สวัสดีครับ ผมชื่อ กล้า ผมมาทำงานอยู่ที่กรุงเทพได้สักระยะนึงแล้ว ผมตัดสินใจที่จะกลับบ้าน ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา แน่นอนครับว่าคนต่างจังหวัดแบบผม การกลับบ้านมือเปล่าคงดูไม่ดีแน่ๆ โดยเฉพาะคุณป้าข้างบ้าน ที่ตามดูถูกเหยียดหยามครอบครัวผมมาโดยตลอด ป้าแกจะพูดอยู่เสมอว่า"ถ้าไม่มีกูลูกเรียนไม่จบหรอก"ครับ สาเหตุที่เป็นแบบนี้ เพราะครอบครัวผมต้องการให้ผมเรียนให้จบเพื่อจะได้มีงานดีๆทำ พวกท่านนําที่ดิน และทรัพสินส่วนนึง ไปจำนองใว้กับคุณป้านั่น อ้ะ! ผมเกือบลืม
ป้าแกชื่อ"สมร"ป้าแกเป็นเจ้าของตลาดครับ ผมว่าผมเล่าเรื่องของป้าแกมามากพอเเล้ว รีบกลับเข้าเรื่องดีกว่า
ผมเดินทางกลับบ้าน ตั้งแต่คืนวันที่ 12 เมษายน จนมาถึงหมู่บ้านในเช้าของวันที่ 13 เมษายน ผมตัดสินใจที่จะเเวะ กราบหลวงปู่ ที่วัด เกวียงคล้าว สะก่อน เพราะผมไม่ได้พบท่านนานแล้ว ตั้งแต่จบจบ ม.3 จน ตอนนี้ผมก็ 25 แล้ว ถึงเวลาจะผ่านมาหลายปี แต่ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปมากนัก ผมเดินเข้าไปถามเด็กวัดที่กำลังกวาดลานวัดอยู่
"พี่ครับ หลวงปู่ เสือ อยู่หรือปล่าวครับ"
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาว่า
"กลับมาแล้วรึไอ้กล้า กูกำลังรออยู่เลย"
"ครับหลวงปู่" ผมเดินตรงเข้าไปกราบเท้าท่าน แต่ยังไม่ทันจะไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ หลวงปู่ก็บอกให้ผมรีบลุกขึ้น เเล้วเดินตามท่านไปที่วิหาร พวกเราคุยกันเรื่องอดีตนิดหน่อยๆ ก่อนที่หลวงปู่ท่าน จะถามว่า
"ใด้ติดต่อมาทางบ้านมั่งรึปล่าวไอ้กล้า"
"แน่นอนครับหลวงปู่ผมติดต่อกลับมาทุกเดือน ถึงผมจะทำงานกรุงเทพแต่ผมก็ไม่เคยทิ้งพวกเขานะครับ"
"อืม...ไอ้กล้าจำคาถาที่กูเคยสอนได้มั้ย"
"ได้สิครับหลวงปู่ ผมท่องทุกครั้งก่อนเดินทาง คาถาคุ้มภัย ใช่มั้ยครับ?"
"เออ...ดีแล้ว แล้วนี่จะกลับบ้านเลยปล่าวไอ้กล้า?"
ครับผมว่าจะแวะมาคุยกับหลวงปู่สักพักอีกเดี๋ยวก็จะกลับแล้วครับ
"เออๆ ไหนๆก็มาแล้ว มาให้กูอาบนํ้ารับขวัญก่อนดีกว่าๆมาๆๆ"
"ครับหลวงปู่" ผมลุกขึ้นแล้วเดินตามท่านไปที่หลังพระประธาน ที่นั่นมี อ่างนํ้ามนต์ โปรยด้วยดอกไม่ต่างๆตามความเชื่อ มีเทียนอยู่รอบอ่าง 100เเท่ง มีสายสิญจ์พันรอบอ่างขึ้นไปบนเพดาน ของวิหาร หลวงปู่บอกให้ผมถอดเสื้อผ้าออก หยิบดอกบัว แล้วลงไปในอ่าง แล้วหลับตาทำจิตใจให้สงบ แล้วท่านยังบอกว่าให้ผมสวดคาถาคุ้มภัย ในใจไปเรื่อยๆจนกว่าจะเสร็จ
ในขณะ ที่ทำพิธีอยู่ ผมใด้ยินเสียงหลวงปู่สวดคาถาบางอย่างที่ผมไม่คุ้นเคย หลวงปู่ใช่เวลาราวๆ 30 นาที จึงเสร็จพิธีอาบนํ้ามนต์ หลวงปู่บอกว่า การอาบนํ้ามนต์ครั้งนี้จะทำให้คาถาคุ้มภัยของผมแข็งเเกร่งขึ้น จากนั้นท่านก็พาผมไปนั่งที่หน้าพระประธาน ท่านหยิบสร้อยข้อมือ ไม่สิต้องเรียกว่าตะกรุด ข้อมือสิถึงจะใช่ ท่านใส่มันให้ผม ผมสวดคาถาพึมพำๆ แล้วกำชับไว้ว่า
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามถอดเด็ดขาดนะไอ้กล้า"
"ทำไมหรอครับ หลวงปู่?"
