หากได้รับชมแล้วย่อมทราบว่า Endgame เต็มไปด้วยองค์ประกอบมากมาย
และเนื้อหาที่ซับซ้อนจนหลายคนคงสงสัย ว่าทางผู้สร้างทำอย่างไรจึงได้ภาพยนตร์เช่นนี้ออกมา
หัวเรี่ยวหัวแรงหลักในกระบวนการผลิตเนื้อหา อย่างคู่หูผู้เขียนบท 'คริสโตเฟอร์ มาร์คัส และสตีเฟน แมคฟีลีย์' เลยถูกทาง New York Times เชิญตัวมาสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ลอสแองเจลิส ซึ่งขอหยิบยกเอาเนื้อหาบทสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ มานำเสนอตามวิจารณญาณส่วนตัวไว้ ดังนี้
ซ้ายมาร์คัส, ขวาแมคฟีลีย์
การวางเรื่อง
พวกคุณตัดสินใจกันยังไง ว่าจะวางจุดเปลี่ยนของเรื่องราวไว้ตรงไหนบ้าง ?
มาร์คัส: จุดเปลี่ยนใหญ่ที่สุดของเนื้อหา (Infinity War กับ Endgame) น่าจะเป็นตอนดีดนิ้ว และพวกเราตระหนักดีว่าให้มันเกิดตอนหนังเรื่องแรกจบเป๊ะๆ ไม่ได้ มิฉะนั้นจะดูเหมือนมันยังไม่จบเรื่องจริงๆ
แต่ถ้าดีดนิ้วเร็วเกิน มันจะกลายเป็นเอาเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญไปกองไว้ท้ายเรื่อง
ประมาณว่าฆ่าคนครึ่งจักรวาลแล้วพาตัวละครไปเผชิญความสูญเสียครึ่งค่อนชั่วโมงซะงั้น
แมคฟีลีย์: จุดเปลี่ยนเนื้อหาอีกอันคือตอนทุกคนกลับมา คำถามคือมันควรเป็นตอนต้นๆ ของหนังเรื่องที่สองเลยไหม ? หรือไว้ท้ายๆ ดี ?
คุณมีทีมอเวนเจอร์สชุดดั้งเดิมอยู่ก็ควรให้เวลาพวกเขาหน่อย เราเลยผลักช่วงพาคนกลับมาไปท้ายๆ
ดังนั้นแฟนคลับดร. สเตรนจ์, แบล็คแพนเธอร์, บัคกี้ หรือแซม จะได้เห็นพวกเขาน้อย แต่การเอาใจทุกคนให้พวกเขาได้อย่างที่ต้องการมันเป็นไปไม่ได้
เลือกยังไง เรื่องใครอยู่ใครตาย ?
มาร์คัส: เราอยากเห็นกัปตันอเมริกากับโทนี่รับมือผลกระทบหลังพ่ายแพ้ คุณจะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องทุกข์ทน
เป็นเหตุผลที่กัปตันฯ กับนาตาชาไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กันในหนังเรื่องแรก แค่ออกไปสู้เฉยๆ
นั่นเพราะเรารู้ว่าพวกเขาจะได้บทเยอะในหนังเรื่องที่สอง ซึ่งในทางกลับกันบางตัวละครอย่างเช่นแก๊งค์การ์เดี้ยน ควรได้บทในหนังเรื่องแรกเยอะหน่อย
แมคฟีลีย์: ธอร์ได้บทเยอะทั้งสองเรื่องแบบงงๆ แต่เขาก็คู่ควรกับบทที่ได้อยู่
มาร์คัส: สำหรับตัวละครที่ผู้คนเคยมองว่าน่าเบื่อ เขากลายเป็นคนมีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ
เหตุผลที่ฆ่าธานอสช่วงต้น Endgame ละ ?
แมคฟีลีย์: เราติดขัดตรงนี้บ่อย หมอนี่มีอาวุธสุดยอดในมือ เขารู้ดีว่าจะมีอะไรตามมา
มันน่าตลกตรงเราสุมหัวประชุมหลายสัปดาห์ แล้วจู่ๆ ชิง ชาน (Trinh Tran) ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร ก็โพล่งว่า "ฆ่าๆ เขาซะสิ"
แล้วพวกเราก็แบบ "ถ้าฆ่าเขาแล้วจะเป็นไงต่อ ? ทำไมต้องฆ่าเขา ? ทำไมเขายอมให้คุณฆ่าธานอส ?"
