ต่อจาก Zhangjiajie ep1 (
https://ppantip.com/topic/38818065/)
หลังจากพาไปดู เมือง avatar : wulingyuan และสถานที่เที่ยวละแวกนั้นแล้ว
เรามาอีกหนึ่งที่ที่สำคัญของ Zhangjiajie กันบ้าล สถานที่นี้ใช้เวลานั่งรถมาจากที่ก่อน (wulingyuan) ประมาณ 1 ชั่วโมง
สถานที่นี้ก็คือ ประตูสวรรค์แห่งภูเขาเทียนเหมิน (The Heaven’s Gate of Tianmenshan)
ซึ่งชื่อของที่นี่ก็ได้มาจากลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ คือ เป็นโพรงหินธรรมชาติตั้งอยู่บนภูเขาขนาดใหญ่ โพรงหินมีความกว้าง 57 เมตร สูง 131.5 เมตร ถือได้ว่าเป็นโพรงหินที่มีขนาดใหญ่มาก เวลามองจากด้านล่างขึ้นไปจะทำให้รู้สึกคล้ายกับประตูยักษ์ ที่เป็นทางเข้าสู่เบื้องบน(สวรรค์) โดยถ้าฟ้าเปิดจะมีแสงส่องทะลุประตูลงมาด้วย
ส่วนข้างบนหลังประตูสวรรค์ประกอบไปด้วย :
- วัด 1 แห่ง
- ทางเดินในป่ายาว ๆ
- ทางเดินริมผาแบบกระจก 3 แห่ง และแบบธรรมดาอีกมากมาย (วิวสวย)
โดยรวมแล้วการมาเที่ยวบนสวรรค์นี้ ต้องใช้เวลาเดินชมสถานที่ทั้งหมดอย่างน้อย ๆ 4 ชั่วโมง เพราะพื้นที่ข้างบนมีขนาดใหญ่มาก (เกิน 10 ตารางกิโลเมตร)
ปล.เทียนเหมินซานฉบับนี้จะเป็นแบบไร้ทัวจีน คือพอไม่มีทัวจีนแล้ว แทบจะไม่เหลือนักท่องเที่ยวเลยครับ
ผมว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าไปเที่ยวจีนนะ อากาศกำลังเย็น ๆ และเค้าก็ยังมีประดับไฟในเมืองกันอยู่ด้วย (ช่วงหลังตรุษจีนเสร็จ)
การขึ้นประตูสวรรค์จะสามารถขึ้นได้จากสถานีที่อยู่ใจกลางเมืองเลย โดยจะสามารถขึ้น/ลงได้สองวิธีคือ
วิธีแรก“การนั่งกระเช้า”
(Tianmen Mountain Cableway)
กระเช้าจะค่อย ๆ ขึ้นมาจากกลางเมืองข้ามภูเขาไปทีละลูกและซักพักจะสามารถมองเห็นภูเขาเทียนเหมินและประตูสวรรค์ซึ่งอยู่ด้านหลังได้เลย แนะนำว่าสามารถเปิดกระจกถ่ายรูปจากกระเช้าได้ด้วย
กระเช้าใช้เวลาเดินทางทั้งหมดเที่ยวละ 28 นาที ด้วยระยะทาง 7,455 เมตร สามารถขนคนได้เกิน 1,000 คน ต่อชั่วโมง เป็นระบบกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลก
เปิด-ปิด : 8.00-17.00
การนั่งกระเช้าจะสามารถเห็นประตูสวรรค์ได้เลย (ช่องใหญ่ ๆ ด้านซ้าย) แต่ไม่แนะนำสำหรับคนกลัวความสูงนะครับ
วิธีที่สอง
“นั่งรถ 99 โค้งและเดินขึ้นบันไดต่ออีก 999 ขั้น”
(Heaven-Liking Avenue)
การนั่งรถต้องดูสภาพอากาศด้วย บางช่วงที่หมอกลงหนาหรือฝนตก รถอาจจะไม่วิ่ง ยังไงผมแนะนำว่าไม่ต้องจองล่วงหน้า เพราะยังไงการขึ้นภูเขาเทียนเหมินทั้งสองทางก็ซื้อที่เดียวกันอยู่แล้ว
ระยะทางถนนทั้งหมด 10.77 กิโลเมตร
*ไม่แนะนำสำหรับคนที่เมารถง่าย*
