สวัสดีค่ะ ใครเคยมีแฟนที่อยู่ไกลกันบ้างคะ เวลาคิดถึงแฟนแต่เจอกันตัวเป็นๆ ไม่ได้ ทำยังไงกันคะ
ทิ้งคำถามไว้ตั้งแต่เริ่มเปิดหัวกระทู้เลยเผื่อใครที่ยังไม่เลื่อนผ่าน รบกวนตอบให้หน่อยค่ะ
เราชื่อวาวค่ะ ยอมรับว่าเป็นคนไม่ประสาเรื่องความรัก ตอนเรียนมัธยมหน้าตาก็งั้นๆ ค่ะ งั้นๆ ในที่นี้คือ ถ้าเอาวาวยืนเรียงกับเพื่อน 10 คนวาวอาจจะเป็นคนที่ 8 หรือ 9 ที่ผู้ชายจะอยากคบหา (อันนี้คิดเองนะคะ) จำได้ว่าตอน ม.ปลาย เคยไปจีบรุ่นพี่ จำได้เลยว่าชื่อพี่โจ้ เป็นพี่ชายของพี่แม็กซ์ ประธานนักเรียน คือ ถ้าเกิดเราจะเปรียบพี่โจ้ กับดาราซักคน นี่คงต้องเปรียบกับพี่แอฟ ทักษอร แต่เป็นเวอร์ชั่นผู้ชายอ่ะค่ะ คนอะไรไม่รู้ ยิ่งมอง ยิ่งออร่า เดินไปไหนมาไหน ก็เหมือนลอยได้ เวลาเดินเข้ามาในโรงอาหารทีนึง เป็นต้องวางช้อน วางชาม แล้วหันมองตามตลอดเลย
ตอนนั้นเราเรียน ม.4 พี่โจ้อยู่ ม.6 เราได้แต่ปลื้ม ขนาดว่าเข้าขั้นเพ้อไปเลยอ่ะ ตอนกลางคืน ก็จะคุยกับหมอน เหมือนคุยกับพี่โจ้ พี่โจ้ก็คือหมอนข้างค่ะ โอ้ยยย ให้ตายเถอะ !!!! พอนึกย้อนกลับไปก็อยากจะหยิกตัวเองให้แขนช้ำ เหมือนคนเป็นบ้า ตอนนั้นเพื่อนในกลุ่มก็มีแฟนกันหมด มีแต่เรากับจิ๋วอีกคน ที่ไปงานกาชาด งานลอย กระทง ก็ต้องไปยืนลอยกับมันนี่แหละ เราเลยไม่ประสาเรื่องความรัก แล้วก็ตั้งป้อม ตั้งกำแพงของตัวเองมาเลยว่า “อื้มมม ม อยู่คนเดียวก็ดีวะ” ถึงจะคิดไปแบบนั้น แต่ว่าในหัวใจทั้ง 4 ห้องก็มอบให้พี่โจ้ไปหมดแล้ว
ทุกคนต้องคิดเหมือนกับเราแน่ๆ ค่ะ ที่เวลาที่ชีวิตมีความสุข (แม้ว่าแค่ได้มองไกลๆ) มันมักจะผ่านไปเร็วเหลือเกิน นี่คิดว่าถ้าได้พี่โจ้ เป็นแฟน เราจะเป็นทุกอย่างให้พี่โจ้ จะรัก ภักดี และขอเป็นคนดีของเขาแค่คนเดียว อันนี้ก็คิดไปเองอีกแหละค่ะ
อันนี้รูปที่ไปขอถ่ายรูปกับพี่โจ้ค่ะ ช่วงงานกีฬาสี
จนวันที่พี่โจ้เรียนจบ แล้วปัจฉิม วาวอยู่ ม.4 พอดี ตอนนั้นยังไม่เคยสารภาพรักหรือบอกความรู้สึกให้พี่โจ้รู้เลย แต่ก็จะรู้จักกันในฐานะที่เราชอบไปนั่งช่วยครูที่ห้องปกครองตลอดแค่นั้น เลยคุยกับจิ๋วว่า “วันปัจฉิมนี่แหละ กูจะหย่อนจดหมายน้อยใส่กระเป๋าเสื้อบอกรักพี่โจ้” นังจิ๋ว ที่เราเป็นทั้งสมุนของมัน แล้วมันก็เป็นสมุนของเรา สนับสนุนเต็มที่ มาถึงตรงนี้อยากจะไปบวชชีให้เพื่อนซักพรรษาค่ะ
