สวัสดีครับพี่ ๆ … อันนี้น้องไฟไง
ในช่วงเวลา Spring ที่มีวันหยุดยาวแบบนี้ น้องไฟในฐานะชาวเน็ตได้กระทำการตีตั๋วไปแจแปน เที่ยวชมเทศกาลซากุระมาครับพี่ แต่ครั้งนี้ไม่ได้จะกระทำการรีวิวที่เที่ยวแต่อย่างใด เพราะเรามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ คือ
“การ Test Drive กล้อง Mirrorless ตัวใหม่ล่าสุด EOS RP จาก Canon” ครับพี่ !! เดี๋ยวเรามาดูกันครับว่า Mirrorless ตัวนี้ของ Canon จะวิเศษอัศจรรย์ใจเพียงใด ไปกันฮะ !!
พลิกการ์ดป้องกัน !!
- รีวิวนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Canon ที่ใจดีให้น้องไฟยืมกล้อง EOS RP มาลองเล่นกับทริปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ครับ ดังนั้นถ้ามีอะไรดีมิดีในความรู้สึกน้องอย่างไร เราจะมาจัดเต็มกันไปเลยฮะ !!
- น้องไฟไม่ใช่ตากล้องมืออาชีพนะครับ น้องไฟเป็นเพียงชาวเน็ตที่อยากแชร์ไอเดียและความคิดเห็นหลังจากได้เล่นกล้องใหม่ดู อาจไม่ได้มีการวิเคราะห์ด้านเทคนิควิศวกรรมใด ๆ ให้เปรียบเทียบเบอร์นั้น พี่ ๆ อย่าตีน้องงง
Canon EOS RP - Mirrorless ใหม่ล่าสุดจาก Canon จับแล้วเป็นไงบ้างนิ?
ออกตัวก่อนเลยครับว่าน้องไฟได้เคยลองใช้กล้อง Canon มา 2 ตัวคือ EOS M50 และ G7X ซึ่ง 2 ตัวนั้นเล็กจิ๋วมากเมื่อเทียบกับ EOS RP ประกอบกับเลนส์ที่ขอยืมมาเป็นเลนส์ระยะ 24-105 mm. f/4 … ตอนแรกหวั่นใจมากว่าจะ
- เที่ยวได้คล่องตัวมั้ย แบกไปเราจะไหล่เคล็ดรึเปล่านะ?
- f/4 จะถ่ายซากุระละลายหลังได้ร้ออออ?
แต่ไปไปมามา ตัวนี้ถือว่าใช้งานเรียกได้ว่าคล่องแคล่วเลยทีเดียวครับพี่ เพราะตัวกล้องมีกริปที่ช่วยให้การหยิบจับสะดวกมือยังไม่พอ ตัวหน้าจอ Display ก็ยังสามารถพลิกออกมาเพื่อให้เหมาะกับการถ่าย Selfie ได้ บวกกับเราสามารถหมุนหน้าจอเพื่อให้หน้าจอเหมาะสมกับการถ่ายมุมเสยหรือการถ่าย Flatlay ได้เหมือนกันครับ
อีกจุดนึงที่น่าสนใจมาก ๆ คือ EOS RP เป็นกล้อง Mirrorless ที่มอบเซนเซอร์ขนาด Fullframe ในขณะที่ EOS M50 เป็นเซนเซอร์ขนาด APS-C … ดังนั้นภาพที่ได้จาก EOS RP จึงมีมุมมองที่กว้างกว่า ภาพที่ได้นวลเนียนกว่า และจุดรบกวนน้อยกว่ากล้องที่มีเซนเซอร์แบบ APS-C ครับ
ในเรื่องของน้ำหนักกล้อง ถ้าพี่ ๆ เป็นสายกล้อง DSLR มาก่อน ตัวนี้ถือว่าลดภาระในการแบกหามไปเยอะมากกกกกกกกกกกกกกเลยครับพี่ !! น้องไฟไม่ทราบน้ำหนักกล้องจริง ๆ ว่า EOS RP นี่หนักกี่กรัม แต่ถ้าใช้ Mirrorless อยู่แล้วเป็นทุนเดิม บอกเลยครับว่าตัวกล้องหนักต่างกันนิดหน่อยแค่นั้นเองเด้อออ ปัจจัยหลักก็คือ เลนส์ 24-105 mm. f/4 ของเรานี่แหละครับ …….. แต่ !!
