มีเรื่องมาบอกกล่าวและเตือนภัยบรรดาคุณแม่ที่กำลังหาที่เรียนอนุบาลให้ลูกๆอยู่นะคะ
เรื่องมีอยู่ว่าลูกชายเราอายุ3ขวบถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียน เลยสนใจส่งลูกเข้าโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษาเพราะใกล้บ้านและเห็นว่ามีอาคารน่าเรียน มีสระว่ายน้ำ เพื่อนๆทางไลน์ก็แนะนำมาว่าลูกเค้าไปสอบสัมภาษณ์มาผ่านแล้ว ตอนนั้นในใจก็หวั่นๆว่าเออ สมัยนี้สมัครเข้าเรียนอนุบาลก็ต้องสอบกันแล้วเหรอ
ก็ลองไปสัมภาษณ์ดู ลูกเราเป็นเด็กพูดช้า พูดได้แค่บางคำ แต่สามารถชี้อ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลขโดยทั้งเรียงและไม่เรียงลำดับได้ ไม่ได้เป็นออทิสติก ไม่ได้เป็นไฮเปอร์ (คุณหมอน้องบอกมา ไม่ได้ตัดสินเอง)ตอนสัมภาษณ์ครูส่วนใหญ่ก็คุยกับเรา เอาบล็อกไม้มาให้น้องต่อ น้องก็ทำได้ดี พอสัมภาษณ์เสร็จรู้ผล ตอนนั้นเลยว่าผ่าน ก็จัดแจงจ่ายค่าเทอมไปเลย ล่วงหน้าไปครึ่งปีเพราะไปสมัครเดือนกย.เป็นเงินสามหมื่นกว่าบาท
พอเปิดซัมเมอร์ ลูกเราไปเรียนแค่ประมาณอาทิคย์เดียว ครูประจำชั้นก็แจ้งว่าน้องยังไม่พร้อม สื่อสารไม่ได้ เรียกชื่อแล้วไม่หัน หัวหน้าครูที่คอยเดินตรวจก็พูดเหมือนครูประจำชั้นว่าน้องคงไม่เหมาะสำหรับการเรียนชั้นอนุบาล1ที่นี่ และจะให้น้องไปอยู่ชั้นเนิสเซอรี่แทน โดยเกลี้ยกล่อมว่าจะได้ไปฝึกพูดพร้อมๆกับพวกเด็กเล็ก แต่เราในใจไม่เห็นด้วยจึงมีการเข้าไปคุยและปรึกษากับโรงเรียนอนุบาลที่อื่นว่าน้องเป็นแบบนี้ๆโรงเรียนอื่นเค้าถือว่าปกติรึเปล่า ให้เรียนอนุบาลหนึ่งได้มั้ยเพราะน้องอายุถึงเกณฑ์แล้ว
คำตอบที่ได้มาคือธรรมดามาก น้องหลายๆคนที่เพิ่งเข้าอ.1ก็เป็นแบบนี้ เพราะน้องเพิ่งห่างอกแม่ครั้งแรก การได้เจอคนแปลกหน้าแล้วไม่สื่อสารด้วย หรือต่อให้สื่อสารได้ไม่มากก็มาฝึกกันได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของครูอยู่แล้ว และไม่เห็นด้วยที่จะนำเด็กวัยนี้ไปเข้าร่วมชั้นกับเด็กเล็กที่มีแต่เด็กนอนดูดขวดนมกันเรียงราย ต้องให้น้องอยู่ชั้นกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เค้าจะได้สนใจอยากเล่นด้วย อยากที่จะสื่อสารออกมา แล้วพัฒนาการของเด็กจะไปทันกันที่อนุบาล3คุณแม่ไม่ต้องห่วง
มันทำให้เราตาสว่างว่าโรงเรียนอนุบาลที่จะดูแลเด็กๆมันต้องเข้าใจเด็กวัยนี้แบบนี้ การที่คุณมาตัดสินลูกเราเพียงแค่เรียนซัมเมอร์ไปได้แค่อาทิตย์เดียวนี่มันแสดงให้เห็นถึงบุคลากรที่ไม่พร้อมสำหรับการดูแลเด็กเล็กโดยตรง
ซึ่งเราก็เข้าใจว่าอัสสัมศึกษาเป็นรร.ญ.ล้วนเพิ่งเปิดรับดช.ในระดับอนุบาลไม่นาน เด็กผู้หญิงความซน ความดื้อ การควบคุมยาก มันต่างจากเด็กชายเยอะ เราก็เลยไปเจรจากับทางโรงเรียนว่าถ้าคุณดูแลลูกเราไม่ได้เราจะเอาลูกเราไปเข้าโรงเรียนอื่นเพราะเราสมัครจ่ายเค่าเทอมมาเพื่อเข้าเรียนอนุบาล1ไม่ใช่เนิสเซอรี่ อีกทั้งมีการผ่านการสัมภาษณ์มาแล้ว ถือว่าทางผิดพลาดในการคัดกรองเด็กเอง เพราะโรงเรียนคงไม่พร้อม ดูแลเด็กที่พูดไม่เก่ง ยังไม่ยอมทำตามคำสั่งซึ่งเราไม่ติดใจ
เตือนภัยคุณแม่!!อนุบาลอัสสัมชัญศึกษาจ่ายค่าเทอมแล้ว..แต่ไม่ยอมสอน!!?