มาร์คัส: มันสอดคล้องกับแนวคิดของธานอส เพราะเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว ที่จริงไม่อยากให้เขาดูคล้ายพระคริสต์มากไป แต่อารมณ์มันประมาณ "ถ้าข้าต้องตาย ตอนนี้ก็ได้อยู่"
Endgame ใส่บรรยากาศสิ้นหวังและสูญเสียยาวร่วมชั่วโมง รู้ได้ไงว่าผู้ชมจะรับได้ ?
มาร์คัส: ผมรู้สึกเสี่ยงน้อยลงตอนเห็นปฏิกิริยาผู้คนต่อ Infinity War คุณไม่มีทางรู้ว่าทำยังไงพวกเขาถึงจะปลื้มปริ่มหรือโดนใจ
เราง่วนอยู่กับมันนานหลายปี จึงเลยจุดที่จะตอบสนองแบบเปี่ยมอารมณ์ไปเรียบร้อย แต่ทันใดนั้นคุณก็เห็นคนร้องไห้ในโรงภาพยนตร์
ซึ่งแปลว่าเราควรภูมิใจ หรือไม่ก็ควรรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรแย่ๆ ให้เค้าดูซะแล้ว
แมคฟีลีย์: ตอนรอบทดลองฉายหลายคนทำท่าไม่สบายใจ เนื่องจากมันเล่นกับความรู้สึกมิใช่น้อย ดูไปไม่รู้สึกถึงความหวังสักนิด
กว่าจะพ้นช่วงนั้นก็ตอนจบขององก์ 2 ซึ่งสำหรับหนังฮีโร่ส่วนใหญ่พวกเขาอาจเผชิญความสูญเสียเพียง 5 นาที แต่นี่พวกเขาเผชิญมันนาน 5 ปี ฉากพวกนี้จึงมีความสำคัญ
ส่วนของตัวละคร
ใช้วิธีไหนตัดสินใจให้ฮีโร่แต่ละคนกลายเป็นแบบที่เห็นใน Endgame ?
แมคฟีลีย์: คริสกับผมเขียนบทฉบับเอกสารหลักขึ้น ตอนช่วงที่เรากำลังถ่ายทำ Civil War
สิ่งหนึ่งซึ่งเราอยากลองคือเนื้อหาแบบคอมิคแนว 'ถ้าหาก' (What If comics)
Endgame คือแนวถ้าหากของพวกเรา ถ้าเหล่าฮีโร่แพ้, ธอร์จะอ้วนพี, นาตาชาจะเก็บเนื้อเก็บตัว, สตีฟจะทำตัวหดหู่, โทนี่ใช้ชีวิตส่วนตัว, ฮัลค์กลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่
มาร์คัส: คลินท์กลายเป็นฆาตกรคลั่ง ตอนเราเริ่มต้นเขียน Endgame เราจัดให้ธอร์ทำภารกิจล้างแค้น แบบว่าชำระแค้นที่ค้างไว้ตอนหนังเรื่องล่าสุด
อารมณ์ประมาณ นี่คือสิ่งที่เขาจะทำ! แต่มันล้มเหลวเสมอ
เลยลองผลักดันเขาจนสุดทาง แล้วดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น
แมคฟีลีย์: เขาเอาแต่ดื่ม และก็ตัวอ้วนฉุ
ฮัลค์ดูจะโชคดีกว่า
มาร์คัส: เราเคยต้องการให้แบนเนอร์กลายเป็นฮัลค์ฉลาด (Smart Hulk) ตอนหนังเรื่องแรกอยู่
มันสนุกน่าดู แต่รู้สึกผิดจังหวะเอาเรื่อง เพราะเขาพบช่วงรุ่งเรือง ขณะที่คนอื่นประสบความตกต่ำ
แมคฟีลีย์: เราเคยกะให้มันเกิดตอนศึกวาคานด้า เนื้อเรื่องของเขาถูกวางไว้ว่าแบนเนอร์มีปัญหากับฮัลค์, เจ้านั่นไม่ยอมออกมา แล้วในทันใดทั้งคู่ก็ประนีประนอมกันได้ กลายเป็นฮัลค์ฉลาด
มาร์คัส: เราชอบนะ, แต่เขาก็ได้เป็นฮัลค์ในหนังเรื่องที่สอง
ส่วนฉากร้านอาหารนั่นคือเราอยากข้ามอะไรทำนอง เขาอยู่ในห้องแล็บกำลังตัดต่อพันธุกรรม
แมคฟีลีย์: โอ้, ฉันเขียนฉากในห้องแล็บไว้ตั้งเยอะ แล้วเขาดันไปนั่งกินแพนเค้กเฉยเลย แต่ฉันว่านี่ออกมาดีใช้ได้นะ
มาร์คัส: ฉากนั้นพอล รัดด์ (แอนท์แมน) เอาแต่บ่นว่า "ผมสับสนชะมัด"
แอนท์แมนไม่โผล่ใน Infinity War เราเห็นเขาแย่เพราะการดีดนิ้วใน Ant-Man and the Wasp ก่อนมามีบทสำคัญใน Endgame
ทำไมพวกคุณจัดวางบทของเขาให้กลายเป็นแบบนี้ ?