"เอาเถอะ เชื่กู มันจะดีต่อตัวเอง"
"ค...ครับ"
"ไอ้กล้า. เอานี่ไปด้วย"
ท่านยื่นกล่องไม้เก่าๆ ขนาดนาด 20x30 cm
มาให้ผม ที่กล่องนั่นมีสายสิญจ์พันอยู่รอบๆ แต่ยังไม่ทันจะถามอะไรท่านก็เอ่ยขึ้นมาว่า
"อย่าให้คนที่บ้านเห็นเด็ดขาด และเมื่อถึงเวลาที่สมควร ค่อยเอาออกมา รีบกลับบ้านเถอะไอ้กล้า" "ครับหลวงปู่" ผมกราบลาท่าน ก่อนที่จะขี่รถออกมาจากวัด ระหว่างทางก็ได้แต่คิดสงสัย ทั้งเรื่องพิธี ตะกรุด ไหนจะกล่องเก่าๆที่ห้ามให้ใครเห็นนี่อีก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่.....
ผมถึงบ้านประมาณ ห้าโมงเช้า บ้านผมเป็นบ้านไม้2ชั้นมีใต้ถุนสูงล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาบรรยากาศแบบชนบทสบายๆ
"พี่กล้า"
เสียงเล็กๆที่คุ้นเคยดังลงมาจากบนบ้าน
"ไงไอ้เก่งน้องพี่ โตขึ้นเยอะเลยนะมาช่วยพี่ขนของหน่อยเร็ว"
"ครับพี่กล้า"
ผมกับเก่งช่วยกันขนของฝากขึ้นบ้าน ผมซื้อ ขนมกับของใช้จิปาถะ มาแจกให้คนในครอบครัวทุกคนดูมีความสุข มาก จนกระทั่ง...
"แป๊นๆ"
"กลับมาแล้วหรอ ไอกล้า!!!"
"ดีครับ ป้าสมร"ผมไหว้ปาแกด้วยสีหน้าปกติสุดๆ!
แต่ที่ไม่ปกติก็คือคนในบ้าน พ่อ แม่ ยาย พี่เเก้วยกเว้นไอ้เก่ง ทุกคนดูเปลี่ยนไป สีหน้าเเห่งความสุขเปลี่ยนเป็นความเงียบ ที่ดูน่ากลัวยิ่งไปกว่านั้น แววตาของพวกเขา เต็มไปด้วยความโกรธ ราวกับแค้นกันมา10ชาติ แต่ก็ไม่เเปลก ป้าสมรแกทำกับครอบครัวผมใว้ไม่ใช่น้อย แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเสียวสันหลังก็ไม่รู้....
"แล้วป้ามาที่นี่ทำไมครับ?'
"ก็ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่าคืนนี้สนุกให้เต็มที่เลยนะไอ้กล้า" แล้วป้าแกก็ขับรถกลับออกไป
"ชิ!คนอะไรวะ น่ากลัว
"
พอตกเย็นไอ้เก่ง มันมาขอนอนด้วย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร มันช่วยผมจัดห้องนอน พอเสร็จเราก็ลงไปกินข้าวเย็นกัน ผมจัดปาร์ตี้เล็กๆ ทุกคนสนุกกันมากจนตอนนี้ก็ 3ทุ่มแล้ว พวกเราเลยเลิกฉลองแล้วแยกย้ายเข้านอน สำหรับคืนเดือนดับในชนบทแบบนี้แค่3ทุ่มก็หลอนใช่เล่นเลยล่ะ....
