รีวิวเที่ยว Vieanna 2 วัน มีอะไรบ้างนะ? (เที่ยวยุโรป 10 วัน 3 ประเทศ! เยอรมัน - ออสเตรีย - ฮังการี Part 6)

[CR] รีวิวเที่ยว Vieanna 2 วัน มีอะไรบ้างนะ? (เที่ยวยุโรป 10 วัน 3 ประเทศ! เยอรมัน - ออสเตรีย - ฮังการี Part 6)

กระทู้รีวิว

สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ เที่ยวยุโรป บันทึกนักเดินทาง เที่ยวต่างประเทศ Backpack

สวัสดีครับทุกท่าน กลับมาเที่ยวต่อกันอีกแล้วจาก part ที่แล้วที่เราเที่ยวเมือง Salzburg เสร็จแล้วตรงมาที่เมือง Vienna เลย ก่อนอื่นขอแนะนำที่พักกันก่อน (หลังจากได้มีผู้ชมบางท่าแนะนำว่าอยากให้พูดถึงเป็นขั้นเป็นตอนไป) สำหรับเมืองนี้เราพักที่ Anna maria apartment เป็นเวลา 2 คืน ราคาตกอยู่ที่ 213.20 ยูโร หรือประมาณ 8,100 บาท ไทย ก็ถือเป็นราคาปกติสำหรับ 2 คืน ไม่แพงเท่าไร อยู่ใกล้กับสถานี Westbanhof ด้วย

ตัว Apartment จะสามารถเปิดออกมาบริเวณพื้นที่ตรงกลางระหว่างตึกได้ด้วย ก็เป็นการออกแบบที่ดูน่าสนใจดีครับ

แพลนของเมืองนี้จะเที่ยวแบบชิวๆไม่เหนื่อยมากเป็นเวลา 2 วัน สำหรับวันนี้เราจะไปสถานที่แรกก่อนเลยซึ่งอยู่กลางเมืองนั่นก็คือ Hofburg Palace พระราชวังแห่งนี้เป็นเสมือนหนึ่งศูนย์รวมอำนาจการปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปและประวัติศาสตร์ออสเตรียและยังเป็นจุดที่พลาดไม่ได้เลยถ้ามาถึง Vienna แล้ว

ระหว่างเดินไปสถานี

เดินทางไม่นาน สำหรับวันนี้ให้ซื้อตั๋ว 48 hour ticket ราคาจะอยู่ที่ 13.3 ยูโรต่อ 1 คน ซึ่งถือว่าคุ้ม เพราะใช้ขึ้นรถไฟฟ้าหรือรถรางได้ตลอดเลย (หากเป็นคนที่ชอบเข้า museum หรือพระราชวังต่างๆ อาจลองดูรายละเอียดของ Vienna City Card ได้ซึ่งจะรวมค่าเข้าสถานที่ต่างๆด้วย)

เดินทางมาถึงแต่เช้าเลย ก็ค่อยๆเก็บภาพเมืองไปด้วย เมืองนี่ตัวตึกต่างๆจะออกแบบไปในแนวเดียวกันครับ จะดูค่อนข้างอลังการอยู่

มาถึงแล้วด้านหน้าของพระราชวัง มีนักท่องเที่ยวมาเต็มไปหมดเลย รวมถึงเด็กๆจากโรงเรียนที่มาทัศนศึกษาด้วย อากาศวันนี้ค่อนข้างเย็นสบายๆ แต่แดดยังแสบผิวเช่นเคย แนะนำทาครีมกันแดดเสมอนะครับ

เมืองนี้จะมีรถม้าบริการนักท่องเที่ยว หากสนใจก็ไปลองได้นะครับ ไม่แน่ใจเรื่องราคาเหมือนกัน

เดินผ่านซุ้มประตูเข้าไปจะเจอกับรูปปั่น Kaizer Franz I หรือ จักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟที่ 1 แห่งออสเตรีย มีประโยคที่เขียนไว้ที่รูปปั้นว่า “AMOREM MEUM POPULIS MEIS” แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “I give my love to my people.”