สำหรับผม ผมเลือกนั่งกระเช้าขึ้น และขาลง ลงโดยรถบัส (เพราะงั้นประตูสวรรค์ผมจะอยู่ท้าย ๆ ของโพสนะครับ)
ทั้งสองวิธีสามารถขึ้นได้จากสถานที่เดียวกันคือ Cablecar station ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง Zhangjiajie และอยู่ห่างจากสนามบิน Zhangjiajie แค่ 15 นาที เผื่อใครไม่อยากนั่งรถเมื่อยก้น 5 ชั่วโมง จากสนามบิน Changsha มา Zhangjiajie ก็สามารถนั่งเครื่องบินมาแทนได้
โดยราคาทั้งการขึ้นแบบกระเช้าและรถบัส จะเป็นราคาเดียวกัน ส่วนนักท่องเที่ยวจะเลือกขึ้นลงแบบไหนก็เลือกได้ตามสบายเลย
ราคา
1 March – 31 November : 258 หยวน
1 December – 28/29 Feburary : 225 หยวน
(ราคาไม่รวมบันไดเลื่อน กระเช้าด้านบนภูเขา และทางเดินกระจกทั้งหมด)
ช่วงใกล้ ๆ จะถึง จะสังเกตได้ว่ามีบันไดยาว ๆ และดูอันตรายมาก ๆ ติดอยู่ข้างภูเขา
ด้วยความสงสัยส่วนตัว ผมเลยไปถามคนท้องถิ่นมา เค้าบอกว่า เป็นบันไดที่นักเดินไต่เชือก เค้ามาเดินทำสถิติทิ้งไว้
นอกจากกิจกรรมนี้ยังมีอีกหลายกิจกรรมผาดโผนที่มีคนทำสถิติไว้บนเขาลูกนี้ เช่น
- ขับเครื่องบินรบผ่านประตูสวรรค์ (ในพิธีเปิด : เครื่องบินรัสเซีย)
- แข่งดริฟรถลงถนน 99 โค้ง (Red Bull)
- แข่ง Wingsuit Gliding
และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย สามารถเดินชมรูปได้ในอุโมงค์บันไดเลื่อนบนภูเขาเทียนเหมิน
ผมไปช่วงต้นเดือนมีนาคมครับ
อากาศในเมืองเย็นสบาย ประมาณ 5-10 องศาครับ ส่วนบนเขาไม่แน่ใจว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ แต่หนาวมาก ทุกอย่างเป็นน้ำแข็งและหิมะครับ
ทางเดินข้างบนสวรรค์ก็เลยจะขาวโพลนไปหมด ถ้าใครจะมาช่วงเดียวกับผม ผมแนะนำให้เตรียมอุปกรณ์กันหนาวดี ๆ ครับ และถ้าเป็นเสื้อแบบกันน้ำได้ก็ยิ่งดีครับ เพราะบางช่วงเดินผ่านป่า น้ำค้างเยอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา
ดู texture ของต้นไม้สวยแบบแปลก ๆ เหมือนผมโดนสีขาวไฮไลท์ไว้เลย
ความจริงคือ โดนน้ำแข็งเคลือบนะครับ
ด้านบนเขาจะมีทางเดินริมผาค่อนข้างเยอะ
ถ้าใครกลัวความสูงก็อาจจะเสียว ๆ หน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับวิวมาก เพราะภูเขาเทียนเหมินสูงกว่าภูเขาลูกอื่น ๆ รอบข้างทั้งหมดเลย
อันนี้ภูเขาด้านข้างครับ ไม่รู้ชื่ออะไร สวยดี แต่ไม่สามารถเดินไปได้นะครับ
โดมสีขาว ๆ ด้านซ้ายคิดว่าเป็นพวก radar สัญญาณนะ หน้าตาคล้าย ๆ ที่ไต้หวัน
Coiled Dragon Cliff
ทางเดินกระจกริมผา เป็นจุดที่สูงที่สุดของภูเขา (ความสูง1400m)
ทางเดินมีความกว้าง 1.6m ความยาว 100m กระจกหนา 2.5 นิ้ว