"บรู๋ว~"ผมพยามนอนให้หลับท่ามกลางเสียงหมาหอนนี่ แต่ในขณะที่กำลังหงุดหงิดกับกับเสียงหมาหอนนี่ ผมก็ได้ยินเสียงเเปลกมาจากบันไดข้างล่าง
"ตึง...เอี๊ยด...ปัก..."มันเหมือนเสียนคนตัวใหญ่ๆเหยียบขึ้นมาบนแผ่นไม้แล้วลากอะขึ้นมาจนมีเสียงดัง ปักๆ อย่างที่ผมได้ยิน "ตึง...เอี๊ยด...ปัก..." เสียงนั่นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นขโมยเลยปลุกไอ้เก่งให้มันมาหลบข้างหลังผมสะก่อน
"ไอ้เก่ง ตื่นๆ"
"หืม...มีอะไรพี่กล้า"
"มาหลบข้างหลังกูก่อนเร็วเข้า"
"ทำไมอ่ะพี่กล้า"
"เอาน่าเชื่อพี่สิ" ตอนนี้ไอ้เก่งมันหลบอยู่ข้างหลังผมแล้ว แต่จู่ๆฝนก็เกิดตกลงมา "ครื่นๆ" เสียงลมกระโชก+บวกกับลมฝนที่อยู่ภายนอก ทำให้บรรยากาศตอนนี้กดดันมากๆ แถมเสียงนั่นมันก็ไกล้เข้ามาทุกที แล้วอยู่หน้าต่างก็เปิดออก เเสงจากฟ้าผ่า สว่างจ้าเข้ามาในห้อง ปรากฏร่างของชายตัวดำ สูงใหญ่ ดวงตามีเเดงกํ่า มือซ้ายมีขวามด้ามใหญ่
มือขวามมีกระสอบป่านที่มีนํ้าสีเเดงใหลออกมามันตะโกนเสียงดังลั่น "กูจะฆ่า!"
"พี่กล้าระวัง"ไอ้เก่งร้องลั่น
ไอ้ยักษ์มันพุ่งตรงเข้ามาเงื้อขวานเข้าที่จะฟันผมขว้าแขนนั้นสุดกำลังแต่ไม่อาจต้านแรงนั้นได้แต่ทันใดนั้นตะกรุดก็เปล่งเเสงสีทองออกมาทำให้มันหยุดชะงักไปพักนึง แล้วเเสงสว่างจากฟ้าแลบ ก็ทำให้ผมเห็นหน้ามันอย่างชัดเจน
"พ่อ!!" หน้ามันเหมือนพ่อผมก็จริงแต่ดวงตาสีเเดงกํ่า
ร่างกายที่ใหญ่โตแบบนั้น เสียงขู่ราวกับเสียงของสัตว์เดรฉานที่หิวกระหาย และทันไดนั้นเองมันก็เตรียมที่จะง้างขวานใส่ผม แต่ผมเตะไปที่ที่เเขนของมันสุดเเรง ก่อนจะรีบไปคว้าแขนไอ้เก่ง กับกระเป๋าเป้ "ไอ้เก่งวิ่ง"ผมรีบพามันไปที่รถสตาร์ทเครื่องรอ ก่อนจะขึ้นไปรับแม่กับพี่เเก้ว แต่ไอ้เก่ง มันดึงแขนผมไว้ "พี่กล้าอย่าไป"จะห้ามกูทำไมไอ้เก่งกูจะไปช่วยแม่กับพี่เเก้ว ไอ้เก่งมันไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ชี้นิ้วให้ผมมองไปบนบ้าน ดวงตาของผมเบิกโพลง เหงื่อนใหลอาบทั่วร่างกาย มือไม้สั่นไปหมด เพราะสิ่งที่ผมเห็นตอนนี้คือร่างของไอ้ยักษ์นั่น กับแววตสีแดงกํ่าอีก2คู่มองมาจากบนบ้าน ผมรีบดึงสติกลับมา รีบขับรถออกไปจากที่นั่น พยามถามไอ้เก่งว่าเกิดอะไรขึ้น มันเอาแต่ร้องให้ มันบอกว่ามันกลัว ผมกลัว มันร้องไปแบบนี้ตลอดทาง ผมขับรถตรงไปที่วัดเกวียงคล้าวทันที
เพราะผมรู้ดีคนที่จะให้คำตอบเรื่องนี้ใด้ดีที่สุดก็คือ
"หลวงปู่เสือ"
****To Be Continued****
ครอบครัววิปริต Ep. 1
