สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าถึงประสบการณ์ที่ฮอกไกโดกันนะคะ
เริ่มจากเรากับเพื่อนมีความคิดอยากไปคริสมาสและเคาน์ดาวปีใหม่กัน แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะไปไหนกันดี
แล้วต่อมาเพื่อนไปเจอตั๋วเครื่องบินของการบินไทยราคาที่เรารับได้ เราเลยทำการจองไปในทันที นั้นคือ #Hokkaido ที่ญี่ปุ่นนั้นเอง
เราบินสายการบินไทย SUVARNABHUMI ถึง SAPPORO NEW CHITOSE TG680 เวลา 08:00 ถึง 16:25
ตั๋วเครื่องบินราคา 16,235 บาท/ต่อคน
หลังจากที่เราจองตั๋วเครื่องบินเสร็จซึ่งเป็นเวลาก่อนที่เราจะเดินทางเพียงเดือนนิดๆๆซึ่งทำให้เรามีเวลาในการเตรียมตัวน้อย
และรวมไปถึงแผนการเดินทางต่างๆๆ เพราะเราสองคนก็ต่างทำงานของตัวเอง จนลืมไปเลยว่าเราจะต้องไปเที่ยวกัน
ทำให้เราไม่มีเวลามากหนักที่จะวางแผนอะไร (อารมณ์พนักงานออฟฟิศที่มัวแต่ทำงาน)
และการไปของเราครั้งนี้เราเดินทางกันทั้งหมด 8 วัน 7 คืน ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 2561 ถึง 1 ม.ค. 2562
ระหว่างเดือนกว่าๆๆที่เรามีเวลาเตรียมตัวเราก็ได้ทำการจองที่พักผ่านเว็บต่างๆ เรากันไป 3 เมืองใหญ่ๆได้แก่
1.ซัปโปโร
2.โนโบริเบทสึ
3.ฮะโกะดะเตะ
เราพักกันทั้งหมด 4 ที่ ได้แก่
- โรงแรม APA Hotel Sapporo Susukino Ekiminami
- โรงแรม
Noboribetsu Guest House AKA & AO
- โรงแรม Super Hotel Hakodate
คืนสุดท้ายเรานอนแบบ Airbnb
ก่อนเราเราได้วางแผนกันว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง บทสรุปของเรามีดังนี้
หลังจากที่เราตกลงกันเสร็จเราก็ทำงานกันเป็นปกติเหมือนเดิม จะถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางเพื่อน 3 วัน เรามานึกขึ้นได้ว่า
เรายังไม่ได้ทำการซื้อ Pass ของรถไฟเลย แล้วทีนี้ติดต่อไปเอเจนซี่เจ้าหนึงไปเค้าบอกต้องใช้เวลา 7 วันทำการถึงจะออกให้ได้
เอาแล้วเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ทำไงทีนี้ พอดีตัวเองนึกขึ้นได้ว่ามีพี่ที่รู้จักกันทำงานบริษัททัวร์ เราเลยส่งข้อความไปถามว่าออก Pass รถไฟที่ฮอกไกโดให้ได้มั้ย หลังจากนั้นพี่ก็ตอบกับว่ามาว่า ได้ เราจะไปวันไหน อะไรยังไง หลังจากที่เราส่งข้อมูลอะไรให้พี่ทุกอย่างก็โล่งใจไปได้อีก 1 อย่าง
ชีวิตการเที่ยวเองเป็นแบบนี้แหละ แล้วเรายังไม่มีเวลาในการเตรียมตัวและวางแผนก็จะเป็นแบบนี้ และการไปเที่ยวญี่ปุ่นเราครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 เอง
และแล้วก็มาถึงวันที่เราเดินทาง คือวัน1 เราก็จะมีวิดีโอให้ดูกันเลยนะคะ เพราะการไปเที่ยวของเราก็จะถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วยค่ะ