เดินต่อไปเรื่อยๆจะเป็นลานกว้างๆ ที่เรียกกันว่า Heldenplatz ซึ่งในประวัติศาสตร์มีการใช้สถานที่นี่ในเหตุการณ์สำคัญๆต่างๆ หากใครสนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย

ถ่ายรูปทำเท่ห์ซะหน่อย

เดินต่อมาอีกหน่อยจะเจอกับประตูทางเข้าของลานนี้ ทำออกมาสวยงามมาก

หลังจากนั้นข้ามถนนมาก็จะมาถึง Maria – Theresien Platz ซึ่งตรงนี้จะมีรูปปั้นของ จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา รวมถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อยู่ใกล้ๆ อย่างที่ผมเคยบอกถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ละก็เมืองนี้ก็เป็นอีกเมืองที่น่าสนใจมากๆ

หลังจากนั้นข้ามถนนมาก็จะมาถึง Maria – Theresien Platz

ข้ามถนนไปเลยครับ

แถวๆนี้จะคนยืนขายบัตรโอเปร่าให้กับนักท่องเที่ยวอยู่เรื่อยๆ เพื่อนร่วมทริปของเราก็สนใจเลยซื้อตั๋วไปครับ ราคาบัตรจะอยู่ที่คนละประมาณ 30 ยูโรถ้าผมจำไม่ผิด ถ้าใครสนใจก็ลองดูได้ โดยเขาจะบอกเวลาและสถานที่มาว่าต้องไปที่โรงโอเปร่าไหน แต่ก็ระมัดระวังด้วยนะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์มาหลอกขายตั๋วปลอมไหม (พนักงานขายจะแต่งตัวเป็นเหมือนขุนนางโบราณนะครับ)

เที่ยวถ่ายรูปตรงนี้สักพัก ก็ไปจุดหมายต่อไปเลยคือ Hundertwasserhaus ซึ่งเป็น apartment ที่มีการตกแต่งเป็นศิลปะสวยงาม และบริเวณนั้นยังเป็นร้านค้า พิพิธภัณฑ์อีกด้วย

มาถึงแล้วจะมีจุดสังเกตุใหญ่มากเลยคือตัวตึกครับ จะมีต้นไม้อยู่บนตึกแบบรูปนี้เลย

ตัว apartment ตกแต่งสีสันสวยงามแปลกตามาก อาคารเหล่านี้ออกแบบโดย

Friedensreich Hundertwasser ซึ่งเป็นศิลปินชาวออสเตรียนั่นเอง

ด้านล่างจะมีน้ำพุอยู่ด้วยนะครับ

ด้านในจะเป็นสวนต้นไม้ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นลักษณะการออกแบบคล้ายๆฮวงจุ้ยของฝั่งคนเอเชียไหม ที่จะเน้นการเว้นส่วนกลางของสิ่งปลูกสร้างเป็นต้นไม่ หรือสวนสาธาณะ แต่ส่วนตัวผมชอบนะครับ

จริงๆตอนนี้ก็ถึงช่วงเที่ยงแล้ว เราเลยแวะออกไปทานข้าวที่ร้านใกล้ๆซึ่งเดินออกจากซอยนั้นไปประมาณ 5 นาทีก็จะเจอร้าน แต่ส่วนตัวผมไม่ประทับใจมื้อนี้เท่าไร รู้สึกว่าอาหารไม่ค่อยอร่อยมาก แต่ก็พอกินได้

ผมไม่แน่ใจว่า มันบดของหลายๆร้านทำไมถึงเป็นมันบดผสม ไม่รู้ว่าเป็นรูปแบบของอาหารแบบหนึ่งหรือเปล่า แต่มันบดก้อนใหญ่ๆนั้นไม่ใช่มันล้วนแต่ผสมอะไรสักอย่างที่มีรสชาติเปรี้ยวๆ ผมว่าไม่น่าถูกปากคนไทยเสียเท่าไร

กินเสร็จก็กลับมาเดินต่อ ที่ละแวกเดิม ฝั่งตรงข้ามของตัว apartment สีสวยๆ จะมีร้านของฝากและคาเฟ่ตกแต่งสวยงาม