แมคฟีลีย์: ช่วงปลายปี 2015 พวกเขาบอกให้เราเขียนบทเรื่องที่ 19 (Infinity War) กับ 22
ขณะเราพยายามเค้นมันออกมา เกิดตระหนักว่าไม่รู้จะเอายังไงกับแอนท์แมนดี
เนื่องจากเขามีหนังของตัวเองอยู่ และมันไม่ควรได้รับผลกระทบจนกว่าจะถึงจุดที่สมควร
ดังนั้นเราก็ต้องไปให้ความสำคัญเขาใน Endgame คุณทำแบบนี้ได้เฉพาะตอนวางแผนล่วงหน้าไว้นานขนาดนั้น
โทนหนังแอนท์แมน 2 แปลกเนอะ ว่าไหม ? เพราะมันสนุกสดใสจนกระทั่งเราฆ่าทุกคนบนจุดที่สมควรนั่น
ฮอว์คอาย เปลี่ยนไปในทางมืดมนมากกว่าใครเพื่อน
แมคฟีลีย์: เขาคือตัวอย่างที่ดีของคนที่เนื้อเรื่องแข็งแรงขึ้นหลังการดีดนิ้ว
เรื่องราวของฮอว์คอายซึ่งควรบอกเล่าในหนังเรื่องแรกมันจะต่างจากฮีโร่คนอื่นตรงไหน ?
ทิ้งครอบครัวเพื่อไปร่วมต่อสู้หรือ ? เขาเคยทำแล้วตอน Civil War
ถ้าอยากได้ประเด็นใหม่ต้องให้เขาฆ่าพวกคนชั่ว
มาร์คัส: เราเคยคิดจะใส่ฉากหลังดีดนิ้วของพ่อมือธนูลงในหนังเรื่องแรก, ดีดนิ้วปุ๊บ
ตัดสู่ฟาร์มของบ้านคลินท์ปั๊บ--มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ ?--และให้มันชี้นำว่าเกิดผลกระทบอะไรขึ้นในวงกว้าง แม้เขาไม่ได้มีบทเลยก่อนหน้าฉากนั้น
มันเจ๋งนะ, แต่ก็แสดงให้เห็นว่าธานอสได้ทำสิ่งที่โหดร้ายแค่ไหน
แมคฟีลีย์: โจ รุสโซ เป็นคนบอกให้เอาไปไว้ตอนต้นหนังเรื่องที่สอง
ในเมื่อ Black Panther และ Captain Marvel ประสบความสำเร็จอย่างงาม พวกคุณได้ลองเพิ่มอะไรเกี่ยวกับพวกเขาลงใน Endgame บ้างไหม ?