ถ้าพี่ ๆ เป็นสายเลนส์ระยะ Fix ที่ต้องเปลี่ยนเลนส์สลับไปสลับมา พี่ ๆ จะค้นพบว่าการเดินทางพร้อมเลนส์ซูมระยะ 24-105 mm. มันคือ “สรวงสวรรค์” เลยครับ
โดยเฉพาะเลนส์ตัวนี้ของ Canon ที่ตอนแรกแอบกังวลว่า f/4 จะถ่ายละลายหลังได้หรอว้าาา … สรุปว่าให้รูปภาพเล่าเรื่อง ไปฮะ !!!!!
Tokyo
น้องไฟถ่ายภาพด้วยโหมด Av ปรับให้ f/4 ตลอดเวลา นอกนั้นให้กล้องออโต้หมด ถ่ายใกล้ ๆ หรือจะเลือกซูมไปหาของที่อยากถ่าย ด้านหลังก็ละลายปุกปุยน่ารักมุ้งมิ้งที่สุดเลยครับพี่ !! สรุปว่าเรื่องหลังละลายก็ชนะไม่แพ้เลนส์ Fix เลยนะเออ … และที่สำคัญคือระยะการถ่ายภาพที่ 24 mm. มอบภาพมุมกว้างดั่งใจจริง ๆ ครับ ไม่ต้องเดินถอยหลังแล้วถอยหลังเล่า แชะภาพได้ทันที อันนี้น้องไฟชอบมากครับผม
ที่ระยะ 24 mm. f/4
ที่ระยะ 105 mm. f/4
ส่วนถ้าอยากจะซูมซู้มซูม !! ระยะ 105 mm. เป็นคำตอบมาก ๆ สำหรับสายซูมอย่างเรา ๆ ฮะ
ระยะนี้ต่อให้เรายืนห่างจากสิ่งที่เราอยากถ่ายมาก ๆ ก็หายห่วง เปรียบเทียบระหว่างรูปวัดเซนโซจิจากมุมสูงด้านบนนี้ เลนส์ 24-105 mm. f/4 คือคอมบิเนชั่นที่ดีมากสำหรับการท่องเที่ยวเลยครับ
Sendai
ถือว่าสอบผ่านได้คะแนนดีมาก ๆ เลยครับสำหรับ Canon EOS RP และเลนส์ 24-105 mm. f/4 ในแง่ของการถ่ายภาพท่องเที่ยว สำหรับพี่ ๆ ที่อยากได้ความคล่องตัวในการถ่ายภาพด้วยมุมกล้องต่าง ๆ รวมทั้งไม่ต้องการพกเลนส์มากมาย … ที่นี้มาคุยกันในแง่ของการถ่ายภาพบุคคล (Portrait) กันบ้างดีกว่าครับ
ด้วยสมรรถนะการละลายหลังแบบเด็ดดวงได้ใจของชุดเลนส์นี้ น้องขอแอบซ่อนรูป Portrait ไว้ให้พี่ ๆ ดูด้านล่างนี้เลยครับผม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จุดเด่นที่น้องไฟชอบมากมากมากมากกกกกก สำหรับการถ่ายภาพ Portrait ด้วย Canon EOS RP นี่คือเรื่องของ “สีผิว - Skintone” ที่สวยงามตามแบบฉบับของ Canon เค้านี่แหละฮะ
ถ้าพี่ ๆ เป็นสาวกการถ่ายภาพ Selfie แค่พลิกจอกลับมาถ่าย พอดูภาพปุ๊บจะเห็นเลยว่าสีผิวดูซอฟท์ ดูอบอุ่น สดใส เปล่งปลั่งขึ้น เพราะ ai การปรับสี Skintone ตัวเด็ดใน EOS RP นี่แหละครับที่ทำให้เราดูดีดูดี๊ดูดีขึ้นได้แบบไม่ยากเลยเด้ออออ
รวมทั้งการผนวกฟังก์ชั่นเรื่อง Eye Detection ซึ่งฟังก์ชั่นนี้ของ EOS RP จะทำการตรวจจับใบหน้าและโฟกัสที่ “ดวงตา” ของเรา ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลคมชัดง่ายดาย แม้ในสภาวะ “ย้อนแสง” ก็บ่อยั่นนะเด้อออ … หมดปัญหาถ่ายไม่โฟกัส รูปภาพของเราจะคมชัดสุด ๆ ไปฮะ !!