พอถึงวันปัจฉิม ทุกอย่างเดินไปตามแผน เราซื้อลูกอมฮาร์ทบีท ร้อยกันเป็นพวงห้อยคอ พร้อมกับกุหลาบ ที่ซื้อมาจากหน้าโรงเรียน แล้วเดินไปตอนที่กิจกรรมเสร็จแล้ว เดินไปแล้วบอกว่า สวัสดีค่ะ พี่โจ้ เขาก็รับไหว้เราตามมารยาท แล้วก็คล้องคอให้เหมือน สส. เสร็จแล้วพี่เขาหันหลังไปคุยกับเพื่อนหาจังหวะเอากระดาษบอกรักหย่อนกระเป๋าเสื้อไม่ได้ เลยตัดสินใจใส่กระเป๋ากางเกงพี่เขาแทน เป็นไง เปรี้ยวมั้ยหล่ะ คือตอนนี้มันพูดได้นะคะ มันตลก แต่ว่าตอนนั้นยังจำความรู้สึกได้อยู่เลย โคตรตื่นเต้น
อ้อลืมบอกไป ตอนนั้นเป็นสมัยเราเล่น บีบีค่ะ เราไม่ได้เขียนชื่อวาวลงไปนะ แต่เขียนว่าหนูชอบพี่ พร้อมใส่ pin BB ไป เผื่อพี่เขาอยากรู้ จำได้เลย pin เรา 29BC579B ใครจะแอดก็แอดมาได้นะคะ 55555 ตอนนี้ไม่ใช้แล้ว แล้วพอตกเย็นพี่เขาก็แอดมาค่ะ ตอนนั้นนอนกรี๊ดดด บนเตียง แต่ก็ได้แค่กรี๊ดค่ะ ไม่กล้าทักไป
ทำช่อดอกไม้ให้พี่โจ สมัยใช้กล้องบีบีถ่าย แล้วเอามาแต่งใน PhotoScape 5555
หลังจากนั้นพี่โจ้เรียนจบ เราก็ลืมไปแล้วว่าความรู้สึกแอบชอบใครซักคนมันเป็นยังไง ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียน ตอนนั้นก็ตั้งหน้า ตั้งตาเรียนอย่างเดียว หลังจากนั้นหัวใจก็ไม่เคยมอบให้ใครอีกเลย เพราะรู้แล้วว่าหน้าตาไม่ดี ก็ต้องเอาดีเรื่องการเรียน จนมาถึง ม.6 ค่ะ ตอนนั้นพี่โจ้อยู่ ปี 2 แล้วเรียนที่ธรรมศาสตร์รังสิต อันนี้บอกไว้ก่อน เดี๋ยว งง วาวลงสมัครสอบตรงที่ราชมงคลคลอง 6 ไว้ แต่ว่าต้องไปสอบตอนเช้าของวันเสาร์ ตกเย็นวันศุกร์ของช่วงสอบนั้นก็นั่งรถตู้ไปลงฟิวเจอร์ รังสิต แล้วไปพักกับรุ่นพี่ที่รู้จัก ที่เป็นรุ่นเดียวกับพี่โจ้นั่นแหละ เขาเรียน ม. กรุงเทพ ก็เลยได้ไปพักที่นั่น ที่หอกอล์ฟ หรือกอล์ฟวิวอะไรซักอย่างนี่แหละค่ะ พอไปถึงห้อง แล้ว บอกเลยนะคะ ว่าใครที่บอกว่าความบังเอิญไม่มีในโลกนี้ เราอยากจะบอกเลยค่ะ ว่ามันไม่จริง เพราะตอนนั้นพี่โจ้ ที่พักที่ธรรมศาสตร์ รังสิต มาซ้อมกีต้า ที่ห้องรุ่นพี่ที่เราไปพักด้วย คือเปิดประตูไป แบบหน้าตามอมแมมที่เรียนเสร็จ 4 โมงแล้วเดินทางต่อ ก็คือเขินมาก ไม่คิดว่าจะได้เจออีก