แมคฟีลีย์: เวลาไม่มากพอที่จะทำ เราพูดไม่ออกหรอกว่า "เร็วเข้า ใส่ชูริเพิ่มไป"
เราเปิดกล้องหนังทั้งสองเรื่องแล้วก่อนหน้า Black Panther เราถ่ายทำ, พวกเขาทำจนเสร็จ, แต่พวกเราก็ยังถ่ายทำอยู่
มาร์คัส: ตอนนั้นแบล็คแพนเธอร์พร้อมเผยแพร่
แมคฟีลีย์: ตอนเรากำลังฉายรอบทดลอง (ก่อน Black Panther ฉายโรง) พอกัปตันอเมริกาบอก "ฉันรู้จักอยู่ที่นึง" แล้วตัดไปวาคานด้า ผู้ชมโพล่งว่า "เออ น่าสนใจแฮะ"
แต่พอทดลองฉายหลัง Black Panther เข้าโรง แค่เปิดเสียงกลองที่คุ้นหูให้ได้ยินผู้คนก็เริ่มคลั่ง
ด้าน Captain Marvel ก็เหมือนกัน เราถ่ายฉากของบรี ลาร์สัน ก่อนเธอไปถ่ายทำหนังของตัวเอง
เธอพูดประโยคของตัวละครตอน 20 ปีหลังจากเรื่องราวต้นกำเนิด, ซึ่ง ณ เวลาดังกล่าวยังไม่มีใครเขียนบทนั่นขึ้นมาเลย มันบ้าชะมัด
มาร์คัส: เธออยู่ในอวกาศนานเกือบครึ่งชีวิต เธอมีภารกิจที่ต้องทำ
แมคฟีลีย์: ใช่แล้ว, กัปตันมาร์เวลมีบทใน Endgame น้อยกว่าที่หลายคนคงคาดไว้
แต่เราไม่ได้ตั้งใจจะเน้นเรื่องของเธอ--ที่เราเน้นคืออเวนเจอร์สทีมดั้งเดิมรับมือความสูญเสีย และพบบทสรุปกัน ส่วนเธอนั้นคือฮีโร่หน้าใหม่
ที่มา
https://www.nytimes.com/2019/04/29/movies/avengers-endgame-questions-and-answers.html
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เยี่ยมชม 'เว็บไซต์' รวบรวมบทความทั้งเก่าและใหม่ได้ที่ http://www.filmaneo.com/
ติดตามข่าวสารที่เน้นด้านภาพยนตร์แฟรนไชส์ และพบบทความก่อนใครได้ ณ เพจเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/Filmaneo/
[Spoil แรง] คู่หูผู้เขียนบท Endgame แถลงไข >>ทำอย่างไรจึงได้หนังที่พวกเราเห็น (by Filmaneo)
และเนื้อหาที่ซับซ้อนจนหลายคนคงสงสัย ว่าทางผู้สร้างทำอย่างไรจึงได้ภาพยนตร์เช่นนี้ออกมา
หัวเรี่ยวหัวแรงหลักในกระบวนการผลิตเนื้อหา อย่างคู่หูผู้เขียนบท 'คริสโตเฟอร์ มาร์คัส และสตีเฟน แมคฟีลีย์' เลยถูกทาง New York Times เชิญตัวมาสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ลอสแองเจลิส ซึ่งขอหยิบยกเอาเนื้อหาบทสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ มานำเสนอตามวิจารณญาณส่วนตัวไว้ ดังนี้
ซ้ายมาร์คัส, ขวาแมคฟีลีย์
การวางเรื่อง
พวกคุณตัดสินใจกันยังไง ว่าจะวางจุดเปลี่ยนของเรื่องราวไว้ตรงไหนบ้าง ?
มาร์คัส: จุดเปลี่ยนใหญ่ที่สุดของเนื้อหา (Infinity War กับ Endgame) น่าจะเป็นตอนดีดนิ้ว และพวกเราตระหนักดีว่าให้มันเกิดตอนหนังเรื่องแรกจบเป๊ะๆ ไม่ได้ มิฉะนั้นจะดูเหมือนมันยังไม่จบเรื่องจริงๆ
แต่ถ้าดีดนิ้วเร็วเกิน มันจะกลายเป็นเอาเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญไปกองไว้ท้ายเรื่อง
ประมาณว่าฆ่าคนครึ่งจักรวาลแล้วพาตัวละครไปเผชิญความสูญเสียครึ่งค่อนชั่วโมงซะงั้น
แมคฟีลีย์: จุดเปลี่ยนเนื้อหาอีกอันคือตอนทุกคนกลับมา คำถามคือมันควรเป็นตอนต้นๆ ของหนังเรื่องที่สองเลยไหม ? หรือไว้ท้ายๆ ดี ?