สรุปความเห็นที่มีต่อ Canon EOS RP สำหรับการใช้งานท่องเที่ยว
พอได้คลุกคลีกับกล้อง EOS RP ตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ไปเที่ยว พบว่า !!
1. ตัวกล้องหยิบจับได้คล่องตัว น้ำหนักเบาในระดับ Mirrorless ทั่วไป (บุญบาปคือหยิบเลนส์อะไรมาใส่ อันนี้แล้วต่อผู้ใช้แต่ละทั่นเลยฮะ
”
2. เลนส์ 24-105 mm. f/4 เป็นระยะที่น้องไฟรู้สึกว่า “เพอร์เฟ็ค” มากสำหรับการถ่ายรูปไปเที่ยวไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม, สตรีท หรือถ่ายภาพบุคคลครับ
3. นอกเหนือจากโหมด Auto แล้ว … ฟังก์ชั่นกล้อง EOS RP ถือว่าใช้งานสะดวกในระดับ “ผู้ใช้ที่ผ่านการใช้งานกล้องมาแล้วซักพัก” จะใช้งานได้สบายมากครับ ส่วนผู้ใช้ใหม่จริง ๆ อาจต้องอ่านคู่มือกับฝึกปรือการใช้งานนิดนึงครับ อันนี้เป็นเหตุมาจากกล้องนี้ “มีฟังก์ชั่นการใช้งานแบบมืออาชีพ” อยู่มากมาย ถือเป็นข้อดีที่ทำให้เราสามารถใช้งานในฟังก์ชั่นแมนน่วลยาก ๆ ได้ในอนาคตครับ
4. ถูกใจสุด ๆ กับความสามารถในการปรับเฉดสีผิว Skintone และฟังก์ชั่น Eye Detection โฟกัสที่ดวงตา ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลคมชัดและสวยงามได้ง่ายมั่ก ๆ !!
จบแล้วครับสำหรับรีวิว Test Drive กล้องใหม่ Canon EOS RP ในรูปแบบชาวเน็ตทั่วไปใช้งานง่าย ๆ ธรรมดา … พี่ ๆ ที่สนใจกล้องตัวนี้อยู่ ไปลองจับ ๆ คลำ ๆ เล่น ๆ กันดูก่อนนะครับ รับรองว่าจะเยิ้ฟฟฟ EOS RP แบบน้องไฟแน่นวลลลล วันนี้น้องไฟขอตัวลาไปก่อนแว้ววว บุยยยยยย
เทสกล้องใหม่สไตล์ชาวเน็ต กับ Canon EOS RP รีวิวนี้ที่แจแปนเลยฮะ !!
พลิกการ์ดป้องกัน !!
- รีวิวนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Canon ที่ใจดีให้น้องไฟยืมกล้อง EOS RP มาลองเล่นกับทริปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ครับ ดังนั้นถ้ามีอะไรดีมิดีในความรู้สึกน้องอย่างไร เราจะมาจัดเต็มกันไปเลยฮะ !!
