จขกท มีลูกน้อยเป็นหนุ่ม อายุเกือบ 4 ปี 1 คนและอีกคน 2 ปีค่ะ เมื่อต้นเดือนมีนา เพื่อนๆ ชวนไปเที่ยวเวียดนาม แบบไปกับทัวร์ค่ะ เห็นว่าไปกันหลายคน ราคาทัวร์ก็ไม่แรง ก็เลยตัดสินใจไปค่ะ แบบหนีบลูกน้อยไปด้วย บ้านนี้ไปกันสี่คน พ่อ แม่ ลูก แต่รวมกับบ้านอื่นๆ เพื่อนๆ กันในทัวร์ก็เกือบ 20 คน (เกือบเหมาคัน) ตอนจะไปก็กังวลใจเล็กน้อยค่ะ ไม่อยากให้ลูกเป็นที่รำคาญของผู้อื่น ก็ต้องมีการเตรียมตัวอย่างมากกันซักหน่อยค่ะ
ตอนเตรียมตัว
1. เตรียมรถเข็น ... คุยกับน้องไกด์ น้องไกด์ว่ายากอยู่นะพี่ (แต่ยังไม่เชื่อน้อง เอาเป็นว่าเด๋วเล่าตอนไป) เอางี้ พี่ขอเอาไปด้วยเพื่อความสบายใจ จขกท search ข้อมูลพอสมควรเลยค่ะ เพราะถึงจะไปกับเพื่อน เราจะรบกวนเพื่อนให้น้อยที่สุดค่ะ เด๋วฟังตอนต่อไปว่าเราดูแลรถเข็นอย่างไร ได้ใช้หรือไม่
2. กระเป๋าเดินทาง ...เพื่อให้ง่าย เราเลือกใช้กระเป๋าเดินทางใบเดียว สำหรับ 4 คนค่ะ และคุณพ่อกับคุณแม่ มีเป้กันคนละใบ
ของน้องที่พบไปทั้งในเป้และกระเป๋า ประกอบด้วย
นมกล่อง (คนเล็ก 2 ขวบ ไม่มั่นใจว่าจะหานมได้มั๊ย เพราะไปกับทัวร์ค่ะ)
แพมเพิส (คนเล็กยังใช้ คนโตกรณีฉุกเฉินบนรถ)
ของเล่นเล็กน้อย (เพราะเตรียมไปซื้อใหม่ราคาเบาๆ ที่โน่น)
ขนมที่ลูกชอบ (เลย์ มันฝรั่ง โดโซะ นมอัดเม็ด)
กระติกน้ำสำหรับกินน้ำ
ขวดน้ำเปล่าๆ (สำหรับฉี่)
ผ้าเปียก (สำหรับทุกกิจกรรมการเปื้อน)
3. เตรียมน้องค่ะ... คนโตนั่งเครื่องเอง คนเล็กยังไม่สองขวบดี ต้องนั่งตัก ต้องมีการบิ้วทุกวันว่า เราจะไปเที่ยวกัน นู๋เป็น big boy นั่งเองได้แล้ว น้องเป็น baby ต้องนั่งตักแม่ เวลาอยู่บนเครื่องบินและอยู่บนรถห้ามเสียงดัง เพราะเราไปกันหลายคน (แต่ลืมเรื่องที่โต๊ะอาหารค่ะ กะว่าเอาอยู่ แต่เอาไม่อยู่) และถามทุกวัน ซักอาทิตย์นึงค่ะ ว่าเราตกลงกันแล้ว
ตอนเดินทาง
1. รถเข็น..เนื่องจากครอบครัวเราไปกัน 4 คน รถเข็นสองคัน กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ ต้องใช้รถเข็นของสนามบินเอากระเป๋าเดินทาง รถเข็นและลูกสองคน ไว้บนนั้นค่ะ พอไปถึงที่เวียดนาม
ไปที่แรกคือ วัดเทียนมู่ ไม่เหมาะกับการใช้รถเข็นค่ะ เป็นบันไดขึ้นชันมากๆ เสียส่วนใหญ่เลย ถึงแม้ว่าด้านบนจะมีบางตำแหน่งที่พอใช้ได้แต่ก็ไม่เหมาะค่ะ
จากนั้นไปตลาดดองบา .... ช่องทางเดินตลาดค่อนข้างแคบถึงแคบมากค่ะ ไม่เหมาะอีกเช่นกัน
