ความกตัญญู กับการละทิ้งความเป็นตัวเอง

สวัสดีค่ะ เริ่มแรกของเรื่องคือเรามีแฟนคนไทย คบกันได้ซักพัก แฟนเราก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วเขาก็มาสารภาพกับเราว่าเขาเคยนอกใจเราไปคบกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขา เขาบินกลับมาเราก็ให้อภัย เพราะเราเชื่อว่าคนเรามักทำผิดพลาดได้เสมอ

พอเขาเรียนจบชีวิตเหมือนจะไปได้สวย เรา2คนวางแผนจะแต่งงานกัน แต่ติดที่ว่ายังไม่มีเงินสร้างเรือนหอ พ่อกับแม่เรามีเงินก้อนที่ไม่รวมเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่ง เขาบอกว่าถ้าเราเอาเงินนั้นมาสร้างเรือนหอ เรา2คนก็จะแต่งงานกันได้เร็วขึ้น แต่เราเลือกที่จะนำเงินก้อนนั้นไปเรียนต่อต่างประเทศ เนื่องมาจากความกดดันที่เราได้รับจากแฟนคนไทย เพราะเขาจะชอบวางตัวเหนือเรา เขาเช็คมือถือเรา, Facebook และ Instragram เรา แต่เขาไม่ให้แตะมือถือเขาเด็ดขาด รวมถึงเขาอ้างว่า Facebook และ Instagram ของเขาบล็อคเราอัตโนมัติ ทั้งๆที่พอเปิดดูใน Blocked catagory ก็ไม่เจอชื่อเรา เราขอให้เขาสร้างบัญชีผู้ใช้ขึ้นใหม่ เพื่อที่เราจะได้สนุกกับsocial mediaไปกับเขา แต่เขาก็ปฎิเสธเพราะเขาอ้างว่า เขาขี้เกียจสร้างเมลใหม่ และเหตุผลอื่นๆ รวมถึงเมื่อมีเรื่องที่จะต้องออกความคิดเห็น เขาจะพูดเสมอว่า เธอไม่รู้อะไรหรอก ทั้งชีวิตเธอก็ไม่เคยเรียนต่อต่างประเทศ 

แต่เขาก็มีข้อดีอยู่มาก คือเขาเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี พ่อกับแม่เรารักเขามาก เขาจะไปเยี่ยมพ่อแม่เราที่บ้าน และมีของไปฝากพ่อแม่เราทุกเทศกาล ตอนที่เรายังอยู่ไทย เราอยากกินร้านดังร้านไหน เขาก็ขับรถพาเราไปกิน เราชอบถ่ายรูป เขาก็ลงทุนซื้อกล้องpro มาเพื่อที่ถ่ายรูปให้เราเก็บไว้เป็นคอลเล็กชั่น ตอนเรามาเรียนต่อต่างประเทศ เขาก็มาส่งเรา จัดการซื้อของเข้าหอพัก เช่น หมอน ผ้าปู ชุดเครื่องครัว ข้าวสาร รวมถึงทำความสะอาดห้องให้เรา และไปรับ-ไปส่งเราจนกว่าเราจะชินเส้นทาง

แต่ก็มีอีกปัญหาหนึ่งคือ เขาเป็นคนที่Sexจัด และจัดว่าแย่ เราเสร็จน้อยครั้งมาก 2 -3 ครั้งเท่านั้นจากการคบมาทั้งหมด 4 ปี เขาขอมีเซ็กกับเราเกือบทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เราจะแกล้งเสร็จเพื่อให้เขาสบายใจ แต่หลังๆ เราบอกเขาว่า เธอเอาเลย ฉันไม่เสร็จหรอก เรารู้ตัวดีว่าทำไมเราถึงไม่สามารถมีความสุขในช่วงนั้นได้ เพราะเราถูกเลี้ยงมาให้อยู่ในกรอบ ได้รับการสั่งสอนให้มองว่าผู้ชายไม่ดี เข้ามาในชีวิตเพื่อหวังฟันเท่านั้น พอได้แล้วเราก็จะไม่มีค่า เป็นของตาย เขาไม่ยกย่องเชิดชูหรือแต่งงานด้วย รวมถึงถ้าหากเราเริ่มมีความรู้สึกชอบมีSex นั่นแสดงถึงเรากลายเป็น Low class peopleแล้ว ซึ่งจุดนี้เราก็ไม่กล้าพูดว่าเป็นความผิดของแฟนคนไทยฝ่ายเดียว เราเองก็เป็นฝ่ายที่ผิดด้วย

แต่ที่เราตัดสินใจมี Sex กับเขาหลังจากคบกันได้ 1 ปี เป็นเพราะว่าตอนนั้นเราทำงานแล้ว อายุ25ปี เรามีเงินเดือน เราดูแลตัวเองได้ เรามีSafe sex ทุกครั้ง และเรามองว่าผู้หญิงมีสิทธิ์ในร่างกายตัวเองทุกตารางนิ้ว ผู้ชายผ่านมา 1,000 จิ๋มไม่เป็นไร ผู้หญิงไม่ซิงคือผู้หญิงไม่ดี เราอ่านAcademic journal ของนักวิชาการต่างๆ และเราตัดสินใจว่า เราจะไม่ล็อคตัวอยู่ในกรอบสังคม Sexist แบบนี้ต่อไป ฉันจะทำ มันคืออิสระภาพของฉัน

