สวัสดีครับ
ผมใช้พื้นที่ในพันทิปในการหาข้อมูลมาอย่างเยอะแยะมากมาย แต่ไม่เคยโพสท์อะไรเลย วันนี้ผมขอรบกวนใช้พื้นที่แห่งนี้แบ่งปันประสบการณ์
ส่วนตัวและความคิดเห็นรวมทั้งข้อเสนอแนะแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องครับ
อาจจะยาวหน่อยแต่อยากจะเล่าให้ละเอียด เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นในอนาคตครับ
ผมและครอบครัวรวม 6 คนมีแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวสเปนและโปรตุเกสในเดือน ก.ค. ที่จะถึงนี้ โดยบินไปยังลิสบอนและบินออกจากบาร์เซโลน่า แต่เนื่องด้วยระยะเวลาที่จะอยู่ในสเปนนานกว่าจึงต้องขอวีซ่าสเปนกับทางศูนย์รับทำคือ BLS ครับ การนัดที่นี่จะแบ่งเวลาเป็น slot ละ 10 นาทีต่อสองคน ผมนัดวันพุธที่ 24 เมษายน 62 เวลา 15.30-15.40 2 คน, 15.40-15.50 2 คน, และ 15.50-16.00 2 คน หรือพูดง่ายๆก็คือ กลุ่มครอบครัวของผมนั้นนัดช่วงเวลา 15.30-16.00
วันก่อนหน้าที่จะนัดผมตรวจสอบเอกสารตาม checklist โดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสามารถ download checklist ได้จากเวบของ bls เองตาม link นี้ครับ
https://thailand.blsspainvisa.com/pdf/Checklist-Tourism-Family.pdf
ประเด็นแรก ผมเอะใจตรงเอกสารการเงิน โดยใน checklist ระบุว่า
‘7. Original
person bank statements for last 6 months along with
original bank certificate (issue date not over 1 month and saving account only)’
ปกติผมขอวีซ่าหลายๆประเทศในกลุ่มเชงเก้นมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง ผมใช้แค่
person bank statements for last 6 months ไม่เคยที่จะต้องขอ
original bank certificate ก็เลยอยากจะถามย้ำให้แน่ใจว่าจะต้องมีทั้งสองหรือไม่ แต่เนื่องจากโทรไปไม่ทันเวลาทำการ จึงต้องรอวันรุ่งขึ้นหรือวันนัด (24 เม.ย.)นั่นเอง ในข้อมูลเวลาทำการจากเวบไซท์บอกว่าสามารถโทรได้ตั้งแต่เวลา 08.30 ผมก้อโทรทันที แต่ก็ยังเข้าสู่ระบบอัตโนมัติบอกว่าสามารถติดต่อได้ตั้งแต่เวลา 08.30 เป็นต้นไป พยายามโทรเรื่อยๆ จนประมาณ 08.43 ก็โทรติดเจ้าหน้าที่รับสายพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรว่าจำเป็นที่จะต้องใช้ทั้งสองอย่าง และจะไม่รับยื่นถ้ามีแค่อย่างเดียว
ผมก็อยากเสนอแนะข้อคิดเห็นเผื่อผู้ที่มีอำนาจผ่านมาอ่านว่าเอกสารสองอย่างนี้มันซ้ำซ้อนกัน โดย
bank statements มีรายละเอียดที่จำเป็นอยู่ครบถ้วนเช่น ชื่อ รายละเอียดบัญชี และยอดเงินคงเหลือ สิ่งที่
original bank certificate มีเพิ่มเติมก้อคือยอดเงินคงเหลือซึ่งเปลี่ยนเป็นสกุลเงินที่ไม่ใช่บาท และวันที่เราเริ่มเปิดบัญชีนี้ การขอนี้มีค่าใช้จ่าย 100 กว่าบาทซึ่งผมคิดว่ามันไม่มีความจำเป็นเลย ตอนนี้ผมยื่นขอวีซ่าอังกฤษด้วย ใช้แต่
