝั่งแม่ (แม่กับยายเราเชียร์สุดๆ)
เราเคยเล่นด้วยบ้าง แต่ตอนนี้เราก็จำหน้าเค้าไม่ได้แล้วค่ะ
แล้วพอเราโตขึ้น รูปแบบการคุยเรื่องนี้ ก็เริ่มจริงจังขึ้นตามอายุของเรา โดยจะเริ่มมาจริงจังตอนที่เราเข้าปี 1
พ่อเข้ามาคุยกับเรา และบอกเราว่า ครอบครัว X ชอบเรามากนะ อยากได้เราไปดองด้วย
ซึ่งตัวเรารู้สึกว่า ถ้าคนที่แทบจะไม่เคยเห็นหน้ากัน ไม่เคยคุยกันเลยตั้งแต่เด็กๆ จะสามารถมาแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างไร
อีกอย่างตอนนั้นเราก็มีรุ่นพี่ที่เราชอบๆ อยู่ด้วย เราจึงบอกปัดพ่อไป ว่าเรายังเด็กอยู่เลย การจะเรียนครูก็ต้องใช้ระยะเวลาตั้ง 5 ปี
พ่อก็บอกว่าถ้าอย่างนั้น หลังเรียนจบเราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้อีกที แต่พ่อทิ้งท้ายคำพูดไว้ว่า...
"พ่อหวังดีกับหนูนะ ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อตามใจหนูตลอด พ่อไม่เคยขออะไรจากหนูเลย พ่อก็หวังว่าลูกของพ่อจะตัดสินใจอย่างถูกต้อง"
ส่วนแม่ของเราก็จะมีวิธีพูดอีกอย่างค่ะ ประมาณว่า "บ้านนู้นเค้าดีกับเรามากๆ นะ และเค้าก็ชอบหนูมาก X ก็เป็นคนดี ดูแลหนูได้แน่ๆ"
เราก็บอกพ่อกับแม่ไปว่า "หลังจากเรียนจบ ถ้าหนูยังไม่มีใคร หนูก็จะทำตามที่พ่อกับแม่ต้องการ แต่ถ้าหนูมีแฟนแล้ว เราก็ต้องไม่คุยเรื่องนี้กันอีก"
ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้...
เรามีแฟน ให้แทนว่า B นะคะ B เป็นรุ่นพี่เรา 1 ปี เรียนสายวิชาเดียวกัน เราจึงรู้จักเค้าตั้งแต่เราอยู่ปี 1
แต่ก็ลมพัดลมเพ เพิ่งมาปิ๊งกันตอนเค้าขึ้นปี 4 และเราขึ้นปี 3 (นับๆ ดู ก็เกือบ 2 ปี แล้วที่คบกันมา)
ซึ่งการคบกันของเรากับ B นั้น ครอบครัวเรารับรู้ทุกอย่าง เพราะเราเล่าให้พวกท่านฟังเสมอ ครอบครัวของ B เอ็นดูเรา แต่พ่อของเราไม่ค่อยปลื้ม B เท่าไหร่
บ้านของ B ฐานะไม่ค่อยดี เราก็เข้าใจนะว่าพ่อกับแม่เรากลัวว่า ถ้าได้ตบแต่งกับบ้านของ B ท่านก็กลัวเราจะลำบาก
จากมุมมองของเรา ตัว B นั้น นานๆ ทีจะมีสังสรรค์กินเหล้ากับเพื่อน (แทบจะไม่ได้กิน) ไม่สูบบุหรี่ ตั้งแต่คบกับเรามาก็ไม่มีเรื่องผู้หญิงให้เราต้องปวดหัว
แถม B ยังเป็นคนขยัน แล้วก็ประหยัดอีกต่างหาก เราเชื่อว่า B จะต้องสร้างอนาคตที่ดีได้แน่ๆ
อีกอย่าง B เป็นคนกตัญญู เค้าวางแผนจะสร้างบ้านให้พ่อแม่และน้องชายของเค้าอยู่สบายๆ 1 หลัง ไม่ต้องทนเบียดกับคนอื่นๆ ในบ้านที่เค้าอยู่กันตอนนี้
แต่ถ้าถามเราว่า เราจะคบกับ B จนถึงขั้นแต่งงานหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า B จะนอกลู่นอกทางไหม เพราะเราเข็ดขยาดกับคนเจ้าชู้มากๆ
ถ้าอนาคต B ยังเป็นคนดีเหมือนทุกวันนี้ เรามั่นใจว่ายังไงเจ้าบ่าวของเราก็คือ B ค่ะ
แต่ปัญหาอยู่ที่...
