ซัมเมอร์ร้อนๆแบบนี้หนีร้อนไปทะเลกันดีกว่า ครั้งนี้เราจะเดินทางไปกันที่ เกาะสีชัง จังวัดชลบุรี เกาะที่อยู่ใกล้กรุงเทพม้ากกกมากกก เราจะพาไปดูความสวยงามของน้ำทะเลสีฟ้าๆ และทุ่งหญ้าสีทอง อีกทั้งยังได้ไปทำบุญกันด้วย ตามมาดูกันเลยจ้า
ข้อมูลเบื้องต้นของเกาะสีชัง
เกาะสีชัง มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดชลบุรี เกาะสีชังอยู่ห่างจากชายฝั่งศรีราชาเพียง 12 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อมาถึงท่าเรือที่จะต่อเรือไปยังเกาะสีชัง เกาะสีชังเป็นเกาะที่มีบรรยากาศท่องเที่ยวสไตล์ชุมชน บนเกาะมีบ้านเรือนอยู่มาก ทั้งมีโรงพัก โรงพยาบาล และที่ว่าการอำเภอพร้อม
เกาะสีชังยังถือเป็นเกาะที่เป็นสถานตากอากาศอันมีชื่อเสียงมายาวนานเป็นร้อยปี บนเกาะ มีบรรยากาศที่เงียบสงบและธรรมชาติที่แตกต่างไปจากเกาะอื่นๆ เกาะสีชังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะเป็น สถานที่ประทับ ของพระเจ้า แผ่นดินถึง 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชฐานบนเกาะขึ้นเป็นแห่งแรก พระราชทานนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามพระราชโอรสที่ประสูติบนเกาะสีชังแห่งนี้
การเดินทางไปเกาะสีชังจากกรุงเทพฯ
รถยนต์ส่วนตัว
จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไปท่าเรือเกาะลอยได้ 3 เส้นทาง คือ
– เส้นทางสาย บางนา – ตราด ใช้ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
– เส้นทางกรุงเทพฯ – มีนบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา อ.บางปะกงเข้าสู่ชลบุรีมุ่งสู่ อ.ศรีราชา
– เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ เลี้ยวเข้าอำเภอศรีราชา บริเวณสวนเสือศรีราชา
สามารถจอดรถ ได้ที่บริเวณลานจอดรถ เกาะลอย มีเรือโดยสารจากศรีราชาข้ามไปเกาะสีชัง ทุกวัน
รถโดยสารสาธารณะ
สามารถขึ้นรถตู้หรือรถทัวร์ได้ที่ สถานีขนส่งเอกมัย,สายใต้ใหม่,สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ ขึ้นรถที่ไปชลบุรี หรือผ่านโรบินสันศรีราชา ค่ารถประมาณ 100-150 บาท เมื่อซื้อตั๋วรถแล้วให้บอกคนขับรถว่าลงสะพานลอยแยกที่จะไปเกาะลอยและต่อรถตุ๊กตุ๊กหรือวินมอเตอร์ไซค์เพื่อเข้าไปยังท่าเรือได้เลย หรือจุดสังเกตอีกอย่างง่ายๆคือลงที่โรบินสันศรีราชาและต่อรถตุ๊กตุ๊กหรือวินมอเตอร์ไซค์ไปยังท่าเรือได้เช่นกัน ราคารถตุ๊กตุ๊กไปยังท่าเรือ 50 บาท
เรือโดยสารเกาะสีชัง
- ศรีราชา-เกาะสีชัง ( มีเรือออกทุกชั่วโมงตั้งแต่ 7โมงเช้าถึง2ทุ่ม )
- เกาะสีชัง-ศรีราชา ( มีเรือออกทุกชั่วโมงตั้งแต่6โมงเช้าถึง 1ทุ่ม )