bank statements อย่างเดียวครับ นึกขึ้นมาได้ว่าโทรถามอีกดีกว่าว่า
bank statements สามารถปริ้นเองจากเวบได้หรือเปล่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่พูดไม่ดีในคราวแรก ผมไม่อยากจะโทรแล้ว จึงให้ลูกพี่ลูกน้องเป็นคนโทรแทนได้ความว่าสามารถปริ้นเองได้นะครับ ญาติผมก็เห็นด้วยว่าน้ำเสียงในสายไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
ประเด็นที่สอง เวลา 15.15 ของเวลานัดกลุ่มของผมเดินทางถึงห้าง Terminal 21 เพื่อจอดรถ ใครนำรถไปแนะนำจอดที่นี่นะครับ ถูกกว่าตึก Interchange นั่งจัดเอกสารกันรอบสุดท้ายอีกพักหนึ่ง เดินออกจากห้างเวลาคงจะใกล้ 15.30 แต่คิดว่าใกล้มากคงจะทัน เนื่องจากไม่เคยเดินมาก่อนเลยไม่รู้ว่ามีทางเชื่อม bts เลยเดินกันข้างล่างจะข้ามแยกอโศก รอไฟเขียวให้คนข้ามแยกแต่มันไม่เขียวสักที นับรอบจนไฟของรถเขียววนครบไปแล้ว จึงเดินข้ามเลยโดยที่ไฟคนข้ามยังแดงอยู่ สังเกตว่าคนที่รอข้ามแยกนั้นเป็นคนต่างชาติเกือบหมดซึ่งมีระเบียบรอเหมือนกัน แต่พอผมนำทุกคนก็ตามมากันหมด เนื่องด้วยรอมาเป็นเวลานานแล้ว เห็นว่าสายแล้วผมก็เริ่มวิ่งเข้าตึกแลกบัตรไปที่สำนักงาน
ขึ้นไปถึงในเวลา 15.42 ที่จำได้แม่นก็เพราะเจ้าหน้าที่ตะโกนออกมาบอกว่า มีสายนะคะ โดนปรับคนละ 1200 บาทสำหรับคนที่สาย ผมก็อึ้งๆ บอกว่าแค่สองนาทีเองนะ แต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เพราะเราผิดจริงและเจ้าหน้าที่บอกว่าระบบตัดเวลาอัตโนมัติ
แต่อดคิดว่ามันเกินไปหน่อยหรือเปล่า ถ้าจำได้ในประเด็นแรกผมโทรไปตอน 08.30 ก็ไม่สามารถติดต่อได้ สภาพภายในคือเป็นเคาเตอร์มีอยู่สามช่องมีเจ้าหน้าที่อยู่ทั้งสามช่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกให้เข้าไปได้เลยช่องละสองคน ผมก็เอะใจอีก คือทำก่อนเวลาได้ ระบบไม่ล็อกเวลา แต่ห้ามสายแม้แต่นาทีเดียวเพราะระบบล็อก ประเด็นนี้ก็อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ และข้อคิดว่าเราถูกเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทต่างชาติเกินไปหรือไม่ อย่างที่เรียนไปในตอนต้น เวลาของกลุ่มผมทั้งหมดคือ 15.30-16.00 และดำเนินการเสร็จสิ้นทั้งหมดภายใน 16.00 โดนปรับสองคนตรงช่องเวลา 15.30-15.40
ประเด็นที่สาม (ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สำคัญที่อยากจะฝากไว้ที่สุด) ระหว่างที่กำลังตรวจสอบเอกสารอยู่นั้น
เจ้าหน้าที่ให้กลุ่มของผมเป็นบางคนไปถ่ายเอกสารหน้าแรกของพาสปอร์ตเพิ่มเพราะต้องการสองชุด ผมก็งงเพราะคิดว่าเราตรวจ checklist อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็ถามไปว่ามันต้องใช้สองชุดหรอ เค้าบอกว่าใช่ ผมบอกว่าใน checklist ไม่ได้บอกไว้นะ เค้าบอกว่ามีบอก ผมมี checklist อยู่ข้างหน้าเลยอ่านดู ข้อความว่า