การเดินบนทางเดินกระจกจะต้องใส่ผ้าคลุมรองเท้าระหว่างเดิน
ปล.ทางเดินกระจกนี้จะน่ากลัวน้อยกว่า ทางเดินกระจก Zhangjiajie Glass Bridge ใน ep1 ค่อนข้างเยอะ
ถ้าใครเคยไปอันนู้นมาแล้ว อันนี้ชิว ๆ แล้วครับ
สำหรับใครที่กลัวความสูงแล้วโดนเพื่อนลากมาเดิน ผมแนะนำให้เดินมองวิวข้างนอกครับ ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องมองพื้นด้านล่าง เพราะวิวด้านนอกก็สวยอยู่
นี่คือวิวจากทางเดินริมผากระจก Coiled Dragon Cliff ( 1 ใน 3 ทางเดินกระจกบน Tianmenshan) มีต้นไม้เคลือบน้ำแข็งกับวิวภูเขาหิมะ
ผ่านทางเดินกระจกไปก็ยังเป็นทางเดินริมผาไปเรื่อย ๆ ครับ จริง ๆ ถ้าใครไม่อยากเดินทางเดินกระจก (หรืออยากประหยัดเงิน) ก็ไม่ต้องเดินก็ได้ครับ
บางช่วงของทางเดินจะมีผ้าแดง ๆ
เป็นผ้าที่เค้าไว้ขอพรกัน คือจะเขียนสิ่งที่ตัวเองปรารถนาแล้วก็ผูกเป็นทางไปเรื่อย ๆ
สำหรับภาพรวมของทางเดินจะหน้าตาแบบนี้เลย เป็นทางเดินเลาะผาไปเรื่อย ๆ และมีหิมะตลอดทาง
เดินไปลื่นไป ถ้าคนเยอะ ๆ โดยเฉพาะคนจีนด้วยแล้ว น่าจะน่ากลัวอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าถูกเบียดตกไป ก็ตายอย่างเดียว
ยังไงก็ตามที่กั้นเค้าค่อนข้างแข็งแรงอยู่ครับ เป็นปูนหล่อทั้งหมดเลย
เดิน ๆ ไปก็สังเกตต้นไม้ด้วยนะ
ผมชอบ แปลกดีเป็นน้ำแข็งย้อย ๆ ตามใบ (แม่คะนิ้งบ้านเรากระเด็นไปเลย)
บางช่วงจะมีโซนหินร่วงด้วยครับ เค้าจะขึงตาข่ายกั้นไว้ แต่ยังไงก็เดินระวัง ๆ หน่อย ผมไม่แน่ใจว่าตาข่ายจะเอาอยู่ไหม
และถ้าดูใต้ตาข่ายดี ๆ ก็จะเห็นเป็นน้ำแข็งย้อย ๆ เหมือนที่ใบไม้เลยครับ
จริง ๆ ถ้าอยากเดินหิมะแบบชีวิตดีขึ้นหน่อย ผมแนะนำ crampon ที่รัดรองเท้าที่เป็นหนามเหล็ก เอาไว้ช่วยเดินเกาะหิมะ
ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้ใช้นะ เลยไม่ทราบเหมือนกันว่าเอามาจากไหน แต่คิดว่าน่าจะหาซื้อหรือเช่าก่อนขึ้นได้อยู่
ผมว่าช่วงที่หิมะตามต้นไม้เยอะ ๆ ก็สวยดี
ถ่ายมาให้ดูครับ
ทางเดินบางช่วงต้นไม้จะรก ๆ หน่อย มีทั้งต้นไม้โผล่มาจากด้านบนหัว และโผล่มาตามพื้น
ยังไงเดินก็ระวัง ๆ หน่อยนะ
นั่นคือทางเดินเลาะผาที่เราจะเดินกัน
หิมะขาวโพลนไปหมด
กระเช้าเล็ก ๆ ที่ผมบอกว่าไม่รวมกับราคาขึ้นมาที่นี่ด้วย
อันนี้เป็นกระเช้าสำหรับคนขี้เกียจ ไม่อยากเดินเยอะ ขึ้นมาข้างบนประตูสวรรค์เสร็จก็สามารถนั่งกระเช้าเล็ก ๆ นี่ไปที่วัดบนภูเขาได้เลย
แต่อากาศแบบนี้ ผมว่าผมยอมเดินดีกว่า ทั้งลื่นทั้งหนาว แถมกระเช้าก็ดูไม่ค่อยปลอดภัยเลย บายครับ
หันไปดูความหนาวใกล้ ๆ หน่อย
.