- น้องไฟไม่ใช่ตากล้องมืออาชีพนะครับ น้องไฟเป็นเพียงชาวเน็ตที่อยากแชร์ไอเดียและความคิดเห็นหลังจากได้เล่นกล้องใหม่ดู อาจไม่ได้มีการวิเคราะห์ด้านเทคนิควิศวกรรมใด ๆ ให้เปรียบเทียบเบอร์นั้น พี่ ๆ อย่าตีน้องงง
ออกตัวก่อนเลยครับว่าน้องไฟได้เคยลองใช้กล้อง Canon มา 2 ตัวคือ EOS M50 และ G7X ซึ่ง 2 ตัวนั้นเล็กจิ๋วมากเมื่อเทียบกับ EOS RP ประกอบกับเลนส์ที่ขอยืมมาเป็นเลนส์ระยะ 24-105 mm. f/4 … ตอนแรกหวั่นใจมากว่าจะ
- เที่ยวได้คล่องตัวมั้ย แบกไปเราจะไหล่เคล็ดรึเปล่านะ?
- f/4 จะถ่ายซากุระละลายหลังได้ร้ออออ?
แต่ไปไปมามา ตัวนี้ถือว่าใช้งานเรียกได้ว่าคล่องแคล่วเลยทีเดียวครับพี่ เพราะตัวกล้องมีกริปที่ช่วยให้การหยิบจับสะดวกมือยังไม่พอ ตัวหน้าจอ Display ก็ยังสามารถพลิกออกมาเพื่อให้เหมาะกับการถ่าย Selfie ได้ บวกกับเราสามารถหมุนหน้าจอเพื่อให้หน้าจอเหมาะสมกับการถ่ายมุมเสยหรือการถ่าย Flatlay ได้เหมือนกันครับ
อีกจุดนึงที่น่าสนใจมาก ๆ คือ EOS RP เป็นกล้อง Mirrorless ที่มอบเซนเซอร์ขนาด Fullframe ในขณะที่ EOS M50 เป็นเซนเซอร์ขนาด APS-C … ดังนั้นภาพที่ได้จาก EOS RP จึงมีมุมมองที่กว้างกว่า ภาพที่ได้นวลเนียนกว่า และจุดรบกวนน้อยกว่ากล้องที่มีเซนเซอร์แบบ APS-C ครับ
ในเรื่องของน้ำหนักกล้อง ถ้าพี่ ๆ เป็นสายกล้อง DSLR มาก่อน ตัวนี้ถือว่าลดภาระในการแบกหามไปเยอะมากกกกกกกกกกกกกกเลยครับพี่ !! น้องไฟไม่ทราบน้ำหนักกล้องจริง ๆ ว่า EOS RP นี่หนักกี่กรัม แต่ถ้าใช้ Mirrorless อยู่แล้วเป็นทุนเดิม บอกเลยครับว่าตัวกล้องหนักต่างกันนิดหน่อยแค่นั้นเองเด้อออ ปัจจัยหลักก็คือ เลนส์ 24-105 mm. f/4 ของเรานี่แหละครับ …….. แต่ !!
ถ้าพี่ ๆ เป็นสายเลนส์ระยะ Fix ที่ต้องเปลี่ยนเลนส์สลับไปสลับมา พี่ ๆ จะค้นพบว่าการเดินทางพร้อมเลนส์ซูมระยะ 24-105 mm. มันคือ “สรวงสวรรค์” เลยครับ
Tokyo
น้องไฟถ่ายภาพด้วยโหมด Av ปรับให้ f/4 ตลอดเวลา นอกนั้นให้กล้องออโต้หมด ถ่ายใกล้ ๆ หรือจะเลือกซูมไปหาของที่อยากถ่าย ด้านหลังก็ละลายปุกปุยน่ารักมุ้งมิ้งที่สุดเลยครับพี่ !! สรุปว่าเรื่องหลังละลายก็ชนะไม่แพ้เลนส์ Fix เลยนะเออ … และที่สำคัญคือระยะการถ่ายภาพที่ 24 mm. มอบภาพมุมกว้างดั่งใจจริง ๆ ครับ ไม่ต้องเดินถอยหลังแล้วถอยหลังเล่า แชะภาพได้ทันที อันนี้น้องไฟชอบมากครับผม