ในระหว่างที่คบกับ B อยู่ แม่เราก็มีพูดเรื่อง X ขึ้นมาบ้าง แต่พ่อของเราไม่พูดเรื่องนี้เลย เพราะเราเคยตกลงกันแล้วว่า หลังเรียนจบ เราค่อยมาคุยกัน
วันนี้ท่านนั่งอยู่กับเราสองคน แล้วจู่ๆ ก็เกิดบทสนทนาที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
พ่อ - หนูคิดยังไงกับ X
เรา - (เงียบ)
พ่อ - พ่อรู้ว่าพ่อเคยบอกว่าจะคุยกันหลังเรียนจบ นี่ก็เหลืออีกปีนึงเอง พ่ออยากรู้ว่าหนูคิดยังไง ทางครอบครัว X เค้ามาขอหนู หนูจะว่ายังไง
เรา - พ่อจะให้หนูคิดอะไร คุยกันยังไม่เคยคุยเลยนะคะพ่อ แล้วอยู่ๆ จะมาสู่ขออะไร
พ่อ - แปลว่าถ้าจะชอบกันได้ ต้องคุยกันก่อนใช่ไหม
เรา - พ่อคะ มันไม่ใช่แบบนั้น หนูหมายถึงว่า X ไม่เคยมาคุยกับหนูเลย ราวกับไม่ใช่คนรู้จักกันด้วยซ้ำ แล้วพ่อจะให้หนูไปรักเค้าได้ยังไง
พ่อ - พ่อตามใจหนูแล้วกัน ยังไงพ่อก็ตามใจมาตั้งแต่หนูเป็นเด็กแล้ว พ่อไม่เคยขออะไรหนูเลย มีแค่เรื่องนี้ที่พ่อขอ พ่อหวังอยากให้หนูอยู่สุขสบาย ไม่ต้องมาลำบากตรากตรำแบบพ่อกับแม่เมื่อสมัยก่อน ค่ำไหนนอนนั่น พอจะสร้างฐานะขึ้นมาได้ ก็ไม่ได้มีมากมาย มีแค่พอมีพอกิน
เรา - (เงียบ)
พ่อ - ถ้าหนูแต่งกับ X ไป หนูจะสบาย พ่อก็จะตายตาหลับ บ้านนั้นดูแลหนูได้นะ หนูไม่ต้องไปเป็นครูด้วยซ้ำ ทางนั้นเค้ามีกิจการเยอะแยะ รอให้หนูไปช่วยดูแลอยู่นะ
เรา - พ่อ... คนเรารักกัน มันไม่ได้รักกันที่เงินไม่ใช่หรอพ่อ ที่เค้าบอกว่าชอบหนู เค้าชอบอะไรที่ตัวหนู หนูไม่ใช่คนสวย และบ้านเราก็ไม่ได้รวยล้นฟ้า เค้าจะมาชอบหนูได้ยังไง อีกอย่างหนูก็มีแฟนแล้วนะ พ่ออย่าลืมสิ
พ่อ - ใครเป็นแฟน แล้วมันลึกซึ้งยังไง
เรา - ก็พี่ B ไงพ่อ คบกันมาเกือบจะ 2 ปีแล้ว พ่อจำไม่ได้หรอ
พ่อ - เราก็แค่คบกัน ไม่ได้มีอะไรเสียหายเสียหน่อย คบได้ก็เลิกได้
เรา - (เงียบ)