‘4. Copy only current passport (First page 2 paper ) and All stamp pages on passports (if any)’
เลยเข้าใจทันทีว่า First page 2 paper คือสองชุด ผมก็ทักไปว่ามันผิด grammar นะครับอย่างนี้ เจ้าหน้าที่ (คนเดิมกับที่ตะโกนออกมาเรื่องค่าปรับ) ก็สวนผมขึ้นมาทันทีว่าทางเราไม่ได้เป็นคนเขียน ผมก็เงียบไม่ได้อยากจะต่อความยาวสาวความยืด ระหว่างนั้นญาติผมซึ่งอยู่เคาเตอร์ซ้ายสุด (ผมอยู่เคาเตอร์ขวาสุด) ก็โดนสั่งให้ถ่ายเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเงิน ตามธรรมชาติ เค้าก็เอ่ยปากเพื่อที่จะชี้แจงว่าได้ถ่ายมาแล้วจุดนี้ๆๆ แต่ได้แค่เอ่ยปากยังไม่ทันได้เอ่ยความอะไร เจ้าหน้าที่ก็สวนมาทันควันว่า ‘คุณทำตามที่ผมบอก’ ญาติผมก็โมโหขึ้นมาทันทีสวนไปว่า ในที่นี่ผมไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลยใช่มั้ย เจ้าหน้าที่เหมือนจะรู้ตัวก็เลยมีท่าทีอ่อนลง อธิบายให้ญาติผมฟังว่าต้องถ่ายอะไรเพิ่มเติมเพราะอะไร
หลังจากนั้นก็ทะยอยกันเข้าไปถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือ เจ้าหน้าที่กำชับเสียงแข็งหลายครั้งว่า นั่งพิงฝาอย่าขยับเก้าอี้ เข้าใจว่าได้ตั้งกล้องไว้แล้ว พอถ่ายรูปเสร็จก็ให้พิมพ์ลายนิ้วมือบนเครื่องซึ่งอยู่ข้างๆกล้องบนโต๊ะเจ้าหน้าที่ ห่างจากที่นั่งถ่ายรูปประมาณแค่หนึ่งเมตร สัญชาติญาณผมก็ดึงเก้าอี้ตามมา ก็โดนด่าทันทีว่าอย่าขยับเก้าอี้ ผมก็ขอโทษไป แต่ถ้าคุณไม่อยากให้เก้าอี้มันเคลื่อนขนาดนั้นคุณก้อยึดมันไว้กับพื้นเลยดีกว่านะครับ มันเป็นสัญชาติญาณคนที่จะดึงเก้าอี้ไป สุดท้ายก้อไปยืนค้อมหลังพิมพ์ลายนิ้วมือเสร็จก้อออกไปข้างนอก พอทยอยพิมพ์ลายนิ้วมือกันเสร็จก้อนั่งรอกันอยู่ข้างนอก จนเอะใจกันว่าต้องทำอะไรต่อ พิมพ์กันครบทุกคน เลยถามเจ้าหน้าที่ซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นตลอด เลยรู้ว่าเสร็จกระบวณการแล้วกลับได้ ถ้าไม่ไปถามก็ไม่รู้ว่าจะนั่งต่อกันไปนานแค่ไหนเพราะไม่มีใครแจ้งเลยว่าพิมพ์ลายนิ้วมือเสร็จคือเสร็จสิ้นกลับได้เลย
ประเด็นที่อยากจะฝากตรงนี้คือ เจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่ทำงานในบริษัท outsourced ที่รับงานมาจากสถานทูตแบบนี้ คุณทำงานบริการนะครับ คุณคิดค่าบริการจากเราไป คุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่สถาทูตด้วยซ้ำ ผมเคยทำงานสถาทูตต่างชาติประเทศหนึ่งประจำประเทศไทยเป็นเวลาห้าปี ยังไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่สถานทูต แสดงกริยาวางอำนาจเหนือกว่าคนอื่นแบบนี้เลย จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เริ่มกระบวณการที่ต้องติดต่อกับคน (call center) ไม่มีคนไหนเลยที่พูดกับคณะผมเหมือนเพื่อนมนุษย์คนไทยด้วยกัน
