เนื่องจากรีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของเจ้าของกระทู้ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
อยากจะบอกเล่าประสบการณ์สำหรับคนชอบเที่ยว แต่ไม่ชอบขับรถไป หรือไม่มีรถยนต์นะคะ
เที่ยวแบบสะพายเป้1ใบ อยากไปไหนก็ได้ตามใจฉัน ฉบับประหยัดงบนะคะ
(แต่ไม่ได้จำกัดงบจนเกินไปนะคะ ประหยัดมากไป ก็อาจจะไม่สนุก หรือ พลาดประสบการณ์บางอย่างไปได้ค่ะ)
สำหรับเจ้าของกระทู้ใช้งบต่อคนอยู่ที่ 5,000 บาทค่ะ รวมค่าเดินทาง ค่าอาหาร และโรงแรมเรียบร้อยค่ะ
และเรือข้ามไปยังเกาะค่ะ ของจขกท.ไปช่วงวันที่ 6-8 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นวันหยุดวันจักรีด้วยค่ะ
ราคาต่อรอบอยู่ที่ 900 บาทค่ะ ไปกลับ คนล่ะ 1,800 บาทค่ะ โดยไปขึ้นที่ถนนตานีใกล้กับถนนข้าวสารนั่นเองค่ะ
พอไปถึงเราก็เช็คอินกับพี่ เจ้าหน้าที่นะคะ ท้องฟ้าข้างนอกยังมืดอยู่ค่ะ ไปรอบ ตี5 ค่ะ (05.00 น.)
เมื่อเช็คอินเสร็จแล้วจะได้น้ำดื่ม และขนมมาไว้รองท้องระหว่างนั่งรถไปค่ะ แต่ถ้าใครไม่อิ่มไม่ต้องกลัวนะคะ
ตรงข้ามมี 7-11 ให้ได้ตุนขนม และอาหารไว้ได้เลยค่ะ เพราะนั่งรถ 5 ชม.ได้เลยค่ะ ห้องน้ำบนรถบัสมีนะคะ
แต่ไม่ค่อยชอบเข้าค่ะเพราะมันแคบ แนะนำให้เข้าที่นี่ก่อนได้เลยค่ะ ห้องน้ำเค้าสะอาดมากๆค่ะ
ไม่ช้าไม่นานเราก็ได้ขึ้นมานั่งรอบนรถค่ะ อย่าไปช้านะคะ ถ้าไม่ตรงเวลา จะช้าแค่ 5 นาทีพี่เค้าก็ไม่รอค่ะ อาจจะต้องตกรถ หรือไปรอบถัดไปค่ะ
ถ้ามีที่นั่งว่างนะคะ แต่วันที่ จขกท.ไป เป็นวันหยุดยาวค่ะ ที่นั่งเต็มทุกที่เลยค่ะ ถ้าตกรถไป ไม่รู้จะยังไงต่อเลย
และแล้วเราก็ถึง ท่ารถของ Boonsiri บุญศิริเรือเร็ว ประมาณ10.30 น.ได้ค่ะ อากาศร้อนใช้ได้เลย แถมคนตรงท่ารถเยอะมากๆค่ะ อาจเพราะเป็นวันหยุดค่ะ
จะมีรถมารับเราไปที่ท่าเรือแหลมศอกอีกทีนะคะ เมื่อลงรถแล้วก็เช็คอินอีกทีนะคะ ก็จะได้ตั๋วข้ามไปที่เกาะแบบนี้ค่ะ
ตรงท่ารถมีอาหารขาย และห้องน้ำบริการฟรีอยู่นะคะ เข้าให้เรียบร้อยค่ะ เพราะต้องนั่งเรืออีก เกือบ 2 ชม.ได้เลย
ใกล้จะถึงเกาะกูดแล้วค่ะ เกาะกูดเป็นเกาะที่ยังคงความธรรมชาติอยู่อย่างมากค่ะ ถนนหนทาง 2 ข้าง มีแต่ต้นมะพร้าวค่ะ สวยงามมากทีเดียว
ชอบที่นี่นะคะ ค่อนข้างแตกต่างจากเกาะช้าง ความเจริญยังเข้าไม่ถึงมาก ไม่มี 7-11 อันนี้ชอบมากค่ะ มัน Slow life แบบสุดๆค่ะ
บนเกาะนี้ไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ขึ้นไปนะคะ มีเพียงมอเตอร์ไซค์ให้เช้า คันล่ะ 200-300 ค่ะ
(สำหรับคนที่ขับรถไป จะมีรับฝากตรงท่าเรือหลายที่เลยค่ะ แอบเห็นว่า วันล่ะ 50 บาทค่ะ )