เอาไว้ลง Youtube เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ดูว่าเราเดินทางกันยังไง ใช้ชีวิตกันยังไง และให้พ่อแม่ของพวกเราเห็นว่าเราเที่ยวกันยังไงบ้าง สนุกมากน้อยแค่ไหน
เริ่มกันด้วย Ep1 กัน
ตอนแรกก็จะให้เห็นถึงการเดินทางไปและเมื่อไปถึงแล้วเราเที่ยวเดินเล่นดูไฟกันที่ Sapporo TV Tower เราไปถึง 25 ธันวา พอดี
ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เค้าจัดแสดงไฟให้ดูนะคะ
มาถึงวันที่ 2
เริ่มวันพวกเราก็ตื่นสายกันเลยทีเดียว เพราะเหมือนเหนื่อยกับเมื่อวานที่เราเดินทางกันทั้งวัน และบวกกับเราเพลินกับสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเราทำให้เรากลับ
ที่พักก็ดึกเลยทีเดียว ทำให้เราตื่นมาในอีกวันก็เที่ยงแล้ว แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะการมาเที่ยวของเราคือพักผ่อน
เราเลยนอนกันเต็มที่แล้วค่อยออกไปเที่ยวกัน ก็จะเป็นแบบที่ทุกคนจะได้ดูกันต่อไปนะ
ตอนนี้เราก็เดินทางไปเที่ยวที่โอตารุ ในแบบกลางคืนกันนะคะ เพราะเราใช้เวลาในการนอนไปก็ครึ่งวันแล้ว และที่ญี่ปุ่นฟ้าจะมืดเร็วมาก
4 โมงเย็นคือพระอาทิตย์ตกดินแล้ว
วันที่ 3 เราต้องทำการย้ายเมืองไปเมืองโนโบริเบทสึกัน แต่ก่อนที่เราจะย้ายไปนั้นก็มีเรื่องที่เกิดขึ้น นั้นก็พวกเราตื่นสายกันเหมือนเดิม
ก็อยางที่พวกเราบอกไปในตอนแรกนะคะว่าพวกเรามาพักผ่อนกันจริงๆๆ พวกเรา #เกลลี่เน้นนอนไม่เน้นเที่ยว หนาว หิมะตก เกลลี่ก็นอนต่อ 555555
แต่มันต้องย้ายเมืองมันก็จะวุ่นวายกันหน่อยในตอนเช้า วันนี้พวกเราจะพาไปเที่ยวหุบเขานรก นรกของจริง จริงยังไงไปดูกัน
คลิปนี้ก็จะเป็นการพาไป
- หุบเขานรกจิโงคุดานิ
- ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีสีน้ำตาล(Noboribetsu Bear Park)
ค่ากระเข้าอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 2,592 เยน เด็ก 1,296 เยน
หลายๆๆสิ่งหลายๆๆอย่างเกิดขึ้นมากมายระหว่างการเดินทางของพวกเรา แต่เราสนุกไปกับมัน
มาถึงวันที่ 4 เป็นวันที่เช้านี้เรายังอยู่กันที่โบริเบทสึอยู่เราเลยถามพนักงานที่โรงแรมว่ามีที่แนะนำมั้ย คือเรามีเวลาว่างในตอนเช้าจนถึงประมาณบ่ายสอง
เราจะย้ายเมืองไปฮะโกะดะเตะต่อ พนักงานเลยแนะนำให้เราเดินไปดูที่ Noboribetsu Marine Park Nixe พวกเราก็เพลินไปกับสัตว์น้ำนานาชนิดกันเลยทีเดียว
คลิปนี้ก็จะเพลินไปกับสัตว์น้ำกันนิดหน่อยนะคะ
และแล้วก็มาถึงตอนสุดท้ายของทริป #FriendDaysinHokkaido คลิปสุดท้ายจะเป็นการรวมอย่างละนิดอย่างละหน่อยของแต่ละวันมาให้ดูนะคะ