ผมทำวีซ่ามาเยอะ แต่ทำที่อังกฤษเพราะเรียนที่อังกฤษก็เจอประเภทเดียวกันคือวางอำนาจ พูดไม่ดี แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าเค้าคือต่างชาติ ไม่มีมารยาท แต่นี่มาเจอคนไทยด้วยกันเองที่คิดว่าเอกลักษณ์คือเป็นคนใจดีรักบริการยิ้มง่าย ก็เลยผิดหวังนิดหน่อย ผมเลยอยากจะเสนอแนะเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสายงานแบบนี้ (รวมไปถึงเจ้าหน้าที่สายงานบริการทุกคนว่า) หน้าตากริยาท่าทางคุณคือสิ่งที่ต้อนรับแขกเป็นด่านแรก เค้าจะประทับใจในงานบริการหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับที่คุณแสดงนั่นแหละครับ
แล้วอย่าหยิ่งยโสว่าคุณทำงานมีอำนาจนะครับ คุณไม่มีอำนาจอะไรเลย คุณเป็นแค่พนักงานตรวจเอกสารที่บริษัทต่างชาติเค้าจ้างมาเท่านั้น ถ้าพฤติกรรมคุณไม่ดีไม่มีใครไปเที่ยว ต้องใช้บริการขอวีซ่าจากคุณ บริษัทก็อยู่ไม่ได้ ต้องปิดตัวไป ใครเดือดร้อนครับ ตัวคุณเองนั่นแหละ (และตอนนี้ทุกอย่างก็แทบจะออนไลน์หมดแล้ว ตัวอย่างจาก VFS วีซ่าอังกฤษ จ่ายเงิน, แสกนเอกสารส่งไปล่วงหน้า แทบจะไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่เลย) ที่แนะนำเพราะว่ากลุ่มผมกลุ่มหนึ่งแล้วแหละครับ ที่บอกกันเลยว่าไม่ไปขอจากคุณอีกแล้ว ไม่ได้จะไม่ไปสเปนอีกแล้วนะครับ แต่ไม่ไปขอวีซ่าจากที่คุณอีกแล้ว
สุดท้ายนี้นะครับ ก็อยากจะฝากเจ้าหน้าที่ กต ไทยไว้หน่อยครับถ้าผ่านมาเจอ คืออย่างที่เรียนผมขอวีซ่ามาเยอะเจอประสบการณ์แย่ๆมาจนชิน เวลาเจอแบบนี้จะโทษตัวเองเสมอเพื่อความสบายใจ ว่าเราผิดเองที่เกิดมาเป็นคนไทย จะไปไหนก็ต้องขอวีซ่า เจอเพื่อนสิงคโปร์มาเลย์แทบไม่ต้องขอก็ได้แต่อิจฉาเค้าครับ ประเทศเรามีทรัพยากรณ์มากมายที่ต่างชาติอยากจะมาเที่ยว ในความเห็นของผมคือเราสามารถเจรจาในเรื่องนี้ได้ ให้เป็น bilateral กันไป
เราเข้าเค้ายากเค้าก็ต้องเข้าของเรายากเหมือนกันครับ ค่าใช้จ่ายพวกนี้มหาศาลอย่างที่ผมเรียน ค่าถ่ายเอกสารอะไรที่โดนสั่งให้ถ่ายเหิ่มเติมนี่คิดตังหมดนะครับไม่ใช่ถ่ายให้ฟรี ตอนนี้พวกเราคนไทยมีแต่เสียกับสีย ถ้าเอาคืนมาบ้างก็น่าจะดีนะครับ เป็นการคัดกรองคนที่อยากมาบ้านเราและมีกำลังซื้อจริงๆด้วย ได้ประโยชน์หลายต่อ ไม่ได้บอกว่าสนับสนุนการปกป้องพรมแดนนะครับ เสรีดีที่สุด แต่ในเมื่อเค้าไม่ผ่อนปรนมันก็เหมือนเราโดนเอารัดเอาเปรียบน่ะครับ
ขอบคุณครับ
ปล ตอนนี้ผมได้วีซ่ามาแล้วครับ multiple entries ระยะเวลาสามเดือนครับ
ประสบการณ์การขอวีซ่าประเทศสเปนจาก BLS