.
.
ผมบอกแล้วอากาศแบบนี้ ใครอยากนั่งก็นั่งเถอะกระเช้าเนี่ย
ต้นไม้ยังกลายเป็นน้ำแข็งหมดเลย
แต่น้ำแข็งช่วงนี้ไม่เหมือนช่วงก่อนที่เป็นแบบย้อย ๆ นะ มันเป็นแบบเกร็ด ๆ ที่หันไปทิศทางเดียวกัน อารมณ์แบบโดนลมพัดแล้วแข็ง
ให้ดูใกล้ ๆ อีกที
มองลงเหวไปก็มีน้ำแข็งเป็นเหมือนทางน้ำ ที่ไหล ๆ อยู่แล้วก็เย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็ง
ทางเดินแถวนี้สวยมาก
และจุดข้างหน้าจะเป็นไฮไลท์จุดนึงของที่นี่
ไฮไลท์นั่นก็คือ หุบเขา นั่นเอง มันเกิดจากภูเขาสองลูกเข้ามาชนกัน เค้าก็เลยสร้างทางเดินตรงกลางระหว่างภูเขาให้เข้ามาเดินเล่นได้ด้วย
สวยเนอะ
ถึงผมจะไม่กล้านั่งกระเช้านี่ แต่ก็มีคนเค้ากล้านั่งอยู่ดีนะ
ถ้าใครอยาก ก็ลุยเลย ไม่ว่ากันครับ
ทางเดินกระจกอันที่สอง
เป็นทางเดินกระจกที่ยื่นออกไปจากทางเดินริมผา น่าจะเสียวอยู่มาก เพราะเป็นกระจกยาว ๆ เลย
แต่ช่วงที่ผมไปหิมะหนามาก ค่อนข้างอันตราย อาจจะลื่นได้ เค้าเลยปิดไว้ไม่ให้เข้าครับ
ช่วงหลัง ๆ จะเริ่มเห็นแต่ต้นไม้สีขาวแล้วครับ
เจอแล้ว ! ประตูสวรรค์
.
.
.
หลอก ๆ อันนี้ไม่ใช่นะครับ อันนี้เป็นโพรงหินธรรมชาติเหมือนกัน แต่เล็กกว่าประตูสวรรค์จริง ๆ อยู่มากกก
ข้างบนภูเขาจะมีสะพานแขวนใหญ่ ๆ ให้ข้ามด้วยคิดว่าวิวคงจะสวย แต่ผมไม่เห็นนะ เพราะหมอกลงหนามาก
ดูหมอกสิ แท่นสะพานแขวนผมยังมองไม่เห็นเลย ใครมีรูปวิวอยากจะแชร์ ก็จัดมาเลยครับ
ถึงแล้ววัด !