พ่อ - B ก็เป็นคนดีนะ จากที่พ่อได้ลองคุย แต่ฐานะทางบ้านเค้าก็ไม่ค่อยดี อีกอย่างกว่าเค้าจะมาสร้างเนื้อสร้างตัวกับเราได้ เค้าก็ต้องสร้างบ้านให้พ่อแม่เค้าอยู่ก่อน
เรา - (เงียบ)
พ่อ - พ่อไม่เคยขออะไรหนูเลย เรื่องแค่นี้พ่อขอแล้วทำไม่ได้ หนูก็คิดเอา ถ้าหนูรักกับ B มาก อยากแต่งงานกับ B หนูก็ต้องทนความลำบากให้ได้นะ
เรา - อย่างน้อยเค้าก็เป็นคนขยัน ยังไงวันนึงพวกหนูก็สร้างฐานะกันขึ้นมาได้แน่ๆ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ
พ่อ - แต่ถ้าหนูแต่งกับ B พ่อก็ไม่มีอะไรจะให้หรอกนะ
เรา - มันก็เป็นเรื่องของอนาคตอีกแหละพ่อ เพราะหนูไม่รู้ว่า B จะดีเสมอต้นเสมอปลายไหม ไม่ใช่ว่าจบปุ๊บจะแต่งปั๊บ มันก็ต้องศึกษากันไปก่อน
พ่อ - ถ้าอย่างนั้นก็แต่งกับ X สิ เป็นคนดี แถมฐานะที่บ้านยังดีอีกด้วยนะลูก
เรา - พ่อ.. หนูนึกว่าพ่อจะไม่พูดเรื่องนี้แล้วนะ
พ่อ - พ่อก็อยากให้หนูเจอคนที่ดี ดูแลหนูได้ พ่อจะได้ตายตาหลับ หนูลองคิดดู ตื่นมามีเงินใช้เลย กับตื่นมาต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำกว่าจะได้มาแต่ละบาท หนูอยากมีชีวิตแบบไหน
เรา - พ่อ... การมีเงินใช้มันก็ดีนะพ่อ แต่การมีเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง มันน่าภูมิใจมากกว่าไปแบมือขอใครไม่ใช่หรอพ่อ
(... ต่างคนต่างเงียบกันพักใหญ่ๆ ...)
พ่อ - พ่อไม่เคยบังคับหนูเลย เอาเป็นว่าพ่อแล้วแต่หนูก็แล้วกัน ถ้าคิดว่าทางที่ตัวเองเลือกมันดีแล้ว หนูก็เอาตามที่หนูคิดเถอะ เพราะพ่อคงบังคับอะไรหนูไม่ได้ อีกอย่างหนูเรียนครู หนูกำลังจะเป็นครู มีความรู้มากกว่าพ่อ ยังไงพ่อก็ไปบังคับความคิดอะไรหนูไม่ได้หรอก นอกจากหนูจะคิดได้เอง
- จบบทสทนา -
ตอนนี้จากคำพูดทั้งหมดของพ่อ เรารู้สึกว่าเหมือนเราเป็นลูกอกตัญญูที่ไม่ทำตามใจของพ่อแม่
เราเหมือนคนเอาแต่ใจ ไม่เคยรับฟังคำขอจากพ่อกับแม่เลย แต่เหมือนพ่อของเราลืมอะไรไปบางอย่าง...