เริ่มต้นทริปนี้เราจะไปเที่ยวกันแบบ One day trip เพราะเราเคยไปเที่ยวเกาะนี้แบบค้างคืนแล้ว เราออกจากกรุงเทพ 6 โมงเช้าเพื่อให้ทันเรือรอบ
8โมง เมื่อมาถึงท่าเรือกันแล้วจอดรถบริเวณเกาะลอยแล้วเดินเข้ามายังจุดจำหน่ายตั๋วกันเลย
ราคาตั๋วเรือ 50 บาทต่อเที่ยว เมื่อซื้อตั๋วเรือแล้วสามารถขึ้นเรือได้ทันที บนเรือมีน้ำมีขนมขาย
บรรยากาศบริเวณท่าเรือเกาะลอยกับรถสกายแล็ป เป็นชื่อเรียกรถตุ๊กตุ๊กของที่นี่
นั่งเรือไปเกาะสีชังใช้เวลาประมาณ 45นาที บริเวณท้องทะเลรอบเกาะสีชังเป็นบริเวณที่เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่จะมาจอดทอดสมอ เพื่อรอเทียบท่า ที่ท่าเรือศรีราชา
บรรยากาศของเกาะสีชังก่อนเรือจะเทียบท่าเข้าจอด
เมื่อลงเรือแล้วเราก็ทำการติดต่อพี่ที่เรานัดไว้ เพื่อรับมอเตอร์ไซค์ซึ่งเราเช่ามาในราคาวันละ 200 บาท หากเช่าค้างคืนเช่าได้ในราคา 250 บาท ใครสนใจจะเช่ามอเตอร์ไซค์ก็ติดต่อพี่เค้าได้ตามลิ้งค์ที่เราวางไว้ให้ด้านล่างเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/yaiservices/
ได้มอเตอร์ไซค์แล้ว เช้าๆแบบนี้ไปหากาแฟดื่มกันหน่อย เราเลือกไปที่บ้านคุณทวด
บ้านคุณทวด เป็นที่พักที่เราเคยมาพักแล้วครั้งนึง ที่นี่ด้านบนจะเป็นห้องพักด้านล่างจะเป็นร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่นประหนึ่งมาบ้านญาติ ทั้งกาแฟและห้องพักราคาไม่แพงเจ้าของเป็นกันเองมาก ใครที่ผ่านไปผ่านมาสามารถแวะชิมกาแฟที่นี่กันได้
พิกัด บ้านคุณทวดเกาะสีชัง
ดื่มกาแฟและทานอะไรรองท้องกันแล้วก็ได้เวลาสำรวจรอบเกาะสีชังกันแล้ว
สถานที่ ที่เราจะไปกันในที่แรกเลยคือ
“สะพานอัษฎางค์” สะพานไม้ชื่อดังของเกาะสีชัง ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างลงไปในทะเลบริเวณแหลมวัง
จอดมอเตอร์ไซค์ไว้บริเวณลานจอดรถแล้วถ่ายรูปกับสะพานก่อนที่จะเดินขึ้นไปสักหน่อย
บรรยากาศบนสะพานอัษฎางค์ แนะนำสำหรับใครที่จะมาถ่ายรูปบนสะพานแห่งนี้ให้มาแต่เช้าเพราะคนจะน้อย
บริเวณรอบๆสะพานอัษฎางค์ จะเป็นพื้นที่ของพระจุฑาธุชราชฐาน ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อนเก่า สามารถเดินชมรอบๆพื้นที่ของวังกันได้บริเวณนี้ส่วนมากจะปลูกต้นลีลาวดี บรรยากาศตอนเราต้นลีลาวดีออกดอกเป็นสีขาวทั่วทั้งบริเวณนี้
ในพื้นที่ของพระจุฑาธุชราชฐาน ยังมีเก้าอี้ให้นั่งชมวิวโดยรอบ สามารถมานั่งชมวิวเพลินๆชิลๆกันได้ที่นี่บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน
พิกัด สะพานอัษฎางค์
เดินเลยตัวสะพานมาสักนิดจะเจอร้านกาแฟ