เป็นจุด summit ของภูเขาลูกนี้หละ
*** ขอต่อในคอมเมนต์นะครับ เขียนไม่พอ
ประตูสวรรค์แห่งภูเขาเทียนเหมิน : ฉบับไร้ทัวจีน (Zhangjiajie ep2)
หลังจากพาไปดู เมือง avatar : wulingyuan และสถานที่เที่ยวละแวกนั้นแล้ว
เรามาอีกหนึ่งที่ที่สำคัญของ Zhangjiajie กันบ้าล สถานที่นี้ใช้เวลานั่งรถมาจากที่ก่อน (wulingyuan) ประมาณ 1 ชั่วโมง
สถานที่นี้ก็คือ ประตูสวรรค์แห่งภูเขาเทียนเหมิน (The Heaven’s Gate of Tianmenshan)
ซึ่งชื่อของที่นี่ก็ได้มาจากลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ คือ เป็นโพรงหินธรรมชาติตั้งอยู่บนภูเขาขนาดใหญ่ โพรงหินมีความกว้าง 57 เมตร สูง 131.5 เมตร ถือได้ว่าเป็นโพรงหินที่มีขนาดใหญ่มาก เวลามองจากด้านล่างขึ้นไปจะทำให้รู้สึกคล้ายกับประตูยักษ์ ที่เป็นทางเข้าสู่เบื้องบน(สวรรค์) โดยถ้าฟ้าเปิดจะมีแสงส่องทะลุประตูลงมาด้วย
ส่วนข้างบนหลังประตูสวรรค์ประกอบไปด้วย :
- วัด 1 แห่ง
- ทางเดินในป่ายาว ๆ
- ทางเดินริมผาแบบกระจก 3 แห่ง และแบบธรรมดาอีกมากมาย (วิวสวย)
โดยรวมแล้วการมาเที่ยวบนสวรรค์นี้ ต้องใช้เวลาเดินชมสถานที่ทั้งหมดอย่างน้อย ๆ 4 ชั่วโมง เพราะพื้นที่ข้างบนมีขนาดใหญ่มาก (เกิน 10 ตารางกิโลเมตร)
ปล.เทียนเหมินซานฉบับนี้จะเป็นแบบไร้ทัวจีน คือพอไม่มีทัวจีนแล้ว แทบจะไม่เหลือนักท่องเที่ยวเลยครับ
ผมว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าไปเที่ยวจีนนะ อากาศกำลังเย็น ๆ และเค้าก็ยังมีประดับไฟในเมืองกันอยู่ด้วย (ช่วงหลังตรุษจีนเสร็จ)
การขึ้นประตูสวรรค์จะสามารถขึ้นได้จากสถานีที่อยู่ใจกลางเมืองเลย โดยจะสามารถขึ้น/ลงได้สองวิธีคือ
วิธีแรก“การนั่งกระเช้า”
(Tianmen Mountain Cableway)
กระเช้าจะค่อย ๆ ขึ้นมาจากกลางเมืองข้ามภูเขาไปทีละลูกและซักพักจะสามารถมองเห็นภูเขาเทียนเหมินและประตูสวรรค์ซึ่งอยู่ด้านหลังได้เลย แนะนำว่าสามารถเปิดกระจกถ่ายรูปจากกระเช้าได้ด้วย
กระเช้าใช้เวลาเดินทางทั้งหมดเที่ยวละ 28 นาที ด้วยระยะทาง 7,455 เมตร สามารถขนคนได้เกิน 1,000 คน ต่อชั่วโมง เป็นระบบกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลก
เปิด-ปิด : 8.00-17.00
การนั่งกระเช้าจะสามารถเห็นประตูสวรรค์ได้เลย (ช่องใหญ่ ๆ ด้านซ้าย) แต่ไม่แนะนำสำหรับคนกลัวความสูงนะครับ
วิธีที่สอง
“นั่งรถ 99 โค้งและเดินขึ้นบันไดต่ออีก 999 ขั้น”
(Heaven-Liking Avenue)
การนั่งรถต้องดูสภาพอากาศด้วย บางช่วงที่หมอกลงหนาหรือฝนตก รถอาจจะไม่วิ่ง ยังไงผมแนะนำว่าไม่ต้องจองล่วงหน้า เพราะยังไงการขึ้นภูเขาเทียนเหมินทั้งสองทางก็ซื้อที่เดียวกันอยู่แล้ว