แม้วันที่ จขกท.ไป จะเป็นวันที่ 06/04/2562 คือวันจักรี รถและเรือจะแน่นแค่ไหน แต่พอขึ้นเกาะปุ๊ป แยกย้าย ผู้คนหายไปหมดเลยค่ะ
ถ่ายรูปไม่ค่อยติดคนเท่าไหร่ พอหามุมได้ค่ะ
ในที่สุดก็ถึงท่าเรือ อ่าวสลัดแล้วค่ะ ซึ่งอ่าวสลัดนี้เคยเป็นที่พำนักของโจรสลัดที่ออกปล้นสะดมใน น่านน้ำแถบนี้ ปัจจุบันเป็นชุมชนประมงทะเล
อีกทั้งยังเป็นแหล่ง ขายอาหารทะเลสดๆ แหล่งใหญ่ชั้นดีของเกาะกูด ที่มีกุ้ง หอย ปู ปลา ให้เลือกซื้อกันเพียบ ตัวบ้านตั้งเรียงรายอยู่ในทะเล
มีสะพานไม้พาดผ่านหน้า บ้านทุกหลัง เมื่อน้ำทะเลขึ้นสูงเต็มพิกัด หมู่บ้านแห่งนี้จะดูโดดเด่น เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์แห่งวิถีประมงที่ควรค่าแก่การ
เมื่อขึ้นฝั่งที่อ่าวสลัดแล้ว จะมีสองแถวรับเราไปส่งที่รีสอร์ท เรามีหน้าที่บอกว่าเราพักที่ไหน พี่สองแถวเค้าซิ่งไปส่งให้เลยจ้า
ในส่วนที่พักเราเลือกพักที่ " Kama Siri Koh Kood " แบบเป็นเต๊นท์ติดแอร์และมีห้องน้ำในตัว ราคา 1,450 พร้อมอาหารเช้าจ้า
เช็คราคาดีๆนะจ้ะ จองตรงอาจถูกกว่า จองกับ online travel agency ก้ได้
เมื่อเก็บกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เรามุ่งหน้าไปหาโลเกชั่น สวยๆ ถ่ายรูปที่ " อ่าวตะเภา " ซึ่งอยากจะบอกว่า น้ำใสมากๆค่ะ
เอาภาพน้ำใสๆ มาแบ่งปันกันค่ะ
อาจจะต้องเดินเข้าไปที่รีสอร์ทที่เค้าติดทะเลนะคะ ซึ่งเค้าอนุญาตให้เราเข้าไปถ่ายรูปตามหาดค่ะ เนื่องจากหาดทุกหาดเป็นพื้นที่สาธารณะค่ะ
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ เราก็ไม่รอช้าที่จะทำให้ท้องเราอิ่มค่ะ เรามุ่งหน้าไป รับประทานอาหารมื้อกลางวันตอน 4 โมงเย็น ที่อ่าวใหญ่ค่ะ
ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดๆ เราเลือกร้านนี้ค่ะ " ชลธิชาซีฟู้ด อ่าวใหญ่ "
อาหารแนะนำให้สั่งก่อนนะคะ เพราะจานใหญ่มาก ( ขออภัยจริงๆที่ไม่ได้ถ่ายอาหารมาค่ะ ความหิวบังตาค่ะ)
แต่ร้านนี้วิวดีมากค่ะ เงียบสงบ อาหารอร่อยค่ะ อาหารทะเลสดมาก
ขับออกมาจาก อ่าวใหญ่เราก็แวะถ่ายรูปเล่น ชิวๆที่ หาดคลองเจ้าค่ะ หาดนี้คนค่อนข้างเยอะเลยค่ะ อาจจะเพราะว่าที่นี่
เค้าว่ากันว่าพระอาทิตย์ตกที่นี่ ค่อนข้างสวยที่สุด
ถ่ายรูปจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว ก็ต้องหาอะไรดื่มแก้กระหายเพราะอากาศค่อนข้างร้อนนิดนึง เราแวะต่อกันที่ร้าน " View Point Cafe' "
ร้านนี้วิวดีจริงๆค่ะ เป็นวิวที่ประทับใจ และชอบที่สุด เราสั่งเครื่องดิ่มมาจิบ 2 ที่ นั่งชมพระอาทิตย์ลัดขอบฟ้า พร้อมวิว สวยๆ
"เที่ยวเกาะกูดแบบประหยัดงบ 3 วัน 2 คืน ไม่มีรถยนต์" ในวันหยุด 2019 #เกาะกูดไม่ได้กู๊ดแค่ชื่อ