เรือนไม้ริมทะเล(เรือนเขียว) ชั้นล่างจะเป็นการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับเกาะสีชังทั้งประเพณีและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆรวมถึงโบราณวัตถุต่างๆที่ค้นพบที่นี่ ส่วนชั้นบนจะเป็นส่วนของร้านกาแฟ ซึ่งมีระเบียงสามารถนั่งดื่มกาแฟและชมทะเลกันได้จากจุดนี้
พิกัดเรือนไม้ริมทะเล(เรือนเขียว)
ถ่ายรูปบริเวณนี้เสร็จแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไปของเรา คือ แหลมถ้ำพัง
แหลมถ้ำพังหรือแหลมจักรพงษ์ เป็นแหลมเล็กๆเป็นบริเวณที่มีปลาชุกชุม ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของนักตกปลาอย่างมาก บริเวณริมฝั่งของแหลมจะมีโขดหินน้อยใหญ่จำนวนมาก อีกทั้งยังมีผาหินที่ยื่นออกสู่ทะเล ในช่วงที่เราไปเป็นฤดูร้อนบริเวณนี้จะเป็นทุ่งหญ้าสีทองสวยงามเป็นอย่างมาก แหลมถ้ำพังยังถือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมากแห่งนึงของเกาะสีชัง
วิวระหว่างทางไปแหลมถ้ำพังจะมองเห็นบริเวณหาดถ้ำพังด้วย
บริเวณปลายแหลมถ้ำพัง
ในบริเวณแหลมถ้ำพังมีโขดหินสวยๆให้ได้เลือกมุมถ่ายรูปกันอย่างมากมาย สำหรับใครที่ไปจุดนี้ก็ลองเดินสำรวจซอกหินต่างๆดูได้รูปที่สวยไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน
รอบๆแหลมถ้ำพังจะโอบล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าสีทองในฤดูร้อนตัดกับสีน้ำทะเลสวยไปอีกแบบ
พิกัด แหลมถ้ำพั'ง
ออกจากแหลมถ้ำพังมา ขี่รถย้อนมาจะเจอกับหาดถ้ำพัง
หาดถ้ำพัง ถือได้ว่าเป็นชายหาดที่สวยที่สุดบนเกาะสีชังเลยก็ว่าได้ เพราะโดยส่วนมากหาดบริเวณรอบๆเกาะสีชังไม่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำเนื่องจากมีโขดหินค่อนข้างมาก แต่หาดถ้ำพังนี้สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัยทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำในบริเวณนี้กันค่อนข้างที่จะเยอะ หาดถ้ำพังเป็นหาดที่มีทรายสีขาวน้ำทะเลสีฟ้ามีกิจกรรมทางน้ำให้เล่น เช่น banana boat เป็นต้น อีกทั้งยังมีร้านค้า ร้านนวด ที่พัก อีกด้วย
การเดินทางลงไปหาดถ้ำพังจะต้องจอดรถไว้ด้านบนแล้วเดินลงหาดไปทางค่อนข้างชันนิดนึง ตอนที่เราไปคนค่อนข้างจะเยอะในบริเวณหาดเราเลยเลือกที่จะถ่ายรูปกันอยู่ด้านบนบริเวณจุดชมวิวหาดถ้ำพัง ทำให้ได้รูปมุมสวยไปอีกแบบ
พิกัด หาดถ้ำพัง
ถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว เราก็ไปเที่ยวอีกฝั่งของเกาะกันบ้าง คือฝั่งแหลมงู
ระหว่างทางไปแหลมงู วิวสองข้างทางก็เป็นทุ่งหญ้าสีทองทั้ง 2 ข้างทางสวยงามเป็นอย่างมาก
ขี่ไปเรื่อยๆตามทางผ่านด้านหลังที่พักชื่อ โมร็อกโฮม รีสอร์ท สีชัง บรรยากาศดูแปลกตาดีเลยเก็บภาพมาฝากกัน
ทางเข้าด้านหลังของโมร็อกโฮม รีสอร์ท สีชัง ให้บรรยากาศเหงาๆเคว้งคว้างๆอยู่เหมือนกันนะ
