เมื่อไม่นานมานี้ ผมและเพื่อนๆ รวมทั้งหมด 4 คน ตกเครื่องไฟท์ขากลับ ของการบินไทย ที่สนามบิน KLIA เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เครียดมาก ไม่เคยเจอกับตัว และโชคร้ายกว่านั้นคือ  ไฟท์ของการบินไทยเอง (ไม่รวมไทยสมายล์) มีบิน 2 ไฟท์ ต่อวัน
KUL-BKK บินออกจากกัวลาลัมเปอร์ 13:20   และเวลา 20:55  ซึ่งไฟท์ที่ผมตกเครื่องคือ ไฟท์ 20:55 (ไฟท์สุดท้ายของวัน)
ซึ่งไม่ขอพูดสาเหตุที่ตกเครื่องนะครับ เพราะเชื่อว่าทุกคนที่เคยมีบทเรียนแบบนี้ ล้วนมีสาเหตุต่างๆด้วยกันทั้งนั้น

ซึ่งเมื่อผมถึงสนามบินคืนวันนั้น เลยไปสอบถามเจ้าหน้าที่ เขาแนะนำว่า ให้ไปติดต่อ Airline's office ชั้น 4 เพื่อไปแจ้งความจำนงว่าเราตกเครื่องแล้วให้เขาช่วย เพราะตั๋วใบนี้อาจใช้บินในวันถัดไปได้ถ้าเขาช่วยหรืออะไรก็ว่าไป แต่ตอนไปไม่มีคนอยู่ที่ออฟฟิตเลยสักคน
ซึ่งดูเวลาแล้ว เครื่องใกล้จะออกแล้ว หมดหวัง!! พวกผมทั้ง 4 คน จึงได้หามุมสงบ ภายในสนามบิน นั่งคิดจะทำอย่างไรดีต่อไป

สรุปแล้ว พวกผมจะไม่รีรอเวลาไปติดต่อ Airline's office ในตอนเช้าของอีกวัน  เพราะไฟท์ของอีกวันของการบินไทย มีบินตอนบ่ายเลย
เพราะทุกคนต้องกลับบ้านแล้วและต้องเร็วที่สุดด้วย จึงตัดสินใจซื้อตั๋วใบใหม่ของสายการบินอื่น  
คำถามที่ตามมาจะซื้อตั๋วใหม่อย่างไร  คือ มี 2 ทางเลือก
1. จะซื้อตั๋วด้วยเงินสดที่ เค้าเตอร์แล้วบินเลย  ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากในสถานการณ์นั้น
2. กับอีกวิธีหนึ่ง ซื้อตั๋วออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สายการบินต่างๆ ข้อจำกัดของการซื้อตั๋วออนไลน์ คือการตัดบัตรเครดิต
เพราะรหัส OTP (One Time Password) เวลาจะตัดบัตร มันจะส่งรหัสมาที่มือถือเบอร์ไทย ที่ลงทะเบียนไว้ แล้วเวลาไปเที่ยวต่างประเทศพวกผมก็ใช้ซิม
มือถือของประเทศนั้นๆ เพราะถูกกว่าและเน็ตเยอะกว่า แล้วถ้ามีปัญหาแบบนี้ก็จะโชคร้ายสำหรับคนไปเที่ยวต่างประเทศแล้วไม่ได้ทำโรมมิ่งไว้
(Roaming - ท่านที่เคยเดินทางต่างประเทศน่าจะคุ้นเคยดี) แล้วจะทำอย่างไรตัดบัตรเครดิตไม่ได้อีก นั่นแปลว่า ซื้อตั๋วไม่ได้!!!!!
แต่ผมเป็นคนทำบัตรเครดิตไว้หลายใบ  จึงตั้งสติ แล้วค่อยๆ ลองเผื่อจะมีทางสว่างสักใบ

ความโชคดีบนความโชคร้าย คือ ที่สนามบิน KLIA ที่กัวลาลัมเปอร์มี ฟรี wifi ให้จ้า  แล้วผมก็มีคอมพิวเตอร์พกพา (Laptop or Notebook) ติดตัวไปด้วย
เวลาจองตั๋วก็จะง่ายกว่าการจองผ่านมือถือ เพราะต้องจองพร้อมกันหลายคน