ป้าแกชื่อ"สมร"ป้าแกเป็นเจ้าของตลาดครับ ผมว่าผมเล่าเรื่องของป้าแกมามากพอเเล้ว รีบกลับเข้าเรื่องดีกว่า
ผมเดินทางกลับบ้าน ตั้งแต่คืนวันที่ 12 เมษายน จนมาถึงหมู่บ้านในเช้าของวันที่ 13 เมษายน ผมตัดสินใจที่จะเเวะ กราบหลวงปู่ ที่วัด เกวียงคล้าว สะก่อน เพราะผมไม่ได้พบท่านนานแล้ว ตั้งแต่จบจบ ม.3 จน ตอนนี้ผมก็ 25 แล้ว ถึงเวลาจะผ่านมาหลายปี แต่ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปมากนัก ผมเดินเข้าไปถามเด็กวัดที่กำลังกวาดลานวัดอยู่
"พี่ครับ หลวงปู่ เสือ อยู่หรือปล่าวครับ"
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาว่า
"กลับมาแล้วรึไอ้กล้า กูกำลังรออยู่เลย"
"ครับหลวงปู่" ผมเดินตรงเข้าไปกราบเท้าท่าน แต่ยังไม่ทันจะไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ หลวงปู่ก็บอกให้ผมรีบลุกขึ้น เเล้วเดินตามท่านไปที่วิหาร พวกเราคุยกันเรื่องอดีตนิดหน่อยๆ ก่อนที่หลวงปู่ท่าน จะถามว่า
"ใด้ติดต่อมาทางบ้านมั่งรึปล่าวไอ้กล้า"
"แน่นอนครับหลวงปู่ผมติดต่อกลับมาทุกเดือน ถึงผมจะทำงานกรุงเทพแต่ผมก็ไม่เคยทิ้งพวกเขานะครับ"
"อืม...ไอ้กล้าจำคาถาที่กูเคยสอนได้มั้ย"
"ได้สิครับหลวงปู่ ผมท่องทุกครั้งก่อนเดินทาง คาถาคุ้มภัย ใช่มั้ยครับ?"
"เออ...ดีแล้ว แล้วนี่จะกลับบ้านเลยปล่าวไอ้กล้า?"
ครับผมว่าจะแวะมาคุยกับหลวงปู่สักพักอีกเดี๋ยวก็จะกลับแล้วครับ
"เออๆ ไหนๆก็มาแล้ว มาให้กูอาบนํ้ารับขวัญก่อนดีกว่าๆมาๆๆ"
"ครับหลวงปู่" ผมลุกขึ้นแล้วเดินตามท่านไปที่หลังพระประธาน ที่นั่นมี อ่างนํ้ามนต์ โปรยด้วยดอกไม่ต่างๆตามความเชื่อ มีเทียนอยู่รอบอ่าง 100เเท่ง มีสายสิญจ์พันรอบอ่างขึ้นไปบนเพดาน ของวิหาร หลวงปู่บอกให้ผมถอดเสื้อผ้าออก หยิบดอกบัว แล้วลงไปในอ่าง แล้วหลับตาทำจิตใจให้สงบ แล้วท่านยังบอกว่าให้ผมสวดคาถาคุ้มภัย ในใจไปเรื่อยๆจนกว่าจะเสร็จ
ในขณะ ที่ทำพิธีอยู่ ผมใด้ยินเสียงหลวงปู่สวดคาถาบางอย่างที่ผมไม่คุ้นเคย หลวงปู่ใช่เวลาราวๆ 30 นาที จึงเสร็จพิธีอาบนํ้ามนต์ หลวงปู่บอกว่า การอาบนํ้ามนต์ครั้งนี้จะทำให้คาถาคุ้มภัยของผมแข็งเเกร่งขึ้น จากนั้นท่านก็พาผมไปนั่งที่หน้าพระประธาน ท่านหยิบสร้อยข้อมือ ไม่สิต้องเรียกว่าตะกรุด ข้อมือสิถึงจะใช่ ท่านใส่มันให้ผม ผมสวดคาถาพึมพำๆ แล้วกำชับไว้ว่า
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามถอดเด็ดขาดนะไอ้กล้า"
"ทำไมหรอครับ หลวงปู่?"
