[ จิบชาฟังคนอวย ] นี่ล่ะ Gintama ! การ์ตูนที่ถ้าอยากจะมันส์ ฮา ร้องไห้ ก็งัดออกมาได้หมด !!

หากมีคำถามหนึ่งถามขึ้นมาว่า " แนะนำกการ์ตูนญี่ปุ่นฮา ๆ สนุกหน่อยครับ/ค่ะ "
ซึ่งเดาได้ไม่ยากเลยว่าคำตอบที่ได้มา 98.4872 % ต้องมี " กินทามะ " อยู่ในนั้นด้วยแน่นอน !!
กินทามะ คืออะไร ? ทำไมมันถึงถูกยกขึ้นหิ้งเรื่องความฮาขนาดนั้น ?
ก่อนอื่นเลยการดำเนินเรื่องของกินทามะจะเป็นลักษณะดำเนินเรื่องคล้าย ๆ กับยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน
นั่นคือ จะมีการดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ แล้วมีเหตุการณ์หลักใหญ่เข้ามา เพื่อให้เนื้อเรื่องมีความสดใหม่ไม่น่าเบื่อมากเกินไป
เริ่มจาก World setting ของกินทามะมันอยู่ในยุคโบราณแต่มีมนุษย์ต่างดาวที่มีวิทยาการล้ำหน้าเข้ามารุกราน (?)
ดังนั้นเจ้าเรื่องนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ตามใจคนเขียนจะเขียน และที่เด็ดจริง ๆ ก็คือ
เวลาตัวละครพวกนี้มันพังบ้าน/ตบกันหัวทิ่ม นั่นมันไม่ใช่มุกตลกที่เวอร์กันเอาฮาอย่างเดียวนะครับ มันคือ " พลังกายของตัวละคร " นั้นจริง ๆ
ฉะนั้นตัวละครเรื่องนี้มันต้องเหนือมนุษย์ปกติแน่นอน เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าพวกนี้มันตายยากตายเย็น

เม่าเนิร์ด เม่าเนิร์ด

ในช่วงแรก ๆ ยอมรับว่าเรื่องนี้ใช้เวลาการปูตัวละครนานพอสมควรและอีกอย่าง ถึงมันจะเป็นการ์ตูนตลกมากแค่ไหนแต่มันก็ยังเป็นการ์ตูนของชาติญี่ปุ่น
หากไม่เก็ตมุกหรือไม่เข้าใจในสิ่งที่คนเขียนจะล้อเลียนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
( บางมุกมาแค่สั้น ๆ แต่ต้องติดตามการ์ตูน เกมในระดับนึงเลยทีเดียวเลยถึงจะเก็ต )
แต่ถ้าถ้าจะถามผมว่าดูกินทามะอย่างไรให้สนุก ดูแล้วไม่งงกับเนื้อเรื่องหลัก ขอตอบตรง ๆ เลยว่า คุณไม่จำเป็นต้องดูทุกตอน
หากคุณอยากจะตามเนื้อเรื่องกินทามะให้ทันก่อนภาคซีเรียส สิ่งที่คุณควรดูหลัก ๆ เลยก็คือ
1.) ตอนที่ตัวละครใหม่เปิดตัว
2.) ตอนที่ภาคยาวทั้งหมด 3 ตอนขึ้นไป 70 % เป็นเนื้อเรื่องหลักของกินทามะ ขอบอกตามตรงว่าหากคุณดูครั้งแรกต้องมีขยี้ตากันบ้างแหละ
แล้วคิดในหัวตามว่า " นี่มันกินทามะที่เรารู้จักจริง ๆ เหรอ ? "
แต่สิ่งที่ทำให้กินทามะมันดูยากจริง ๆ ก็คือ เนื้อเรื่องหลักมันค่อนข้างซับซ้อน มีหลายฝักฝ่ายมาก
ขอยกตัวอย่างแค่เผ่าพันธ์ุมนุษย์ ย้ำนะว่านี่แค่เผ่ามนุษย์ !! นี่ก็มี
- ผองเพื่อนรับจ้างสารพัด
- ตำรวจชินเซ็นกุมิ ( ดำ )
- ตำรวจมิมาวาริกุมิ ( ขาว )
- ผู้ขับไล่ต่างแดน
- ตระกูลโนบุงาวะ
- ตระกูลฮิโตซึบาชิ
( ข้างบนนี่ยังไม่หมดนะ ไหนจะยังมียากูซ่า นินจา และอื่น ๆ อีกเยอะบอกเลย 55 )
หรือหากคุณไม่มีเวลาจะดูจริง ๆ คุณก็ต้องใช้วิกิเก่งหน่อย 
เพื่อดูที่มาของตัวละคร และ เปิดดูว่าภาคไหนมันสำคัญกับเนื้อเรื่องหลักจริง ๆ ที่เราควรต้องดูอาจทำให้คุณประหยัดเวลาข้ามตอนที่คุณไม่ชอบได้
แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็จะเข้าถึงตัวละครได้ไม่ทั้งหมด เพราะต่อให้เป็นตอนที่มันโคตรไร้สาระมันก็ยังมี easter egg เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตามเก็บตลอดทาง
และ easter egg เหล่านั้นมันจะโผล่มาแบบที่เราไม่ได้ตั้งตัวจนรู้สึก WTF !? หลายครั้งเลยล่ะ !