ตอนนั้นพี่โจ้คือหล่อมาก หล่อแบบ พ่อคุณแม่คุณ ไม่รู้เทวดา หรือนางฟ้าองค์ไหนเสกมา ปั้นมา โอ้ยยย จะบ้าตาย หล่อกว่าตอนที่เรียนอีก แต่ว่าจากนั้นก็ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วพี่ๆ เขาก็พาลงไปทานข้าวกัน ก็ได้นั่งข้างกันด้วย ซึ่งไม่คิดไม่ฝันจะได้นั่งใกล้กันขนาดนี้ ขอพูดข้ามไปเร็วๆ เลยล่ะกันเนอะ
หลังจากที่เราไปสอบที่คลอง 6 เสร็จ ก็กลับมาเก็บของที่ห้อง รุ่นพี่เราไม่อยู่ เลยบอกให้พี่โจ้ มาช่วยขนของไปส่งที่ฟิวเจอร์ แล้วก็ต้องเดินทางกลับบ้านวันเสาร์เย็นๆ พอดี แล้วก็ด้วยที่เราไม่ค่อยเดินทางมากรุงเทพ พี่เขาก็เลยมาช่วย แล้วก็พาไปกินข้าว กินเคเอฟซี จำด้ายยยย “><” ก่อนขึ้นรถก็ได้แลกพินบีบีกันอีกครั้งนึง ขอเฟสบุ๊คพี่เขาไว้ด้วย ก็เลยได้คุยกันมาตลอดค่ะ
สุดท้ายเราสอบไม่ติดที่คลอง 6 แต่เราไปได้ทุน ที่ ม. กรุงเทพ ก็เลยเรียนที่นั่น และสุดท้ายก็คุยกับพี่โจ้อยู่ 3 เดือน ทุกอย่างมันดีขึ้น พี่เขาให้เกียรติเรามาก เราก็ให้เกียรติเขา คำสรรพนามแทนตัวมันรู้สึกอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก จนสุดท้ายเราก็คบกันค่ะ พอเราขึ้นปี 1 พี่โจ้ก็อยู่ ปี 3 มหาลัยเราห่างกันไม่ไกลค่ะ พี่โจ้พักหอใน เราก็อยู่ที่กอล์ฟวิวที่เคยมาพัก เราคบกันเรื่อยๆ เหมือนแฟนทั่วไป แต่ที่งงคือเราเคยถามพี่โจ้ว่าอายมั้ยที่มีแฟนหน้าตาไม่ดี พี่เขาก็ไม่ตอบ เอาแต่ยิ้ม แต่ก็คบกันมาแบบนี้อยู่เรื่อยๆ
เข้าใจแล้วค่ะ เข้าใจแล้วว่าเวลาที่เราเจอรักที่ดี มันซัพพอร์ตชีวิตเรายังไง เวลาเหนื่อย ขอแค่ได้ระบายออกมา ไม่ต้องปลอบใจก็ได้ ทุกอย่างมันก็ไปต่อได้ด้วยตัวของมันเอง เวลาเลิกเรียนได้เจอใครซักคน มันเหมือนชีวิตมันมีเป้าหมายค่ะ บอกไม่ถูก
อารมณ์คล้ายนางเอกเอ็มวีมั้ยคะ