"เอาเถอะ เชื่กู มันจะดีต่อตัวเอง"
"ค...ครับ"
"ไอ้กล้า. เอานี่ไปด้วย"
ท่านยื่นกล่องไม้เก่าๆ ขนาดนาด 20x30 cm
มาให้ผม ที่กล่องนั่นมีสายสิญจ์พันอยู่รอบๆ แต่ยังไม่ทันจะถามอะไรท่านก็เอ่ยขึ้นมาว่า
"อย่าให้คนที่บ้านเห็นเด็ดขาด และเมื่อถึงเวลาที่สมควร ค่อยเอาออกมา รีบกลับบ้านเถอะไอ้กล้า" "ครับหลวงปู่" ผมกราบลาท่าน ก่อนที่จะขี่รถออกมาจากวัด ระหว่างทางก็ได้แต่คิดสงสัย ทั้งเรื่องพิธี ตะกรุด ไหนจะกล่องเก่าๆที่ห้ามให้ใครเห็นนี่อีก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่.....
ผมถึงบ้านประมาณ ห้าโมงเช้า บ้านผมเป็นบ้านไม้2ชั้นมีใต้ถุนสูงล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาบรรยากาศแบบชนบทสบายๆ
"พี่กล้า"
เสียงเล็กๆที่คุ้นเคยดังลงมาจากบนบ้าน
"ไงไอ้เก่งน้องพี่ โตขึ้นเยอะเลยนะมาช่วยพี่ขนของหน่อยเร็ว"
"ครับพี่กล้า"
ผมกับเก่งช่วยกันขนของฝากขึ้นบ้าน ผมซื้อ ขนมกับของใช้จิปาถะ มาแจกให้คนในครอบครัวทุกคนดูมีความสุข มาก จนกระทั่ง...
"แป๊นๆ"
"กลับมาแล้วหรอ ไอกล้า!!!"
"ดีครับ ป้าสมร"ผมไหว้ปาแกด้วยสีหน้าปกติสุดๆ!
แต่ที่ไม่ปกติก็คือคนในบ้าน พ่อ แม่ ยาย พี่เเก้วยกเว้นไอ้เก่ง ทุกคนดูเปลี่ยนไป สีหน้าเเห่งความสุขเปลี่ยนเป็นความเงียบ ที่ดูน่ากลัวยิ่งไปกว่านั้น แววตาของพวกเขา เต็มไปด้วยความโกรธ ราวกับแค้นกันมา10ชาติ แต่ก็ไม่เเปลก ป้าสมรแกทำกับครอบครัวผมใว้ไม่ใช่น้อย แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเสียวสันหลังก็ไม่รู้....
"แล้วป้ามาที่นี่ทำไมครับ?'
"ก็ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่าคืนนี้สนุกให้เต็มที่เลยนะไอ้กล้า" แล้วป้าแกก็ขับรถกลับออกไป
"ชิ!คนอะไรวะ น่ากลัว"
พอตกเย็นไอ้เก่ง มันมาขอนอนด้วย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร มันช่วยผมจัดห้องนอน พอเสร็จเราก็ลงไปกินข้าวเย็นกัน ผมจัดปาร์ตี้เล็กๆ ทุกคนสนุกกันมากจนตอนนี้ก็ 3ทุ่มแล้ว พวกเราเลยเลิกฉลองแล้วแยกย้ายเข้านอน สำหรับคืนเดือนดับในชนบทแบบนี้แค่3ทุ่มก็หลอนใช่เล่นเลยล่ะ....