วันที่สองไปพระราชวังไดโน้ย .... ที่จอดรถอยู่ไกลพอสมควรค่ะ สามารถใช้รถเข็นได้ หลายๆ ตำแหน่งเป็นทางราบค่อนข้างสะดวก อาจมีที่ต้องยกข้ามเล็กน้อย แต่ถือว่าสบายๆ ค่ะ
ตอนบ่ายไปบานาฮิล...เราจะไปค้างบนนี้หนึ่งคืน ตัดสินใจไม่เอาไปค่ะ ถือว่าตัดสินใจถูกด้วยเพราะถึงแม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่การอำนวยความสะดวกสำหรับรถเข็นมากนักค่ะ ตอนกระเช้าขึ้นไปถึงบาน่าฮิลก็จะเห็นเป็นบันไดเลื่อนอย่างเดียวเลย แต่พื้นราบทางเดินด้านบนก็มีเยอะอยู่ค่ะ จำเป็นต้องแบกรถเข็นในบางครั้ง
วันต่อมาลงจากบานาฮิลไปหมู่บ้านกั๊มทานและล่องเรือกระด้ง ในหมู่บ้านสามารถใช้รถเข็นได้เพราะเป็นถนนทางยาวเลย แต่จะมีหนึ่งช่วงที่ต้องยกข้าม ไม่ยากอะไรมากค่ะ พอได้
วันกลับไปตลาดฮาน จอดรถบัสยาก รีบลงมาก ในตัวตลาดมีสองชั้น ทางเดินแคบแต่ยังกว้างกว่าตลอดดองบาค่ะ
แต่สรุปโดยรวมทั้งหมด จขกท ไม่ได้ใช้รถเข็นเลยค่ะ ตัดสินใจบิ้วลูกว่า เราเดินกัน ไม่ไกลนะคะ อธิบายให้เต้าฟังว่า ถ้านู๋นั่งรถเข็นตรงนี้เราเข็นไม่ได้ (เวลาผ่านบันได หรือทางขรุขระค่ะ) แล้วก็มีรางวัลเล็กๆ ซื้อของเล่น ซื้อโค้กเย็นๆ ให้เค้าค่ะ mission นี้ผ่านดีมากค่ะ เด็กสองคนเดินได้ มีบางช่วงให้อุ้ม มีบางช่วงหลับ ก็นั่งรอลูกทัวร์คนอื่นไปค่ะ ไม่เป็นไร
2. กระเป๋าเดินทาง...เนื่องจากไปกับทัวร์กระเป๋าดินทางจึงไม่เป็นปัญหานักเพราะอยู่ในรถบัส มีแต่วันที่ไปบาน่าฮิลที่ย้ายเสื้อผ้าบางส่วนมาใส่ในเป้ค่ะ (จขกท เอากระเป๋าลดโลกร้อนหนีบไปด้วย สำหรับใส่ของบางอย่างของลูกค่ะ) mission กระเป๋าเดินทาง ผ่านค่ะ
3. เตรียมลูกค่ะ...อันนี้ท้าทายมากๆ ถึงแม้เด็กจะมีประสบการณ์ในการเที่ยวทั้งในแต่ต่างประเทศมาแล้ว แต่ไม่มีประสบการณ์เที่ยวกับทัวร์ค่ะ เราไปกับคนอื่น ดังนั้นต้องเตรียมการพอสมควร จากที่ได้เล่าตอนแรกแล้วที่บิ้วกันมาตลอด
ตอนนั่งเครื่องบิน ... ทุกอย่างโอเคค่ะ เพราะเด็กๆ ตื่นเต้นและไม่กลัว ชี้ชวนดูทุกอย่างตลอดเวลา และหลับค่ะ จขกท พยายามให้เค้าเล่นๆๆ เยอะ วิ่งๆ อยู่ในสนามบิน และยังไม่ให้กินนมค่ะ พอขึ้นเครื่องก็ดื่นนมและหลับไป เยี่ยมเลยค่ะ
ตอนอยู่ในรถบัส.... คนพี่นั่งติดหน้าต่าง คนน้องนั่งตักคุณแม่ค่ะ ชี้ชวนกันอยู่ข้างทาง กินขนม สลับคนเล็กไปนั่งกับคุณพ่อบ้าง เล่นของเล่นที่ติดตัวมา และของเล่นใหม่ค่ะ คอยบอกให้เล่นเบาๆ (อันนี้อาจมีเสียงดังบ้าง) และเล่นในที่ของตัวเองค่ะ คนโตค่อนข้างปรับตัวได้ดี ส่วนคนเล็กก็เน้นกินค่ะ ชอบกินทุกอย่าง โชคดีว่าเค้าเป็นเด็กอารมณ์ดี ขี้เล่น ก็เลยเล่นได้กับคนทั้งรถค่ะ ไม่งอแง มีเดินไปมาเล็กน้อย แต่นับได้ว่าไม่สร้างความรบกวนค่ะ บนรถบัส ถือว่า ผ่านไปได้