จนถึงวันที่พี่โจ้เรียนจบ และทำงานได้ 4 เดือนกว่าๆ เราอยู่ ปี 3 แล้ว ได้นั่งคุยกันเรื่องที่พี่เขาจะไปเรียนต่อ หัวใจของคนที่เคยเจอกันทุกวันมันเต้นแรงแปลกๆยังไงไม่รู้ เหมือนอกหักทั้งๆ ที่ไม่ได้อกหัก จนวันที่ต้องไปส่งพี่เขาไปเรียนที่อเมริกา ตอนนั้นมันจุกในหัวใจ มันเสียใจแบบบอกไม่ถูก เพราะนี่คือรักครั้งแรก และเหมือนจะอกหักที่ไม่ใช่อกหักครั้งแรก จนสุดท้ายพี่เขาก็ไปเรียน ไปทำตามความฝันเขา
เวลาหลังจากที่ใช้ชีวิตกันคนละทวีปแรกๆ นี่ยากมากค่ะ เวลานอนจะไม่ตรงกัน เราบอกพี่โจ้ไว้เลยว่าถ้าเราโทรไป แล้วหลับพักผ่อนอยู่ ไม่ต้องรับสาย แต่ถ้าตื่นนอนแล้วโทร Skype มา เราจะรับสายเอง มันวนๆ แบบนี้อยู่นานมาก แต่สุดท้ายก็ชินค่ะ แต่ถึงจะเห็นหน้ากันทุกวัน มันก็ไม่เหมือนคนที่ได้เจอกันตัวเป็นๆ อยู่ดี เคยแพลนว่าจะเดินทางไปหาที่ต่างประเทศ แต่ดูเรื่องเงินทอง เวลา ก็ไม่ลงตัว และไม่พร้อมด้วย บางทีเห็นเพื่อนไปกินข้าวกับแฟน ยังแอบรู้สึกคิดถึง เหมือนน้ำตาจะไหล T_T
จนสุดท้ายเราก้าวข้ามมาถึงตอนนี้ค่ะ ระยะเวลาของวาวกับพี่โจ้ กินเวลาของชีวิตไปเกือบ 9 ปี สำหรับแฟนคนแรกของชีวิต ตั้งแต่วันที่แอบรัก จนวันสุดท้ายที่เรารอก็มาถึง พี่โจ้เรียนจบ และใกล้ถึงงานรับปริญญาของเขา แต่ว่า ก็อย่างที่บอกค่ะ กำลังทรัพย์เราคงเดินทางไปไม่ได้ คิดว่าจะกลับมาฉลองกันที่เมืองไทย แต่สุดท้ายอกแตกอีกครั้งนึง ก็คือพี่โจ้รับปริญญาแล้ว เขาได้งานที่ต่างประเทศ และคิดว่าจะอยู่ทำงานที่นั่นต่อ
ตอนนี้เหมือนเป็นแม่ม่ายค่ะ แต่ว่ามีเวลาคุยกันมากขึ้นกว่าตอนเรียน เราก็เริ่มทำการทำงานแล้ว วางแผนว่าจะเดินทางไปเที่ยวที่อเมริกาด้วย แต่ก่อนที่ตัวเองจะเดินทางไป ขอส่งของขวัญวันรับปริญญาไปให้ เอาไว้ดูต่างหน้าก่อน วาวจำได้ว่าพี่โจ้ชอบกินกาแฟมากๆ เลยตั้งใจจะสั่งจากเน็ตแถวบ้านเรานี่แหละ แล้วสกรีนลายมือเราไป แล้วส่งไปให้ที่ต่างประเทศ อย่างน้อยตอนเช้าก่อนเริ่มงาน พี่เขาก็จะได้รู้ว่าเราเป็นกำลังใจให้
ลายมือจะง๊องแง๊งหน่อยนะคะ
การส่งของไปต่างประเทศครั้งแรก ตื่นเต้นดีเหมือนกันค่ะ ตัวไม่ได้ไปแต่ส่งใจไปในแก้วนี้แทนแล้วกัน วาวส่งไปทาง sme shipping เป็นแก้วกระเบื้อง ตอนแรกหวั่นๆนึกว่าจะแตกกลางทาง แต่พอถึงมือพี่โจ้ ก็สวยงามเรียบร้อยดี นึกว่าจะเสียเงินค่าส่งฟรีๆ ซะแล้ว