กินทามะจะมีตอนยาวหลายบทที่มีอารมณ์ของโทนเรื่องหลายแบบ ซึ่งถ้าจะให้รีวิว ( อวย ) เนื้องเรื่องทั้งหมดจำนวนตัวอักษรคงทะลุ
ดังนั้นผมขอยกบทที่ผมประทับใจมากที่สุดใน 4 บทมาเล่าสู่กันฟังครับ

[ Yoshiwara in flames - บทเพลิงเหนือโยชิวาระ ]
สาเหตุที่ผมประทับใจบทนี้ก็เพราะเป็นบทแรกที่นางเอกของเราเปิดตัวครับ...อุ๊บ !!
ใครจะไปคิดล่ะว่าการ์ตูนตลกอย่างกินทามะที่มันเล่นมุกแบบทะลึ่งตึงตังจะกล้าเล่นประเด็นนี้
ในบทนี้จะเล่าถึงเรื่องที่ค่อนข้างจะสีเทาซักหน่อย
แต่ประเด็นนี้จะไม่ถูกเล่ามาก ซึ่งในความคิดผมนะได้ประมาณนี้ก็โอเคแล้วไม่ต้องไปขยี้เรื่องนี้เยอะหรอกจะออกทะเลเปล่า ๆ
เพราะแกนของบทนี้จะไม่เล่าในมุมชู้สาวหรือดราม่าโดนส่งมาขาย ( มันน่าจะซ้ำเยอะละ ) แต่จะเล่าในมุมของแม่ลูกอย่างฮิโนวะ-เซตะแทน
ซึ่งในการมาช่วยฮิโนวะนั้นมีอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กับการเปิดตัวของหนึ่งศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่องอย่างราชารัตติกาล " โฮเซ็น "
ซึ่งในฉากที่บู๊กับคามูอิแรก ๆ รู้สึกประทับใจมากกับความเทพของปู่แต่มาพีคอีกตรงตอนที่สู้เอาจริงปู่แกไปหยิบร่มยักษ์นี่ล่ะ
ผมนี่ตะโกนในใจเลย " เอ้อ !! มันต้องอย่างนี้สิวะ ราชารัตติกาลผู้แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ายาโตะ ! " เรื่องคิวบู๊ในบทนี้นี่ทำออกมาได้ไม่เลวเลย
ถึงแม้จะเป็นตัวละครที่มีบทบาทออกมาไม่มากแต่กลับสร้างความน่าเกรงขามได้ดีเลยทีเดียว แต่ๆๆ บทบาทของโฮเซ็นนอกจากบอสประจำภาคแล้ว
สิ่งที่กอริล่าเขียนออกมายังมีโยงไปอีกถึงไปยังอีกจุด นั่นก็คือ ความปราถนาของราชารัตติกาลและดวงอาทิตย์แห่งโยชิวาระอีกด้วย
นั่นทำให้ตัวละครของสองคนนี้มีมิติที่ดีขึ้นไปอีก ดังนี้
โฮเซ็น นั้นมีชีวิตอยู่เพื่อการต่อสู้ ดังนั้นหากอยากครอบครองอะไรก็แค่ไปชิงมันมาโดยไม่สนวิธีการ ( การต่อรองและตัดเอ็นที่เท้าเป็นต้น )