ผมใช้พื้นที่ในพันทิปในการหาข้อมูลมาอย่างเยอะแยะมากมาย แต่ไม่เคยโพสท์อะไรเลย วันนี้ผมขอรบกวนใช้พื้นที่แห่งนี้แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวและความคิดเห็นรวมทั้งข้อเสนอแนะแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องครับ
อาจจะยาวหน่อยแต่อยากจะเล่าให้ละเอียด เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นในอนาคตครับ
ผมและครอบครัวรวม 6 คนมีแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวสเปนและโปรตุเกสในเดือน ก.ค. ที่จะถึงนี้ โดยบินไปยังลิสบอนและบินออกจากบาร์เซโลน่า แต่เนื่องด้วยระยะเวลาที่จะอยู่ในสเปนนานกว่าจึงต้องขอวีซ่าสเปนกับทางศูนย์รับทำคือ BLS ครับ การนัดที่นี่จะแบ่งเวลาเป็น slot ละ 10 นาทีต่อสองคน ผมนัดวันพุธที่ 24 เมษายน 62 เวลา 15.30-15.40 2 คน, 15.40-15.50 2 คน, และ 15.50-16.00 2 คน หรือพูดง่ายๆก็คือ กลุ่มครอบครัวของผมนั้นนัดช่วงเวลา 15.30-16.00
วันก่อนหน้าที่จะนัดผมตรวจสอบเอกสารตาม checklist โดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสามารถ download checklist ได้จากเวบของ bls เองตาม link นี้ครับ
https://thailand.blsspainvisa.com/pdf/Checklist-Tourism-Family.pdf
ประเด็นแรก ผมเอะใจตรงเอกสารการเงิน โดยใน checklist ระบุว่า
‘7. Original person bank statements for last 6 months along with original bank certificate (issue date not over 1 month and saving account only)’
ปกติผมขอวีซ่าหลายๆประเทศในกลุ่มเชงเก้นมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง ผมใช้แค่ person bank statements for last 6 months ไม่เคยที่จะต้องขอ original bank certificate ก็เลยอยากจะถามย้ำให้แน่ใจว่าจะต้องมีทั้งสองหรือไม่ แต่เนื่องจากโทรไปไม่ทันเวลาทำการ จึงต้องรอวันรุ่งขึ้นหรือวันนัด (24 เม.ย.)นั่นเอง ในข้อมูลเวลาทำการจากเวบไซท์บอกว่าสามารถโทรได้ตั้งแต่เวลา 08.30 ผมก้อโทรทันที แต่ก็ยังเข้าสู่ระบบอัตโนมัติบอกว่าสามารถติดต่อได้ตั้งแต่เวลา 08.30 เป็นต้นไป พยายามโทรเรื่อยๆ จนประมาณ 08.43 ก็โทรติดเจ้าหน้าที่รับสายพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรว่าจำเป็นที่จะต้องใช้ทั้งสองอย่าง และจะไม่รับยื่นถ้ามีแค่อย่างเดียว