คุณมีทีมอเวนเจอร์สชุดดั้งเดิมอยู่ก็ควรให้เวลาพวกเขาหน่อย เราเลยผลักช่วงพาคนกลับมาไปท้ายๆ
ดังนั้นแฟนคลับดร. สเตรนจ์, แบล็คแพนเธอร์, บัคกี้ หรือแซม จะได้เห็นพวกเขาน้อย แต่การเอาใจทุกคนให้พวกเขาได้อย่างที่ต้องการมันเป็นไปไม่ได้
เลือกยังไง เรื่องใครอยู่ใครตาย ?
มาร์คัส: เราอยากเห็นกัปตันอเมริกากับโทนี่รับมือผลกระทบหลังพ่ายแพ้ คุณจะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องทุกข์ทน
เป็นเหตุผลที่กัปตันฯ กับนาตาชาไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กันในหนังเรื่องแรก แค่ออกไปสู้เฉยๆ
นั่นเพราะเรารู้ว่าพวกเขาจะได้บทเยอะในหนังเรื่องที่สอง ซึ่งในทางกลับกันบางตัวละครอย่างเช่นแก๊งค์การ์เดี้ยน ควรได้บทในหนังเรื่องแรกเยอะหน่อย
แมคฟีลีย์: ธอร์ได้บทเยอะทั้งสองเรื่องแบบงงๆ แต่เขาก็คู่ควรกับบทที่ได้อยู่
มาร์คัส: สำหรับตัวละครที่ผู้คนเคยมองว่าน่าเบื่อ เขากลายเป็นคนมีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ
เหตุผลที่ฆ่าธานอสช่วงต้น Endgame ละ ?
แมคฟีลีย์: เราติดขัดตรงนี้บ่อย หมอนี่มีอาวุธสุดยอดในมือ เขารู้ดีว่าจะมีอะไรตามมา
มันน่าตลกตรงเราสุมหัวประชุมหลายสัปดาห์ แล้วจู่ๆ ชิง ชาน (Trinh Tran) ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร ก็โพล่งว่า "ฆ่าๆ เขาซะสิ"
แล้วพวกเราก็แบบ "ถ้าฆ่าเขาแล้วจะเป็นไงต่อ ? ทำไมต้องฆ่าเขา ? ทำไมเขายอมให้คุณฆ่าธานอส ?"
มาร์คัส: มันสอดคล้องกับแนวคิดของธานอส เพราะเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว ที่จริงไม่อยากให้เขาดูคล้ายพระคริสต์มากไป แต่อารมณ์มันประมาณ "ถ้าข้าต้องตาย ตอนนี้ก็ได้อยู่"
Endgame ใส่บรรยากาศสิ้นหวังและสูญเสียยาวร่วมชั่วโมง รู้ได้ไงว่าผู้ชมจะรับได้ ?
มาร์คัส: ผมรู้สึกเสี่ยงน้อยลงตอนเห็นปฏิกิริยาผู้คนต่อ Infinity War คุณไม่มีทางรู้ว่าทำยังไงพวกเขาถึงจะปลื้มปริ่มหรือโดนใจ
เราง่วนอยู่กับมันนานหลายปี จึงเลยจุดที่จะตอบสนองแบบเปี่ยมอารมณ์ไปเรียบร้อย แต่ทันใดนั้นคุณก็เห็นคนร้องไห้ในโรงภาพยนตร์
ซึ่งแปลว่าเราควรภูมิใจ หรือไม่ก็ควรรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรแย่ๆ ให้เค้าดูซะแล้ว
แมคฟีลีย์: ตอนรอบทดลองฉายหลายคนทำท่าไม่สบายใจ เนื่องจากมันเล่นกับความรู้สึกมิใช่น้อย ดูไปไม่รู้สึกถึงความหวังสักนิด
กว่าจะพ้นช่วงนั้นก็ตอนจบขององก์ 2 ซึ่งสำหรับหนังฮีโร่ส่วนใหญ่พวกเขาอาจเผชิญความสูญเสียเพียง 5 นาที แต่นี่พวกเขาเผชิญมันนาน 5 ปี ฉากพวกนี้จึงมีความสำคัญ
ส่วนของตัวละคร
ใช้วิธีไหนตัดสินใจให้ฮีโร่แต่ละคนกลายเป็นแบบที่เห็นใน Endgame ?