ฮิโนวะ ผู้ยอมเสียสละแบกรับทุกสิ่งอย่างถึงแม้ตัวจะทรมานแต่ใจกลับทรนง นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่โฮเซ็นยกย่องให้ฮิโนวะเป็นดวงอาทิตย์ที่แม้แต่ตนเองก็ยังพิชิตไม่ได้มีจิตใจงดงามเฉกเช่นใบหน้า ปราถนาดีกับราชารัตติกาลตั้งแต่แรกพบจนถึงวาระสุดท้าย
ก่อนสิ้นลมความปราถนาของทั้งสองนั้นก็เป็นจริง และปิดตำนานราชาได้อย่างงดงาม
( นึกถึง HxH เลยแฮะ สงสัยผมจะแพ้ฉากแบบนี้ ทำไงได้ก็มันเขียนออกมาดีทั้งคู่นี่นา !! T ^ T )

[ Courtesan of a nation - บทจันทราที่ไม่เสื่อมคลาย ]
บทนี้เป็นบทที่มีความซับซ้อนในเรื่องพอตัว เพราะเป็นภาคที่ขยายบทบาททางการเมืองมากขึ้น
ซึ่งเหมือนกับบทเพลิงเหนือโยชิวาระคือจะไม่เน้นความดาร์กมาก เรื่องการเมืองจะถูกสรุปไว้อยู่แล้วในคำพูดของซาดะซาดะ กับ อิซาบุโร่
หากคุณฟังสองคนนี้ดี ๆ ก็ไม่ต้องไปวิเคราะห์เรื่องการเมืองเองให้ปวดหัวละ
( แต่ผมพนันเลยว่าใครที่ดูอนิเมะรอบแรก ต้องให้ความสนใจกับไอ้พวกคุณกินที่มันเล่นกันอยู่ข้างหลังมากกว่าซาดะซาดะแน่นอน )
จากนั้นความวอทเดอะฟัคมันจะเริ่มมาตั้งแต่ตรงนี้ล่ะ เตรียมตัวเตรียมตับไว้ให้ดีเลย
ความ WTF1 - จุดที่มุมกล้องหลอกให้เราคิดว่าซาดะซาดะเนี่ยน้ำตาไหลครับ ก่อนที่พวกรับจ้างทั้งหมดจะถูกจับ ก็แหงละ พวกเอ็งเล่นกันขนาดนั้นไอ้บ้าที่ไหนมันจะไม่รู้วะเห้ย !! จุดนี้ก็ไม่ได้เดายากเท่าไหร่ครับเพราะมันใบ้มาตั้งแต่แรก ๆ แล้วว่าซาดะซาดะเป็นตัวร้าย
ความ WTF2 - จุดที่เจ้าหญิงมาขอนอนด้วยครับ ตามสไตล์กินทามะแล้วที่เดาไว้ตอนแรกก็คงมาช่วยกันแหกคุกแบบบ้าๆบอๆ แล้วพากันออกไป
คิดแผนปราบใหม่ไรงี้......แต่ครั้งนี้ไม่ว่ะคุณ พอเจ้าหญิงเล่านิทานให้ฟังจบปุ๊บ ผมนี่ตะโกนออกมาว่า " ห้ะ !? "
คือ....คือด้วยความที่เนื้อเรื่องมันไปเร็วมาก เพราะในช่วงแรกอิซาบุโร่เล่าว่าสัญญาที่ให้กันมันก็แค่สัญญาหลอก ๆ ล่อขุนนางให้มาโดนเฉือดทีละคนเท่านั้น ทำให้เราคิดไปว่ามันก็แค่สัญญาที่ไม่มีอยู่จริง แต่กลับโดนหักมุมว่ามันมีอยู่จริงซะงั้น !? 