ระยะทางถนนทั้งหมด 10.77 กิโลเมตร
*ไม่แนะนำสำหรับคนที่เมารถง่าย*
สำหรับผม ผมเลือกนั่งกระเช้าขึ้น และขาลง ลงโดยรถบัส (เพราะงั้นประตูสวรรค์ผมจะอยู่ท้าย ๆ ของโพสนะครับ)
ทั้งสองวิธีสามารถขึ้นได้จากสถานที่เดียวกันคือ Cablecar station ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง Zhangjiajie และอยู่ห่างจากสนามบิน Zhangjiajie แค่ 15 นาที เผื่อใครไม่อยากนั่งรถเมื่อยก้น 5 ชั่วโมง จากสนามบิน Changsha มา Zhangjiajie ก็สามารถนั่งเครื่องบินมาแทนได้
โดยราคาทั้งการขึ้นแบบกระเช้าและรถบัส จะเป็นราคาเดียวกัน ส่วนนักท่องเที่ยวจะเลือกขึ้นลงแบบไหนก็เลือกได้ตามสบายเลย
ราคา
1 March – 31 November : 258 หยวน
1 December – 28/29 Feburary : 225 หยวน
(ราคาไม่รวมบันไดเลื่อน กระเช้าด้านบนภูเขา และทางเดินกระจกทั้งหมด)ช่วงใกล้ ๆ จะถึง จะสังเกตได้ว่ามีบันไดยาว ๆ และดูอันตรายมาก ๆ ติดอยู่ข้างภูเขา
ด้วยความสงสัยส่วนตัว ผมเลยไปถามคนท้องถิ่นมา เค้าบอกว่า เป็นบันไดที่นักเดินไต่เชือก เค้ามาเดินทำสถิติทิ้งไว้
นอกจากกิจกรรมนี้ยังมีอีกหลายกิจกรรมผาดโผนที่มีคนทำสถิติไว้บนเขาลูกนี้ เช่น
- ขับเครื่องบินรบผ่านประตูสวรรค์ (ในพิธีเปิด : เครื่องบินรัสเซีย)
- แข่งดริฟรถลงถนน 99 โค้ง (Red Bull)
- แข่ง Wingsuit Gliding
และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย สามารถเดินชมรูปได้ในอุโมงค์บันไดเลื่อนบนภูเขาเทียนเหมินผมไปช่วงต้นเดือนมีนาคมครับ
อากาศในเมืองเย็นสบาย ประมาณ 5-10 องศาครับ ส่วนบนเขาไม่แน่ใจว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ แต่หนาวมาก ทุกอย่างเป็นน้ำแข็งและหิมะครับ
ทางเดินข้างบนสวรรค์ก็เลยจะขาวโพลนไปหมด ถ้าใครจะมาช่วงเดียวกับผม ผมแนะนำให้เตรียมอุปกรณ์กันหนาวดี ๆ ครับ และถ้าเป็นเสื้อแบบกันน้ำได้ก็ยิ่งดีครับ เพราะบางช่วงเดินผ่านป่า น้ำค้างเยอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา
ดู texture ของต้นไม้สวยแบบแปลก ๆ เหมือนผมโดนสีขาวไฮไลท์ไว้เลย
ความจริงคือ โดนน้ำแข็งเคลือบนะครับ
ด้านบนเขาจะมีทางเดินริมผาค่อนข้างเยอะ
ถ้าใครกลัวความสูงก็อาจจะเสียว ๆ หน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับวิวมาก เพราะภูเขาเทียนเหมินสูงกว่าภูเขาลูกอื่น ๆ รอบข้างทั้งหมดเลย
อันนี้ภูเขาด้านข้างครับ ไม่รู้ชื่ออะไร สวยดี แต่ไม่สามารถเดินไปได้นะครับ
โดมสีขาว ๆ ด้านซ้ายคิดว่าเป็นพวก radar สัญญาณนะ หน้าตาคล้าย ๆ ที่ไต้หวัน
Coiled Dragon Cliff
ทางเดินกระจกริมผา เป็นจุดที่สูงที่สุดของภูเขา (ความสูง1400m)