อย่างน้อยแก้วน้ำที่ทำจากไทย ก็ไปถึงเมืองนอกแบบไม่แตกไม่บิ่นเลย
คุณแฟนคงได้กินกาแฟร้อนๆ ที่อุ่นไปถึงหัวใจแล้ว
ความรักของคนที่อยู่กันไกลคนละขอบฟ้านี่จริงๆ ต้องบอกว่ามันประคับประคองกันได้ ด้วยเรื่องที่เป็นข้อดีของพี่โจ้จริงๆ ค่ะ พี่โจ้เป็นคนสม่ำเสมอมาก ไม่จุกจิก ถึงจะดูเป็นผู้ชายเรียบร้อย เพื่อนเคยแซวว่าเขาเป็นเกย์หรือเปล่า แต่ตั้งแต่คบกันมา 5 ปีกว่านี่มั่นใจแน่นอนว่าพี่เขาคือผู้ชายแท้แน่นอนค่ะ ยิ่งในวันที่ระยะทางห่างไกลกันนี่ ความเชื่อใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การประคับประคอง ไม่งี่เง่า งอแง เรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องที่คนรักต้องทำ ถึงตอนนี้พิมพ์ไป ใจก็เต้น เพราะคิดถึงแฟน แต่ก็ทำไงได้ ชีวิตทุกคนก็ต้องเดินไปข้างหน้า เพื่อกันและกัน เราก้าวข้ามปัญหา อุปสรรคทั้งเรื่องระยะทาง การเดินทางกันมาตั้งเยอะ อีกนิดเดียวหลังจากนี้ สบายมากค่ะ
เพื่อนๆ พี่ๆ ในพันทิปรู้มั้ยคะ ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตเลย แต่ตั้งแต่เจอพี่โจ้ ก็เชื่อแล้วว่ามันเป็นเรื่องพรหมลิขิตจริงๆ แล้วก็เชื่อในความซื่อสัตย์ของความรัก ยังไม่รู้ว่าชีวิตเราจะลงเอย ด้วยการแต่งงานหรือเปล่า แต่ว่าตอนนี้ แค่นี้ ก็มีความสุขมากๆ แล้ว จากลูกเป็ดขี้เหร่ หลังห้องปกครอง ได้มาเป็นแฟนพี่ประธานนักเรียน ตอนนี้ชีวิตมีความสุขมากๆ ไม่รู้ว่าจะหาความสุขแบบนี้จากคนรักได้ที่ไหนอีกแล้ว ยังไงก็ต้องขอบคุณนังจิ๋ว สมุนน้อยเพื่อนรัก เผื่อเผลอเข้ามาอ่าน อย่ามาแซวว่าฉันอวดผู้นะเธอ แต่แค่อยากจะแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ในวันที่คิดถึงแฟนแค่นั้นแหละ น่าจะพอแล้วเนอะ เพราะยาวกว่านี้คงเขียนไปถึงตี 1 แน่ๆ สวัสดีค่ะ *-* _/\_
แชร์ประสบการณ์ความสำเร็จของคนที่แอบรักอยู่ 3 ปี กับรักระยะไกลของเรา
ทิ้งคำถามไว้ตั้งแต่เริ่มเปิดหัวกระทู้เลยเผื่อใครที่ยังไม่เลื่อนผ่าน รบกวนตอบให้หน่อยค่ะ