ผมก็อยากเสนอแนะข้อคิดเห็นเผื่อผู้ที่มีอำนาจผ่านมาอ่านว่าเอกสารสองอย่างนี้มันซ้ำซ้อนกัน โดย bank statements มีรายละเอียดที่จำเป็นอยู่ครบถ้วนเช่น ชื่อ รายละเอียดบัญชี และยอดเงินคงเหลือ สิ่งที่ original bank certificate มีเพิ่มเติมก้อคือยอดเงินคงเหลือซึ่งเปลี่ยนเป็นสกุลเงินที่ไม่ใช่บาท และวันที่เราเริ่มเปิดบัญชีนี้ การขอนี้มีค่าใช้จ่าย 100 กว่าบาทซึ่งผมคิดว่ามันไม่มีความจำเป็นเลย ตอนนี้ผมยื่นขอวีซ่าอังกฤษด้วย ใช้แต่ bank statements อย่างเดียวครับ นึกขึ้นมาได้ว่าโทรถามอีกดีกว่าว่า bank statements สามารถปริ้นเองจากเวบได้หรือเปล่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่พูดไม่ดีในคราวแรก ผมไม่อยากจะโทรแล้ว จึงให้ลูกพี่ลูกน้องเป็นคนโทรแทนได้ความว่าสามารถปริ้นเองได้นะครับ ญาติผมก็เห็นด้วยว่าน้ำเสียงในสายไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
ประเด็นที่สอง เวลา 15.15 ของเวลานัดกลุ่มของผมเดินทางถึงห้าง Terminal 21 เพื่อจอดรถ ใครนำรถไปแนะนำจอดที่นี่นะครับ ถูกกว่าตึก Interchange นั่งจัดเอกสารกันรอบสุดท้ายอีกพักหนึ่ง เดินออกจากห้างเวลาคงจะใกล้ 15.30 แต่คิดว่าใกล้มากคงจะทัน เนื่องจากไม่เคยเดินมาก่อนเลยไม่รู้ว่ามีทางเชื่อม bts เลยเดินกันข้างล่างจะข้ามแยกอโศก รอไฟเขียวให้คนข้ามแยกแต่มันไม่เขียวสักที นับรอบจนไฟของรถเขียววนครบไปแล้ว จึงเดินข้ามเลยโดยที่ไฟคนข้ามยังแดงอยู่ สังเกตว่าคนที่รอข้ามแยกนั้นเป็นคนต่างชาติเกือบหมดซึ่งมีระเบียบรอเหมือนกัน แต่พอผมนำทุกคนก็ตามมากันหมด เนื่องด้วยรอมาเป็นเวลานานแล้ว เห็นว่าสายแล้วผมก็เริ่มวิ่งเข้าตึกแลกบัตรไปที่สำนักงาน
ขึ้นไปถึงในเวลา 15.42 ที่จำได้แม่นก็เพราะเจ้าหน้าที่ตะโกนออกมาบอกว่า มีสายนะคะ โดนปรับคนละ 1200 บาทสำหรับคนที่สาย ผมก็อึ้งๆ บอกว่าแค่สองนาทีเองนะ แต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เพราะเราผิดจริงและเจ้าหน้าที่บอกว่าระบบตัดเวลาอัตโนมัติ
แต่อดคิดว่ามันเกินไปหน่อยหรือเปล่า ถ้าจำได้ในประเด็นแรกผมโทรไปตอน 08.30 ก็ไม่สามารถติดต่อได้ สภาพภายในคือเป็นเคาเตอร์มีอยู่สามช่องมีเจ้าหน้าที่อยู่ทั้งสามช่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกให้เข้าไปได้เลยช่องละสองคน ผมก็เอะใจอีก คือทำก่อนเวลาได้ ระบบไม่ล็อกเวลา แต่ห้ามสายแม้แต่นาทีเดียวเพราะระบบล็อก ประเด็นนี้ก็อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ และข้อคิดว่าเราถูกเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทต่างชาติเกินไปหรือไม่ อย่างที่เรียนไปในตอนต้น เวลาของกลุ่มผมทั้งหมดคือ 15.30-16.00 และดำเนินการเสร็จสิ้นทั้งหมดภายใน 16.00 โดนปรับสองคนตรงช่องเวลา 15.30-15.40
ประเด็นที่สาม (ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สำคัญที่อยากจะฝากไว้ที่สุด) ระหว่างที่กำลังตรวจสอบเอกสารอยู่นั้น