เพราะวันหลังๆๆเราเหนื่อยแล้วเราก็หนาวกันมากๆๆ เพราะหิมะตกหนักทุกวัน ทำให้เราถ่ายลำบาก และเที่ยวลำบาก เราเลยเลือกที่จะนอนอยู่ห้องกันมากกว่า แต่ยังไงก็รับรองได้เลยว่าสนุกแน่นอน และการเคาน์ดาวปีใหม่ของที่ญี่ปุ่นนั้นเป็นยังไง จะยิ่งใหญ่ หรือจะเรียบง่าย จะเป็นยังไงไปดูกันค่ะ
ตอนนี้เริ่มด้วยที่ฮะโกะดะเตะกันต่อ ตอนนี้ก็จะมีพาไปดู
- โกดังอิฐแดงคาเนโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse)
- เนินฮาจิมันซากะ (Hachiman-zaka Slope)
- ภูเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate)
- ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ (Hakodate morning market)
จบทริป #FriendDaysinHokkaido แล้วเจอกันใหม่ทริปต่อไปค่ะ
ค่าเสียหายที่เราใช้ไป/ต่อคน
- ค่าตั๋วเครื่องบิน การบินไทย ราคา 16,235 บาท/คน
- ค่าที่พัก 7 คืน ราคา 8,085 บาท/คน
- ค่า JR Hokkaido Rail Pass (JR Hokkaido Pass)
Ordinary Class 7,159 บาท
ขอบอกแค่นี้แล้วกัน ส่วนเรื่องค่ากิน ค่าแท็กซี่ ค่าช็อปปิ้งมันก็แล้วแต่คนเนอะ
ฝากอีกนิดนึงค่ะ ถ้าอยากดูรูปที่เยอะกว่านี้ แนะนำให้ไปดูที่ Facebook เปลี่ยนที่นอนนะคะ มีให้ดูมากจนเหนื่อยเลยค่ะ
พิมพ์ "เปลี่ยนที่นอน" ได้เลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
[CR] #FriendDaysinHokkaido เปลี่ยนที่นอน in Hokkaido 2018-2019
เริ่มจากเรากับเพื่อนมีความคิดอยากไปคริสมาสและเคาน์ดาวปีใหม่กัน แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะไปไหนกันดี
แล้วต่อมาเพื่อนไปเจอตั๋วเครื่องบินของการบินไทยราคาที่เรารับได้ เราเลยทำการจองไปในทันที นั้นคือ #Hokkaido ที่ญี่ปุ่นนั้นเอง
เราบินสายการบินไทย SUVARNABHUMI ถึง SAPPORO NEW CHITOSE TG680 เวลา 08:00 ถึง 16:25
ตั๋วเครื่องบินราคา 16,235 บาท/ต่อคน
หลังจากที่เราจองตั๋วเครื่องบินเสร็จซึ่งเป็นเวลาก่อนที่เราจะเดินทางเพียงเดือนนิดๆๆซึ่งทำให้เรามีเวลาในการเตรียมตัวน้อย
และรวมไปถึงแผนการเดินทางต่างๆๆ เพราะเราสองคนก็ต่างทำงานของตัวเอง จนลืมไปเลยว่าเราจะต้องไปเที่ยวกัน
ทำให้เราไม่มีเวลามากหนักที่จะวางแผนอะไร (อารมณ์พนักงานออฟฟิศที่มัวแต่ทำงาน)
และการไปของเราครั้งนี้เราเดินทางกันทั้งหมด 8 วัน 7 คืน ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 2561 ถึง 1 ม.ค. 2562
ระหว่างเดือนกว่าๆๆที่เรามีเวลาเตรียมตัวเราก็ได้ทำการจองที่พักผ่านเว็บต่างๆ เรากันไป 3 เมืองใหญ่ๆได้แก่
1.ซัปโปโร
2.โนโบริเบทสึ
3.ฮะโกะดะเตะ
เราพักกันทั้งหมด 4 ที่ ได้แก่
- โรงแรม APA Hotel Sapporo Susukino Ekiminami