ทางเดินมีความกว้าง 1.6m ความยาว 100m กระจกหนา 2.5 นิ้ว
การเดินบนทางเดินกระจกจะต้องใส่ผ้าคลุมรองเท้าระหว่างเดิน
ปล.ทางเดินกระจกนี้จะน่ากลัวน้อยกว่า ทางเดินกระจก Zhangjiajie Glass Bridge ใน ep1 ค่อนข้างเยอะ
ถ้าใครเคยไปอันนู้นมาแล้ว อันนี้ชิว ๆ แล้วครับ
สำหรับใครที่กลัวความสูงแล้วโดนเพื่อนลากมาเดิน ผมแนะนำให้เดินมองวิวข้างนอกครับ ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องมองพื้นด้านล่าง เพราะวิวด้านนอกก็สวยอยู่
นี่คือวิวจากทางเดินริมผากระจก Coiled Dragon Cliff ( 1 ใน 3 ทางเดินกระจกบน Tianmenshan) มีต้นไม้เคลือบน้ำแข็งกับวิวภูเขาหิมะ
ผ่านทางเดินกระจกไปก็ยังเป็นทางเดินริมผาไปเรื่อย ๆ ครับ จริง ๆ ถ้าใครไม่อยากเดินทางเดินกระจก (หรืออยากประหยัดเงิน) ก็ไม่ต้องเดินก็ได้ครับบางช่วงของทางเดินจะมีผ้าแดง ๆ
เป็นผ้าที่เค้าไว้ขอพรกัน คือจะเขียนสิ่งที่ตัวเองปรารถนาแล้วก็ผูกเป็นทางไปเรื่อย ๆ
สำหรับภาพรวมของทางเดินจะหน้าตาแบบนี้เลย เป็นทางเดินเลาะผาไปเรื่อย ๆ และมีหิมะตลอดทาง
เดินไปลื่นไป ถ้าคนเยอะ ๆ โดยเฉพาะคนจีนด้วยแล้ว น่าจะน่ากลัวอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าถูกเบียดตกไป ก็ตายอย่างเดียว
ยังไงก็ตามที่กั้นเค้าค่อนข้างแข็งแรงอยู่ครับ เป็นปูนหล่อทั้งหมดเลย
เดิน ๆ ไปก็สังเกตต้นไม้ด้วยนะ
ผมชอบ แปลกดีเป็นน้ำแข็งย้อย ๆ ตามใบ (แม่คะนิ้งบ้านเรากระเด็นไปเลย)
บางช่วงจะมีโซนหินร่วงด้วยครับ เค้าจะขึงตาข่ายกั้นไว้ แต่ยังไงก็เดินระวัง ๆ หน่อย ผมไม่แน่ใจว่าตาข่ายจะเอาอยู่ไหม
และถ้าดูใต้ตาข่ายดี ๆ ก็จะเห็นเป็นน้ำแข็งย้อย ๆ เหมือนที่ใบไม้เลยครับ
จริง ๆ ถ้าอยากเดินหิมะแบบชีวิตดีขึ้นหน่อย ผมแนะนำ crampon ที่รัดรองเท้าที่เป็นหนามเหล็ก เอาไว้ช่วยเดินเกาะหิมะ
ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้ใช้นะ เลยไม่ทราบเหมือนกันว่าเอามาจากไหน แต่คิดว่าน่าจะหาซื้อหรือเช่าก่อนขึ้นได้อยู่
ผมว่าช่วงที่หิมะตามต้นไม้เยอะ ๆ ก็สวยดี
ถ่ายมาให้ดูครับ
ทางเดินบางช่วงต้นไม้จะรก ๆ หน่อย มีทั้งต้นไม้โผล่มาจากด้านบนหัว และโผล่มาตามพื้น
ยังไงเดินก็ระวัง ๆ หน่อยนะนั่นคือทางเดินเลาะผาที่เราจะเดินกัน
หิมะขาวโพลนไปหมด
กระเช้าเล็ก ๆ ที่ผมบอกว่าไม่รวมกับราคาขึ้นมาที่นี่ด้วย
อันนี้เป็นกระเช้าสำหรับคนขี้เกียจ ไม่อยากเดินเยอะ ขึ้นมาข้างบนประตูสวรรค์เสร็จก็สามารถนั่งกระเช้าเล็ก ๆ นี่ไปที่วัดบนภูเขาได้เลย
แต่อากาศแบบนี้ ผมว่าผมยอมเดินดีกว่า ทั้งลื่นทั้งหนาว แถมกระเช้าก็ดูไม่ค่อยปลอดภัยเลย บายครับ
หันไปดูความหนาวใกล้ ๆ หน่อย
.