ตอนที่เราเอาเงินเก็บของเราไปสอบนั่นนี่เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่เราใฝ่ฝัน เราสอบติดรอบรับตรงหลายที่ รอบแอดก็ติด แต่ไม่ได้ไปรายงานตัว เพราะพ่ออยากให้เรียนใกล้บ้าน ถึงจะทะเลาะกัน แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะตามใจพ่อ เราเลือกที่จะไปในทางที่พ่อสบายใจ
แต่พ่อกลับลืมเรื่องนี้ไปซะแล้ว เราอยากจะพูดในบทสนทนาข้างบนมากเลย แต่พูดไปก็เหมือนขุดเรื่องเก่าเอามาพูด เอามาทะเลาะ ซึ่งไม่น่าจะมีอะไรดีขึ้นมาเลย
อีกอย่างเราคิดว่า ที่พ่อกับแม่อยากจับเราคลุมถุงชน เพราะว่าพ่อกับแม่เราก็ไม่ได้รักกัน พวกท่านก็ผ่านการคลุมถุงชนมาก่อน ตอนนี้พวกท่านก็ 60+ แล้วค่ะ
ถ้าเอาตามความรู้สึกเรา ทำไมเราถึงไม่อยากเป็นคู่ชีวิตกับ X ทั้งที่พ่อแม่รับประกันแล้วว่าเป็นคนดี
1. เค้าเป็นญาติฝั่งแม่เรา ซึ่งก็ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเรา อีกอย่างพ่อกับแม่ของเค้าก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแล้วแต่งกันมาก่อน ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์ เครือญาติใกล้ชิดกันแต่งงานกัน มีโอกาสที่รุ่นลูกรุ่นหลานจะเกิดมาผิดปกติ เรากลัวว่ามันจะมาแจ็กพ็อตที่ลูกของเรา
2. ฝั่งบ้าน X บอกว่าเค้าชอบเรา ถ้าชอบเราจริงๆ ทำไมตัวของ X ถึงไม่เคยมาทำความคุ้นเคย หรือมาทำความรู้จักกับเราเลย เราจึงคิดได้เพียงอย่างเดียวว่า X ก็ไม่ได้ชอบเรา แต่ต้องทำตามใจพ่อกับแม่??
3. เราคิดว่าตัวเราเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างสตรองพอตัว เวลาเพื่อนมีปัญหา เรามักจะซัพพอร์ตเพื่อนเราเสมอ ดังนั้นถ้าเราจะแต่งงานกับใครสักคน เราอยากจะมั่นใจจริงๆ ว่าเมื่อใดที่เราเหนื่อยล้า ผู้ชายคนนั้นพร้อมซัพพอร์ตเราได้ทุกเมื่อ
4. ครอบครัวนั้นมี X เป็นลูกชายคนเดียว และครอบครัวเราก็มีเราเป็นลูกสาวคนเดียว หากต้องแต่งงานแล้วไปอยู่บ้านหลังนั้น ใครจะคอยอยู่ดูแลพ่อกับแม่เรา เราไม่โอเคที่จะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่
5. เราคบกับแฟนของเราจะเข้าสู่ปีที่ 2 แล้ว และแฟนเราก็ไม่เคยเจ้าชู้ ไม่ค่อยกินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ถึงแม้ฐานะทางบ้านเค้าจะไม่ค่อยดี แต่เราก็คิดว่าในเมื่อเค้าเป็นคนขยัน เราก็สามารถสร้างฐานะไปด้วยกันได้ไม่ใช่หรอ?
ตอนนี้เรามีคำถามอยู่ 2 คำถามค่ะ
1. เราควรเลือกทางไหนดีระหว่างทำตามใจตัวเอง กับทำตามใจพ่อแม่
2. ถ้าเราทำตามใจตัวเอง จะถือว่าเราเป็นลูกอกตัญญูมากไหม
ปล. เราไม่เคยมีความคิดที่จะหนีตามกับใครเพื่อแก้ปัญหาการคลุมถุงชนเหมือนในหนังนะคะ และเราก็ไม่มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายเพราะปัญหานี้นะคะ ไม่ต้องห่วง
กระทู้แท็กเองด้วย Auto tag เราแก้ไม่เป็นค่ะ ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยทุกคนด้วยนะคะ
และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่าน และแชร์ความคิดเห็นให้เรานะคะ ขอบคุณค่ะ
ถ้าหวังดีคือการคลุมถุงชน แล้วความรู้สึกของคนเป็นลูกอย่างเราล่ะ?
เราหวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของเรา จะช่วยตอบคำถามในตอนท้ายให้เราได้นะคะ
เราอายุ 22 ย่าง 23 ปี เราเรียนครูและกำลังจะออกฝึกสอนในปีการศึกษา 2562 นี้ค่ะ
เริ่มจาก... ตั้งแต่เราเป็นเด็ก เราก็จำได้ว่าพ่อกับแม่จะชอบพูดถึงครอบครัวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุมากกว่าเรา 2 ปี ให้แทนว่า X นะคะ
พ่อกับแม่เรามักจะพูดว่าครอบครัวเรากับครอบครัวมีความฝันที่จะเกี่ยวดองกันในอนาคต
ซึ่งตอนนั้นเราเป็นเด็กน้อย ก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว ครอบครัว X เป็นญาติทางฝั่งแม่ (แม่กับยายเราเชียร์สุดๆ)
เราเคยเล่นด้วยบ้าง แต่ตอนนี้เราก็จำหน้าเค้าไม่ได้แล้วค่ะ
แล้วพอเราโตขึ้น รูปแบบการคุยเรื่องนี้ ก็เริ่มจริงจังขึ้นตามอายุของเรา โดยจะเริ่มมาจริงจังตอนที่เราเข้าปี 1
พ่อเข้ามาคุยกับเรา และบอกเราว่า ครอบครัว X ชอบเรามากนะ อยากได้เราไปดองด้วย
ซึ่งตัวเรารู้สึกว่า ถ้าคนที่แทบจะไม่เคยเห็นหน้ากัน ไม่เคยคุยกันเลยตั้งแต่เด็กๆ จะสามารถมาแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างไร
อีกอย่างตอนนั้นเราก็มีรุ่นพี่ที่เราชอบๆ อยู่ด้วย เราจึงบอกปัดพ่อไป ว่าเรายังเด็กอยู่เลย การจะเรียนครูก็ต้องใช้ระยะเวลาตั้ง 5 ปี
พ่อก็บอกว่าถ้าอย่างนั้น หลังเรียนจบเราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้อีกที แต่พ่อทิ้งท้ายคำพูดไว้ว่า...
"พ่อหวังดีกับหนูนะ ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อตามใจหนูตลอด พ่อไม่เคยขออะไรจากหนูเลย พ่อก็หวังว่าลูกของพ่อจะตัดสินใจอย่างถูกต้อง"
ส่วนแม่ของเราก็จะมีวิธีพูดอีกอย่างค่ะ ประมาณว่า "บ้านนู้นเค้าดีกับเรามากๆ นะ และเค้าก็ชอบหนูมาก X ก็เป็นคนดี ดูแลหนูได้แน่ๆ"
เราก็บอกพ่อกับแม่ไปว่า "หลังจากเรียนจบ ถ้าหนูยังไม่มีใคร หนูก็จะทำตามที่พ่อกับแม่ต้องการ แต่ถ้าหนูมีแฟนแล้ว เราก็ต้องไม่คุยเรื่องนี้กันอีก"
ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้...
เรามีแฟน ให้แทนว่า B นะคะ B เป็นรุ่นพี่เรา 1 ปี เรียนสายวิชาเดียวกัน เราจึงรู้จักเค้าตั้งแต่เราอยู่ปี 1
แต่ก็ลมพัดลมเพ เพิ่งมาปิ๊งกันตอนเค้าขึ้นปี 4 และเราขึ้นปี 3 (นับๆ ดู ก็เกือบ 2 ปี แล้วที่คบกันมา)
ซึ่งการคบกันของเรากับ B นั้น ครอบครัวเรารับรู้ทุกอย่าง เพราะเราเล่าให้พวกท่านฟังเสมอ ครอบครัวของ B เอ็นดูเรา แต่พ่อของเราไม่ค่อยปลื้ม B เท่าไหร่
บ้านของ B ฐานะไม่ค่อยดี เราก็เข้าใจนะว่าพ่อกับแม่เรากลัวว่า ถ้าได้ตบแต่งกับบ้านของ B ท่านก็กลัวเราจะลำบาก
จากมุมมองของเรา ตัว B นั้น นานๆ ทีจะมีสังสรรค์กินเหล้ากับเพื่อน (แทบจะไม่ได้กิน) ไม่สูบบุหรี่ ตั้งแต่คบกับเรามาก็ไม่มีเรื่องผู้หญิงให้เราต้องปวดหัว
แถม B ยังเป็นคนขยัน แล้วก็ประหยัดอีกต่างหาก เราเชื่อว่า B จะต้องสร้างอนาคตที่ดีได้แน่ๆ
อีกอย่าง B เป็นคนกตัญญู เค้าวางแผนจะสร้างบ้านให้พ่อแม่และน้องชายของเค้าอยู่สบายๆ 1 หลัง ไม่ต้องทนเบียดกับคนอื่นๆ ในบ้านที่เค้าอยู่กันตอนนี้
แต่ถ้าถามเราว่า เราจะคบกับ B จนถึงขั้นแต่งงานหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า B จะนอกลู่นอกทางไหม เพราะเราเข็ดขยาดกับคนเจ้าชู้มากๆ
ถ้าอนาคต B ยังเป็นคนดีเหมือนทุกวันนี้ เรามั่นใจว่ายังไงเจ้าบ่าวของเราก็คือ B ค่ะ
แต่ปัญหาอยู่ที่...
