ลูกสาวยื่นพอร์ตรอบแรก ได้คณะเภสัช (จ่ายค่าเทอม ค่าหอไปแล้ว รอเปิดเทอม)
ตามจริงลูกสาวเคยบอกแล้วว่าไม่อยากเรียนสายสุขภาพ ( อยากเรียนอักษรหรือรัฐศาสตร์มากกว่า )
แต่ด้วยความเป็นห่วง พ่อแม่ เกรงลูกจะไม่มีที่เรียน (เพราะระดับผลการเรียนกลางๆ+ไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่าที่ควร) เลยยื่นพอร์ตคณะเภสัชไป ผลปรากฏว่าติด+สัมภาษณ์ผ่าน (คุณแม่เล็งเห็นว่าอยากให้ลูกเรียนเภสัช เพราะเห็นถึงความมั่นคงในหน้าที่การงาน คิดว่าเลี้ยงตัวเองได้ + ตอนนี้ลูกยังอาจสับสนในสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ)
แต่หลังจากทราบคะแนน GAT PAT ONET 9วิชาสามัญ
ลูกสาวคุยกับผมแล้วบอกว่าต้องนี้ตั้งใจอยากจะเข้ารัฐศาสตร์จุฬาฯหรือธรรมศาสตร์ (คะแนนที่ได้อยู่ใน safe zone )
ผมแนะนำว่า IR น่าจะเหมาะกับตัวเค้า(เพราะลูกสาวชอบและถนัดภาษาอังกฤษ คะแนนไทย สังคม ก็สอบได้น่าพอใจ
ฐานะครอบครัวปานกลาง ลูกสาวถูกเลี้ยงมาอย่างปล่อยอิสระ แต่ไม่ค่อยได้เรียนรู้ประสบการณ์โลกภายนอกมากนักครับ
ตอนนี้ลูกสาวอยากจะยื่นคะแนน Admission รอบ 4 รัฐศาสตร์ แต่ก็รอพ่อแม่ตัดสินใจว่าจะอนุญาตหรือเปล่า
พ่อแม่นั่งปรึกษากันมาหลายวัน แต่คุยกันได้ไม่นานก็กลายเป็นเถียงกันเล็กๆ จนต้องหยุดคุยกันไปโดยปริยาย (เด๋วจะกลายเป็นทะเลาะกันซะก่อน 555+)
*สรุป*
*คุณแม่*
1.อยากให้ลูกสาวเรียนเภสัช โดยให้เหตุผลในเรื่องความมั่นคงของงาน รายได้ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้
2.คุณแม่ให้เหตุผลว่าคณะรัฐศาสตร์หรือ อักษรศาสตร์ ไม่รู้ว่าลูกสาวจะชอบจริงๆมั๊ย ตามเพื่อน หรือ ยึดติดสถาบันหรือเปล่า
3.เกรงว่าเรียนจบมาแล้วจะตกงาน
4.ถ้าลูกสาวไม่ได้หอใน (จุฬา ฯ หรือ ธรรมศาสตร์ ) ซึ่งต้องไปเช่าหอนอกอยู่ ค่าใช้จ่ายทางบ้านจะส่งไม่ไหว และการให้ลูกผู้หญิงต้องอยู่หอคนเดียว เป็นอะไรที่น่าเป็นห่วงมาก (จะหาเมทมาหารค่าหอก็คงไม่ทัน) ซึ่งข้อนี้ผมเห็นด้วยกับภรรยา เพราะถ้าต้องอยู่หอนอก สภาพการเงินในอนาคตอาจจะไม่คล่องสภาพ
*คุณพ่อ *
1.ถ้าอยากเรียนคณะรัฐศาสตร์หรือ อักษรศาสตร์ ผมก็ยินดี เพราะมันคือความสุขของเค้า คือสิ่งที่เค้าเลือกแล้ว (สมมุติเค้าเรียนไปแล้วเค้าคิดว่ามันไม่ใช่ ปีหน้าก็ซิ่วไปคณะที่ชอบจริงๆได้ 1 ปี ไม่ถือว่าสายไป)
2.จะผิดจะถูกก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เค้าเลือกเอง เค้าต้องยอมรับผลที่จะตามมาได้
2.ในใจผมก็อยากให้ลูกเรียนเภสัชน่ะครับ เรียนแล้วจบออกมาก็หายห่วงในระดับนึง (แต่ไม่เมื่อลูกไม่ชอบ ก็ไม่อยากไปฝืนใจ)
3.เรื่องตกงานไม่ตกงาน เงินเดือนมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับชีวิตเค้าในอนาคต
4.เรื่องหอพัก ถ้าไม่ได้หอในนี่ก็คิดหนักเหมือนกันครับ (ติดอยู่เรื่องนี้เป็นหลักเลยสำหรับผม)
*ลูกสาว*
1.อยากเรียนรัฐศาสตร์ IR หรือการปกครอง หรือคณะอักษรศาสตร์
2.ประสบการณ์ต่อโลกภายนอกยังถือว่าน้อยมาก การอยู่หอนอกเพียงลำพังน่าเป็นห่วง
วันที่ 14 พ.ค.นี้ทางคณะเภสัชก็จะเรียกให้ไปทำสัญญาเป็นนักศึกษาคณะเภสัชแล้ว
ยังเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน ที่ครอบครัวจะได้ข้อสรุป
อยากขอคำชี้แนะ ความคิดเห็นต่างๆ เพื่อที่ครอบครัวเราจะได้นำมาเป็นแนวทางตัดสินใจอย่างถูกต้องและเหมาะสมด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ถึงเวลาลูกจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่ความเห็น พ่อ แม่ ลูก ไม่ค่อยตรงกัน ความปวดหัวจึงบังเกิด T_T