พอเรามาเรียนต่อได้ซักพัก แฟนเราขอมี open relationship กับเรา เพราะเขาไม่แน่ใจว่าทั้งเขาและเราคือคนที่ใช่ของกันและกันไหม จากปัญหาด้านบนที่กล่าวมา และเขาก็บอกว่ามีผู้หญิงมาขอเบอร์และไลน์ของเขา ซึ่งเขาก็ได้ให้ไป และจะลองคุยดูว่านิสัยเป็นอย่างไร ซึ่งเราก็โอเค เนื่องจากเรามีแนวคิดว่า เราเกิดมาคนเดียว เราก็ตายคนเดียว เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับ หรือควบคุมชีวิตของใคร ถ้าเรา2คนไม่ใช่คู่กัน เลิกกันตอนนี้ก็ยังดีกว่าเลิกกันหลังจากแต่งงานและมีลูกแล้ว เราอยากจากกันด้วยดี เพราะข้อดีของแฟนคนไทยเราก็มีอยู่มาก 

และเราก็เจอผู้ชายคนนึงเป็นคนดำ (ลูกครึ่งคนดำกับคนขาว ซึ่งก็ไม่ได้ดำปี๊ดปี๋ หน้าตาดีแบบสไตล์Mulattos) อยู่หอเดียวกับเรา เขานิสัยดีมาก และมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว เขาเข้าใจความเป็นไปของผู้คน รวมถึงสามารถอธิบายได้ว่าทำไมเราถึงมีมุมมองต่อเรื่องนี้แบบนี้ มันมาจากการปลูกฝังและเรียนรู้ด้านไหน เขาเป็นโรคซึมเศร้า แต่เขาเข้าใจความรู้สึกของเราในทุกๆด้าน และเราเองก็เข้าใจความเจ็บปวดที่เขาผ่านมาในอดีตที่ส่งผลให้เขาเป็นโรคซึมเศร้า จนความรู้สึกของเรา2คน มันกลายเป็นCompassionate love  ที่ดูแลซึ่งกันและกัน เขาทำให้เรารู้สึกถึงอิสรภาพที่เราไม่เคยได้รับ เช่น อิสรภาพทางด้านการแสดงความคิดเห็น การแต่งตัว การใช้ชีวิตในสังคม เราสามารถเป็นตัวเองได้ในทุกมิติที่อยู่กับเขา เพราะFaceไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเขา เราไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองไปตามลักษณะของคู่สนทนาหรือบริบทแวดล้อม เพื่อให้เข้ากับสังคมได้ เหมือนกับตอนที่อยู่ที่ไทย รวมถึงเมื่อเราตัดสินใจมีSexกับเขา เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คืนนั้นเราเสร็จต่อเนื่อง 5 ครั้ง และในSexครั้งต่อๆมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่เราเสร็จต่ำกว่า 7 ครั้ง และสถิติมากสุดของเราคือ 35 ครั้ง ภายใน 3 ชั่วโมง

ตอนนี้เราเลิกกับแฟนคนไทยแล้ว เราเล่าเรื่องแฟนคนดำเราให้ที่บ้านฟัง เพราะเราคิดจะวางอนาคตกับเขา และแพลนในอนาคตคือมีพ่อกับแม่อยู่ด้วย เราจะรับพวกท่านเข้ามาอยู่ด้วย เพื่อที่จะดูแลเนื่องจากเราเป็นลูกคนเดียว แต่ผลสรุปคือเละไม่เป็นท่า ทั้ง2ท่านมีแนวคิดRacismสูง แม่เราขู่ว่าจะฆ่าตัวตายทุกวันถ้าเรายังไม่เลิกคบกับคนดำ พ่อเราร้องไห้ทุกวันและไม่ยอมออกไปเจอผู้คน ไม่กินข้าวและยาที่ปกติต้องกินทุกวัน รวมถึงการฉีดอินซูลินเข้าหน้าท้อง และตอนนี้เข้าออกโรงพยาบาลทุกวัน เนื่องจากโรคความดัน เบาหวาน ไต กำเริบ เรารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเรายังเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ เราไม่ได้ดูแลท่าน ท่านทั้ง2คนดูแลกันและกันอยู่ ณ ขณะนี้ ทั้ง2ท่านได้กล่าวว่า ท่านรู้สึกอับอายคนในละแวกบ้าน รวมถึงญาติๆ ถ้าพวกเขารับรู้เรื่องนี้ และลงความเห็นว่าเราคือลูกอตัญญู เพราะท่านทั้งสองส่งเราแค่มาเรียน ไม่ได้ให้มาหาสามีที่นี้ ทั้ง 2 รวมถึงท่านจะไม่ไปอยู่ที่ไหนทั้งนั้นถ้าไม่ใช่ประเทศไทย ท่านเกิดที่นี้ก็จะตายที่นี้ และจะไม่ยอมรับคนดำเป็นลูกเขยเด็ดขาด ตอนนี้เราสับสนมาก เราไม่รู้จะทำยังไงกับอนาคต เราไม่รู้จะไปปรึกษาใคร ถ้าเราเลือกพ่อแม่ เท่ากับเราทรยศความรู้สึกตัวเอง ถ้าเราเลือกแฟน เราคือคนอตัญญู
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่