เจ้าหน้าที่ให้กลุ่มของผมเป็นบางคนไปถ่ายเอกสารหน้าแรกของพาสปอร์ตเพิ่มเพราะต้องการสองชุด ผมก็งงเพราะคิดว่าเราตรวจ checklist อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็ถามไปว่ามันต้องใช้สองชุดหรอ เค้าบอกว่าใช่ ผมบอกว่าใน checklist ไม่ได้บอกไว้นะ เค้าบอกว่ามีบอก ผมมี checklist อยู่ข้างหน้าเลยอ่านดู ข้อความว่า
‘4. Copy only current passport (First page 2 paper ) and All stamp pages on passports (if any)’
เลยเข้าใจทันทีว่า First page 2 paper คือสองชุด ผมก็ทักไปว่ามันผิด grammar นะครับอย่างนี้ เจ้าหน้าที่ (คนเดิมกับที่ตะโกนออกมาเรื่องค่าปรับ) ก็สวนผมขึ้นมาทันทีว่าทางเราไม่ได้เป็นคนเขียน ผมก็เงียบไม่ได้อยากจะต่อความยาวสาวความยืด ระหว่างนั้นญาติผมซึ่งอยู่เคาเตอร์ซ้ายสุด (ผมอยู่เคาเตอร์ขวาสุด) ก็โดนสั่งให้ถ่ายเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเงิน ตามธรรมชาติ เค้าก็เอ่ยปากเพื่อที่จะชี้แจงว่าได้ถ่ายมาแล้วจุดนี้ๆๆ แต่ได้แค่เอ่ยปากยังไม่ทันได้เอ่ยความอะไร เจ้าหน้าที่ก็สวนมาทันควันว่า ‘คุณทำตามที่ผมบอก’ ญาติผมก็โมโหขึ้นมาทันทีสวนไปว่า ในที่นี่ผมไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลยใช่มั้ย เจ้าหน้าที่เหมือนจะรู้ตัวก็เลยมีท่าทีอ่อนลง อธิบายให้ญาติผมฟังว่าต้องถ่ายอะไรเพิ่มเติมเพราะอะไร
หลังจากนั้นก็ทะยอยกันเข้าไปถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือ เจ้าหน้าที่กำชับเสียงแข็งหลายครั้งว่า นั่งพิงฝาอย่าขยับเก้าอี้ เข้าใจว่าได้ตั้งกล้องไว้แล้ว พอถ่ายรูปเสร็จก็ให้พิมพ์ลายนิ้วมือบนเครื่องซึ่งอยู่ข้างๆกล้องบนโต๊ะเจ้าหน้าที่ ห่างจากที่นั่งถ่ายรูปประมาณแค่หนึ่งเมตร สัญชาติญาณผมก็ดึงเก้าอี้ตามมา ก็โดนด่าทันทีว่าอย่าขยับเก้าอี้ ผมก็ขอโทษไป แต่ถ้าคุณไม่อยากให้เก้าอี้มันเคลื่อนขนาดนั้นคุณก้อยึดมันไว้กับพื้นเลยดีกว่านะครับ มันเป็นสัญชาติญาณคนที่จะดึงเก้าอี้ไป สุดท้ายก้อไปยืนค้อมหลังพิมพ์ลายนิ้วมือเสร็จก้อออกไปข้างนอก พอทยอยพิมพ์ลายนิ้วมือกันเสร็จก้อนั่งรอกันอยู่ข้างนอก จนเอะใจกันว่าต้องทำอะไรต่อ พิมพ์กันครบทุกคน เลยถามเจ้าหน้าที่ซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นตลอด เลยรู้ว่าเสร็จกระบวณการแล้วกลับได้ ถ้าไม่ไปถามก็ไม่รู้ว่าจะนั่งต่อกันไปนานแค่ไหนเพราะไม่มีใครแจ้งเลยว่าพิมพ์ลายนิ้วมือเสร็จคือเสร็จสิ้นกลับได้เลย
ประเด็นที่อยากจะฝากตรงนี้คือ เจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่ทำงานในบริษัท outsourced ที่รับงานมาจากสถานทูตแบบนี้ คุณทำงานบริการนะครับ คุณคิดค่าบริการจากเราไป คุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่สถาทูตด้วยซ้ำ ผมเคยทำงานสถาทูตต่างชาติประเทศหนึ่งประจำประเทศไทยเป็นเวลาห้าปี ยังไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่สถานทูต แสดงกริยาวางอำนาจเหนือกว่าคนอื่นแบบนี้เลย จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เริ่มกระบวณการที่ต้องติดต่อกับคน (call center) ไม่มีคนไหนเลยที่พูดกับคณะผมเหมือนเพื่อนมนุษย์คนไทยด้วยกัน