ออกมาตรงถนนก็เจอน้องหมามายืนขออาหารอยู่เลย ได้อาหารไปแล้วก็ขอถ่ายรูปด้วยสักหน่อย
ขี่มอเตอร์ไซค์ไปอีกนิดเราไปสะดุดตากับต้นไม้ต้นนึง ที่ยืนต้นอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีทอง เราเลยจอดถ่ายรูปคู่สักหน่อย
ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีทอง
อีกรูปกับจุดนี้ฟิลลิ่งคล้ายๆทุ่งหญ้าสะวันนาอยู่เหมือนกันนะ
ถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้วไปกันต่อที่จุดมุ่งหมายของเรา คือ แหลมงู
แหลมงู อยู่ทางตอนใต้ของเกาะสีชัง จะเป็นร่องน้ำลึกเรือใหญ่จะมาจอดทอดสมอกันที่นี่ เป็นแหล่งตกปลายอดนิยมอีกแห่งบนเกาะสีชังสามมารถตกปลาได้ตลอดทั้งปี สำหรับใครที่ชอบหามุมเงียบๆแนะนำให้มาที่แหลมงูเพราะบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบคนน้อยมาก และน้ำทะเลในบริเวณนี้จะเป็นสีฟ้าสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
*ตอนขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปแหลมงู ระมัดระวังกันหน่อยนะเพราะเป็นทางขรุขระจ้า*
พิกัด แหลมงู
ติดกันกับแหลมงู ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาอีกนิดเลี้ยวไปอีกแยกจะเป็นท่ายายทิม
ทางเข้าสู่ท่ายายทิมต้นไม้สีน้ำตาลทองตัดกับสีน้ำทะเลสวยๆกันไปเลย
เดี๋ยวมาต่อกันที่ EP2 นะทุกคน
[CR] One day trip around Koh Sichang เที่ยวทั่วรอบเกาะสีชังใน 1 วัน
ข้อมูลเบื้องต้นของเกาะสีชัง
เกาะสีชัง มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดชลบุรี เกาะสีชังอยู่ห่างจากชายฝั่งศรีราชาเพียง 12 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อมาถึงท่าเรือที่จะต่อเรือไปยังเกาะสีชัง เกาะสีชังเป็นเกาะที่มีบรรยากาศท่องเที่ยวสไตล์ชุมชน บนเกาะมีบ้านเรือนอยู่มาก ทั้งมีโรงพัก โรงพยาบาล และที่ว่าการอำเภอพร้อม
เกาะสีชังยังถือเป็นเกาะที่เป็นสถานตากอากาศอันมีชื่อเสียงมายาวนานเป็นร้อยปี บนเกาะ มีบรรยากาศที่เงียบสงบและธรรมชาติที่แตกต่างไปจากเกาะอื่นๆ เกาะสีชังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะเป็น สถานที่ประทับ ของพระเจ้า แผ่นดินถึง 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชฐานบนเกาะขึ้นเป็นแห่งแรก พระราชทานนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามพระราชโอรสที่ประสูติบนเกาะสีชังแห่งนี้
การเดินทางไปเกาะสีชังจากกรุงเทพฯ
รถยนต์ส่วนตัว
จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไปท่าเรือเกาะลอยได้ 3 เส้นทาง คือ
– เส้นทางสาย บางนา – ตราด ใช้ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