.
.
ผมบอกแล้วอากาศแบบนี้ ใครอยากนั่งก็นั่งเถอะกระเช้าเนี่ย
ต้นไม้ยังกลายเป็นน้ำแข็งหมดเลย
แต่น้ำแข็งช่วงนี้ไม่เหมือนช่วงก่อนที่เป็นแบบย้อย ๆ นะ มันเป็นแบบเกร็ด ๆ ที่หันไปทิศทางเดียวกัน อารมณ์แบบโดนลมพัดแล้วแข็ง
ให้ดูใกล้ ๆ อีกที
มองลงเหวไปก็มีน้ำแข็งเป็นเหมือนทางน้ำ ที่ไหล ๆ อยู่แล้วก็เย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็ง
ทางเดินแถวนี้สวยมาก
และจุดข้างหน้าจะเป็นไฮไลท์จุดนึงของที่นี่
ไฮไลท์นั่นก็คือ หุบเขา นั่นเอง มันเกิดจากภูเขาสองลูกเข้ามาชนกัน เค้าก็เลยสร้างทางเดินตรงกลางระหว่างภูเขาให้เข้ามาเดินเล่นได้ด้วย
สวยเนอะ
ถึงผมจะไม่กล้านั่งกระเช้านี่ แต่ก็มีคนเค้ากล้านั่งอยู่ดีนะ
ถ้าใครอยาก ก็ลุยเลย ไม่ว่ากันครับ
ทางเดินกระจกอันที่สอง
เป็นทางเดินกระจกที่ยื่นออกไปจากทางเดินริมผา น่าจะเสียวอยู่มาก เพราะเป็นกระจกยาว ๆ เลย
แต่ช่วงที่ผมไปหิมะหนามาก ค่อนข้างอันตราย อาจจะลื่นได้ เค้าเลยปิดไว้ไม่ให้เข้าครับ
ช่วงหลัง ๆ จะเริ่มเห็นแต่ต้นไม้สีขาวแล้วครับ
เจอแล้ว ! ประตูสวรรค์
.
.
.
หลอก ๆ อันนี้ไม่ใช่นะครับ อันนี้เป็นโพรงหินธรรมชาติเหมือนกัน แต่เล็กกว่าประตูสวรรค์จริง ๆ อยู่มากกก
ข้างบนภูเขาจะมีสะพานแขวนใหญ่ ๆ ให้ข้ามด้วยคิดว่าวิวคงจะสวย แต่ผมไม่เห็นนะ เพราะหมอกลงหนามาก
ดูหมอกสิ แท่นสะพานแขวนผมยังมองไม่เห็นเลย ใครมีรูปวิวอยากจะแชร์ ก็จัดมาเลยครับ
ถึงแล้ววัด !
เป็นจุด summit ของภูเขาลูกนี้หละ
*** ขอต่อในคอมเมนต์นะครับ เขียนไม่พอ