"บรู๋ว~"ผมพยามนอนให้หลับท่ามกลางเสียงหมาหอนนี่ แต่ในขณะที่กำลังหงุดหงิดกับกับเสียงหมาหอนนี่ ผมก็ได้ยินเสียงเเปลกมาจากบันไดข้างล่าง
"ตึง...เอี๊ยด...ปัก..."มันเหมือนเสียนคนตัวใหญ่ๆเหยียบขึ้นมาบนแผ่นไม้แล้วลากอะขึ้นมาจนมีเสียงดัง ปักๆ อย่างที่ผมได้ยิน "ตึง...เอี๊ยด...ปัก..." เสียงนั่นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นขโมยเลยปลุกไอ้เก่งให้มันมาหลบข้างหลังผมสะก่อน
"ไอ้เก่ง ตื่นๆ"
"หืม...มีอะไรพี่กล้า"
"มาหลบข้างหลังกูก่อนเร็วเข้า"
"ทำไมอ่ะพี่กล้า"
"เอาน่าเชื่อพี่สิ" ตอนนี้ไอ้เก่งมันหลบอยู่ข้างหลังผมแล้ว แต่จู่ๆฝนก็เกิดตกลงมา "ครื่นๆ" เสียงลมกระโชก+บวกกับลมฝนที่อยู่ภายนอก ทำให้บรรยากาศตอนนี้กดดันมากๆ แถมเสียงนั่นมันก็ไกล้เข้ามาทุกที แล้วอยู่หน้าต่างก็เปิดออก เเสงจากฟ้าผ่า สว่างจ้าเข้ามาในห้อง ปรากฏร่างของชายตัวดำ สูงใหญ่ ดวงตามีเเดงกํ่า มือซ้ายมีขวามด้ามใหญ่
มือขวามมีกระสอบป่านที่มีนํ้าสีเเดงใหลออกมามันตะโกนเสียงดังลั่น "กูจะฆ่า!"
"พี่กล้าระวัง"ไอ้เก่งร้องลั่น
ไอ้ยักษ์มันพุ่งตรงเข้ามาเงื้อขวานเข้าที่จะฟันผมขว้าแขนนั้นสุดกำลังแต่ไม่อาจต้านแรงนั้นได้แต่ทันใดนั้นตะกรุดก็เปล่งเเสงสีทองออกมาทำให้มันหยุดชะงักไปพักนึง แล้วเเสงสว่างจากฟ้าแลบ ก็ทำให้ผมเห็นหน้ามันอย่างชัดเจน
"พ่อ!!" หน้ามันเหมือนพ่อผมก็จริงแต่ดวงตาสีเเดงกํ่า
ร่างกายที่ใหญ่โตแบบนั้น เสียงขู่ราวกับเสียงของสัตว์เดรฉานที่หิวกระหาย และทันไดนั้นเองมันก็เตรียมที่จะง้างขวานใส่ผม แต่ผมเตะไปที่ที่เเขนของมันสุดเเรง ก่อนจะรีบไปคว้าแขนไอ้เก่ง กับกระเป๋าเป้ "ไอ้เก่งวิ่ง"ผมรีบพามันไปที่รถสตาร์ทเครื่องรอ ก่อนจะขึ้นไปรับแม่กับพี่เเก้ว แต่ไอ้เก่ง มันดึงแขนผมไว้ "พี่กล้าอย่าไป"จะห้ามกูทำไมไอ้เก่งกูจะไปช่วยแม่กับพี่เเก้ว ไอ้เก่งมันไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ชี้นิ้วให้ผมมองไปบนบ้าน ดวงตาของผมเบิกโพลง เหงื่อนใหลอาบทั่วร่างกาย มือไม้สั่นไปหมด เพราะสิ่งที่ผมเห็นตอนนี้คือร่างของไอ้ยักษ์นั่น กับแววตสีแดงกํ่าอีก2คู่มองมาจากบนบ้าน ผมรีบดึงสติกลับมา รีบขับรถออกไปจากที่นั่น พยามถามไอ้เก่งว่าเกิดอะไรขึ้น มันเอาแต่ร้องให้ มันบอกว่ามันกลัว ผมกลัว มันร้องไปแบบนี้ตลอดทาง ผมขับรถตรงไปที่วัดเกวียงคล้าวทันที
เพราะผมรู้ดีคนที่จะให้คำตอบเรื่องนี้ใด้ดีที่สุดก็คือ
"หลวงปู่เสือ"
****To Be Continued****