ตามจริงลูกสาวเคยบอกแล้วว่าไม่อยากเรียนสายสุขภาพ ( อยากเรียนอักษรหรือรัฐศาสตร์มากกว่า )
แต่ด้วยความเป็นห่วง พ่อแม่ เกรงลูกจะไม่มีที่เรียน (เพราะระดับผลการเรียนกลางๆ+ไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่าที่ควร) เลยยื่นพอร์ตคณะเภสัชไป ผลปรากฏว่าติด+สัมภาษณ์ผ่าน (คุณแม่เล็งเห็นว่าอยากให้ลูกเรียนเภสัช เพราะเห็นถึงความมั่นคงในหน้าที่การงาน คิดว่าเลี้ยงตัวเองได้ + ตอนนี้ลูกยังอาจสับสนในสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ)
แต่หลังจากทราบคะแนน GAT PAT ONET 9วิชาสามัญ
ลูกสาวคุยกับผมแล้วบอกว่าต้องนี้ตั้งใจอยากจะเข้ารัฐศาสตร์จุฬาฯหรือธรรมศาสตร์ (คะแนนที่ได้อยู่ใน safe zone )
ผมแนะนำว่า IR น่าจะเหมาะกับตัวเค้า(เพราะลูกสาวชอบและถนัดภาษาอังกฤษ คะแนนไทย สังคม ก็สอบได้น่าพอใจ
ฐานะครอบครัวปานกลาง ลูกสาวถูกเลี้ยงมาอย่างปล่อยอิสระ แต่ไม่ค่อยได้เรียนรู้ประสบการณ์โลกภายนอกมากนักครับ
ตอนนี้ลูกสาวอยากจะยื่นคะแนน Admission รอบ 4 รัฐศาสตร์ แต่ก็รอพ่อแม่ตัดสินใจว่าจะอนุญาตหรือเปล่า
พ่อแม่นั่งปรึกษากันมาหลายวัน แต่คุยกันได้ไม่นานก็กลายเป็นเถียงกันเล็กๆ จนต้องหยุดคุยกันไปโดยปริยาย (เด๋วจะกลายเป็นทะเลาะกันซะก่อน 555+)
*สรุป*
*คุณแม่*
1.อยากให้ลูกสาวเรียนเภสัช โดยให้เหตุผลในเรื่องความมั่นคงของงาน รายได้ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้
2.คุณแม่ให้เหตุผลว่าคณะรัฐศาสตร์หรือ อักษรศาสตร์ ไม่รู้ว่าลูกสาวจะชอบจริงๆมั๊ย ตามเพื่อน หรือ ยึดติดสถาบันหรือเปล่า
3.เกรงว่าเรียนจบมาแล้วจะตกงาน
4.ถ้าลูกสาวไม่ได้หอใน (จุฬา ฯ หรือ ธรรมศาสตร์ ) ซึ่งต้องไปเช่าหอนอกอยู่ ค่าใช้จ่ายทางบ้านจะส่งไม่ไหว และการให้ลูกผู้หญิงต้องอยู่หอคนเดียว เป็นอะไรที่น่าเป็นห่วงมาก (จะหาเมทมาหารค่าหอก็คงไม่ทัน) ซึ่งข้อนี้ผมเห็นด้วยกับภรรยา เพราะถ้าต้องอยู่หอนอก สภาพการเงินในอนาคตอาจจะไม่คล่องสภาพ
*คุณพ่อ *
1.ถ้าอยากเรียนคณะรัฐศาสตร์หรือ อักษรศาสตร์ ผมก็ยินดี เพราะมันคือความสุขของเค้า คือสิ่งที่เค้าเลือกแล้ว (สมมุติเค้าเรียนไปแล้วเค้าคิดว่ามันไม่ใช่ ปีหน้าก็ซิ่วไปคณะที่ชอบจริงๆได้ 1 ปี ไม่ถือว่าสายไป)
2.จะผิดจะถูกก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เค้าเลือกเอง เค้าต้องยอมรับผลที่จะตามมาได้
2.ในใจผมก็อยากให้ลูกเรียนเภสัชน่ะครับ เรียนแล้วจบออกมาก็หายห่วงในระดับนึง (แต่ไม่เมื่อลูกไม่ชอบ ก็ไม่อยากไปฝืนใจ)
3.เรื่องตกงานไม่ตกงาน เงินเดือนมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับชีวิตเค้าในอนาคต
4.เรื่องหอพัก ถ้าไม่ได้หอในนี่ก็คิดหนักเหมือนกันครับ (ติดอยู่เรื่องนี้เป็นหลักเลยสำหรับผม)
*ลูกสาว*
1.อยากเรียนรัฐศาสตร์ IR หรือการปกครอง หรือคณะอักษรศาสตร์
2.ประสบการณ์ต่อโลกภายนอกยังถือว่าน้อยมาก การอยู่หอนอกเพียงลำพังน่าเป็นห่วง
วันที่ 14 พ.ค.นี้ทางคณะเภสัชก็จะเรียกให้ไปทำสัญญาเป็นนักศึกษาคณะเภสัชแล้ว
ยังเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน ที่ครอบครัวจะได้ข้อสรุป
อยากขอคำชี้แนะ ความคิดเห็นต่างๆ เพื่อที่ครอบครัวเราจะได้นำมาเป็นแนวทางตัดสินใจอย่างถูกต้องและเหมาะสมด้วยครับ
ขอบคุณครับ