ร้านอาหาร ... อันนี้โหดเลยค่ะ เพราะ คนเยอะต้องนั่งเป็นกลุ่มโต๊ะ อาหารทานไม่ได้ (อันนี้ไม่มีปัญหาค่อ พอทานอะไรได้ก็ตามนั้น ที่เหลือเด๋วหาหา กับที่เตรียมไป ) ข้อแม้ของบ้านนี้คือจะไม่มีการดูโทรศัพท์ระหว่างทานอาหารค่ะ เราจะพยายามหลอกล่อด้วยวิธีอื่น อันนี้ดูกัน หนึ่งต่อหนึ่งค่ะ คุณพ่อดูคนโตเพราะเค้าทานเองได้ บางทีก็ขอกินข้าวเปล่า กินไข่เจียวนิดหน่อย ส่วนคนเล็กที่ยังเล็กมาก กินนิดหน่อย แม่ก็พาไปเดินเล่น ให้ออกจากร้านค่ะ เกรงใจคนอื่นๆ มีวันสุดท้าย มื้อเย็นที่ เด็กๆ คงล้าค่ะ ไม่ยอมเชื่อฟัง คนพี่ก็ร้องไห้ลั่นร้าน ยากเลยค่ะทีนี้ อดกินกันเลยแม่กับลูกสองคน 5555+ ออกจากร้านดีกว่า เกรงใจคนอื่น อันนี้ ถือว่าเกือบไม่ผ่าน ใครมีไอเดียดีดี แนะนำด้วยนะคะ เรื่องกินอาหารนี่ยากเชียว
กระทู้นี้ ... อาจเป็นแนวทาง หรือ ไอเดียในการพาลูกเที่ยวค่ะ จขกท สนับสนุนให้พาลูกเที่ยวทุกช่วงอายุค่ะ เค้าจับไม่ได้ แต่เป็นประสบการณ์ที่เค้าจะเรียนรู้ที่จะปรับตัวในสถานการณ์ต่างๆ ค่ะ ครอบครัวเราสนุกมากๆ กับการไปเที่ยวรอบนี้ ทัวร์ดีค่ะ รายการไม่แน่นมากไป ไม่น้อยไป เวลาแต่ละช่วงก็นั่งรถไม่นาน เหมาะกับการพาเด็กๆ ไปเที่ยวด้วยค่ะ
ประสบการณ์พาลูกน้อยเที่ยวกับทัวร์ค่ะ
ตอนเตรียมตัว
1. เตรียมรถเข็น ... คุยกับน้องไกด์ น้องไกด์ว่ายากอยู่นะพี่ (แต่ยังไม่เชื่อน้อง เอาเป็นว่าเด๋วเล่าตอนไป) เอางี้ พี่ขอเอาไปด้วยเพื่อความสบายใจ จขกท search ข้อมูลพอสมควรเลยค่ะ เพราะถึงจะไปกับเพื่อน เราจะรบกวนเพื่อนให้น้อยที่สุดค่ะ เด๋วฟังตอนต่อไปว่าเราดูแลรถเข็นอย่างไร ได้ใช้หรือไม่
2. กระเป๋าเดินทาง ...เพื่อให้ง่าย เราเลือกใช้กระเป๋าเดินทางใบเดียว สำหรับ 4 คนค่ะ และคุณพ่อกับคุณแม่ มีเป้กันคนละใบ
ของน้องที่พบไปทั้งในเป้และกระเป๋า ประกอบด้วย
นมกล่อง (คนเล็ก 2 ขวบ ไม่มั่นใจว่าจะหานมได้มั๊ย เพราะไปกับทัวร์ค่ะ)
แพมเพิส (คนเล็กยังใช้ คนโตกรณีฉุกเฉินบนรถ)
ของเล่นเล็กน้อย (เพราะเตรียมไปซื้อใหม่ราคาเบาๆ ที่โน่น)
ขนมที่ลูกชอบ (เลย์ มันฝรั่ง โดโซะ นมอัดเม็ด)
กระติกน้ำสำหรับกินน้ำ
ขวดน้ำเปล่าๆ (สำหรับฉี่)
ผ้าเปียก (สำหรับทุกกิจกรรมการเปื้อน)