ในบทนี้ถึงแม้จะไม่ได้ปูความสัมพันธ์ซูซูรันกับไมโซมาก ( เพราะจะเอามาหักหลังเรานี่แหละ )
แต่ก็เป็นจุดที่ไม่จำเป็นต้องบรรยายฉากความสัมพันธ์อะไรให้มันมากความแค่
" คนๆหนึ่งที่รอคอยทุกๆ ยามวันเพ็ญ ยังคงมีความหวังที่จะได้เจอคนรักอีกครั้งแม้กาลเวลาจะผ่านไปเพียงใด " แค่นี้ก็พอแล้ว

[ Shogun assassination - บทลอบสังหารโชกุน ]
Effect เพิ่มเติม - หากคุณได้ตามดูฉากที่โชกุนออกมาครบก็จะอิมแพคขึ้นไปอีก อย่าลืมไปตามดูกันล่ะ ! ( ไปหาเอาตามวิกิ )
คราวนี้เป็นการเปิดมิติของโลกนินจาให้เราเห็นจริงๆจังๆ ซักทีจากที่มันไร้สาระมานาน ถึงแม้ช่วงแรกมันจะเปิดบทแบบบ้าๆบอๆ เหมือนเดิม
แต่ชื่อบท " ลอบสังหารโชกุน " นั่นมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับให้มันเท่ ๆ หรือเอาไว้ดูดคนอ่านเฉย ๆ แน่นอน
ความประทับใจแรกกับบทนี้ของผมก็คือ ตอนที่เห็นเพลงเปิด [ Op16 ] Beautyful days แล้วมันเปลี่ยนฉากตามบท
การเคลื่อนไหวของอนิเมชั่นมันดีมาก เรียกได้ว่ามันดีเทียบเท่าหนังจอเงินได้เลยนะ ไฟต์ที่เด่นๆ ประจำบทนี้ก็มี
โซโกะ vs คามุอิ ---> คู่นี้เชียร์ในเรื่องแสงสีของพื้นหลังมากมันทำเด่นสะดุดตามาก เนื่องจากฉากพระอาทิตย์ตกนี่เราจะไม่ค่อยได้เห็นในการ์ตูนไหนๆ 
กินโทกิ vs ทาคาสุงิ ---> จะเน้นไปที่อิมแพคของลมเวลาต่อย/เตะลมรอบๆ บ่งบอกให้รู้ถึงความแข็งแกร่งของทั้งสองคนได้ดี แสงสียังสวยสดใช้ได้
และที่จะไม่พูดไม่ได้นั่นก็คือ โชกุนชิเงะชิเงะของเรา มิติของตัวละครนี้จะถูกขยายขึ้นให้เราเห็นอีกด้านหนึ่งว่าจริงๆแล้วโชกุนมีความรู้สึกนึกคิดอะไรอยู่
หากคุณดูบทบาทของโชกุนที่มาในแต่ละตอน จำที่ผมเขียนไว้ด้านบนได้มะ ? ที่เขียนว่าควรไปตามดูตอนที่ตัวละครเปิดตัวและตอนยาวทุกตอน
แต่โชกุนเป็นตัวละครสายแรร์ที่จะมาแบบน้อยๆ บางครั้งก็มาในตอนเดียวความฮาจัดเต็ม !! ( ตอนสระว่ายน้ำกับเกมพระราชานี่แนะนำเลย )
เพราะฉะนั้นหากคุณไปดูตามคำแนะนำของผมก็คงจะพลาดตอนฮาระดับตำนานนี่ล่ะ
เอาล่ะ...เข้าเรื่องต่อ หากคุณได้ดูโชกุนที่ผ่านๆมา เราก็จะเห็นโชกุนเป็นแค่คนซื่อๆคนหนึ่งที่โดนแกล้งไม่กล้าโต้ตอบอะไรกับใคร ใช้อำนาจไม่เป็นบริหารเมืองไม่เป็นประมาณนี้ จนกระทั่งในบทนี้เราจะได้เห็นบทบาทของโชกุนมากขึ้น
ทำให้เรารู้สึกว่าคำที่โชกุนพูดออกมาว่า " อยากเข้าใกล้กับประชาชนมากที่สุดเพื่อที่จะได้รู้ความคิดของพวกเขา " มันดูมีน้ำหนักจริง ๆ
ดังนั้นหากดูจบบทนี้ไปแล้ว แล้วกลับไปดูย้อนหลังความรู้สึกของเราที่มีต่อโชกุนจะเปลี่ยนไปทันที
คือถึงแม้จะยังฮาเหมือนเดิม แต่ทุกครั้งที่ท่านโชกุนโดนกระทำชำเราเราก็จะรู้สึกว่าท่านโชกุนอยากจะใกล้ชิดกับพวกคุณกินจากใจจริง 

[ Farewell Shinsengumi - บทอำลาชินเซ็นกุมิ ]