เรื่องมีอยู่ว่าลูกชายเราอายุ3ขวบถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียน เลยสนใจส่งลูกเข้าโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษาเพราะใกล้บ้านและเห็นว่ามีอาคารน่าเรียน มีสระว่ายน้ำ เพื่อนๆทางไลน์ก็แนะนำมาว่าลูกเค้าไปสอบสัมภาษณ์มาผ่านแล้ว ตอนนั้นในใจก็หวั่นๆว่าเออ สมัยนี้สมัครเข้าเรียนอนุบาลก็ต้องสอบกันแล้วเหรอ
ก็ลองไปสัมภาษณ์ดู ลูกเราเป็นเด็กพูดช้า พูดได้แค่บางคำ แต่สามารถชี้อ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลขโดยทั้งเรียงและไม่เรียงลำดับได้ ไม่ได้เป็นออทิสติก ไม่ได้เป็นไฮเปอร์ (คุณหมอน้องบอกมา ไม่ได้ตัดสินเอง)ตอนสัมภาษณ์ครูส่วนใหญ่ก็คุยกับเรา เอาบล็อกไม้มาให้น้องต่อ น้องก็ทำได้ดี พอสัมภาษณ์เสร็จรู้ผล ตอนนั้นเลยว่าผ่าน ก็จัดแจงจ่ายค่าเทอมไปเลย ล่วงหน้าไปครึ่งปีเพราะไปสมัครเดือนกย.เป็นเงินสามหมื่นกว่าบาท
พอเปิดซัมเมอร์ ลูกเราไปเรียนแค่ประมาณอาทิคย์เดียว ครูประจำชั้นก็แจ้งว่าน้องยังไม่พร้อม สื่อสารไม่ได้ เรียกชื่อแล้วไม่หัน หัวหน้าครูที่คอยเดินตรวจก็พูดเหมือนครูประจำชั้นว่าน้องคงไม่เหมาะสำหรับการเรียนชั้นอนุบาล1ที่นี่ และจะให้น้องไปอยู่ชั้นเนิสเซอรี่แทน โดยเกลี้ยกล่อมว่าจะได้ไปฝึกพูดพร้อมๆกับพวกเด็กเล็ก แต่เราในใจไม่เห็นด้วยจึงมีการเข้าไปคุยและปรึกษากับโรงเรียนอนุบาลที่อื่นว่าน้องเป็นแบบนี้ๆโรงเรียนอื่นเค้าถือว่าปกติรึเปล่า ให้เรียนอนุบาลหนึ่งได้มั้ยเพราะน้องอายุถึงเกณฑ์แล้ว
คำตอบที่ได้มาคือธรรมดามาก น้องหลายๆคนที่เพิ่งเข้าอ.1ก็เป็นแบบนี้ เพราะน้องเพิ่งห่างอกแม่ครั้งแรก การได้เจอคนแปลกหน้าแล้วไม่สื่อสารด้วย หรือต่อให้สื่อสารได้ไม่มากก็มาฝึกกันได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของครูอยู่แล้ว และไม่เห็นด้วยที่จะนำเด็กวัยนี้ไปเข้าร่วมชั้นกับเด็กเล็กที่มีแต่เด็กนอนดูดขวดนมกันเรียงราย ต้องให้น้องอยู่ชั้นกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เค้าจะได้สนใจอยากเล่นด้วย อยากที่จะสื่อสารออกมา แล้วพัฒนาการของเด็กจะไปทันกันที่อนุบาล3คุณแม่ไม่ต้องห่วง
มันทำให้เราตาสว่างว่าโรงเรียนอนุบาลที่จะดูแลเด็กๆมันต้องเข้าใจเด็กวัยนี้แบบนี้ การที่คุณมาตัดสินลูกเราเพียงแค่เรียนซัมเมอร์ไปได้แค่อาทิตย์เดียวนี่มันแสดงให้เห็นถึงบุคลากรที่ไม่พร้อมสำหรับการดูแลเด็กเล็กโดยตรง
ซึ่งเราก็เข้าใจว่าอัสสัมศึกษาเป็นรร.ญ.ล้วนเพิ่งเปิดรับดช.ในระดับอนุบาลไม่นาน เด็กผู้หญิงความซน ความดื้อ การควบคุมยาก มันต่างจากเด็กชายเยอะ เราก็เลยไปเจรจากับทางโรงเรียนว่าถ้าคุณดูแลลูกเราไม่ได้เราจะเอาลูกเราไปเข้าโรงเรียนอื่นเพราะเราสมัครจ่ายเค่าเทอมมาเพื่อเข้าเรียนอนุบาล1ไม่ใช่เนิสเซอรี่ อีกทั้งมีการผ่านการสัมภาษณ์มาแล้ว ถือว่าทางผิดพลาดในการคัดกรองเด็กเอง เพราะโรงเรียนคงไม่พร้อม ดูแลเด็กที่พูดไม่เก่ง ยังไม่ยอมทำตามคำสั่งซึ่งเราไม่ติดใจ