เราชื่อวาวค่ะ ยอมรับว่าเป็นคนไม่ประสาเรื่องความรัก ตอนเรียนมัธยมหน้าตาก็งั้นๆ ค่ะ งั้นๆ ในที่นี้คือ ถ้าเอาวาวยืนเรียงกับเพื่อน 10 คนวาวอาจจะเป็นคนที่ 8 หรือ 9 ที่ผู้ชายจะอยากคบหา (อันนี้คิดเองนะคะ) จำได้ว่าตอน ม.ปลาย เคยไปจีบรุ่นพี่ จำได้เลยว่าชื่อพี่โจ้ เป็นพี่ชายของพี่แม็กซ์ ประธานนักเรียน คือ ถ้าเกิดเราจะเปรียบพี่โจ้ กับดาราซักคน นี่คงต้องเปรียบกับพี่แอฟ ทักษอร แต่เป็นเวอร์ชั่นผู้ชายอ่ะค่ะ คนอะไรไม่รู้ ยิ่งมอง ยิ่งออร่า เดินไปไหนมาไหน ก็เหมือนลอยได้ เวลาเดินเข้ามาในโรงอาหารทีนึง เป็นต้องวางช้อน วางชาม แล้วหันมองตามตลอดเลย
ตอนนั้นเราเรียน ม.4 พี่โจ้อยู่ ม.6 เราได้แต่ปลื้ม ขนาดว่าเข้าขั้นเพ้อไปเลยอ่ะ ตอนกลางคืน ก็จะคุยกับหมอน เหมือนคุยกับพี่โจ้ พี่โจ้ก็คือหมอนข้างค่ะ โอ้ยยย ให้ตายเถอะ !!!! พอนึกย้อนกลับไปก็อยากจะหยิกตัวเองให้แขนช้ำ เหมือนคนเป็นบ้า ตอนนั้นเพื่อนในกลุ่มก็มีแฟนกันหมด มีแต่เรากับจิ๋วอีกคน ที่ไปงานกาชาด งานลอย กระทง ก็ต้องไปยืนลอยกับมันนี่แหละ เราเลยไม่ประสาเรื่องความรัก แล้วก็ตั้งป้อม ตั้งกำแพงของตัวเองมาเลยว่า “อื้มมม ม อยู่คนเดียวก็ดีวะ” ถึงจะคิดไปแบบนั้น แต่ว่าในหัวใจทั้ง 4 ห้องก็มอบให้พี่โจ้ไปหมดแล้ว
ทุกคนต้องคิดเหมือนกับเราแน่ๆ ค่ะ ที่เวลาที่ชีวิตมีความสุข (แม้ว่าแค่ได้มองไกลๆ) มันมักจะผ่านไปเร็วเหลือเกิน นี่คิดว่าถ้าได้พี่โจ้ เป็นแฟน เราจะเป็นทุกอย่างให้พี่โจ้ จะรัก ภักดี และขอเป็นคนดีของเขาแค่คนเดียว อันนี้ก็คิดไปเองอีกแหละค่ะ
พอถึงวันปัจฉิม ทุกอย่างเดินไปตามแผน เราซื้อลูกอมฮาร์ทบีท ร้อยกันเป็นพวงห้อยคอ พร้อมกับกุหลาบ ที่ซื้อมาจากหน้าโรงเรียน แล้วเดินไปตอนที่กิจกรรมเสร็จแล้ว เดินไปแล้วบอกว่า สวัสดีค่ะ พี่โจ้ เขาก็รับไหว้เราตามมารยาท แล้วก็คล้องคอให้เหมือน สส. เสร็จแล้วพี่เขาหันหลังไปคุยกับเพื่อนหาจังหวะเอากระดาษบอกรักหย่อนกระเป๋าเสื้อไม่ได้ เลยตัดสินใจใส่กระเป๋ากางเกงพี่เขาแทน เป็นไง เปรี้ยวมั้ยหล่ะ คือตอนนี้มันพูดได้นะคะ มันตลก แต่ว่าตอนนั้นยังจำความรู้สึกได้อยู่เลย โคตรตื่นเต้น