หลังจากหามุมสงบภายในสนามบินแล้ว ก็ทำการเช็คไฟท์เร็วสุดของวันรุ่งขึ้นที่ออกจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์
นั่นก็คือ ไฟท์ของแอร์เอเชีย (Air Asia) ออกเดินทาง 06:35 ถึงดอนเมือง  07:50  
ก็เลยทำการจองผ่านออนไลน์ หลังจากเช็คแล้ว เครื่องไม่เต็ม  ทีนี้แหละ ผมเลยเอาบัตรเครดิตของผมทุกใบมาวางเรียง แล้วลองตัดบัตรทีละใบ

Kbank บัตร Titanium >> ส่งรหัส OTP มาที่มือถือเบอร์ไทย
Kbank บัตร UnionPay >> ส่งรหัส OTP มาที่มือถือเบอร์ไทย
Citibank บัตร Simplicity >> ส่งรหัส OTP มาที่มือถือเบอร์ไทย
Citibank บัตร รอยัล ออร์คิด พลัส ซีเล็คท์ >> ส่งรหัส OTP มาที่มือถือเบอร์ไทย
SCB บัตร UP2ME >> ส่งรหัส OTP มาที่มือถือเบอร์ไทย
Aeon บัตร M-Generation >> ส่งรหัส OTP มาที่มือถือเบอร์ไทย
Aeon บัตร Gold >> ส่งรหัส OTP มาที่มือถือเบอร์ไทย
จนถึงใบสุดท้ายในกระเป๋า Krungsri บัตร Central The1 (ของผมบัตรสีแดงแสด) ใบนี้ช่วยชีวิตพวกเราไว้ทำให้สามารถซื้อตั๋วออนไลน์
ทั้งๆ ที่อยู่ต่างประเทศได้  คือ ขั้นตอนการตัดบัตรเครดิต มีให้เลือกว่า
จะส่งรหัส OTP ไปที่ มือถือเบอร์ไทย หรือ จะให้ส่งเข้า อีเมลล์ที่ลงทะเบียนไว้......เย้!!!!
ผมเลยเลือกส่งรหัส OTP เข้าอีเมลล์ แล้วเราก็่ตัดบัตรฯ ซื้อตั๋วได้สำเร็จ
จากนั้น ผมและเพื่อนๆ ก็เลยต้องอพยพที่พำนักชั่วคราว ไปที่ สนามบิน KLIA 2 ซึ่งเป็นสนามบินของสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-cost)
โดยใช้ รถไฟ KLIA transit   เมื่อถึง KLIA 2 ก็หาที่นอนที่สนามบิน เพื่อรอเช็คอินที่เค้าเตอร์ตอน ตี 4 
สภาพจาก Full Service Airline มาเป็น Low-cost airline ก็จะทุลักทุเลหน่อย  ไม่น่าเล้ยยยยยย
และแล้วก็พาเพื่อนๆ กลับมาถึงไทยโดยสวัสดิภาพ   

จากเหตุการครั้งนี้ได้บทเรียน ได้แผลเป็น ที่จะไม่ลืมเลยว่า  ไม่ว่าจะเที่ยวประเทศใดก็แล้วแต่ จะต้องเผื่อเวลามาสนามบินแต่เนิ่นๆ เท่านั้น 
เพราะเราไม่รู้ว่า เราจะเจอเหตุการณ์อะไรในวันกลับ

ส่วนตั๋วการบินไทย ถึงแม้จะไม่ได้เดินทางในวันนั้น  อายุตั๋ว ยังคงใช้ได้ถึง 1 ปี  แต่จะต้องโทรหรืออีเมลล์ไปให้เจ้าหน้าที่เขา เปลี่ยนวันเดินทาง ในเส้นทางเดิม หรือ เปลี่ยนวันเดินทาง ในเส้นทางประเทศอื่นต่อไป

เพื่อนๆ คนไหนมีประสบการณ์ที่เคยเจอ และผ่านมันมาได้ ก็แชร์ๆ กันได้ครับ 
 
ย้ำ!!!!!!  นี่ไม่ใช่การโฆษณาบัตรเครดิต  แต่ผมเพียงแค่แชร์ให้ฟังว่า ในสถานการณ์บีบใจแบบนั้น
อะไรที่ช่วยคุณกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย แค่นั้น