- โรงแรม Noboribetsu Guest House AKA & AO
- โรงแรม Super Hotel Hakodate
คืนสุดท้ายเรานอนแบบ Airbnb
ก่อนเราเราได้วางแผนกันว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง บทสรุปของเรามีดังนี้
หลังจากที่เราตกลงกันเสร็จเราก็ทำงานกันเป็นปกติเหมือนเดิม จะถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางเพื่อน 3 วัน เรามานึกขึ้นได้ว่า
เรายังไม่ได้ทำการซื้อ Pass ของรถไฟเลย แล้วทีนี้ติดต่อไปเอเจนซี่เจ้าหนึงไปเค้าบอกต้องใช้เวลา 7 วันทำการถึงจะออกให้ได้
เอาแล้วเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ทำไงทีนี้ พอดีตัวเองนึกขึ้นได้ว่ามีพี่ที่รู้จักกันทำงานบริษัททัวร์ เราเลยส่งข้อความไปถามว่าออก Pass รถไฟที่ฮอกไกโดให้ได้มั้ย หลังจากนั้นพี่ก็ตอบกับว่ามาว่า ได้ เราจะไปวันไหน อะไรยังไง หลังจากที่เราส่งข้อมูลอะไรให้พี่ทุกอย่างก็โล่งใจไปได้อีก 1 อย่าง
ชีวิตการเที่ยวเองเป็นแบบนี้แหละ แล้วเรายังไม่มีเวลาในการเตรียมตัวและวางแผนก็จะเป็นแบบนี้ และการไปเที่ยวญี่ปุ่นเราครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 เอง
และแล้วก็มาถึงวันที่เราเดินทาง คือวัน1 เราก็จะมีวิดีโอให้ดูกันเลยนะคะ เพราะการไปเที่ยวของเราก็จะถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วยค่ะ
เอาไว้ลง Youtube เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ดูว่าเราเดินทางกันยังไง ใช้ชีวิตกันยังไง และให้พ่อแม่ของพวกเราเห็นว่าเราเที่ยวกันยังไงบ้าง สนุกมากน้อยแค่ไหน
เริ่มกันด้วย Ep1 กัน
ตอนแรกก็จะให้เห็นถึงการเดินทางไปและเมื่อไปถึงแล้วเราเที่ยวเดินเล่นดูไฟกันที่ Sapporo TV Tower เราไปถึง 25 ธันวา พอดี
ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เค้าจัดแสดงไฟให้ดูนะคะ
มาถึงวันที่ 2
เริ่มวันพวกเราก็ตื่นสายกันเลยทีเดียว เพราะเหมือนเหนื่อยกับเมื่อวานที่เราเดินทางกันทั้งวัน และบวกกับเราเพลินกับสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเราทำให้เรากลับ
ที่พักก็ดึกเลยทีเดียว ทำให้เราตื่นมาในอีกวันก็เที่ยงแล้ว แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะการมาเที่ยวของเราคือพักผ่อน
เราเลยนอนกันเต็มที่แล้วค่อยออกไปเที่ยวกัน ก็จะเป็นแบบที่ทุกคนจะได้ดูกันต่อไปนะ
ตอนนี้เราก็เดินทางไปเที่ยวที่โอตารุ ในแบบกลางคืนกันนะคะ เพราะเราใช้เวลาในการนอนไปก็ครึ่งวันแล้ว และที่ญี่ปุ่นฟ้าจะมืดเร็วมาก
4 โมงเย็นคือพระอาทิตย์ตกดินแล้ว
วันที่ 3 เราต้องทำการย้ายเมืองไปเมืองโนโบริเบทสึกัน แต่ก่อนที่เราจะย้ายไปนั้นก็มีเรื่องที่เกิดขึ้น นั้นก็พวกเราตื่นสายกันเหมือนเดิม