– เส้นทางกรุงเทพฯ – มีนบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา อ.บางปะกงเข้าสู่ชลบุรีมุ่งสู่ อ.ศรีราชา
– เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ เลี้ยวเข้าอำเภอศรีราชา บริเวณสวนเสือศรีราชา
สามารถจอดรถ ได้ที่บริเวณลานจอดรถ เกาะลอย มีเรือโดยสารจากศรีราชาข้ามไปเกาะสีชัง ทุกวัน
รถโดยสารสาธารณะ
สามารถขึ้นรถตู้หรือรถทัวร์ได้ที่ สถานีขนส่งเอกมัย,สายใต้ใหม่,สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ ขึ้นรถที่ไปชลบุรี หรือผ่านโรบินสันศรีราชา ค่ารถประมาณ 100-150 บาท เมื่อซื้อตั๋วรถแล้วให้บอกคนขับรถว่าลงสะพานลอยแยกที่จะไปเกาะลอยและต่อรถตุ๊กตุ๊กหรือวินมอเตอร์ไซค์เพื่อเข้าไปยังท่าเรือได้เลย หรือจุดสังเกตอีกอย่างง่ายๆคือลงที่โรบินสันศรีราชาและต่อรถตุ๊กตุ๊กหรือวินมอเตอร์ไซค์ไปยังท่าเรือได้เช่นกัน ราคารถตุ๊กตุ๊กไปยังท่าเรือ 50 บาท
เรือโดยสารเกาะสีชัง
- ศรีราชา-เกาะสีชัง ( มีเรือออกทุกชั่วโมงตั้งแต่ 7โมงเช้าถึง2ทุ่ม )
- เกาะสีชัง-ศรีราชา ( มีเรือออกทุกชั่วโมงตั้งแต่6โมงเช้าถึง 1ทุ่ม )
เริ่มต้นทริปนี้เราจะไปเที่ยวกันแบบ One day trip เพราะเราเคยไปเที่ยวเกาะนี้แบบค้างคืนแล้ว เราออกจากกรุงเทพ 6 โมงเช้าเพื่อให้ทันเรือรอบ
8โมง เมื่อมาถึงท่าเรือกันแล้วจอดรถบริเวณเกาะลอยแล้วเดินเข้ามายังจุดจำหน่ายตั๋วกันเลย
ราคาตั๋วเรือ 50 บาทต่อเที่ยว เมื่อซื้อตั๋วเรือแล้วสามารถขึ้นเรือได้ทันที บนเรือมีน้ำมีขนมขาย
บรรยากาศบริเวณท่าเรือเกาะลอยกับรถสกายแล็ป เป็นชื่อเรียกรถตุ๊กตุ๊กของที่นี่
นั่งเรือไปเกาะสีชังใช้เวลาประมาณ 45นาที บริเวณท้องทะเลรอบเกาะสีชังเป็นบริเวณที่เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่จะมาจอดทอดสมอ เพื่อรอเทียบท่า ที่ท่าเรือศรีราชา
บรรยากาศของเกาะสีชังก่อนเรือจะเทียบท่าเข้าจอด
เมื่อลงเรือแล้วเราก็ทำการติดต่อพี่ที่เรานัดไว้ เพื่อรับมอเตอร์ไซค์ซึ่งเราเช่ามาในราคาวันละ 200 บาท หากเช่าค้างคืนเช่าได้ในราคา 250 บาท ใครสนใจจะเช่ามอเตอร์ไซค์ก็ติดต่อพี่เค้าได้ตามลิ้งค์ที่เราวางไว้ให้ด้านล่างเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ได้มอเตอร์ไซค์แล้ว เช้าๆแบบนี้ไปหากาแฟดื่มกันหน่อย เราเลือกไปที่บ้านคุณทวด
บ้านคุณทวด เป็นที่พักที่เราเคยมาพักแล้วครั้งนึง ที่นี่ด้านบนจะเป็นห้องพักด้านล่างจะเป็นร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่นประหนึ่งมาบ้านญาติ ทั้งกาแฟและห้องพักราคาไม่แพงเจ้าของเป็นกันเองมาก ใครที่ผ่านไปผ่านมาสามารถแวะชิมกาแฟที่นี่กันได้