ในระหว่างที่คบกับ B อยู่ แม่เราก็มีพูดเรื่อง X ขึ้นมาบ้าง แต่พ่อของเราไม่พูดเรื่องนี้เลย เพราะเราเคยตกลงกันแล้วว่า หลังเรียนจบ เราค่อยมาคุยกัน
วันนี้ท่านนั่งอยู่กับเราสองคน แล้วจู่ๆ ก็เกิดบทสนทนาที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
พ่อ - หนูคิดยังไงกับ X
เรา - (เงียบ)
พ่อ - พ่อรู้ว่าพ่อเคยบอกว่าจะคุยกันหลังเรียนจบ นี่ก็เหลืออีกปีนึงเอง พ่ออยากรู้ว่าหนูคิดยังไง ทางครอบครัว X เค้ามาขอหนู หนูจะว่ายังไง
เรา - พ่อจะให้หนูคิดอะไร คุยกันยังไม่เคยคุยเลยนะคะพ่อ แล้วอยู่ๆ จะมาสู่ขออะไร
พ่อ - แปลว่าถ้าจะชอบกันได้ ต้องคุยกันก่อนใช่ไหม
เรา - พ่อคะ มันไม่ใช่แบบนั้น หนูหมายถึงว่า X ไม่เคยมาคุยกับหนูเลย ราวกับไม่ใช่คนรู้จักกันด้วยซ้ำ แล้วพ่อจะให้หนูไปรักเค้าได้ยังไง
พ่อ - พ่อตามใจหนูแล้วกัน ยังไงพ่อก็ตามใจมาตั้งแต่หนูเป็นเด็กแล้ว พ่อไม่เคยขออะไรหนูเลย มีแค่เรื่องนี้ที่พ่อขอ พ่อหวังอยากให้หนูอยู่สุขสบาย ไม่ต้องมาลำบากตรากตรำแบบพ่อกับแม่เมื่อสมัยก่อน ค่ำไหนนอนนั่น พอจะสร้างฐานะขึ้นมาได้ ก็ไม่ได้มีมากมาย มีแค่พอมีพอกิน
เรา - (เงียบ)
พ่อ - ถ้าหนูแต่งกับ X ไป หนูจะสบาย พ่อก็จะตายตาหลับ บ้านนั้นดูแลหนูได้นะ หนูไม่ต้องไปเป็นครูด้วยซ้ำ ทางนั้นเค้ามีกิจการเยอะแยะ รอให้หนูไปช่วยดูแลอยู่นะ
เรา - พ่อ... คนเรารักกัน มันไม่ได้รักกันที่เงินไม่ใช่หรอพ่อ ที่เค้าบอกว่าชอบหนู เค้าชอบอะไรที่ตัวหนู หนูไม่ใช่คนสวย และบ้านเราก็ไม่ได้รวยล้นฟ้า เค้าจะมาชอบหนูได้ยังไง อีกอย่างหนูก็มีแฟนแล้วนะ พ่ออย่าลืมสิ
พ่อ - ใครเป็นแฟน แล้วมันลึกซึ้งยังไง
เรา - ก็พี่ B ไงพ่อ คบกันมาเกือบจะ 2 ปีแล้ว พ่อจำไม่ได้หรอ
พ่อ - เราก็แค่คบกัน ไม่ได้มีอะไรเสียหายเสียหน่อย คบได้ก็เลิกได้
เรา - (เงียบ)