ผมทำวีซ่ามาเยอะ แต่ทำที่อังกฤษเพราะเรียนที่อังกฤษก็เจอประเภทเดียวกันคือวางอำนาจ พูดไม่ดี แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าเค้าคือต่างชาติ ไม่มีมารยาท แต่นี่มาเจอคนไทยด้วยกันเองที่คิดว่าเอกลักษณ์คือเป็นคนใจดีรักบริการยิ้มง่าย ก็เลยผิดหวังนิดหน่อย ผมเลยอยากจะเสนอแนะเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสายงานแบบนี้ (รวมไปถึงเจ้าหน้าที่สายงานบริการทุกคนว่า) หน้าตากริยาท่าทางคุณคือสิ่งที่ต้อนรับแขกเป็นด่านแรก เค้าจะประทับใจในงานบริการหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับที่คุณแสดงนั่นแหละครับ
แล้วอย่าหยิ่งยโสว่าคุณทำงานมีอำนาจนะครับ คุณไม่มีอำนาจอะไรเลย คุณเป็นแค่พนักงานตรวจเอกสารที่บริษัทต่างชาติเค้าจ้างมาเท่านั้น ถ้าพฤติกรรมคุณไม่ดีไม่มีใครไปเที่ยว ต้องใช้บริการขอวีซ่าจากคุณ บริษัทก็อยู่ไม่ได้ ต้องปิดตัวไป ใครเดือดร้อนครับ ตัวคุณเองนั่นแหละ (และตอนนี้ทุกอย่างก็แทบจะออนไลน์หมดแล้ว ตัวอย่างจาก VFS วีซ่าอังกฤษ จ่ายเงิน, แสกนเอกสารส่งไปล่วงหน้า แทบจะไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่เลย) ที่แนะนำเพราะว่ากลุ่มผมกลุ่มหนึ่งแล้วแหละครับ ที่บอกกันเลยว่าไม่ไปขอจากคุณอีกแล้ว ไม่ได้จะไม่ไปสเปนอีกแล้วนะครับ แต่ไม่ไปขอวีซ่าจากที่คุณอีกแล้ว
สุดท้ายนี้นะครับ ก็อยากจะฝากเจ้าหน้าที่ กต ไทยไว้หน่อยครับถ้าผ่านมาเจอ คืออย่างที่เรียนผมขอวีซ่ามาเยอะเจอประสบการณ์แย่ๆมาจนชิน เวลาเจอแบบนี้จะโทษตัวเองเสมอเพื่อความสบายใจ ว่าเราผิดเองที่เกิดมาเป็นคนไทย จะไปไหนก็ต้องขอวีซ่า เจอเพื่อนสิงคโปร์มาเลย์แทบไม่ต้องขอก็ได้แต่อิจฉาเค้าครับ ประเทศเรามีทรัพยากรณ์มากมายที่ต่างชาติอยากจะมาเที่ยว ในความเห็นของผมคือเราสามารถเจรจาในเรื่องนี้ได้ ให้เป็น bilateral กันไป
เราเข้าเค้ายากเค้าก็ต้องเข้าของเรายากเหมือนกันครับ ค่าใช้จ่ายพวกนี้มหาศาลอย่างที่ผมเรียน ค่าถ่ายเอกสารอะไรที่โดนสั่งให้ถ่ายเหิ่มเติมนี่คิดตังหมดนะครับไม่ใช่ถ่ายให้ฟรี ตอนนี้พวกเราคนไทยมีแต่เสียกับสีย ถ้าเอาคืนมาบ้างก็น่าจะดีนะครับ เป็นการคัดกรองคนที่อยากมาบ้านเราและมีกำลังซื้อจริงๆด้วย ได้ประโยชน์หลายต่อ ไม่ได้บอกว่าสนับสนุนการปกป้องพรมแดนนะครับ เสรีดีที่สุด แต่ในเมื่อเค้าไม่ผ่อนปรนมันก็เหมือนเราโดนเอารัดเอาเปรียบน่ะครับ
ขอบคุณครับ
ปล ตอนนี้ผมได้วีซ่ามาแล้วครับ multiple entries ระยะเวลาสามเดือนครับ