พิกัด บ้านคุณทวดเกาะสีชัง
ดื่มกาแฟและทานอะไรรองท้องกันแล้วก็ได้เวลาสำรวจรอบเกาะสีชังกันแล้ว
สถานที่ ที่เราจะไปกันในที่แรกเลยคือ “สะพานอัษฎางค์” สะพานไม้ชื่อดังของเกาะสีชัง ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างลงไปในทะเลบริเวณแหลมวัง
จอดมอเตอร์ไซค์ไว้บริเวณลานจอดรถแล้วถ่ายรูปกับสะพานก่อนที่จะเดินขึ้นไปสักหน่อย
บรรยากาศบนสะพานอัษฎางค์ แนะนำสำหรับใครที่จะมาถ่ายรูปบนสะพานแห่งนี้ให้มาแต่เช้าเพราะคนจะน้อย
บริเวณรอบๆสะพานอัษฎางค์ จะเป็นพื้นที่ของพระจุฑาธุชราชฐาน ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อนเก่า สามารถเดินชมรอบๆพื้นที่ของวังกันได้บริเวณนี้ส่วนมากจะปลูกต้นลีลาวดี บรรยากาศตอนเราต้นลีลาวดีออกดอกเป็นสีขาวทั่วทั้งบริเวณนี้
ในพื้นที่ของพระจุฑาธุชราชฐาน ยังมีเก้าอี้ให้นั่งชมวิวโดยรอบ สามารถมานั่งชมวิวเพลินๆชิลๆกันได้ที่นี่บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน
พิกัด สะพานอัษฎางค์
เดินเลยตัวสะพานมาสักนิดจะเจอร้านกาแฟ เรือนไม้ริมทะเล(เรือนเขียว) ชั้นล่างจะเป็นการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับเกาะสีชังทั้งประเพณีและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆรวมถึงโบราณวัตถุต่างๆที่ค้นพบที่นี่ ส่วนชั้นบนจะเป็นส่วนของร้านกาแฟ ซึ่งมีระเบียงสามารถนั่งดื่มกาแฟและชมทะเลกันได้จากจุดนี้
พิกัดเรือนไม้ริมทะเล(เรือนเขียว)
ถ่ายรูปบริเวณนี้เสร็จแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไปของเรา คือ แหลมถ้ำพัง
แหลมถ้ำพังหรือแหลมจักรพงษ์ เป็นแหลมเล็กๆเป็นบริเวณที่มีปลาชุกชุม ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของนักตกปลาอย่างมาก บริเวณริมฝั่งของแหลมจะมีโขดหินน้อยใหญ่จำนวนมาก อีกทั้งยังมีผาหินที่ยื่นออกสู่ทะเล ในช่วงที่เราไปเป็นฤดูร้อนบริเวณนี้จะเป็นทุ่งหญ้าสีทองสวยงามเป็นอย่างมาก แหลมถ้ำพังยังถือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมากแห่งนึงของเกาะสีชัง
วิวระหว่างทางไปแหลมถ้ำพังจะมองเห็นบริเวณหาดถ้ำพังด้วย
บริเวณปลายแหลมถ้ำพัง
ในบริเวณแหลมถ้ำพังมีโขดหินสวยๆให้ได้เลือกมุมถ่ายรูปกันอย่างมากมาย สำหรับใครที่ไปจุดนี้ก็ลองเดินสำรวจซอกหินต่างๆดูได้รูปที่สวยไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน
รอบๆแหลมถ้ำพังจะโอบล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าสีทองในฤดูร้อนตัดกับสีน้ำทะเลสวยไปอีกแบบ
พิกัด แหลมถ้ำพั'ง
ออกจากแหลมถ้ำพังมา ขี่รถย้อนมาจะเจอกับหาดถ้ำพัง