แมคฟีลีย์: คริสกับผมเขียนบทฉบับเอกสารหลักขึ้น ตอนช่วงที่เรากำลังถ่ายทำ Civil War
สิ่งหนึ่งซึ่งเราอยากลองคือเนื้อหาแบบคอมิคแนว 'ถ้าหาก' (What If comics)
Endgame คือแนวถ้าหากของพวกเรา ถ้าเหล่าฮีโร่แพ้, ธอร์จะอ้วนพี, นาตาชาจะเก็บเนื้อเก็บตัว, สตีฟจะทำตัวหดหู่, โทนี่ใช้ชีวิตส่วนตัว, ฮัลค์กลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่
มาร์คัส: คลินท์กลายเป็นฆาตกรคลั่ง ตอนเราเริ่มต้นเขียน Endgame เราจัดให้ธอร์ทำภารกิจล้างแค้น แบบว่าชำระแค้นที่ค้างไว้ตอนหนังเรื่องล่าสุด
อารมณ์ประมาณ นี่คือสิ่งที่เขาจะทำ! แต่มันล้มเหลวเสมอ
เลยลองผลักดันเขาจนสุดทาง แล้วดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น
แมคฟีลีย์: เขาเอาแต่ดื่ม และก็ตัวอ้วนฉุ
ฮัลค์ดูจะโชคดีกว่า
มาร์คัส: เราเคยต้องการให้แบนเนอร์กลายเป็นฮัลค์ฉลาด (Smart Hulk) ตอนหนังเรื่องแรกอยู่
มันสนุกน่าดู แต่รู้สึกผิดจังหวะเอาเรื่อง เพราะเขาพบช่วงรุ่งเรือง ขณะที่คนอื่นประสบความตกต่ำ
แมคฟีลีย์: เราเคยกะให้มันเกิดตอนศึกวาคานด้า เนื้อเรื่องของเขาถูกวางไว้ว่าแบนเนอร์มีปัญหากับฮัลค์, เจ้านั่นไม่ยอมออกมา แล้วในทันใดทั้งคู่ก็ประนีประนอมกันได้ กลายเป็นฮัลค์ฉลาด
มาร์คัส: เราชอบนะ, แต่เขาก็ได้เป็นฮัลค์ในหนังเรื่องที่สอง
ส่วนฉากร้านอาหารนั่นคือเราอยากข้ามอะไรทำนอง เขาอยู่ในห้องแล็บกำลังตัดต่อพันธุกรรม
แมคฟีลีย์: โอ้, ฉันเขียนฉากในห้องแล็บไว้ตั้งเยอะ แล้วเขาดันไปนั่งกินแพนเค้กเฉยเลย แต่ฉันว่านี่ออกมาดีใช้ได้นะ
มาร์คัส: ฉากนั้นพอล รัดด์ (แอนท์แมน) เอาแต่บ่นว่า "ผมสับสนชะมัด"
แอนท์แมนไม่โผล่ใน Infinity War เราเห็นเขาแย่เพราะการดีดนิ้วใน Ant-Man and the Wasp ก่อนมามีบทสำคัญใน Endgame
ทำไมพวกคุณจัดวางบทของเขาให้กลายเป็นแบบนี้ ?