พ่อ - B ก็เป็นคนดีนะ จากที่พ่อได้ลองคุย แต่ฐานะทางบ้านเค้าก็ไม่ค่อยดี อีกอย่างกว่าเค้าจะมาสร้างเนื้อสร้างตัวกับเราได้ เค้าก็ต้องสร้างบ้านให้พ่อแม่เค้าอยู่ก่อน
เรา - (เงียบ)
พ่อ - พ่อไม่เคยขออะไรหนูเลย เรื่องแค่นี้พ่อขอแล้วทำไม่ได้ หนูก็คิดเอา ถ้าหนูรักกับ B มาก อยากแต่งงานกับ B หนูก็ต้องทนความลำบากให้ได้นะ
เรา - อย่างน้อยเค้าก็เป็นคนขยัน ยังไงวันนึงพวกหนูก็สร้างฐานะกันขึ้นมาได้แน่ๆ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ
พ่อ - แต่ถ้าหนูแต่งกับ B พ่อก็ไม่มีอะไรจะให้หรอกนะ
เรา - มันก็เป็นเรื่องของอนาคตอีกแหละพ่อ เพราะหนูไม่รู้ว่า B จะดีเสมอต้นเสมอปลายไหม ไม่ใช่ว่าจบปุ๊บจะแต่งปั๊บ มันก็ต้องศึกษากันไปก่อน
พ่อ - ถ้าอย่างนั้นก็แต่งกับ X สิ เป็นคนดี แถมฐานะที่บ้านยังดีอีกด้วยนะลูก
เรา - พ่อ.. หนูนึกว่าพ่อจะไม่พูดเรื่องนี้แล้วนะ
พ่อ - พ่อก็อยากให้หนูเจอคนที่ดี ดูแลหนูได้ พ่อจะได้ตายตาหลับ หนูลองคิดดู ตื่นมามีเงินใช้เลย กับตื่นมาต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำกว่าจะได้มาแต่ละบาท หนูอยากมีชีวิตแบบไหน
เรา - พ่อ... การมีเงินใช้มันก็ดีนะพ่อ แต่การมีเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง มันน่าภูมิใจมากกว่าไปแบมือขอใครไม่ใช่หรอพ่อ
(... ต่างคนต่างเงียบกันพักใหญ่ๆ ...)
พ่อ - พ่อไม่เคยบังคับหนูเลย เอาเป็นว่าพ่อแล้วแต่หนูก็แล้วกัน ถ้าคิดว่าทางที่ตัวเองเลือกมันดีแล้ว หนูก็เอาตามที่หนูคิดเถอะ เพราะพ่อคงบังคับอะไรหนูไม่ได้ อีกอย่างหนูเรียนครู หนูกำลังจะเป็นครู มีความรู้มากกว่าพ่อ ยังไงพ่อก็ไปบังคับความคิดอะไรหนูไม่ได้หรอก นอกจากหนูจะคิดได้เอง
- จบบทสทนา -
ตอนนี้จากคำพูดทั้งหมดของพ่อ เรารู้สึกว่าเหมือนเราเป็นลูกอกตัญญูที่ไม่ทำตามใจของพ่อแม่
เราเหมือนคนเอาแต่ใจ ไม่เคยรับฟังคำขอจากพ่อกับแม่เลย แต่เหมือนพ่อของเราลืมอะไรไปบางอย่าง...