หาดถ้ำพัง ถือได้ว่าเป็นชายหาดที่สวยที่สุดบนเกาะสีชังเลยก็ว่าได้ เพราะโดยส่วนมากหาดบริเวณรอบๆเกาะสีชังไม่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำเนื่องจากมีโขดหินค่อนข้างมาก แต่หาดถ้ำพังนี้สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัยทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำในบริเวณนี้กันค่อนข้างที่จะเยอะ หาดถ้ำพังเป็นหาดที่มีทรายสีขาวน้ำทะเลสีฟ้ามีกิจกรรมทางน้ำให้เล่น เช่น banana boat เป็นต้น อีกทั้งยังมีร้านค้า ร้านนวด ที่พัก อีกด้วย
การเดินทางลงไปหาดถ้ำพังจะต้องจอดรถไว้ด้านบนแล้วเดินลงหาดไปทางค่อนข้างชันนิดนึง ตอนที่เราไปคนค่อนข้างจะเยอะในบริเวณหาดเราเลยเลือกที่จะถ่ายรูปกันอยู่ด้านบนบริเวณจุดชมวิวหาดถ้ำพัง ทำให้ได้รูปมุมสวยไปอีกแบบ
พิกัด หาดถ้ำพัง
ถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว เราก็ไปเที่ยวอีกฝั่งของเกาะกันบ้าง คือฝั่งแหลมงู
ระหว่างทางไปแหลมงู วิวสองข้างทางก็เป็นทุ่งหญ้าสีทองทั้ง 2 ข้างทางสวยงามเป็นอย่างมาก
ขี่ไปเรื่อยๆตามทางผ่านด้านหลังที่พักชื่อ โมร็อกโฮม รีสอร์ท สีชัง บรรยากาศดูแปลกตาดีเลยเก็บภาพมาฝากกัน
ทางเข้าด้านหลังของโมร็อกโฮม รีสอร์ท สีชัง ให้บรรยากาศเหงาๆเคว้งคว้างๆอยู่เหมือนกันนะ
ออกมาตรงถนนก็เจอน้องหมามายืนขออาหารอยู่เลย ได้อาหารไปแล้วก็ขอถ่ายรูปด้วยสักหน่อย
ขี่มอเตอร์ไซค์ไปอีกนิดเราไปสะดุดตากับต้นไม้ต้นนึง ที่ยืนต้นอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีทอง เราเลยจอดถ่ายรูปคู่สักหน่อย
ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีทอง
อีกรูปกับจุดนี้ฟิลลิ่งคล้ายๆทุ่งหญ้าสะวันนาอยู่เหมือนกันนะ
ถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้วไปกันต่อที่จุดมุ่งหมายของเรา คือ แหลมงู
แหลมงู อยู่ทางตอนใต้ของเกาะสีชัง จะเป็นร่องน้ำลึกเรือใหญ่จะมาจอดทอดสมอกันที่นี่ เป็นแหล่งตกปลายอดนิยมอีกแห่งบนเกาะสีชังสามมารถตกปลาได้ตลอดทั้งปี สำหรับใครที่ชอบหามุมเงียบๆแนะนำให้มาที่แหลมงูเพราะบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบคนน้อยมาก และน้ำทะเลในบริเวณนี้จะเป็นสีฟ้าสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
*ตอนขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปแหลมงู ระมัดระวังกันหน่อยนะเพราะเป็นทางขรุขระจ้า*
พิกัด แหลมงู
ติดกันกับแหลมงู ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาอีกนิดเลี้ยวไปอีกแยกจะเป็นท่ายายทิม
ทางเข้าสู่ท่ายายทิมต้นไม้สีน้ำตาลทองตัดกับสีน้ำทะเลสวยๆกันไปเลย
เดี๋ยวมาต่อกันที่ EP2 นะทุกคน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น