ก็อยางที่พวกเราบอกไปในตอนแรกนะคะว่าพวกเรามาพักผ่อนกันจริงๆๆ พวกเรา #เกลลี่เน้นนอนไม่เน้นเที่ยว หนาว หิมะตก เกลลี่ก็นอนต่อ 555555
แต่มันต้องย้ายเมืองมันก็จะวุ่นวายกันหน่อยในตอนเช้า วันนี้พวกเราจะพาไปเที่ยวหุบเขานรก นรกของจริง จริงยังไงไปดูกัน
คลิปนี้ก็จะเป็นการพาไป
- หุบเขานรกจิโงคุดานิ
- ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีสีน้ำตาล(Noboribetsu Bear Park)
ค่ากระเข้าอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 2,592 เยน เด็ก 1,296 เยน
หลายๆๆสิ่งหลายๆๆอย่างเกิดขึ้นมากมายระหว่างการเดินทางของพวกเรา แต่เราสนุกไปกับมัน
มาถึงวันที่ 4 เป็นวันที่เช้านี้เรายังอยู่กันที่โบริเบทสึอยู่เราเลยถามพนักงานที่โรงแรมว่ามีที่แนะนำมั้ย คือเรามีเวลาว่างในตอนเช้าจนถึงประมาณบ่ายสอง
เราจะย้ายเมืองไปฮะโกะดะเตะต่อ พนักงานเลยแนะนำให้เราเดินไปดูที่ Noboribetsu Marine Park Nixe พวกเราก็เพลินไปกับสัตว์น้ำนานาชนิดกันเลยทีเดียว
คลิปนี้ก็จะเพลินไปกับสัตว์น้ำกันนิดหน่อยนะคะ
และแล้วก็มาถึงตอนสุดท้ายของทริป #FriendDaysinHokkaido คลิปสุดท้ายจะเป็นการรวมอย่างละนิดอย่างละหน่อยของแต่ละวันมาให้ดูนะคะ
เพราะวันหลังๆๆเราเหนื่อยแล้วเราก็หนาวกันมากๆๆ เพราะหิมะตกหนักทุกวัน ทำให้เราถ่ายลำบาก และเที่ยวลำบาก เราเลยเลือกที่จะนอนอยู่ห้องกันมากกว่า แต่ยังไงก็รับรองได้เลยว่าสนุกแน่นอน และการเคาน์ดาวปีใหม่ของที่ญี่ปุ่นนั้นเป็นยังไง จะยิ่งใหญ่ หรือจะเรียบง่าย จะเป็นยังไงไปดูกันค่ะ
ตอนนี้เริ่มด้วยที่ฮะโกะดะเตะกันต่อ ตอนนี้ก็จะมีพาไปดู
- โกดังอิฐแดงคาเนโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse)
- เนินฮาจิมันซากะ (Hachiman-zaka Slope)
- ภูเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate)
- ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ (Hakodate morning market)
จบทริป #FriendDaysinHokkaido แล้วเจอกันใหม่ทริปต่อไปค่ะ
ค่าเสียหายที่เราใช้ไป/ต่อคน
- ค่าตั๋วเครื่องบิน การบินไทย ราคา 16,235 บาท/คน
- ค่าที่พัก 7 คืน ราคา 8,085 บาท/คน
- ค่า JR Hokkaido Rail Pass (JR Hokkaido Pass)
Ordinary Class 7,159 บาท
ขอบอกแค่นี้แล้วกัน ส่วนเรื่องค่ากิน ค่าแท็กซี่ ค่าช็อปปิ้งมันก็แล้วแต่คนเนอะ
ฝากอีกนิดนึงค่ะ ถ้าอยากดูรูปที่เยอะกว่านี้ แนะนำให้ไปดูที่ Facebook เปลี่ยนที่นอนนะคะ มีให้ดูมากจนเหนื่อยเลยค่ะ
พิมพ์ "เปลี่ยนที่นอน" ได้เลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้