3. เตรียมน้องค่ะ... คนโตนั่งเครื่องเอง คนเล็กยังไม่สองขวบดี ต้องนั่งตัก ต้องมีการบิ้วทุกวันว่า เราจะไปเที่ยวกัน นู๋เป็น big boy นั่งเองได้แล้ว น้องเป็น baby ต้องนั่งตักแม่ เวลาอยู่บนเครื่องบินและอยู่บนรถห้ามเสียงดัง เพราะเราไปกันหลายคน (แต่ลืมเรื่องที่โต๊ะอาหารค่ะ กะว่าเอาอยู่ แต่เอาไม่อยู่) และถามทุกวัน ซักอาทิตย์นึงค่ะ ว่าเราตกลงกันแล้ว
ตอนเดินทาง
1. รถเข็น..เนื่องจากครอบครัวเราไปกัน 4 คน รถเข็นสองคัน กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ ต้องใช้รถเข็นของสนามบินเอากระเป๋าเดินทาง รถเข็นและลูกสองคน ไว้บนนั้นค่ะ พอไปถึงที่เวียดนาม
ไปที่แรกคือ วัดเทียนมู่ ไม่เหมาะกับการใช้รถเข็นค่ะ เป็นบันไดขึ้นชันมากๆ เสียส่วนใหญ่เลย ถึงแม้ว่าด้านบนจะมีบางตำแหน่งที่พอใช้ได้แต่ก็ไม่เหมาะค่ะ
จากนั้นไปตลาดดองบา .... ช่องทางเดินตลาดค่อนข้างแคบถึงแคบมากค่ะ ไม่เหมาะอีกเช่นกัน
วันที่สองไปพระราชวังไดโน้ย .... ที่จอดรถอยู่ไกลพอสมควรค่ะ สามารถใช้รถเข็นได้ หลายๆ ตำแหน่งเป็นทางราบค่อนข้างสะดวก อาจมีที่ต้องยกข้ามเล็กน้อย แต่ถือว่าสบายๆ ค่ะ
ตอนบ่ายไปบานาฮิล...เราจะไปค้างบนนี้หนึ่งคืน ตัดสินใจไม่เอาไปค่ะ ถือว่าตัดสินใจถูกด้วยเพราะถึงแม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่การอำนวยความสะดวกสำหรับรถเข็นมากนักค่ะ ตอนกระเช้าขึ้นไปถึงบาน่าฮิลก็จะเห็นเป็นบันไดเลื่อนอย่างเดียวเลย แต่พื้นราบทางเดินด้านบนก็มีเยอะอยู่ค่ะ จำเป็นต้องแบกรถเข็นในบางครั้ง
วันต่อมาลงจากบานาฮิลไปหมู่บ้านกั๊มทานและล่องเรือกระด้ง ในหมู่บ้านสามารถใช้รถเข็นได้เพราะเป็นถนนทางยาวเลย แต่จะมีหนึ่งช่วงที่ต้องยกข้าม ไม่ยากอะไรมากค่ะ พอได้
วันกลับไปตลาดฮาน จอดรถบัสยาก รีบลงมาก ในตัวตลาดมีสองชั้น ทางเดินแคบแต่ยังกว้างกว่าตลอดดองบาค่ะ
แต่สรุปโดยรวมทั้งหมด จขกท ไม่ได้ใช้รถเข็นเลยค่ะ ตัดสินใจบิ้วลูกว่า เราเดินกัน ไม่ไกลนะคะ อธิบายให้เต้าฟังว่า ถ้านู๋นั่งรถเข็นตรงนี้เราเข็นไม่ได้ (เวลาผ่านบันได หรือทางขรุขระค่ะ) แล้วก็มีรางวัลเล็กๆ ซื้อของเล่น ซื้อโค้กเย็นๆ ให้เค้าค่ะ mission นี้ผ่านดีมากค่ะ เด็กสองคนเดินได้ มีบางช่วงให้อุ้ม มีบางช่วงหลับ ก็นั่งรอลูกทัวร์คนอื่นไปค่ะ ไม่เป็นไร
2. กระเป๋าเดินทาง...เนื่องจากไปกับทัวร์กระเป๋าดินทางจึงไม่เป็นปัญหานักเพราะอยู่ในรถบัส มีแต่วันที่ไปบาน่าฮิลที่ย้ายเสื้อผ้าบางส่วนมาใส่ในเป้ค่ะ (จขกท เอากระเป๋าลดโลกร้อนหนีบไปด้วย สำหรับใส่ของบางอย่างของลูกค่ะ) mission กระเป๋าเดินทาง ผ่านค่ะ