อ้อลืมบอกไป ตอนนั้นเป็นสมัยเราเล่น บีบีค่ะ เราไม่ได้เขียนชื่อวาวลงไปนะ แต่เขียนว่าหนูชอบพี่ พร้อมใส่ pin BB ไป เผื่อพี่เขาอยากรู้ จำได้เลย pin เรา 29BC579B ใครจะแอดก็แอดมาได้นะคะ 55555 ตอนนี้ไม่ใช้แล้ว แล้วพอตกเย็นพี่เขาก็แอดมาค่ะ ตอนนั้นนอนกรี๊ดดด บนเตียง แต่ก็ได้แค่กรี๊ดค่ะ ไม่กล้าทักไป
ตอนนั้นพี่โจ้คือหล่อมาก หล่อแบบ พ่อคุณแม่คุณ ไม่รู้เทวดา หรือนางฟ้าองค์ไหนเสกมา ปั้นมา โอ้ยยย จะบ้าตาย หล่อกว่าตอนที่เรียนอีก แต่ว่าจากนั้นก็ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วพี่ๆ เขาก็พาลงไปทานข้าวกัน ก็ได้นั่งข้างกันด้วย ซึ่งไม่คิดไม่ฝันจะได้นั่งใกล้กันขนาดนี้ ขอพูดข้ามไปเร็วๆ เลยล่ะกันเนอะ
หลังจากที่เราไปสอบที่คลอง 6 เสร็จ ก็กลับมาเก็บของที่ห้อง รุ่นพี่เราไม่อยู่ เลยบอกให้พี่โจ้ มาช่วยขนของไปส่งที่ฟิวเจอร์ แล้วก็ต้องเดินทางกลับบ้านวันเสาร์เย็นๆ พอดี แล้วก็ด้วยที่เราไม่ค่อยเดินทางมากรุงเทพ พี่เขาก็เลยมาช่วย แล้วก็พาไปกินข้าว กินเคเอฟซี จำด้ายยยย “><” ก่อนขึ้นรถก็ได้แลกพินบีบีกันอีกครั้งนึง ขอเฟสบุ๊คพี่เขาไว้ด้วย ก็เลยได้คุยกันมาตลอดค่ะ
สุดท้ายเราสอบไม่ติดที่คลอง 6 แต่เราไปได้ทุน ที่ ม. กรุงเทพ ก็เลยเรียนที่นั่น และสุดท้ายก็คุยกับพี่โจ้อยู่ 3 เดือน ทุกอย่างมันดีขึ้น พี่เขาให้เกียรติเรามาก เราก็ให้เกียรติเขา คำสรรพนามแทนตัวมันรู้สึกอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก จนสุดท้ายเราก็คบกันค่ะ พอเราขึ้นปี 1 พี่โจ้ก็อยู่ ปี 3 มหาลัยเราห่างกันไม่ไกลค่ะ พี่โจ้พักหอใน เราก็อยู่ที่กอล์ฟวิวที่เคยมาพัก เราคบกันเรื่อยๆ เหมือนแฟนทั่วไป แต่ที่งงคือเราเคยถามพี่โจ้ว่าอายมั้ยที่มีแฟนหน้าตาไม่ดี พี่เขาก็ไม่ตอบ เอาแต่ยิ้ม แต่ก็คบกันมาแบบนี้อยู่เรื่อยๆ
เข้าใจแล้วค่ะ เข้าใจแล้วว่าเวลาที่เราเจอรักที่ดี มันซัพพอร์ตชีวิตเรายังไง เวลาเหนื่อย ขอแค่ได้ระบายออกมา ไม่ต้องปลอบใจก็ได้ ทุกอย่างมันก็ไปต่อได้ด้วยตัวของมันเอง เวลาเลิกเรียนได้เจอใครซักคน มันเหมือนชีวิตมันมีเป้าหมายค่ะ บอกไม่ถูก