แมคฟีลีย์: ช่วงปลายปี 2015 พวกเขาบอกให้เราเขียนบทเรื่องที่ 19 (Infinity War) กับ 22
ขณะเราพยายามเค้นมันออกมา เกิดตระหนักว่าไม่รู้จะเอายังไงกับแอนท์แมนดี
เนื่องจากเขามีหนังของตัวเองอยู่ และมันไม่ควรได้รับผลกระทบจนกว่าจะถึงจุดที่สมควร
ดังนั้นเราก็ต้องไปให้ความสำคัญเขาใน Endgame คุณทำแบบนี้ได้เฉพาะตอนวางแผนล่วงหน้าไว้นานขนาดนั้น
โทนหนังแอนท์แมน 2 แปลกเนอะ ว่าไหม ? เพราะมันสนุกสดใสจนกระทั่งเราฆ่าทุกคนบนจุดที่สมควรนั่น
ฮอว์คอาย เปลี่ยนไปในทางมืดมนมากกว่าใครเพื่อน
แมคฟีลีย์: เขาคือตัวอย่างที่ดีของคนที่เนื้อเรื่องแข็งแรงขึ้นหลังการดีดนิ้ว
เรื่องราวของฮอว์คอายซึ่งควรบอกเล่าในหนังเรื่องแรกมันจะต่างจากฮีโร่คนอื่นตรงไหน ?
ทิ้งครอบครัวเพื่อไปร่วมต่อสู้หรือ ? เขาเคยทำแล้วตอน Civil War
ถ้าอยากได้ประเด็นใหม่ต้องให้เขาฆ่าพวกคนชั่ว
มาร์คัส: เราเคยคิดจะใส่ฉากหลังดีดนิ้วของพ่อมือธนูลงในหนังเรื่องแรก, ดีดนิ้วปุ๊บ
ตัดสู่ฟาร์มของบ้านคลินท์ปั๊บ--มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ ?--และให้มันชี้นำว่าเกิดผลกระทบอะไรขึ้นในวงกว้าง แม้เขาไม่ได้มีบทเลยก่อนหน้าฉากนั้น
มันเจ๋งนะ, แต่ก็แสดงให้เห็นว่าธานอสได้ทำสิ่งที่โหดร้ายแค่ไหน
แมคฟีลีย์: โจ รุสโซ เป็นคนบอกให้เอาไปไว้ตอนต้นหนังเรื่องที่สอง
ในเมื่อ Black Panther และ Captain Marvel ประสบความสำเร็จอย่างงาม พวกคุณได้ลองเพิ่มอะไรเกี่ยวกับพวกเขาลงใน Endgame บ้างไหม ?
แมคฟีลีย์: เวลาไม่มากพอที่จะทำ เราพูดไม่ออกหรอกว่า "เร็วเข้า ใส่ชูริเพิ่มไป"
เราเปิดกล้องหนังทั้งสองเรื่องแล้วก่อนหน้า Black Panther เราถ่ายทำ, พวกเขาทำจนเสร็จ, แต่พวกเราก็ยังถ่ายทำอยู่
มาร์คัส: ตอนนั้นแบล็คแพนเธอร์พร้อมเผยแพร่
แมคฟีลีย์: ตอนเรากำลังฉายรอบทดลอง (ก่อน Black Panther ฉายโรง) พอกัปตันอเมริกาบอก "ฉันรู้จักอยู่ที่นึง" แล้วตัดไปวาคานด้า ผู้ชมโพล่งว่า "เออ น่าสนใจแฮะ"
แต่พอทดลองฉายหลัง Black Panther เข้าโรง แค่เปิดเสียงกลองที่คุ้นหูให้ได้ยินผู้คนก็เริ่มคลั่ง
ด้าน Captain Marvel ก็เหมือนกัน เราถ่ายฉากของบรี ลาร์สัน ก่อนเธอไปถ่ายทำหนังของตัวเอง
เธอพูดประโยคของตัวละครตอน 20 ปีหลังจากเรื่องราวต้นกำเนิด, ซึ่ง ณ เวลาดังกล่าวยังไม่มีใครเขียนบทนั่นขึ้นมาเลย มันบ้าชะมัด
มาร์คัส: เธออยู่ในอวกาศนานเกือบครึ่งชีวิต เธอมีภารกิจที่ต้องทำ
แมคฟีลีย์: ใช่แล้ว, กัปตันมาร์เวลมีบทใน Endgame น้อยกว่าที่หลายคนคงคาดไว้
แต่เราไม่ได้ตั้งใจจะเน้นเรื่องของเธอ--ที่เราเน้นคืออเวนเจอร์สทีมดั้งเดิมรับมือความสูญเสีย และพบบทสรุปกัน ส่วนเธอนั้นคือฮีโร่หน้าใหม่
ที่มา
https://www.nytimes.com/2019/04/29/movies/avengers-endgame-questions-and-answers.html
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้