ตอนที่เราเอาเงินเก็บของเราไปสอบนั่นนี่เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่เราใฝ่ฝัน เราสอบติดรอบรับตรงหลายที่ รอบแอดก็ติด แต่ไม่ได้ไปรายงานตัว เพราะพ่ออยากให้เรียนใกล้บ้าน ถึงจะทะเลาะกัน แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะตามใจพ่อ เราเลือกที่จะไปในทางที่พ่อสบายใจ
แต่พ่อกลับลืมเรื่องนี้ไปซะแล้ว เราอยากจะพูดในบทสนทนาข้างบนมากเลย แต่พูดไปก็เหมือนขุดเรื่องเก่าเอามาพูด เอามาทะเลาะ ซึ่งไม่น่าจะมีอะไรดีขึ้นมาเลย
อีกอย่างเราคิดว่า ที่พ่อกับแม่อยากจับเราคลุมถุงชน เพราะว่าพ่อกับแม่เราก็ไม่ได้รักกัน พวกท่านก็ผ่านการคลุมถุงชนมาก่อน ตอนนี้พวกท่านก็ 60+ แล้วค่ะ
ถ้าเอาตามความรู้สึกเรา ทำไมเราถึงไม่อยากเป็นคู่ชีวิตกับ X ทั้งที่พ่อแม่รับประกันแล้วว่าเป็นคนดี
1. เค้าเป็นญาติฝั่งแม่เรา ซึ่งก็ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเรา อีกอย่างพ่อกับแม่ของเค้าก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแล้วแต่งกันมาก่อน ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์ เครือญาติใกล้ชิดกันแต่งงานกัน มีโอกาสที่รุ่นลูกรุ่นหลานจะเกิดมาผิดปกติ เรากลัวว่ามันจะมาแจ็กพ็อตที่ลูกของเรา
2. ฝั่งบ้าน X บอกว่าเค้าชอบเรา ถ้าชอบเราจริงๆ ทำไมตัวของ X ถึงไม่เคยมาทำความคุ้นเคย หรือมาทำความรู้จักกับเราเลย เราจึงคิดได้เพียงอย่างเดียวว่า X ก็ไม่ได้ชอบเรา แต่ต้องทำตามใจพ่อกับแม่??
3. เราคิดว่าตัวเราเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างสตรองพอตัว เวลาเพื่อนมีปัญหา เรามักจะซัพพอร์ตเพื่อนเราเสมอ ดังนั้นถ้าเราจะแต่งงานกับใครสักคน เราอยากจะมั่นใจจริงๆ ว่าเมื่อใดที่เราเหนื่อยล้า ผู้ชายคนนั้นพร้อมซัพพอร์ตเราได้ทุกเมื่อ
4. ครอบครัวนั้นมี X เป็นลูกชายคนเดียว และครอบครัวเราก็มีเราเป็นลูกสาวคนเดียว หากต้องแต่งงานแล้วไปอยู่บ้านหลังนั้น ใครจะคอยอยู่ดูแลพ่อกับแม่เรา เราไม่โอเคที่จะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่
5. เราคบกับแฟนของเราจะเข้าสู่ปีที่ 2 แล้ว และแฟนเราก็ไม่เคยเจ้าชู้ ไม่ค่อยกินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ถึงแม้ฐานะทางบ้านเค้าจะไม่ค่อยดี แต่เราก็คิดว่าในเมื่อเค้าเป็นคนขยัน เราก็สามารถสร้างฐานะไปด้วยกันได้ไม่ใช่หรอ?
ตอนนี้เรามีคำถามอยู่ 2 คำถามค่ะ
1. เราควรเลือกทางไหนดีระหว่างทำตามใจตัวเอง กับทำตามใจพ่อแม่
2. ถ้าเราทำตามใจตัวเอง จะถือว่าเราเป็นลูกอกตัญญูมากไหม
ปล. เราไม่เคยมีความคิดที่จะหนีตามกับใครเพื่อแก้ปัญหาการคลุมถุงชนเหมือนในหนังนะคะ และเราก็ไม่มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายเพราะปัญหานี้นะคะ ไม่ต้องห่วง
กระทู้แท็กเองด้วย Auto tag เราแก้ไม่เป็นค่ะ ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยทุกคนด้วยนะคะ
และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่าน และแชร์ความคิดเห็นให้เรานะคะ ขอบคุณค่ะ