ถึงแม้บรรยากาศภาคนี้จะทำหม่นกดดันอารมณ์ได้ดี แต่เพราะความฮาตามสไตล์ของพี่เค้านี่แหละทำให้บรรยากาศที่ปูมาแทบจะไร้ความหมายเลย ( ฮา )
ที่จริงในภาคนี้ส่วนตัวผมไม่ค่อยโฟกัสไปที่ชินเซ็นกุมิเท่าไหร่ สำหรับผมบทกบฎชินเซ็นกุมิ - Shinsengumi crisis มันดูอิมแพคกว่าแฮะ
เพราะจากที่ดูในบทนี้มันไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของชินเซ็นกุมิอยู่แล้วด้วย
แต่จะเป็นมุ่งเน้นไปที่การร่วมมือกันจากทุกฝ่ายที่มีเป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือ " ทำเพื่อประเทศชาติ " มากกว่า
ในจุดที่ผมประทับใจบทนี้จริง ๆ ก็คือ การทำให้ตัวละครที่เราเหม็นขี้หน้ามากที่สุดกลายเป็นตัวละครที่ทำให้เราเสียน้ำตา
โดยเนื้อเรื่องที่มันดูแย่งซีนบทนี้ไปเต็ม ๆ นั่นก็คือความสัมพันธ์ระหว่าง ซาซากิ อิซาบุโร่ กับ อิมาอิ โนบุเมะ
ทั้งคู่เปิดตัวครั้งแรกในบท " เจ้าเด็กเหลือขอ - Thorny Arc " ร้อยทั้งร้อยต้องเกลียดลุงแว่นผู้ดีปากน่าถีบนี่แน่นอน
และ โนบุเมะ ก็จะมีบทในฐานะ " ลูกน้อง " เท่านั้น
มิติตัวละครจะถูกขยายความให้มากขึ้นโดยย้อนความหลังของทั้งสอง โดยยังคงมีเนื้อเรื่องของฝั่งชินเซ็นกุมิเกี่ยวข้องอยู่ ( การติดต่อกับมัตสึไดระ ) 
นอกจากนี้บทบาทของโนบุเมะในฐานะมือสังหารที่มีอายุน้อยนั้นได้กล่าวถึงมาตั้งแต่บทซูซูรันแล้ว ในภาคนี้เราก็จะได้เห็นฝีมือของโนบุเมะจริง ๆ
ซึ่งจะถูกทิ้งเป็นปริศนาในช่วงหนึ่งว่าเหตุใดเด็กที่มีฝีมือขนาดนั้นถึงมาอยู่กับมนุษย์โลกในฐานะของรอง ผบ. ? และรับใช้อิซาบุโร่ในฐานะอะไรกันแน่ ?
ในภูมิหลังจะถูกเล่าเอาไว้ถึงการเจอกันครั้งแรกของทั้งสองมันจะดูคลุมเครืออยู่พอควรซึ่งไม่อาจเข้าใจได้ในตอนนั้น
จากนั้น Back story มันจะเพ่งเล็งไปที่ความกังวลที่จะได้เป็นพ่อคนของอิซาบุโร่เอามาก ๆ ทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้
และก็เป็นไปตามคาดจริง ๆ นั่นคือความฝันของอิซาบุโร่ได้พังทลายไปเสียแล้ว โดยมีโนบุเมะอยู่ในเหตุการณ์แต่อิซาบุโร่นั้นไม่ได้หุนหันพลันแล่น
เขาวิเคราะห์สถานการณ์รอบ ๆ แล้วจึงได้รู้ว่า โนบุเมะไม่ใช่คนที่ฆ่าลูกเมียของเขา 
ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ยอมบอกไปตรง ๆ ก็ตาม ( น่าจะเป็นเพราะความรู้สึกผิดที่ตนเกี่ยวข้องกับเท็นโดชูด้วย )
นั่นก็คืออิซาบุโร่มองโนบุเมะในฐานะของ " ลูก " มาตลอดนั่นเอง
ชอบฉากที่นั่งคิดชื่อให้ลูกมากที่สุด โดยเฉพาะในอนิเมะฉากนี้จะเหมือนวาดด้วยสีไม้หรือสีน้ำอะไรซักอย่างมันดูอบอุ่นใจมาก
" ขอแค่พ่อเชื่อมั่นในตัวลูก มีร่างกายแข็งแรงและเพื่อนมากมาย ชื่อนี่ล่ะ โนบุเมะ ( ผู้หญิงที่เชื่อมั่น ) "

แล้วคุณล่ะประทับใจบทไหนมากที่สุด ? เชิญพูดคุยรับฟังกันได้เลยนะครับ ^ ^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่