ใส่หน้ากากทั้ง 5 เพื่อสร้างสินค้าให้โดนใจ
โลกธุรกิจในปัจจุบันที่การแข่งขันสูง ไม่ว่าจะเป็นตลาดออนไลน์ที่มีสินค้าใหม่ๆมากมาย ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลาย การทำสินค้าหรือบริการออกมาให้โดนใจลูกค้าถือเป็นสิ่งสำคัญ
ทาง K Expert จึงอยากแนะนำ 5 หน้ากาก สำหรับผู้อยากมีธุรกิจของตัวเองควรใส่ เพื่อสร้างสินค้าหรือบริการออกมาให้โดนใจลูกค้ามากที่สุด ขอยกตัวอย่างเป็นการทำครีมกันแดดเพื่อออกมาขาย เราจะทำอย่างไรให้ครีมกันแดดโดนใจลูกค้าเรามากที่สุด มาเริ่มใส่หน้ากากกันเลยครับ
1. หน้ากากนักสืบ ให้ทำเสมือนว่าเราเป็นนักสืบ สืบหาข้อมูลของกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด เช่น เราอยากผลิตครีมกันแดดสำหรับผู้หญิงวัยเลข 4 ขึ้นไป เราก็ต้องคอยสืบว่าคนกลุ่มนี้ ต้องการครีมกันแดดเนื้อแบบไหน ค่า SPF ของกันแดดเท่าไหร่ที่ใช้กันในคนวัยนี้ ควรผสมรองพื้นในครีมกันแดดหรือไม่ ฯลฯ หน้าที่ของนักสืบคือ พยายามสืบให้ได้ข้อมูล“ความต้องการของกลุ่มลูกค้า”ให้มากที่สุด เพื่อเราจะนำข้อมูลที่ได้ไปสร้างสินค้าให้ตรงความต้องของลูกค้า
2. หน้ากากนักวิจัย คือการต่อยอดเอาข้อมูล“ความต้องการของกลุ่มลูกค้า”ที่เราสืบมาได้ มาวิจัยว่าครีมกันแดดแบบไหนที่จะเหมาะกับกลุ่มลูกค้าของเรา ตามหลักการเก็บสถิติ เช่น วิจัยว่ากันแดดสำหรับผู้หญิงวัยเลข 4 ขึ้นไปส่วนใหญ่ควรมีความชุ่มชื้นหรือเนื้อครีมมันหน่อย เพื่อให้เหมาะกับสภาพผิวของเธอเป็นต้น
3. หน้ากากนักวิทยาศาตร์ หลังจากได้ผลการวิจัยแล้วเราก็ทำหน้าที่เป็นคนคิดค้นพัฒนาสูตรให้ได้กันแดดในแบบที่กลุ่มลูกค้าต้องการ ถ้าในสมัยนี้ก็จะง่ายหน่อย เราสามารถไปติดต่อกับโรงงานผลิตครีม และบอกความต้องการว่าครีมกันแดดที่เราจะผลิตเนื้อครีมแบบไหน , ค่า SPF เท่าไหร่, ผสมลองพื้นไหม ฯลฯ ให้ทางโรงงานผลิตตัวอย่างมาให้ทดลอง เราสามารถบอกเขาปรับเปลี่ยนสูตร จนกว่าเราจะพอใจ ค่อยสั่งผลิต แต่หน้าที่นักวิทยาศาสต์อาจยังไม่หมดลงเพียงเท่านั้น เราก็ต้องคิดค้นทดลองสินค้าแบบใหม่ๆเพื่อมัดใจลูกค้า ไม่ให้ลูกค้าเบื่อในสินค้าเราด้วย และถ้าเป็นไปได้ควรนำสินค้าไปทดลองกลับกลุ่มลูกค้าจริงด้วยครับ
4. หน้ากากนักแสดง หลังจากได้สินค้าแล้ว สิ่งที่เราต้องเป็นนั้นคือแสดงบท ลูกค้าใช้สินค้าของเราเอง เพื่อเป็นสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าของเรา จะเห็นว่าในปัจจุบัน คนขายสินค้าออกมารีวิวสินค้าของตัวเองแทบทั้งนั้น เพื่อให้เราเข้าใจในสินค้านั้นจริงก็แนะนำว่าให้ลองใช้สินค้าจริง อินกับสินค้าของเราจริงๆ แค่นี้เราสามารถนำเสนอได้สมจริงแล้วครับ
5. หน้ากากนักข่าว เมื่อสินค้าออกจำหน่ายแล้ว ที่นี้เราควรสวมบทนักข่าวตามไปเก็บ ฟีดแบคของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ถ้าเป็นฟีดแบคที่ดีก็นำมาโปรโมทสินค้าต่อได้และคงสิ่งดีๆเหล่านั้นไว้ ถ้าเป็นฟีดแบคทางลบก็นำมาพัฒนาปรับปรุงแก้ไขต่อไปนะครับ
หน้ากากทั้ง 5 นี้สามารถเลือกมาใส่ได้ตลอดนะครับ ตราบใดที่เรายังทำธุรกิจอยู่ การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง “Customer Centricity” เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับโลกธุรกิจปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าหน้ากากทั้ง 5 ที่เราแนะนำให้ใส่ ก็เป็นการให้ความสำคัญกับลูกค้า ใช้ความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้งในการทำธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าประทับใจสินค้าที่เราใส่ใจและหาข้อมูลมาจากความต้องการลูกค้าจริง ขอให้ทุกท่านโชคดีในการทำธุรกิจนะครับ
Ref : Business Model Generation By Alexander Osterwalder & Yves Pigneur