3. เตรียมลูกค่ะ...อันนี้ท้าทายมากๆ ถึงแม้เด็กจะมีประสบการณ์ในการเที่ยวทั้งในแต่ต่างประเทศมาแล้ว แต่ไม่มีประสบการณ์เที่ยวกับทัวร์ค่ะ เราไปกับคนอื่น ดังนั้นต้องเตรียมการพอสมควร จากที่ได้เล่าตอนแรกแล้วที่บิ้วกันมาตลอด
ตอนนั่งเครื่องบิน ... ทุกอย่างโอเคค่ะ เพราะเด็กๆ ตื่นเต้นและไม่กลัว ชี้ชวนดูทุกอย่างตลอดเวลา และหลับค่ะ จขกท พยายามให้เค้าเล่นๆๆ เยอะ วิ่งๆ อยู่ในสนามบิน และยังไม่ให้กินนมค่ะ พอขึ้นเครื่องก็ดื่นนมและหลับไป เยี่ยมเลยค่ะ
ตอนอยู่ในรถบัส.... คนพี่นั่งติดหน้าต่าง คนน้องนั่งตักคุณแม่ค่ะ ชี้ชวนกันอยู่ข้างทาง กินขนม สลับคนเล็กไปนั่งกับคุณพ่อบ้าง เล่นของเล่นที่ติดตัวมา และของเล่นใหม่ค่ะ คอยบอกให้เล่นเบาๆ (อันนี้อาจมีเสียงดังบ้าง) และเล่นในที่ของตัวเองค่ะ คนโตค่อนข้างปรับตัวได้ดี ส่วนคนเล็กก็เน้นกินค่ะ ชอบกินทุกอย่าง โชคดีว่าเค้าเป็นเด็กอารมณ์ดี ขี้เล่น ก็เลยเล่นได้กับคนทั้งรถค่ะ ไม่งอแง มีเดินไปมาเล็กน้อย แต่นับได้ว่าไม่สร้างความรบกวนค่ะ บนรถบัส ถือว่า ผ่านไปได้
ร้านอาหาร ... อันนี้โหดเลยค่ะ เพราะ คนเยอะต้องนั่งเป็นกลุ่มโต๊ะ อาหารทานไม่ได้ (อันนี้ไม่มีปัญหาค่อ พอทานอะไรได้ก็ตามนั้น ที่เหลือเด๋วหาหา กับที่เตรียมไป ) ข้อแม้ของบ้านนี้คือจะไม่มีการดูโทรศัพท์ระหว่างทานอาหารค่ะ เราจะพยายามหลอกล่อด้วยวิธีอื่น อันนี้ดูกัน หนึ่งต่อหนึ่งค่ะ คุณพ่อดูคนโตเพราะเค้าทานเองได้ บางทีก็ขอกินข้าวเปล่า กินไข่เจียวนิดหน่อย ส่วนคนเล็กที่ยังเล็กมาก กินนิดหน่อย แม่ก็พาไปเดินเล่น ให้ออกจากร้านค่ะ เกรงใจคนอื่นๆ มีวันสุดท้าย มื้อเย็นที่ เด็กๆ คงล้าค่ะ ไม่ยอมเชื่อฟัง คนพี่ก็ร้องไห้ลั่นร้าน ยากเลยค่ะทีนี้ อดกินกันเลยแม่กับลูกสองคน 5555+ ออกจากร้านดีกว่า เกรงใจคนอื่น อันนี้ ถือว่าเกือบไม่ผ่าน ใครมีไอเดียดีดี แนะนำด้วยนะคะ เรื่องกินอาหารนี่ยากเชียว
กระทู้นี้ ... อาจเป็นแนวทาง หรือ ไอเดียในการพาลูกเที่ยวค่ะ จขกท สนับสนุนให้พาลูกเที่ยวทุกช่วงอายุค่ะ เค้าจับไม่ได้ แต่เป็นประสบการณ์ที่เค้าจะเรียนรู้ที่จะปรับตัวในสถานการณ์ต่างๆ ค่ะ ครอบครัวเราสนุกมากๆ กับการไปเที่ยวรอบนี้ ทัวร์ดีค่ะ รายการไม่แน่นมากไป ไม่น้อยไป เวลาแต่ละช่วงก็นั่งรถไม่นาน เหมาะกับการพาเด็กๆ ไปเที่ยวด้วยค่ะ