เวลาหลังจากที่ใช้ชีวิตกันคนละทวีปแรกๆ นี่ยากมากค่ะ เวลานอนจะไม่ตรงกัน เราบอกพี่โจ้ไว้เลยว่าถ้าเราโทรไป แล้วหลับพักผ่อนอยู่ ไม่ต้องรับสาย แต่ถ้าตื่นนอนแล้วโทร Skype มา เราจะรับสายเอง มันวนๆ แบบนี้อยู่นานมาก แต่สุดท้ายก็ชินค่ะ แต่ถึงจะเห็นหน้ากันทุกวัน มันก็ไม่เหมือนคนที่ได้เจอกันตัวเป็นๆ อยู่ดี เคยแพลนว่าจะเดินทางไปหาที่ต่างประเทศ แต่ดูเรื่องเงินทอง เวลา ก็ไม่ลงตัว และไม่พร้อมด้วย บางทีเห็นเพื่อนไปกินข้าวกับแฟน ยังแอบรู้สึกคิดถึง เหมือนน้ำตาจะไหล T_T
จนสุดท้ายเราก้าวข้ามมาถึงตอนนี้ค่ะ ระยะเวลาของวาวกับพี่โจ้ กินเวลาของชีวิตไปเกือบ 9 ปี สำหรับแฟนคนแรกของชีวิต ตั้งแต่วันที่แอบรัก จนวันสุดท้ายที่เรารอก็มาถึง พี่โจ้เรียนจบ และใกล้ถึงงานรับปริญญาของเขา แต่ว่า ก็อย่างที่บอกค่ะ กำลังทรัพย์เราคงเดินทางไปไม่ได้ คิดว่าจะกลับมาฉลองกันที่เมืองไทย แต่สุดท้ายอกแตกอีกครั้งนึง ก็คือพี่โจ้รับปริญญาแล้ว เขาได้งานที่ต่างประเทศ และคิดว่าจะอยู่ทำงานที่นั่นต่อ
ตอนนี้เหมือนเป็นแม่ม่ายค่ะ แต่ว่ามีเวลาคุยกันมากขึ้นกว่าตอนเรียน เราก็เริ่มทำการทำงานแล้ว วางแผนว่าจะเดินทางไปเที่ยวที่อเมริกาด้วย แต่ก่อนที่ตัวเองจะเดินทางไป ขอส่งของขวัญวันรับปริญญาไปให้ เอาไว้ดูต่างหน้าก่อน วาวจำได้ว่าพี่โจ้ชอบกินกาแฟมากๆ เลยตั้งใจจะสั่งจากเน็ตแถวบ้านเรานี่แหละ แล้วสกรีนลายมือเราไป แล้วส่งไปให้ที่ต่างประเทศ อย่างน้อยตอนเช้าก่อนเริ่มงาน พี่เขาก็จะได้รู้ว่าเราเป็นกำลังใจให้
เพื่อนๆ พี่ๆ ในพันทิปรู้มั้ยคะ ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตเลย แต่ตั้งแต่เจอพี่โจ้ ก็เชื่อแล้วว่ามันเป็นเรื่องพรหมลิขิตจริงๆ แล้วก็เชื่อในความซื่อสัตย์ของความรัก ยังไม่รู้ว่าชีวิตเราจะลงเอย ด้วยการแต่งงานหรือเปล่า แต่ว่าตอนนี้ แค่นี้ ก็มีความสุขมากๆ แล้ว จากลูกเป็ดขี้เหร่ หลังห้องปกครอง ได้มาเป็นแฟนพี่ประธานนักเรียน ตอนนี้ชีวิตมีความสุขมากๆ ไม่รู้ว่าจะหาความสุขแบบนี้จากคนรักได้ที่ไหนอีกแล้ว ยังไงก็ต้องขอบคุณนังจิ๋ว สมุนน้อยเพื่อนรัก เผื่อเผลอเข้ามาอ่าน อย่ามาแซวว่าฉันอวดผู้นะเธอ แต่แค่อยากจะแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ในวันที่คิดถึงแฟนแค่นั้นแหละ น่าจะพอแล้วเนอะ เพราะยาวกว่านี้คงเขียนไปถึงตี 1 แน่ๆ สวัสดีค่ะ *-* _/\_