ใส่หน้ากากทั้ง 5 เพื่อสร้างสินค้าให้โดนใจ
โลกธุรกิจในปัจจุบันที่การแข่งขันสูง ไม่ว่าจะเป็นตลาดออนไลน์ที่มีสินค้าใหม่ๆมากมาย ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลาย การทำสินค้าหรือบริการออกมาให้โดนใจลูกค้าถือเป็นสิ่งสำคัญ
ทาง K Expert จึงอยากแนะนำ 5 หน้ากาก สำหรับผู้อยากมีธุรกิจของตัวเองควรใส่ เพื่อสร้างสินค้าหรือบริการออกมาให้โดนใจลูกค้ามากที่สุด ขอยกตัวอย่างเป็นการทำครีมกันแดดเพื่อออกมาขาย เราจะทำอย่างไรให้ครีมกันแดดโดนใจลูกค้าเรามากที่สุด มาเริ่มใส่หน้ากากกันเลยครับ
1. หน้ากากนักสืบ ให้ทำเสมือนว่าเราเป็นนักสืบ สืบหาข้อมูลของกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด เช่น เราอยากผลิตครีมกันแดดสำหรับผู้หญิงวัยเลข 4 ขึ้นไป เราก็ต้องคอยสืบว่าคนกลุ่มนี้ ต้องการครีมกันแดดเนื้อแบบไหน ค่า SPF ของกันแดดเท่าไหร่ที่ใช้กันในคนวัยนี้ ควรผสมรองพื้นในครีมกันแดดหรือไม่ ฯลฯ หน้าที่ของนักสืบคือ พยายามสืบให้ได้ข้อมูล“ความต้องการของกลุ่มลูกค้า”ให้มากที่สุด เพื่อเราจะนำข้อมูลที่ได้ไปสร้างสินค้าให้ตรงความต้องของลูกค้า
2. หน้ากากนักวิจัย คือการต่อยอดเอาข้อมูล“ความต้องการของกลุ่มลูกค้า”ที่เราสืบมาได้ มาวิจัยว่าครีมกันแดดแบบไหนที่จะเหมาะกับกลุ่มลูกค้าของเรา ตามหลักการเก็บสถิติ เช่น วิจัยว่ากันแดดสำหรับผู้หญิงวัยเลข 4 ขึ้นไปส่วนใหญ่ควรมีความชุ่มชื้นหรือเนื้อครีมมันหน่อย เพื่อให้เหมาะกับสภาพผิวของเธอเป็นต้น
3. หน้ากากนักวิทยาศาตร์ หลังจากได้ผลการวิจัยแล้วเราก็ทำหน้าที่เป็นคนคิดค้นพัฒนาสูตรให้ได้กันแดดในแบบที่กลุ่มลูกค้าต้องการ ถ้าในสมัยนี้ก็จะง่ายหน่อย เราสามารถไปติดต่อกับโรงงานผลิตครีม และบอกความต้องการว่าครีมกันแดดที่เราจะผลิตเนื้อครีมแบบไหน , ค่า SPF เท่าไหร่, ผสมลองพื้นไหม ฯลฯ ให้ทางโรงงานผลิตตัวอย่างมาให้ทดลอง เราสามารถบอกเขาปรับเปลี่ยนสูตร จนกว่าเราจะพอใจ ค่อยสั่งผลิต แต่หน้าที่นักวิทยาศาสต์อาจยังไม่หมดลงเพียงเท่านั้น เราก็ต้องคิดค้นทดลองสินค้าแบบใหม่ๆเพื่อมัดใจลูกค้า ไม่ให้ลูกค้าเบื่อในสินค้าเราด้วย และถ้าเป็นไปได้ควรนำสินค้าไปทดลองกลับกลุ่มลูกค้าจริงด้วยครับ
4. หน้ากากนักแสดง หลังจากได้สินค้าแล้ว สิ่งที่เราต้องเป็นนั้นคือแสดงบท ลูกค้าใช้สินค้าของเราเอง เพื่อเป็นสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าของเรา จะเห็นว่าในปัจจุบัน คนขายสินค้าออกมารีวิวสินค้าของตัวเองแทบทั้งนั้น เพื่อให้เราเข้าใจในสินค้านั้นจริงก็แนะนำว่าให้ลองใช้สินค้าจริง อินกับสินค้าของเราจริงๆ แค่นี้เราสามารถนำเสนอได้สมจริงแล้วครับ
5. หน้ากากนักข่าว เมื่อสินค้าออกจำหน่ายแล้ว ที่นี้เราควรสวมบทนักข่าวตามไปเก็บ ฟีดแบคของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ถ้าเป็นฟีดแบคที่ดีก็นำมาโปรโมทสินค้าต่อได้และคงสิ่งดีๆเหล่านั้นไว้ ถ้าเป็นฟีดแบคทางลบก็นำมาพัฒนาปรับปรุงแก้ไขต่อไปนะครับ
หน้ากากทั้ง 5 นี้สามารถเลือกมาใส่ได้ตลอดนะครับ ตราบใดที่เรายังทำธุรกิจอยู่ การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง “Customer Centricity” เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับโลกธุรกิจปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าหน้ากากทั้ง 5 ที่เราแนะนำให้ใส่ ก็เป็นการให้ความสำคัญกับลูกค้า ใช้ความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้งในการทำธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าประทับใจสินค้าที่เราใส่ใจและหาข้อมูลมาจากความต้องการลูกค้าจริง ขอให้ทุกท่านโชคดีในการทำธุรกิจนะครับ
Ref : Business Model Generation By Alexander Osterwalder & Yves Pigneur